แชร์

บทที่7 เรื่องราวที่ถูกซ่อน

ผู้เขียน: เฉินม่านอิ๋ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-08 10:44:24

วิญญาณสาวกรีดร้อง ขูดกรงเล็บยาวกว่าครึ่งเมตร พร้อมกับไล่มองตั้งแต่หย่งฟาง ไปยังพ่อบ้านหลินและฉู่หมิงถิง ก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชา "ที่นี่ใครแซ่ฉู่! สมควรตาย!!"

เคร้ง!

เสียงดาบที่ทำจากเหรียญจักรพรรดิทั้งห้า กั้นกรงเล็บคมของวิญญาณอาฆาตได้อย่างแม่นยำ เมื่อเล็บยาวแหลมสัมผัสกับดาบนั้นก็เกิดประกายไฟ พร้อมกับเสียงซู่ซ่าของควันสีดำ และกลิ่นไหม้ที่เหม็นคลุ้งไปทั่ว ผีสาวหันกลับมามองหย่งฟางด้วยความโกรธ ผมยาวของหล่อนสยายชี้ขึ้นไปในอากาศ กรงเล็บพุ่งเข้ามาและฉีกเสื้อคลุมเจ้าสาวที่บริเวณไหล่

หย่งฟางถอยหลังหลบอย่างรวดเร็ว เสื้อคลุมของเธอถูกฉีกขาด แต่ร่างกายไม่เป็นอะไร หญิงสาวควักยันต์หลายแผ่นจากแขนเสื้อออกมาและโยกไปเบื้องหน้า แผ่นยันต์ที่ควรจะตกกระจัดกระจาย ตอนนี้กลับลอยอยู่กลางอากาศอย่างมั่นคง

"พยัคฆ์ทองสยบภูตผีวิญญาณนับพันไม่อาจหลบหลีกได้ ไป!" 

หย่งฟางเปลี่ยนท่ามือและสุดท้ายชี้ไปข้างหน้า ทันใดนั้นเสือทองคำในตำนานก็ปรากฏขึ้น เสียงคำรามของมันดังสนั่นหวั่นไหว พุ่งตรงไปหาวิญญาณอาฆาต ถูกกดดันจนกระเด็นไปไกลหลายเมตร เมื่อเสือทองคำหายไปถูกแทนที่ด้วยยันต์หกแผ่นที่เปล่งแสงสีทอง ล้อมรอบวิญญาณเอาไว้คล้ายเชือกพันธนาการแน่นหนา

ผีอาฆาตตนนั้นลุกขึ้นยืน แต่ยันต์ยังคงหมุนรอบหล่อนเหมือนเป็นศูนย์กลาง ทำให้ไม่สามารถจัดการอะไรได้อีกต่อไป จึงพยายามปลุกพลังวิญญาณในตัว

หย่งฟางเตือนอย่างใจเย็น "พลังของเธอจะถูกทำลายไปหมดสิ้น ถ้าไม่ได้ฆ่าคนในร้อยปีที่ผ่านมา ฉันเชื่อว่าเธอไม่ต้องการที่จะถูกทำลายแบบนี้หรอกใช่ไหม"

แสงสีเขียวบ่งบอกถึงระดับของภูตผี จนกว่าจะมีคราบเลือดของผู้ที่ถูกฆ่าติดมือ แสงนั้นจึงจะเปลี่ยนเป็นสีแดง กลายเป็นภูตผีที่แท้จริง

วิญญาณสาวจ้องมองหย่งฟางอย่างเกรี้ยวกราด "ทำไมเธอถึงต้องช่วยพวกเขาด้วย? เธอก็เป็นคนตระกูลฉู่เหมือนกันหรือ?!"

