หน้าหลัก / รักโบราณ / มารเร้นกายดับแสงดารา / ตอนที่ 57 นางรักเจ้า แต่รักข้ามากกว่า

แชร์

ตอนที่ 57 นางรักเจ้า แต่รักข้ามากกว่า

ผู้เขียน: MACARONI/1Millionmilesaway
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-23 20:59:05

เช้าวันหนึ่งในหมู่บ้านดอกท้อ

นกน้อยสีดำไซ้ขนอยู่ข้าง ๆ สวีลู่ชิงที่นั่งหลับตาฟื้นฟูแก่นวิญญาณของตนเองอยู่เงียบ ๆ ส่วนอีนั่ววิ่งเล่นอยู่กับสมุนจอมมารโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

บรรยากาศภายในหมู่บ้านเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความสดชื่นสนุกสนานจนบางทีพวกเขาลืมไปเลยว่าสาเหตุที่ทำให้ทุกคนมาอยู่ร่วมกันในที่แห่งนี้คืออะไร

สวีต้าเฟิงเดินเข้ามาทักทายน้องสาวยามเช้าเหมือนอย่างเคย รอยยิ้มบางประดับบนใบหน้านึกเอ็นดูนางราวกับเป็นเด็กน้อย แต่เวลานี้น้องสาวตัวเล็กในวันวานกลับมีบุตรชายจอมซนเหมือนนางไม่มีผิด

เขาจึงรับหน้าที่ดูแลทั้งคู่ด้วยความเต็มใจ ถึงอย่างนั้นแล้วดวงตาสีฟ้ากลับจ้องมองนกน้อยตรงหน้า

จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ (มองหน้าข้า มีเรื่องอันใด)

“...” เทพวายุนิ่งเงียบรู้สึกได้ว่าพลังมารจากตัวนกน้อยกำลังแพร่ออกมา จึงเอื้อมมือไปจับเจ้าถ่านออกมาห่างกายสวีลู่ชิงเพราะกลัวว่าไอมารจะรบกวนการฟื้นฟูของนาง

จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ (ปล่อยข้านะ อย่ามาจับ)

เสียงร้องแสบแก้วหูราวกับใครบางคนบ่นระงมทำให้สวีลู่ชิงลืมตามองจึงได้เห็นว่าพี่ชายกำลังถูกเจ้าถ่านจิกมืออยู่

“ท่านพี่ อย่าบีบเจ้าถ่านอย่างนั้นสิเจ้าคะ” นางยื่นมือออกไป ส่งสายตาบอกพี่ชายเป็นนัยว่าให้คืนนกน้อยตัวนั้นให้นาง

“อย่าบอกนะว่า อยู่ด้วยกันไม่กี่วัน เจ้าก็รู้สึกผูกพันกับปีศาจน้อยเสียแล้ว” เทพวายุส่ายหน้าหนักใจที่น้องสาวใจดีจนเกินเหตุ

“เจ้าถ่านเป็นปีศาจน้อยก็จริง แต่ว่าเขาไม่ได้มีพิษภัยอันใด” นางแก้ตัวแทนนกน้อย “ท่านพี่ดูสิ น่ารักออกปานนี้ ข้าจึงรู้สึกผูกพัน”

“เฮ้อ” เขาถอนหายใจแล้วพูดต่อ “เจ้ารู้หรือไม่กลิ่นมารปีศาจโอบล้อมตัวเจ้ามากเพียงใด”

“รู้สิเจ้าคะ พวกเราอยู่ในเขตแดนเดียวกันกับพวกเขานี่ แถมอีนั่วยังอยู่ข้างกายข้าตลอดเวลา ไม่แปลกอันใด”

“สวีลู่ชิง” เทพวายุเรียกนางด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าแยกไม่ออกหรืออย่างไรว่านกปีศาจน้อยของเจ้ามีกลิ่นที่แตกต่างออกไป ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าคุ้นเคยอยู่บ้าง เจ้าไม่สังเกตบ้างหรือ”

