แชร์

บทที่ 37 โจรป่า

ผู้เขียน: BigM00N
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-23 21:46:03

เสียงขยับไหว เสียงหอบหายใจและเสียงร้องครวญครางที่ดังเล็ดลอดออกมาจากด้านในของรถม้า ทำให้เสี่ยวเหยาผู้เป็นสาวใช้ของสุ่ยอี้หรงวุ่นวายใจจนต้องเดินไปเดินมารอบๆ รถม้า ส่วนคนขับรถม้าและผู้ติดตามคนอื่นๆ ยามนี้ได้พากันถอยออกไปเพื่อเว้นระยะห่างจากรถม้าแล้ว แม้ว่าทุกคนจะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ทุกสายตาที่จ้องมองมาที่รถม้ากลับเต็มไปด้วยสายตาดูหมิ่นดูแคลนทั้งสิ้น ยามนี้เสี่ยวเหยาได้แต่คิดว่าเจ้านายของนางจะต้องถูกคนเล่นงานแล้วแน่ๆ แม้ว่าจะคาดเดาได้แล้วแต่นางก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดียามนี้นางจึงได้แต่เฝ้าวนเวียนอยู่รอบๆ รถม้า เพื่อรอให้เจ้านายของนางได้สติกลับคืนมา

เสียงฝีเท้าม้าหลายตัวที่ถูกควบขี่มาทางด้านนี้ทำให้เสี่ยวเหยารีบหันไปออกคำสั่งกับองครักษ์ที่ยืนห่างออกไปให้รีบไปปิดทางเอาไว้ไม่ให้คนเหล่านั้นเข้ามา องครักษ์เหล่านั้นก็รีบไปดำเนินการตามคำสั่งของนางในทันที แต่เมื่อเห็นว่าคนที่กำลังมาเป็นผู้ใดทุกคนก็ต่างมีสีหน้าลนลานจนคนบนหลังม้ารีบเร่งรุดมายังจุดที่รถม้าที่จอดเอาไว้ในทันที

“ฮูหยินเป็นอะไร เหตุใดจึงได้มาจอดรถม้าอยู่แถวนี้” คำถามของซื่อจื่อจวนไหวกั๋วกงเหยียนเซียวทำให้เสี่ยวเหยาตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัวในทันที เสียงร้องครวญครางและการขยับไหวของรถม้าทำให้ใบหน้าของซื่อจื่อเหยียนเซียวพลันมืดครึ้มขึ้นมาในทันที

“ถอยออกไปให้หมด” เสียงตวาดของเขาทำให้ทุกคนต่างพากันถอยออกไป ส่วนคนบนรถม้ายังคงไม่สนใจคนนอกแม้กระทั่งยามที่ผ้าม่านบนรถม้าถูกเปิดออกก็ยังคงกอดรัดฟัดเหวี่ยงลงมือทำเรื่องน่าอายกันอย่างเมามัน ซื่อจื่อเหยียนเซียวจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ เขาสะบัดผ้าม่านให้ปิดลงแล้วจึงได้เดินไปสอบถามคนของเขา

“เจ้าจำคนที่มาบอกกับเจ้าว่ารถม้าของฮูหยินได้รับอุบัติเหตุได้ไหม” คำถามของเหยียนเซียวทำให้คนของเขาพลันส่ายหน้าในทันที

“บ่าวจำไม่ได้แล้วขอรับ รู้แค่เพียงว่าเขามาบอกกับบ่าวว่าเกิดเรื่องกับรถม้าของฮูหยินทำให้รถม้าของฮูหยินจอดนิ่งอยู่ที่นี่บ่าวก็เลยรีบไปแจ้งให้ซื่อจื่อทราบขอรับ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นเหยียนเซียวก็หันไปมองสาวใช้ของสุ่ยอี้หรง นางรีบคุกเข่าลงตรงหน้าเขาในทันที

“ขอซื่อจื่อได้โปรดอย่าลงโทษฮูหยินเลยเจ้าค่ะ ที่นางทำเช่นนี้จะต้องเป็นเพราะถูกผู้อื่นเล่นงานแน่ๆ เจ้าค่ะ” เสี่ยวเหยาเอ่ยพลางร่ำไห้ออกมายามนี้ในใจของนางกำลังหวาดกลัวว่าหากเจ้านายของตนถูกลงโทษตัวนางเองก็คงไม่อาจจะพ้นโทษทัณฑ์ในครั้งนี้ด้วย