หย่งฟางไม่ได้ตอบ

นายท่านฉู่พูดอย่างหนักแน่น ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจ "คุณหย่ง ผีตนนี้ต้องการทำร้ายคนในตระกูลฉู่ กำจัดหล่อนซะ ราคาคุณจะตั้งเท่าไหร่ก็แล้วแต่เลย"

หย่งฟางพูดเบา ๆ "ทำไมหล่อนถึงต้องการทำร้ายคนในตระกูลฉู่? ฉันก็อยากรู้เหมือนกันนะ" เธอหยิบเอากลิ่นควันดำที่ลอยอยู่ในอากาศขึ้นมาวิเคราะห์ "คำสาปที่มีอายุกว่าร้อยปี ครอบครัวของคุณถูกสาปมานานขนาดนั้นเลยเหรอ"

“นี่เป็นเรื่องภายในของตระกูลฉู่ เราไม่สามารถเปิดเผยได้ หากคุณหย่งไม่ต้องการช่วยจัดการกับปัญหานี้ ฉันจะติดต่ออาจารย์ท่านอื่นแทน”

จากที่เธอเพิ่งลงมือไป ฉู่หมิงถิงรู้แล้วว่าไม่ธรรมดา แต่ถ้าเธอไม่ต้องการทำงานให้เขาก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียวิญญาณตนนี้ก็ถูกล่อออกมาแล้ว เมืองถานจิงนั้นเต็มไปด้วยอาจารย์ที่มีชื่อเสียง และเขาก็รู้จักอยู่หลายคน จึงไม่กังวลที่จะหาใครสักคนมาจัดการกับปัญหานี้แทน

“ก็ได้ งั้นฉันจะถอดยันต์ออก” หย่งฟางพูดอย่างไม่แยแส

ดวงตาของฉู่หมิงถิงขยายออกเล็กน้อย ลมหายใจของเขาหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง พยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ภรรยาของฉู่ก็พูดขึ้นมาก่อน

"อย่า! อย่า คุณแค่ทำตามที่เราสั่งก็พอ จะอยากรู้เรื่องราวไปทำไมกัน"

หย่งฟางพูดตรง ๆ เช่นกันว่า "นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิธีที่ฉันจะจัดการกับวิญญาณตนนี้"

คุณนายฉู่สูดหายใจลึกๆ "ฉู่หมิงถิง เรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัวของคุณ คุณพูดออกมาเถอะ"

ฉู่หมิงถิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง น้ำที่ไกลย่อมไม่สามารถดับไฟที่อยู่ใกล้ได้ ถ้าหย่งฟางถอดยันต์ออกจากวิญญาณ...สุดท้ายเขาก็ต้องพูดออกมา

เมื่อร้อยปีก่อน ปู่ของตระกูลฉู่ถูกบังคับให้แต่งงานกับหญิงสาวคนหนึ่งเป็นภรรยาน้อยคนที่เก้า ในคืนแต่งงาน หญิงสาวต่อต้านตลอดเวลา ทำให้ปู่ของตระกูลฉู่บังเอิญทำให้เธอเสียชีวิต

หย่งฟางทวนคำพูด "บังเอิญทำให้เธอเสียชีวิต? ต่อต้านตลอดเวลา? เล่นกันถึงตายเลย?”

ช่างน่าสนใจเรื่องที่ตระกูลของตัวเองทำผิดจนทำให้คนตาย แต่คำพูดที่ส่งต่อมาถึงรุ่นหลัง ฟังดูเหมือนเรื่องเล็กน้อยมาก แม้ว่าภรรยาของฉู่จะไม่ได้พูดอะไร แต่ใบหน้าของเธอก็แสดงออกถึงความอับอาย

ฉู่หมิงถิ ยังรักษาหน้าตาที่ไม่เปลี่ยนแปลงและพูดต่อ "ภายหลังครอบครัวได้เชิญอาจารย์มาทำพิธี อาจารย์บอกว่าความอาฆาตของหญิงสาวนั้นลึกเกินกว่าจะทำพิธีปลดปล่อยได้ แต่สามารถกักขังไว้ที่ทิศตะวันออก สร้างบ่อน้ำขึ้นและเผากระดาษเงินกระดาษทองเป็นประจำทุกปี เพื่อเปลี่ยนความอาฆาตให้กลายเป็นพลังงานบวก..."