ดวงตาสีม่วงแดงจ้องมองคนตรงหน้าแล้วส่งเสียง จิ๊บ จิ๊บ พลางกระโดดเข้าไปอยู่ในอุ้งมือของสวีลู่ชิง ใช้ศีรษะถูไถฝ่ามือของนางออดอ้อนขอความเอ็นดู

จังหวะนั้น อีนั่ววิ่งเข้ามาหามารดาที่ใต้ต้นดอกท้อพลางกอดนางเอาไว้แน่นโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“เป็นอันใดไปหรือ” นางถามไถ่บุตรชาย อุ้งมือข้างขวาพยายามประคองไม่ให้เจ้าถ่านตกลงมา

“เปล่าขอรับ ข้าเพียงอยากกอดท่านแม่” เขาบอกนางด้วยท่าทีสบาย ๆ “ท่านลุง ไม่ต้องห่วงเรื่องเจ้าถ่านหรอกขอรับ ข้ารับปากว่าจะไม่ปล่อยให้มันมาทำอะไรท่านแม่ได้อีกเด็ดขาด”

มารน้อยยิ้มมุมปากเพราะรู้ว่าเวลานี้พลังมารของเขากล้าแกร่งกว่าบิดาหลายเท่า เสียงหัวเราะคิกคักมีเลศนัยทำให้สมุนจอมมารที่ยืนอยู่นอกประตูรั้วแอบยิ้มขบขัน

จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ

นกน้อยส่งเสียงเจื้อยแจ้ว คำพูดเหล่านั้นมีเพียงอีนั่วเข้าใจคนเดียวจึงหัวเราะร่าอย่างมีความสุข

“เจ้าถ่านบอกอันใดหรือ ถึงได้ยิ้มจนแก้มแดง” สวีลู่ชิงลูบศีรษะมารน้อยอย่างรักใคร่ รู้สึกผูกพันกับเขาโดยไม่รู้ตัว เวลานี้เชื่ออย่างสนิทใจแล้วว่าเขาคือลูกของนางจริง ๆ

“ความลับขอรับ” เขาเอ่ยปากสีหน้าระรื่นพลางยักคิ้วให้นกน้อยตรงหน้า

“อีนั่ว เจ้าช่างร้ายกาจนัก” กงจื่อเย่ส่งกระแสจิตพูดคุยกับบุตรชาย “แต่เอาเถอะ อย่างไรเจ้าก็เป็นลูกข้าจะร้ายกาจก็คงเหมือนข้ากระมัง”

คืนนั้น

อีนั่วนำเจ้าถ่านไปไว้ในห่อผ้ากองใหญ่ตรงมุมหนึ่งของห้องอันเป็นที่ประจำแม้จะรู้ว่ากลางดึกนกน้อยตัวนั้นมักย่องมานอนข้างมารดาของตนก็ตาม

แม้จะต่อต้านเพราะยังไม่หายโกรธ แต่เมื่อได้อยู่ร่วมกันแบบนี้ก็ทำให้เขานึกถึงวันวานที่สงบสุขจนมองข้ามเรื่องที่บิดาชอบแอบอุ้มมารดาไปนอนอีกห้องหนึ่งเพียงสองคนก็ตาม

ดวงตาสีฟ้ากลมใสมองนกน้อยในกองผ้าแล้วบอกว่า “คืนนี้ข้าอยากนอนกับท่านแม่ ท่านพ่อห้ามพาท่านแม่ไปที่ใด”

“อีนั่ว อีกไม่นานข้าต้องไปแล้ว เจ้าไม่เห็นใจข้าบ้างหรือ ข้าต้องอยู่ตัวคนเดียว ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะได้กลับมา” กงจื่อเย่เรียกร้องความเห็นใจจากบุตรชาย