“นายของเจ้าไปก่อเรื่องใดมาหรือ เหตุใดจึงได้ถูกผู้อื่นเล่นงานจนต้องมาทำเรื่องเช่นนี้ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย” คำถามของเขาทำให้เสี่ยวเหยารีบก้มหน้าลงแล้วเม้มปากแน่น เมื่อเห็นท่าทางของสาวใช้เหยียนเซียวจึงได้แค่นหัวเราะออกมา

“เรื่องดีๆ ไม่เคยทำ วันทั้งวันคิดจะทำแต่เรื่องชั่วช้าโสมม” เขาเอ่ยออกมาแล้วจึงได้ดึงกระบี่ข้างกายของตนเองออก เขาถือกระบี่เดินตรงไปที่รถม้าอีกครั้งแล้วลงมือจัดการคนที่ทำเรื่องน่าอายบนรถม้า เสียงกรีดร้องและกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งออกมาจากบนรถม้าทำให้สาวใช้ของสุ่ยอี้หรงหวาดกลัวจนตัวสั่น ยามที่เหยียนเซียวเดินมาจนถึงตัวนางก็ใช้กระบี่แทงเข้าไปที่ร่างของนางอย่างรุนแรงและแม่นยำทำให้สาวใช้นางนั้นสิ้นใจไปในทันที

“ซื่อจื่อโปรดไว้ชีวิตด้วยเถิด” คนขับรถม้าและเหล่าองครักษ์ต่างก็รีบอ้อนวอนขอชีวิตแต่กลับช้ากว่าคมกระบี่ของเหยียนเซียวและคนของเขา

“พวกเจ้าช่วยกันจัดฉากว่านางถูกโจรปล้นและถูกฆ่าตายระหว่างทางกลับจวน หลังจากนี้พวกเจ้าควรจะปิดปากให้สนิท อย่าให้ข้ารู้ว่ามีผู้ใดเอาเรื่องในวันนี้ออกไปพูดให้คนนอกรับรู้” เหยียนเซียวเอ่ยพลางหันไปมองรถม้าด้วยสายตารังเกียจ

“ปล่อยให้นางอยู่ในสภาพนั้นนั่นแหละ ในเมื่อยามอยู่นางไม่อาจจะรักษาความบริสุทธิ์ของร่างกายและจิตใจเอาไว้ได้ ดังนั้นยามตายนางก็สมควรจะตายไปพร้อมกับความมัวหมองเช่นนี้ อย่าลืมนำร่างของคู่นอนของนางไปโยนให้สุนัขป่ากินเสีย ทำให้เหมือนนางถูกโจรป่าล่วงเกินแล้วถูกฆ่าตาย ชื่อเสียงความบริสุทธิ์ของนางก็ให้แหลกเหลวไปเพราะถูกโจรป่าย่ำยีก็แล้วกัน” เมื่อเอ่ยจบเหยียนเซียวก็สะบัดชายแขนเสื้อแล้วขี่ม้าจากไปทิ้งให้ลูกน้องของเขาช่วยกันปรับแต่งสถานที่ทำให้เหมือนกับว่ามีโจรป่าบุกเข้ามาปล้นรถม้าของฮูหยินซื่อจื่อจวนไหวกั๋วกง

ยามที่เหยียนเซียวขี่ม้าจากไปแล้วคนที่ลอบดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ ก็พากันล่าถอยจากมาเช่นเดียวกัน องค์ชายรองหลี่เสวียนที่ในยามนี้สวมใส่ชุดดำอำพรางตัวอยู่ถึงกับทอดถอนใจออกมาด้วยความคาดไม่ถึง