หย่งฟางพูดต่อ "เปลี่ยนเป็นพลังงานที่จะเสริมโชคลาภให้ตระกูลฉู่ แต่อาจจะมีผลข้างเคียงเล็กน้อย ตรงที่ผู้ชายในครอบครัวจะมีชีวิตไม่เกินห้าสิบปี"

"... " ฉู่หมิงถิงยืนนิ่งแล้วพยักหน้า

หย่งฟางไม่แน่ใจว่าทำไม แต่เธออดที่จะหัวเราะไม่ได้ "ดีมาก เป็นผลกรรมที่สมเหตุสมผล คุณบังคับให้คนตาย แล้วให้เธอทำหน้าที่เป็นเครื่องมือเสริมโชคลาภหลังจากตายไปแล้ว จากนั้นทุกคนในครอบครัว ผู้ชายจะมีชีวิตไม่เกินห้าสิบปี เป็นการลงโทษที่ยุติธรรมใช่ไหม"

" ?! " หน้าของฉู่หมิงถิงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีซีด

หย่งฟางรู้สึกอยากกลับบ้านแล้ว จึงหันไปถามผีสาว “ฉันจะเลิกงานแล้วนะ เธออยากให้ฉันช่วยส่งเธอไปเกิดใหม่ หรือจะเลือกถูกขังไว้ที่ตระกูลฉู่ต่อไป ดูพวกผู้ชายในตระกูลฉู่ตายก่อนอายุห้าสิบปีล่ะ?”

การต่อรองกับวิญญาณ เป็นทักษะที่ต้องมีสำหรับผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ ผีสาวพิจารณาใบหน้าของหย่งฟาง  พบว่าแม้เธอจะยิ้มอยู่แต่ที่จริงแล้วเธอกำลังโกรธ โกรธเหมือนกับหล่อน คำพูดที่หย่งฟางพูดขึ้นมา ทำให้วิญญาณอาฆาตรู้ว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ได้อยู่ข้างตระกูลฉู่

วิญณาณสาวคิดอยู่นานก่อนจะตอบ “ถ้าเป็นพวกผู้เชี่ยวชาญแย่ๆ พวกนั้น ฉันคงเลือกถูกขังไว้ต่อไป แต่เพราะว่าเป็นเธอ ฉันเลือกเชื่อใจเธอดีกว่า”

หย่งฟางโบกมือ ยกเลิกยันต์ที่ใช้ขังวิญญาณ คุณนายฉู่กรีดร้องด้วยความตกใจ ดึงสามีให้ถอยห่างออกไปเรื่อยๆ เธอไม่ได้สนใจเสียงร้องเหล่านั้น และพูดกับผีผู้หญิงต่อ “ไปที่ห้องที่ห้าทางซ้ายมือของชั้นสอง บนโซฟามีกระเป๋าผ้าใบสีเขียว อยู่เข้าไปในนั้นซะ”

ผีผู้หญิงถามอย่างสงสัย “อะไรนะ กระเป๋าผ้าอะไรนะ?”

“โซฟายาว กระเป๋าผ้าสีเขียว”

ผีผู้หญิงตอบอย่างสับสน “ก็ได้!”

แล้วหล่อนก็ลอยผ่านฉู่หมิงถิงไปทางประตู โดยไม่มองเขาแม้แต่น้อย แม้ว่านายนท่านฉู่จะพยายามทำหน้าตาให้ดูเรียบเฉย แต่ร่างกายของเขากลับตึงเครียดไปหมด เมื่อเขาเห็นผีผู้หญิงลอยห่างออกไปไม่กี่เมตรก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมานิดหน่อย แต่แล้วผีผู้หญิงก็กลับมาโจมตีเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว!

เธอเคลื่อนตัวมาข้างหน้าเขาทันที เอาใบหน้าที่น่ากลัวเข้ามาใกล้ ดวงตาของเธอกลิ้งออกมาจากเบ้า พร้อมกับหนอนแมลงจำนวนมาก ที่ทะลักออกมาจากตาและพ่นใส่หน้าของฉู่หมิงถิง

หัวหน้าตระกูลฉู่ผู้ยิ่งใหญ่ รู้สึกว่าหัวใจเขาแทบหยุดเต้น จากนั้นเขาก็ล้มลงหมดสติไป

คุณนายฉู่ซึ่งเป็นคนขี้กลัวที่สุด ตกใจกรีดร้องตั้งแต่ผีผู้หญิงออกมาแล้ว และเมื่อเห็นสามีหมดสติ เธอก็ล้มลงไปบนพื้น แต่โชคร้ายที่ไม่หมดสติไปด้วย ยังหวังว่าตัวเองจะหมดสติไปเหมือนกัน