เขาได้ข่าวมาว่าภพมารกำลังปั่นป่วน พวกมารปีศาจที่อยู่กันมานานพยายามช่วงชิงอำนาจกันและเวลานี้ไม่รู้ว่าพวกมันดำเนินการไปถึงไหนแล้วบ้าง

ในฐานะผู้ปกครองภพมาร เขาจำเป็นต้องฟื้นพลังที่สูญเสียไปทั้งหมดให้กลับมาโดยเร็ววันเพราะไม่อย่างนั้นแล้ว อีนั่วอาจจะตกอยู่ในอันตรายเพราะถูกพวกมันตามล่าชิงพลังมารของเขา

อีกทั้งยังไม่รู้ว่าพวกเทพเซียนบนสวรรค์จะล่วงรู้หรือไม่ว่าสายเลือดจอมมารยังคงมีชีวิตอยู่

หากผู้ใดบังเอิญรู้เข้าว่าอีนั่วมีพลังร้ายกาจแฝงอยู่ อาจจะทำให้พวกนั้นกลัวจนลอบมาสังหารอีนั่วอย่างที่เคยทำกับเขาก็เป็นได้

ทางเลือกเดียวที่กงจื่อเย่จะทำได้ในเวลานี้คือเร่งทำทุกอย่างให้กลับสู่ภาวะปกติ ถ้าจอมมารทรงพลังอย่างเขายังคงอยู่ก็จะไม่มีผู้ใดกล้าหือ

“อีนั่ว ขอเวลาข้าอีกสักห้าหกวันได้หรือไม่ ให้ข้าได้อยู่กับนางนาน ๆ ตอนที่ข้าอยู่คนเดียวจะได้ไม่เดียวดายเกินไป” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยถามบุตรชายขอความเห็นใจ

“...”

แววตาสีม่วงแดงของนกน้อยเศร้าสลดลง คอตกราวกับสิ้นหวังที่บุตรชายไม่อนุญาตให้นอนข้างสวีลู่ชิง

“ก็ได้” อีนั่วเอ่ยกับเขา “ท่านพ่ออยากทำอันใดก็ตามใจเถิด ช่วงนี้ข้านอนคนเดียวก็ได้”

จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ

นกน้อยส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ สองขาเล็ก ๆ กระโดดเหยง ๆ วนไปวนมาอยู่ตรงนั้น

หลังจากทุกคนเข้านอนกันเรียบร้อยแล้ว ร่างเงามืดก็ขยายใหญ่ขึ้นเป็นร่างเดิมของจอมมาร เอื้อมมือช้อนตัวสวีลู่ชิงที่หลับใหลออกไปนอนอีกห้องโดยที่นางไม่รู้ตัวเพราะถูกอาคมหลับฝันสะกดเอาไว้

ไม่กี่วันต่อมา เวลาที่ผ่านร่วงโรยไปทำให้กงจื่อเย่นึกเสียดายไม่น้อยเพราะเขาอยากอยู่กับครอบครัวให้นานกว่านี้

ร่างนกน้อยมีท่าทีอาลัยอาวรณ์จนสวีลู่ชิงอดไม่ได้ที่จะลูบปีกสีดำแผ่วเบา

“ข้าอยู่ที่แห่งนี้เสมอ หากเจ้าอยากกลับมาเมื่อใด ข้าก็ยินดี”

จิ๊บ จิ๊บ

“เจ้าถ่านบอกว่าทำธุระเสร็จแล้วจะรีบกลับมาขอรับ”

อีนั่วบอกนางไปตามตรง แล้วเสริมอีกว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ไม่มีผู้ใดทำอันตรายมันได้หรอก” ก่อนจะพูดต่อในใจว่า ท่านแม่ควรจะห่วงผู้ที่กล้ามีเรื่องกับจอมมารอย่างท่านพ่อมากกว่า

จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ

เสียงนกน้อยดูจริงจังขึ้นมาทันใด สวีลู่ชิงและคนที่เหลือจึงอยากรู้ว่าเจ้าถ่านพูดอะไร