“คิดไม่ถึงว่าเหยียนเซียวจะโหดเหี้ยมและอำมหิตถึงเพียงนี้ แม้แต่ฮูหยินของตนเองก็ยังจัดการอย่างไร้เยื่อใย แต่ที่ทำให้ข้าคาดไม่ถึงมากกว่าก็คือฮูหยินของเจ้าที่สามารถคาดเดาแผนการและโต้ตอบกลับอย่างเจ็บแสบเช่นนี้” ถ้อยคำขององค์ชายรองทำให้ซ่งเหวินจิ้งพ่นลมหายใจออกมา

“สุภาพบุรุษจอมปลอมอย่างเหยียนเซียวมีหรือจะทนได้หากได้เห็นว่าฮูหยินของตนกำลังโรมรันพันตูและมีสัมพันธ์ลึกซึ้งอยู่กับผู้อื่น” คำพูดของซ่งเหวินจิ้งทำให้องค์ชายรองทรงพยักหน้า

“เจ้าก็เลยส่งคนไปบอกเขาว่าเกิดเรื่องกับรถม้าของฮูหยินของเขาทำให้เขาต้องรีบมาช่วยเหลือนางตามหน้าที่ของสามีที่ดี แล้วเขาก็เลยได้เห็นภาพบาดตาด้วยตนเองเช่นนี้” คำพูดขององค์ชายรองทำให้ซ่งเหวินจิ้งพยักหน้า แล้วเขาจึงจ้องมององค์ชายรองด้วยสายตาไม่พอใจ

“เพียงแต่ที่กระหม่อมไม่เข้าใจก็คือเหตุใดองค์ชายรองยังไปเป็นแขกที่เรือนส่วนหน้าของจวนสกุลสุ่ยอีกทั้งๆ ที่รู้ว่าจวนสกุลสุ่ยคิดจะเล่นงานพระองค์” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้องค์ชายรองทรงพระสรวลออกมาเบาๆ

“วางใจเถิดน่าข้าไม่ได้คิดไม่ดีต่อฮูหยินของเจ้าหรอก ที่ข้าไปก็เพราะเกรงว่าหากท่านตาใช้แผนการอื่นแล้วเจ้าที่เตรียมการรับมือท่านตาเอาไว้แล้วจะคิดแผนการรับมือใหม่ไม่ทัน คิดไม่ถึงว่าฮูหยินของเจ้าก็จะมีแผนการของตนเองเช่นนี้แถมดีกว่าแผนที่เจ้าวางเอาไว้เสียอีก” องค์ชายรองทรงตรัสออกมาแล้วก็เดินจากไปทิ้งให้ซ่งเหวินจิ้งได้แต่ส่ายหน้าแล้วยิ้มออกมาเมื่อคิดถึงการโต้กลับของโม่ชิงเยว่

เดิมทีซ่งเหวินจิ้งวางแผนเอาไว้ว่าเขาจะลอบเปลี่ยนยาที่สุ่ยฮูหยินจะใช้ เขาส่งคนเข้าไปสอดแนมและสืบจนพบแล้วว่ายาที่สุ่ยฮูหยินเก็บเอาไว้อยู่ที่ใด แต่เมื่อได้รู้ว่าโม่ชิงเยว่ล่วงรู้แล้วว่ายาของสกุลสุ่ยคือยาชนิดใดและนางได้วางแผนโต้กลับจวนสกุลสุ่ยเอาไว้แล้วเขาจึงได้พับแผนการของตนเองแล้วคอยเฝ้าดูและคอยช่วยเหลือนางอยู่ห่างๆ ซึ่งเขาเองก็แทบจะไม่ได้ช่วยเหลืออะไรนางเลยนอกจากส่งเงินกลับจวนให้มากสักหน่อยนางจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองที่จะซื้อของ และยังส่งคนไปตามเหยียนเซียวเพื่อที่จะได้ทำให้สุ่ยอี้หรงไม่อาจจะย้อนกลับมาเล่นงานโม่ชิงเยว่ได้อีกต่อไป