ผีผู้หญิงหัวเราะอย่างสนุกสนาน แล้วลอยทะลุกำแพงออกไป ปล่อยให้ในห้องมีเพียงหย่งฟาง พ่อบ้านหลินและคุณนายฉู่เท่านั้นที่ยังมีสติอยู่

หย่งฟางจึงนั่งลงรอให้คุณนายฉู่ฟื้นจากความตกใจ

คุณนายฉู่ร้องไห้อยู่ไม่กี่นาที ก่อนจะได้ยินเสียงไก่แดงที่เธออุ้มมาร้องอยู่ในอ้อมแขน จึงนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอคงเป็นคนเดียวที่สามารถจัดการกับสถานการณ์นี้ได้

"คุณหย่ง" เธอเปลี่ยนสรรพนามเรียก "ฉันขอรบกวนคุณอีกสักอย่างได้ไหมคะ?"

หย่งฟางตัดสินใจก่อนตอบเพราะรู้ว่าคุณนายจะถามอะไร “คืนวิญญาณให้ฉู่เหยียน ฉันต้องการราคานี้” แล้วเธอก็ยกสามนิ้วขึ้น ปัญหาใหญ่ได้แก้ไขแล้ว งานใหญ่กำลังจะจบ เธอจึงคิดว่าคงจะตั้งราคาเพิ่มได้อย่างสนุก

คุณนายฉู่พยักหน้า มือสั่นเทาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา "สามล้าน ฉันจะโอนให้คุณเดี๋ยวนี้เลย"

"..." จริงๆ แล้วเธอหมายถึงสามแสน

แต่สามล้าน...ก็หอมหวานดี

ช่างมันเถอะ เธอสมควรได้รับมันอยู่แล้ว อย่างมากก่อนกลับก็คงต้องแนะนำพวกเขา เรื่องปัญหาครอบครัวอีกนิดหน่อย หย่งฟางท่องหมายเลขบัญชีธนาคารที่เธอจำไว้ขึ้นใจอีกครั้ง เผื่อวันหนึ่งจะมีใครสักคนโอนเงินก้อนโตให้เธอ วันนี้มันเกิดขึ้นจริงแล้ว!

หลังจากรับข้อมูลการโอนเงินจากธนาคารในมือถือ หย่งฟางก็เดินมาข้างเตียง สัมผัสร่างของฉู่เหยียนที่หลับอยู่  จากนั้นเธอก็หยิบเส้นด้ายบางๆ ที่เปล่งแสงสีเขียวขึ้นมา

"หลินเหมียน ตื่นเถอะ" เธอพูดขณะดึงเส้นด้ายออกมา

ไม่นานนักเส้นด้ายสีเขียวก็รวมตัวเป็นลูกบอลแสงเล็กๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเงาเลือนรางของร่างคนหนึ่ง ผู้หญิงผมยาวในชุดสีเขียว ใบหน้าของเธอดูสงบ เพราะไม่สามารถทำหน้าแสดงอารมณ์ได้อีกแล้ว

"เหมียนเหมียน..." พ่อบ้านหลินเรียกด้วยเสียงที่สั่นเครือ

แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรอีก หย่งฟางกล่าวแทรกขึ้น "ไม่ได้ เธอตอนนี้อ่อนแอมาก ต้องรีบส่งเธอไปยังนรกภูมิทันที"

แหมมม อยากให้หย่งฟางของเราปราบผีให้ แต่ก็ยังกั๊กข้อมูลเนอะตาเฒ่า!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่143 ฉลองกันครอบครัวใหญ่ [ตอนจบ]