อีนั่วจึงบอกไปว่า “เจ้าถ่านบอกว่าลาก่อนขอรับ หากวันข้างหน้าได้พบกันอีกจะต้องตอบแทนที่ท่านแม่ช่วยเหลือ”

ดวงตาสีม่วงแดงมองบุตรชาย นกน้อยถอนหายเฮือกใหญ่ “ข้าบอกว่าข้ารักนาง เหตุใดจึงพูดผิดเพี้ยนไปเล่าอีนั่ว”

รอยยิ้มหยอกล้อปรากฏบนใบหน้ามารน้อย พวกเขาพ่อลูกมักจะเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ชอบแข่งกับอีกฝ่ายว่าสวีลู่ชิงรักตนเองมากกว่า

จุดเริ่มต้นของเรื่องพวกนี้ก็มาจากกงจื่อเย่ทั้งนั้น เมื่อก่อนทำไปโดยไม่รู้ความ แต่เวลานี้นึกเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสวีลู่ชิงได้เมื่อใดก็มักจะโอ้อวดให้อีนั่วฟังเสมอ อย่างเช่นคำพูดที่มักจะพูดบ่อย ๆ “นางรักเจ้า แต่รักข้ามากกว่า”

ครั้งนี้อีนั่วจึงได้ทีแกล้งบิดาให้หายหงุดหงิดใจเพราะเขาเป็นเพียงผู้เดียวที่เข้าใจคำพูดของเจ้าถ่าน

“บอกนางไปตามตรงไม่ได้หรือ อีนั่ว” น้ำเสียงขอร้องเอ่ยกับคนตรงหน้าก่อนจะจากไปเพราะถึงเวลาแล้ว

หากแต่บุตรชายเข้าใจความรู้สึกบิดาของตนเป็นอย่างดี ถึงจะอยากแกล้งเขาบ้างแต่ก็เห็นใจอยู่หนึ่งส่วนจึงพูดไปว่า “ท่านพ่อกลับมาครั้งหน้าก็บอกรักท่านแม่เองเถิด”

ดวงตาสีม่วงแดงของนกน้อยกระพริบปริบ ๆ “หายโกรธข้าสักหนึ่งส่วนแล้วใช่หรือไม่ ระหว่างนี้ดูแลแม่เจ้าดี ๆ อย่าซุกซน เชื่อฟังพวกเขาด้วย ข้าจะรีบกลับมาหา” กงจื่อเย่ฝากฝังทั้งคู่ไว้กับสมุนจอมมารทั้งสามพลางร่ายพลังมารที่มีอยู่ทั้งหมดปกป้องคนสำคัญของตัวเองโดยไม่รีรอก่อนจะส่งเสียงร้องจิ๊บ จิ๊บแล้วโบยบินสู่ท้องฟ้ากว้างใหญ่

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 87 มารเร้นกายเคียงแสงดารา (ตอนจบ)

    จอมมารพาสวีลู่ชิงกลับมายังดินแดนสุญญตาที่เวลานี้แปรเปลี่ยนกลายเป็นบ้านของเราอย่างที่เขาพูด ที่รกร้างกว้างใหญ่แต่เดิมไม่มีอะไรอยู่ข้างในนั้นเลย กลับมาครั้งนี้สวีลู่ชิงได้เห็นว่าเรือนไม้หลังใหญ่สองชั้นลอยโดดเด่นอยู่ใจกลาง ดอกจื่อเถิงสีม่วงขาวเลื้อยประดับห้อยระย้าสวยงามยิ่งนักพื้นน้ำโดยรอบสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเช้าระยิบระยับ และหากท้องฟ้าสดใสถูกแทนที่ด้วยจันทรา ผืนฟ้าก็จะเต็มไปด้วยละอองดาวกงจื่อเย่เนรมิตสรรพสิ่งขึ้นมาเพื่อรอต้อนรับนางกลับมายังที่ที่เป็นบ้านของเราดินแดนตรงกลางระหว่างภพมารกับภพสวรรค์ บ้านที่พวกเขาจะได้อยู่ร่วมกันชั่วนิรันดร์“อีนั่ว ข้าฝากให้เจ้าดูแลไข่ใบนั้นให้ดี ยังจำได้หรือไม่” จอมมารถามบุตรชายเพราะเห็นเขามักจะพาลี่เซียนเที่ยวเล่นกับเทพ