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

    ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 65 ปรนนิบัติ

    หลังจากดูพลุไฟแล้วซ่งเหวินจิ้งและโม่ชิงเยว่ก็เดินไปส่งเด็กๆ กลับเรือนด้วยตนเอง แน่นอนว่าซ่งเหวินจิ้งย่อมจะต้องเดินตรวจตรารอบๆ เรือนด้วยตนเองอีกครั้งและยังกำชับให้คนของเขาคอยคุ้มกันจวนให้ดี อีกทั้งยังสั่งสาวใช้ภายในเรือนให้วันพรุ่งนี้ย้ายข้าวของเครื่องใช้ของซ่งจื่อเยว่และซ่งจื่อเหยาไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่ เมื่อสั่งการทุกคนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง พอเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของเรือนนี้แน่นหนาดีแล้วเขาจึงได้เข้าไปหาโม่ชิงเยว่ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ภายในเรือน“ในเมื่อลงนามสงบศึกแล้ว คนของแคว้นต้าเป่ยก็ไม่น่าจะสร้างความร้าวฉานด้วยการลอบโจมตีท่านและครอบครัวอย่างที่ท่านกำลังกังวลอยู่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า“แคว้นต้าเป่ยแม้ว่าจะปกครองด้วยเชื้อพระวงศ์สกุลเซียว แต่สกุลที่กุมอำนาจทางกองทัพก็คือสกุลหม่า ข้าที่พึ่งจะฆ่าผู้นำสกุลและนักรบอีกหลายคนของสกุลหม่าย่อมจะต้องกลายเป็นเป้าแห่งความแค้นเคืองของพวกเขา แม้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะลงพระนามขอสงบศึกแล้ว แต่คนสกุลหม่าใช่ว่าจะก่อเรื่องไม่ได้ขอแค่เพียงสิ้นไร้หลักฐานก็ไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 64 สงบศึก

    ฮ่องเต้แคว้นต้าเป่ยส่งราชสาส์นมาขอเจรจาสงบศึก อีกทั้งยังยินดีที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่ฮ่องเต้แคว้นเหลียนทุกปี เมื่อทางฝั่งแคว้นต้าเป่ยยินยอมอ่อนข้อให้จนถึงขั้นนี้มีหรือที่หลี่เฟยหลงฮ่องเต้จะปฏิเสธหลังจากนั้นจึงได้ส่งราชสาส์นตอบกลับไปด้วยความยินดี เมื่อมีสัญญาณว่าการศึกจะสงบอย่างถาวรเช่นนี้ ประชาชนในแคว้นต่างก็รู้สึกยินดีกันทั่วหน้า สงครามจบสิ้นแล้วก็หมายความว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกหลายปี ไม่ต้องกังวลว่าคนในครอบครัวจะต้องไปพลีชีพเพื่อปกป้องแคว้นที่ชายแดนอีกจวบจนเมื่อมีการลงนามสงบศึกอย่างเป็นทางการชาวบ้านร้านตลาดก็ต่างพร้อมใจกันจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลอง พลุไฟนับหมื่นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโอ้อวดความงดงามท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งจ้องมองพลุไฟเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวลใจเมื่อคิดได้ว่าท่ามกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกำลังมีคนของแคว้นต้าเป่ยเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง ยามนี้เขาทำหอดูดาวให้สูงขึ้นแล้วรื้อหลังคาของหอดูดาวออก ทำให้เขาและครอบครัวสามารถชื่นชมความงามของพลุไฟได้อย่างเต็มที่“ท่านแม่! ท่านดูสิราวกับมีดอกไม้นับหมื่นกำลังแข่งกันเบ่งบานอย

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 63 ความทะเยอทะยานของเหยียนเซียว

    ในขณะที่ทางจวนโหวมีคนกำลังพยายามเร่งสานความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ทางจวนตระกูลเหยียนหรืออดีตจวนไหวกั๋วกงก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด เหยียนฮูหยินผู้เคยได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินของท่านกั๋วกงก็กำลังนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้บุตรชายหาหนทางช่วยสามีที่ในยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกของกรมอาญา“เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพ่อของเจ้าจริงๆ หรือ เสียแรงที่พ่อของเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า” เหยียนฮูหยินเอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยท่วงท่าที่ดูอ่อนแอและบอบบางราวกับว่าจะแตกหักได้ทุกเมื่อ“จะให้ข้าช่วยอย่างไร ให้ข้าไปคุกเข่าขอพระเมตตาแล้วทำให้ข้าและสกุลเหยียนทั้งสกุลถูกฝ่าบาทหวาดระแวงและคิดว่าพวกเราสกุลเหยียนมีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ ท่านแม่อย่าได้ลืมสิว่าฮุ่ยเอ๋อต้องเสียสละอะไรไปบ้าง ยามนี้นางกำลังได้รับความโปรดปรานท่านอยากให้ฝ่าบาททรงตระหนักได้ว่าการกระทำของท่านพ่อล้วนเป็นเพราะความทะยานอยากที่จะยึดครองกองกำลังของจวนโหวแล้วทำให้ชีวิตของฮุ่ยเอ๋อและองค์ชายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายหรือ” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้เหยียนฮูหยินส่ายหน้า“นางได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่คิดจะทำเพื่อเจ้าแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 62 ความสุขของท่านโหว

    ฤดูกาลผันเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะงดงาม พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นต้นทุนในการซื้อสมุนไพรก็ลดลงเมื่อต้นทุนลดลงผลกำไรก็มากขึ้น เมื่อได้ผลกำไรมากขึ้นก็ทำให้โม่ชิงเยว่เริ่มมีกำลังใจที่จะคิดค้นสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อนำไปวางขายในร้านโม่เซียงของนาง“เหตุใดบรรดาถุงผ้าปักเหล่านี้จึงได้มีลวดลายแปลกตาเช่นนี้เล่า แล้วยังกล่องไม้สำหรับใส่ผงแป้งเหล่านี้อีกเจ้าไปเอาแนวทางในการคิดค้นรูปร่างและลวดลายพวกนี้มาจากไหน” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่วางพู่กันที่ใช้วาดรูปลวดลายลงบนโต๊ะเขียนอักษรแล้วจึงได้สะบัดมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า“หากข้าจะบอกว่าข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันอันยาวนานของข้าท่านจะเชื่อหรือไม่” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า“เหตุใดจะไม่เชื่อกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยฝันเสียหน่อย เพียงแต่ความฝันของข้าไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นนี้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางเดินมานวดไหล่ให้โม่ชิงเยว่ด้วยความคุ้นชินส่วนโม่ชิงเยว่ก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นแล้วหลับตาเพื่อรับความสบายจากอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขาอย่างผ่อนคลาย“มันเป็นความฝันที่ยาวนานมาก ยาม

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 61 ความเป็นส่วนตัว

    เมืองหลวงมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อจวนนิ่งอันโหวถูกลอบโจมตี แม้ว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แต่นิ่งอันโหวกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด อีกทั้งยังทรงส่งองค์ชายรองมาควบคุมการสอบสวนด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้คนร้ายที่ถูกจับต่างก็ซัดทอดความผิดไปที่ไหวกั๋วกง ทำให้ไหวกั๋วกงต้องรีบเข้าวังเพื่อแก้ต่างให้กับตนเองและขอให้มีการตรวจสอบนักฆ่าเหล่านั้นอีกครั้งแต่แน่นอนว่าทางซ่งเหวินจิ้งได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาไม่เพียงขอพระราชโองการคุ้มครองพยานให้กับเหล่านักฆ่า ยังส่งกองกำลังของตนเองคอยคุ้มครองครอบครัวและคนใกล้ชิดของเหล่านักฆ่าอย่างแน่นหนา เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ใช่คนโง่พวกเขาเข้าออกจวนไหวกั๋วกงเป็นว่าเล่นย่อมมีลู่ทางสำรองเอาไว้บ้าง การที่พวกเขาลักลอบตีสนิทกับคนในจวนไหวกั๋วกงก็เพื่อให้พวกเขาเป็นคนมีตัวตนภายในจวน ไม่ใช่แค่เพียงนักฆ่าเงาที่ตายไปแล้วก็ไม่หลงเหลือร่องรอยให้ผู้คนตามหา ดังนั้นทางกรมอาญาย่อมสามารถที่จะหาคนมายืนยันฐานะของพวกเขาได้ว่าพวกเขาทำงานให้ไหวกั๋วกงจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ไหวกั๋วกงจึงไม่อาจจะปัดป้องความผิดของตนเองได้แล้ว“ท่านเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status