    หลังจากที่หย่งฟางล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เธอจุดโคมไฟยาวในวิหารหลักเตรียมเข้านอน แต่จู่ๆ ก็เกิดลมเย็นยะเยือกพัดเข้ามาในอาราม จากนั้นเสียงร้องโหยหวนของเหล่าภูตผีก็ดังขึ้นหลงหยวนหยวนที่กำลังขดตัวอยู่บนกิ่งไม้สะดุ้งตัว ก่อนจะกลับไปนอนขดตัวนุ่มนิ่มเหมือนเดิม หนิงหมี่ร้องขึ้นอย่างดีใจ "เสี่ยวชิว!!"ลมเย็นสงบลงพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่หยุดไป เสียงเล็กๆ ดังขึ้น "ว๊า ไม่มีอะไรสนุกเลย!"จากนั้นเด็กสาวในชุดกันหนาวลายดอกไม้สีแดงสด ที่มีเปียสองข้างก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า หนิงหมี่โผเข้ากอดเธอแน่น"พวกเราจำกลิ่นอายของเธอได้น่า เธอหลอกเราไม่ได้หรอก! ในที่สุดก็มาหาสักที ฮือๆ แล้วนี่เธอยังใส่ชุดที่ฉันเลือกให้อีก! อุ่นไหม?"หูอวี่จู้พยักหน้า "อุ่นมาก แต่ไม่รู้ทำไมพอใส่แล้ว รู้สึกอยากพูดสำเนียงตงเป่ยขึ้นมาซะงั้น"หย่งฟางรินนมเสริมแคลเซียมให้เธอหนึ่งแก้ว หูอวี่จู้จิบไปอึกหนึ่งก่อนพูด "คิดถึงฉันไหม? ไม่มีฉันอยู่คงเหงาน่าดูใช่ไหม?"หย่งฟางหันไปถามหนิงหมี่ "เธอเผาอะไรไปให้เธอเนี่ย?"หนิงหมี่ตอบด้วยความภาคภูมิใจ " "ฟู่เส้านักรัก: ภรรยาสุดที่รัก อย่าคิดหนี!""หยู่ถังอุทาน "นี่มันนิยายที่หนิวลี่อ่านอยู่ข้างหัวเตีย

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่142 ธูปแรกวันปีใหม่

    วันปีใหม่ วันแรกของปี เป็นวันที่สำคัญที่สุด สำหรับการคุ้มครองวัดและสำนัก หย่งฟางถูกปลุกตอนตีสี่ โดยเทพบรรพชนที่ปรากฏในฝันพร้อมหอกด้ายแดง แต่เธอไม่ยอมตื่น จากนั้นหนิงหมี่และหยู่ถังที่อยู่ข้างเตียงก็เขย่าตัวปลุก“อาจารย์! ฉันฝันถึงเทพบรรพชน ท่านบอกให้พวกเรารีบตื่นไปเปิดประตู!”หยู่ถังที่ยังตกใจอยู่เอ่ยขึ้น “ฉันก็ฝันถึง! บรรพบุรุษท่าน...ดุนิดหน่อย”ใช่แล้ว เทพบรรพชนในฝัน ถือหอกด้ายแดงมาเร่งให้พวกเธอตื่น เมื่อหย่งฟางโดนเขย่าปลุก ในที่สุดก็เลิกง่วงทั้งสามคนลุกขึ้นจากเตียง หย่งฟางทำทุกอย่างอย่างเชื่องช้า แต่หนิงหมี่กับหยู่ถังกลับรีบวิ่งไปเปิดประตูอย่างรวดเร็วเสียงประตูไม้ดัง ‘เอี๊ยด’ทันใดนั้นภายใต้ท้องฟ้าที่มืดสนิท พบว่ามีแสงไฟหลายพันจุด ส่องสว่างใบหน้าของผู้คนนับพัน เหล่าผู้ศรัทธาที่เดินทางมายังวัดเสวียนเว่ย ต่างนำธูปของตนเองมาด้วย เดินขึ้นเขาหลงหย่าเพื่อมาที่นี่แต่เมื่อมาถึง กลับพบว่าประตูยังไม่เปิด พวกเขาจึงรวมตัวกันนั่งรอพลางเล่นโทรศัพท์ แสงจากหน้าจอโทรศัพท์ส่องใบหน้าของพวกเขา เมื่อมองดูก็ให้ความรู้สึกวังเวงอยู่ไม่น้อย หนิงหมี่และหยู่ถังถึงกับสะดุ้งตกใจ เสียงประตูเปิดทำให้ผู้คนทั้งห