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 86 สายใยรักประสาน

    นับตั้งแต่การจากไปของบุตรสาวสวีลู่ชิงตกอยู่ในความเศร้าสร้อย ความรู้สึกของนางในเวลานี้เหมือนกระตุ้นความทรงจำบางอย่างที่หลงลืมไปแล้ว สัมผัสได้เพียงว่าครั้งหนึ่งนางคงเคยสูญเสียลูกไปในช่วงเวลานี้กงจื่อเย่คอยอยู่เคียงข้างและดูแลนางไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ทำหน้าที่สามีเป็นอย่างดีเพื่อให้นางข้ามผ่านความเจ็บปวดครั้งนี้ไปให้ได้หญิงสาวเอนศีรษะพิงไหล่กว้างของคนข้างกาย เอ่ยพึมพำว่า “ลูกสาวของเราคงจะสุขสบายดีอยู่ที่ไหนสักแห่งใช่หรือไม่”สามีของนางจึงตอบอย่างมั่นใจ “อืม ลูกสาวของเรากำลังเล่นสนุกสนานกับเพื่อนใหม่ของนาง ไม่มีเรื่องใดให้เจ้าต้องกังวลเลยลู่ชิง”รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาว “เจ้าช่างสรรหาคำปลอบใจได้แปลกยิ่งนัก ลี่เซียนกำลังเล่น

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 85 เคราะห์หนัก

    เก้าเดือนต่อมาเด็กครึ่งมารคนที่สองได้ฤกษ์ถือกำเนิด เด็กหญิงตัวน้อยมีดวงตาสีม่วงแดงเหมือนบิดา เรือนผมสีขาวคล้ายมารดา หน้าตาน่ารักน่าชังยิ่งนักสวีลู่ชิงมองหน้าลูกสาวพลางนึกถึงอีนั่วจึงเอ่ยปากบอกสามีที่นั่งอยู่ข้างกัน “เจ้าเคยอยากรู้ว่าลูกสาวของเราจะหน้าตาเหมือนผู้ใดใช่หรือไม่”“อืม” กงจื่อเย่ยิ้มกว้าง“นางหน้าตาเหมือนเจ้าไม่มีผิด” สวีลู่ชิงไล้แก้มเด็กน้อยด้วยความเอ็นดูทันใดนั้นจึงได้ยินเสียงคุ้นเคยร้องเรียกนางจากหน้าบ้าน สวีลู่ชิงเดินไปดูลาดเลาจึงได้เห็นคนที่ไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจออีกครั้ง“ท่านแม่” อีนั่ววิ่งเข้ามากอดนางด้วยความคิดถึงเพราะถูกกักบริเวณจึง