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่141 บรรยากาศความเศร้า

    หยู่ถังชะงักไปครู่หนึ่ง หย่งฟางดึงกระดาษทิชชูออกจากหน้า สูดหายใจลึกแล้วลุกขึ้น เสียงพูดของเธอแหบพร่าเล็กน้อย “ฉันจะไปเผาของให้ลูกบอลเล็ก”หย่งฟางยืนขึ้น หยู่ถังเดินตามไป ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ ด้านในมีของสำหรับทำพิธี รวมถึงเงินกระดาษทอง หย่งฟางค้นหาของอยู่พักหนึ่ง เลือกของพื้นฐานสามอย่าง กระดาษเหลืองที่มีรู, กระดาษทอง, และตุ๊กตากระดาษคนรับใช้ แต่คิดว่ามันดูน้อยเกินไปหน่อย“บ้านกระดาษนี้ดูเล็กไป ลูกบอลเล็กอยู่กับพ่อแม่เธอ ห้องอาจจะไม่พอ ที่นี่ไม่มีรถกระดาษ ไม่มีมือถือกระดาษด้วย ลูกบอลเล็กชอบดูไลฟ์สดทุกคืน”หย่งฟางพูดไป คิ้วของเธอก็ขมวดมุ่นเข้าหากัน หยู่ถังรู้ว่าทุคนต่างมีความรู้สึกแปลกๆ แต่คนที่ดูเหมือนรับมือกับเรื่องนี้ได้ยากที่สุด นอกจากหนิงหมี่แล้วก็คือหย่งฟาง ถึงหญิงสาวจะดูเหมือนคนที่ไม่ใส่ใจสิ่งรอบตัว แต่ความจริงเธอใส่ใจคนรอบข้างมากที่สุด เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ หยู่ถังรีบพูด “งั้นเราลงเขาไปซื้อของจากร้านของเซี่ยเฟยที่บ้านเลขที่ 48 กันเถอะ จะได้เผาให้เธอ”การออกไปข้างนอก สูดอากาศที่อื่นบ้าง อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้น“คงต้องเป็นแบบนั้นแล้ว” หย่งฟางพยักหน้า “ชวนหนิงหมี่ไปด

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่140 หูอวี่จู้

    มหกรรมการต่อสู้กับนักพรตชั่วจากเป็นประเทศ N ได้ปิดฉากลง ทุกคนเดินออกจากคุกใต้ดิน เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบเข้ามาปิดล้อมพื้นที่ด้วยเส้นกั้น สมาชิกครอบครัวสกุลสือทั้งหมดถูกควบคุมตัวขึ้นรถตำรวจ นำไปยังห้องสอบสวน เพื่อตรวจสอบว่าเคยคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปกี่ราย และยังเกี่ยวเนื่องกับการกบฏต่อชาติ ที่ยังต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมหัวหน้าจ้าวจากสำนักสืบสวนพิเศษ และผู้นำระดับสูงเดินทางมาถึง ส่วนหานลี่ตงจะถูกดำเนินการไต่สวนและลงโทษโดยหน่วยสืบสวนพิเศษแห่งชาติ ในสงครามครั้งนี้ นอกจากสือว่านซื่อที่ถูกพลังแห่งชาติตีกลับจนเสียชีวิตไปแล้ว ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องสังเวยวิญญาณของเซี่ยถังอยู่ในมือของเซี่ยเฟย เขาตั้งใจว่าจะเลี้ยงดูวิญญาณของน้องสาว หย่งฟางเม้มริมฝีปาก กล่าวขึ้นด้วยความเป็นห่วงในฐานะเพื่อน "ถึงจะฟื้นฟูขึ้นมาได้ แต่พลังของเธอก็สูญสิ้นไปแล้ว เคยกินมนุษย์ เคยเป็นปีศาจจิ้งจอก ถึงเลี้ยงวิญญาณขึ้นมาได้ แต่สวรรค์ก็ไม่ยอมรับ คุณเองก็น่ารู้อยู่แล้ว" แต่เซี่ยเฟยยังคงไม่ยอมปล่อยมือ หันมองหย่งฟางพลางยิ้มอ่อน "รบกวนอาจารย์หย่งช่วยส่งวิญญาณด้วยเถอะ อาถัง!" เซี่ยเฟยร้องขึ้นอย่างเจ็บปวดเซี่ยถังมองพี่ชายด้ว