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 84 คำนับฟ้าดิน

    สามเดือนต่อมาระหว่างที่สวีลู่ชิงกำลังเก็บผักกาดอยู่ในสวนข้างบ้าน นางได้ยินเสียงกุบกับดังมาแต่ไกลผิดวิสัยการเดินทางของคนในหมู่บ้านแห่งนี้จึงรีบออกมาดูใบหน้าของใครบางคนทำให้นางดีใจยิ่งนัก รีบตะโกนบอกใต้เท้าสวีและฮูหยินที่พักผ่อนอยู่ข้างในได้รู้ว่า “ท่านพี่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”ทุกคนออกมายืนรอรับคุณชายสวีหน้าบ้าน ส่วนกงจื่อเย่เดินมากอดเอวคุณหนูเอาไว้เหมือนอย่างเคยครั้นได้เห็นบุตรชายคนโตใกล้ ๆ ใต้เท้าสวีและฮูหยินจึงได้เห็นว่าร่างกายของเขามีแต่รอยแผลเต็มไปหมด เลือดสีแดงแห้งติดเกราะและเสื้อผ้าทว่า คุณชายสวีไม่ได้กังวลเรื่องนั้นแม้แต่น้อย “ท่านพ่อ ท่านแม่ ลู่ชิง” เขาเอ่ยเรียกทั้งสามคนสีหน้าระรื่น “ข้าล้างมลทินให้สกุลสวีได้สำเร็จแล้วขอรับ”

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 83 บิดาเจ้าน่ากลัวยิ่งนัก

    แม้จอมมารจะคิดหลายอย่างอยู่ในหัวแต่เวลานี้ยังไม่ใช่จังหวะที่ดีนักเพราะเขาต้องใช้โอกาสนี้พาสวีลู่ชิงหนีจากหอเยว่ส่างก่อนที่จะถูกใครจับได้ใครหลายคนคงคิดว่าพวกเขาใช้เวลาอยู่ร่วมกันทั้งคืน กว่าจะรู้ตัวว่านักโทษกบฏแอบหนีออกไปกับแขกที่ไม่เห็นหน้าค่าตาก็คงทิ้งห่างจากพวกเขาไปหลายชั่วยามแล้ว“หนีอย่างนั้นหรือ” นางเอ่ยถามให้แน่ใจ ความกังวลถาโถมเข้ามาไม่หยุดเพราะเกรงว่าทุกคนจะมีอันตรายไปด้วย“เชื่อใจข้าหรือไม่” กงจื่อเย่ถามแต่เพียงเท่านั้น แววตาของเขาจริงจังเสียจนนางไม่นึกสงสัยอันใดอีกจึงกุมมือเขาไว้แน่นแล้วหนีไปด้านหลังด้วยกันทาสหนุ่มฝืนตัวเองเร่งรีบไปให้ถึงจุดที่เขาผูกม้าเอาไว้ ขาข้างที่เคยบาดเจ็บสร้างความทรมานให้เขาอย่างยิ่งแม้จะผ่านมานานมากแล้วก็ตาม

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 82 ขัดขวางเนื้อคู่

    สองเดือนต่อมาอีนั่วมาหาสวีลู่ชิงอย่างเช่นเคย ก่อนเข้าไปยังห้องรับรองก็นั่งดูหลิวอิงอิงดีดพิณ ขับร้องเพลงเสียงก้องกังวานด้วยความรื่นเริงใจจนกระทั่งมองเห็นบุรุษผู้หนึ่งในคำทำนายโชคชะตาของมารดาเจ้าตัวตะลึงงันไม่คิดว่ามนุษย์อย่างเขาจะดูมีรัศมีเหมือนเทพสวรรค์ พลันกวาดตามองรอบตัวต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้เห็นรอยยิ้มเยือกเย็นจากเทพชั้นสูง ผู้มีดวงตาสีฟ้า ผมขาวเหมือนผู้เป็นมารดาหากแต่อีนั่วยังทำใจดีสู้เสือคิดว่านั่นคือบิดาที่แปลงกายมาจึงยิ้มตอบกลับไปทักทายเทพวายุหายตัววับมาอยู่ข้างเขาในทันทีจนสมุนปีศาจแข็งทื่อเพราะรู้ว่าคนตรงหน้าคือสวีต้าเฟิงตัวจริง หลิวอิงอิงที่นั่งอยู่ตรงกลางลานแสดงถึงกับดีดเพลงพิณเพี้ยนไปสองจังหวะคิดจะหนีหายเอาตัวรอดก่อนผู้ใดแต่ถูกแส้บ่วงของเทพวายุตวัดรัดตัวนางเอาไว้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status