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่139 จุดจบคนชั่ว

    ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผ่านการเชื่อมต่อของจิ้งจอกขาวเซี่ยถัง พลังโชคชะตาแห่งชาติที่ควรจะส่งต่อให้ประเทศ N กลับไม่ได้ถูกถ่ายโอนไปทั้งหมด มีส่วนหนึ่งที่หานลี่ตงเก็บไว้ใช้ส่วนตัวนี่คือสาเหตุที่เขามีชีวิตยืนยาวกว่าร้อยปี หย่งฟางขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ “หึ คนประเทศของแก รู้หรือเปล่าว่าแกขโมยพลังมังกรนี้มา”หานลี่ตงเพียงยิ้ม “รู้หรือไม่รู้ แล้วจะทำไม? หากไม่มีฉัน พวกมันจะตั้งหลักในเอเชียตะวันออกได้หรือ? น่าขำจริงๆ”หย่งฟางเข้าใจชัดเจนแล้ว ว่าขโมยคนนี้เป็นพวกหยิ่งยโสและหลงตัวเอง หานลี่ตงใช้พลังโชคชะตาแห่งชาติของ ประเทศ สร้างแรงกดดันที่แพร่กระจายไปทั่วห้องใต้ดิน ทุกคนรวมถึงเทพธิดาหนิงหมี่ ต่างรู้สึกหายใจยากลำบากขึ้น ต่อหน้าพลังแห่งชาติพวกเขาต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อประคองตัว หย่งฟางยกมือขึ้นแสงสีแดงฉายออกมาจากฝ่ามือ ก่อตัวเป็นเขตป้องกันครึ่งวงกลม ภายในเขตนี้ทุกคนจึงพอรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เจ้าหน้าที่หลี่ที่ยังเจ็บจากแรงกดดันเมื่อครู่ ยกมือกุมหน้าอกพูดขึ้น “ขโมยสิ่งที่ไม่ใช่ของแก ระวังเถอะ สวรรค์จะลงโทษเจ้า!”หานลี่ตงหัวเราะเสียงดัง “สวรรค์จะลงโทษฉัน? ฉันใช้ชีวิตแบบนี้มานานกว่าร้อยปีแ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่138 หานลี่ตง

    ชายที่อยู่ข้างสือว่านซื่อเผยรอยยิ้มบางๆ หย่งฟางเห็นท่าทางของเขาแล้ว ตะโกนออกไปทันที“หานลี่ตง!”ขณะที่คนจากหน่วยงานแห่งชาติที่อยู่ใกล้ๆ เขาก็ต่างเรียกชื่อชายคนนั้นไปในแบบของตัวเอง“พี่ซู?!”“พี่ฉี?!”“พี่มู่?!”หลังจากเสียงของทั้งสามคนจบลง พวกเขาหันมามองหน้ากันเองด้วยความงุนงง “เขาไม่ใช่พี่ซู พี่ฉี พี่มู่ จากหน่วยงานแห่งชาติหรือ?!”ในที่สุดหย่งฟางก็ได้คำตอบ เมื่อหัวหน้าจ้าวตรวจสอบประวัติ ของผู้มีพลังพิเศษในระบบของหน่วยงานแห่งชาติ เพื่อที่จะอยู่ในประเทศและหลบเลี่ยงการตรวจสอบเป็นเวลาร้อยปี คนอย่าง ‘หานลี่ตง’ ย่อมต้องมีตัวตนแฝงในระบบหน่วยงาน และเชื่อมโยงกับผู้มีพลังพิเศษคนอื่นๆ อย่างแนบเนียนจากปฏิกิริยาของทั้งสามคนทำให้เห็นชัดว่า หานลี่ตงมีตัวตนในฐานะผู้มีพลังพิเศษ ที่ถูกบันทึกไว้ในระบบอย่างสมบูรณ์ คนที่อยู่ข้างหลังหย่งฟาง ต่างเผยท่าทีเป็นศัตรูอย่างชัดเจน ขณะจ้องมองสือว่านซื่อและหานลี่ตงด้วยความระแวดระวังชายผู้นั้นตั้งท่าจะทำมือในลักษณะของไต้ซือ แต่ถูกหย่งฟางหยุดไว้ทันที “เลิกแสร้งทำเสียที หานลี่ตง คุณหนีไปไหนไม่ได้แล้ว”นักพรตสาวกล่าวพร้อมกับกระชากเส้นด้ายสีแดงในมือให้กระชับ ขณะนั้นเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status