หลังจากที่รู้ตัวว่าได้โผล่มาที่ไหนไม่รู้ อยู่ดีๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาในหัวทำเธอตกใจหัวใจจะวาย!
" ระบบได้ทำการย้ายมิติสำเร็จ โปรดยืนยันตัวตน "
" ระบบได้ทำการย้ายมิติสำเร็จ โปรดยืนยันตัวตน "
" ระบบได้ทำการย้ายมิติสำเร็จ โปรดยืนยันตัวตน "
ลงชื่อ จูเมิ่งฮวา
ยืนยันตัวตนสำเร็จ
[ยินดีด้วยขอรับ ตอนนี้โฮสได้ยืนยันตัวตนสำเร็จแล้วสามารถเข้าไปในห้วงมิติจิตได้เลยขอรับ]
แม้ว่าเธอจะตกใจมากแต่เธอก็ต้องทำใจและทำความเข้าใจกับระบบเนื่องจากเธออ่านนิยายมาเยอะ อีกอย่างมาแบบนี้ก็ดีเธอจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ของเธอให้มีความสุขที่สุด
" ที่นี่ที่ไหน "
[ที่นี่คือแคว้นฉิน เมืองเสียนหยาง และตอนนี้ที่โฮสอยู่คือป่าอสูร ของหมู่บ้านซานซีขอรับ]
" โอ้ นี่ไม่ใช่ว่าฉันทะลุมายุคจีนโบราณหรอกนะ "
[จะเรียกว่าแบบนั้นก็ได้ขอรับ แต่ระบบขอแนะนำว่าให้โฮสใช้คำพูดของคนยุคนี้ให้ถูกด้วยขอรับไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดปัญหาได้]
" อืม ว่าแต่ระบบเจ้ามีชื่อหรือเปล่า? "
[ไม่มีขอรับ]
" งั้นข้าจะตั้งให้เจ้าเองแล้วกัน อืม… เสี่ยวเปา แล้วกัน "
[ขอบคุณขอรับ เสี่ยวเปาชอบมาก]
เธอก็พยักหน้าตอบกลับไป แล้วจึงเข้ามิติทันที เมื่อได้เข้ามาในมิติแล้วเธอก็ตะลึงกับภาพตรงหน้ามากๆ สวยมากจริงๆ มีแม่น้ำภูเขา ต้นผลไม้ พืชผักสมุนไพร มีผักสวนครัวอีกด้วย อีกฝั่งเป็นบ้านสไตล์มินิมอลชั้นเดียวขนาดใหญ่ มีโกดังเก็บของ อาหารสดอาหารแห้ง ของใช้แยกเป็นโกดังเลย มีบ่อน้ำวารีสวรรค์ กับบ่อพวกสัตว์ต่างๆ ที่เธอซื้อมา เลยไปอีกจะมีคอกสัตว์ต่างๆ ด้วย ส่วนแมวที่เธอซื้อมานั้นอยู่ในบ้าน เมื่อเธอสำรวจเสร็จแล้วจึงเข้าไปในบ้าน ในบ้านจะมี2 ห้องนอนมีห้องน้ำที่มีอ่างจากุชชี่ในตัวด้วย ห้องทำงาน ห้องทำอาหาร ห้องทำขนม ห้องยาและสมุนไพรห้องทดลอง ห้องวาดรูป ห้องดนตรี ห้องฝึกซ้อม ห้องรักษาเหมือนโรงพยาบาลขนาดย่อม ห้องนั่งเล่น ซึ่งทุกๆ ห้องก็ตรงตัวตามชื่อเรียกเลยมีอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ให้ครบครันซึ่งก็ถูกใจเธอมากๆ นี่เธอทะละมิติมาเป็นแมรี่ซูหรืออย่างไรกันเนี่ย? ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย
หลังจากที่สำรวจในบ้านแล้วเธอจึงคิดว่าจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมออกไปข้างนอกสักหน่อย ซึ่งเสื้อผ้ารองเท้าปิ่นปักผมของต่างๆ ระบบได้เตรียมไว้ให้เรียบร้อยเยอะมากละลานตาจนเธอเลือกไม่ถูก เสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าที่ระบบเตรียมไว้ให้มีตั้งแต่ผ้าระดับปานกลางจนผ้าหายากที่คนในยุคนี้แทบไม่มีเลย อ่า… เรียกว่าไม่มีเลยจะจะถูกกว่าและผ้าที่เธอเห็นนั้นมีหลายแบบ หลายชนชั้นเลยก็ว่าได้และมีทุกสี เธอจึงเลือกผ้าหายากที่สุดสีชมพูอ่อน รองเท้าสีชมพู ปิ่นปักผมลายหงษ์สวยงาม ซึ่งมันก็เข้ากับเธอมาก ผิวพรรณขาวอมชมพูกระจ่างใสตากลมโต ปากนิดจมูกหน่อย หน้าตาของเธอนั้นงามล่มเมืองจริงๆ งดงามดั่งเทพเซียน ในยุคที่เธอมานี้ไม่มีใครงามเทียบเท่าเธอได้เลย ตอนนี้เธอเป็นเด็กสาวอายุ 18 ขวบปี (ระบบได้ทำการลดอายุตอนทำการเคลื่อนย้ายมายังยุคโบราณ) พอดี หลังจากนั้นเธอจึงออกจากมิติทันที ถ้าหากใครได้เห็นก็ต้องเผลอไผลไปความงดงาม ยิ่งถ้าได้เห็นถึงความสามารถแล้วด้วยยิ่งต้องมีคนมากมายหมายปองต้องตา จูเมิ่งฮวา คนนี้แน่ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นนางก็หาได้สนใจไม่
" เสี่ยวเปา ข้าจะออกจากป่าแห่งนี้นี่อีกไกลหรือไม่ "
[ไม่ไกลขอรับ โฮสเดินทางไปอีกครึ่งชั่วยามก็ออกจากป่าได้แล้วขอรับ]
" หืม… ไวถึงเพียงนั้น เอาล่ะ งั้นเราไปกันเถอะ! "
หลังจากนั้นก็เดินเท้าออกจากป่าทันที ตอนนี้เธอเดินมาได้1 เค่อแล้ว อีกไม่นานก็ใกล้จะถึงทางออกแล้ว
…
หมู่บ้านซานซี
ตอนนี้เมิ่งฮวาได้ออกจากป่าอสูรแล้ว อยู่หน้าหมู่บ้านซานซี จึงตัดสินใจที่จะตั้งที่อยู่อาศัยที่หมู่บ้านซานซี
" อ้าวนังหนู เหตุใดจึงมาอยู่ตรงนี้เล่า " ลี่คุนกับภรรยาลี่จูกำลังเดินเท้าเข้าหมู่บ้านก็เห็นเด็กสาวแปลกหน้ายืนอยู่จึงเอ่ยถาม
" คือว่าครอบครัวของข้าโดนปล้นกลางทางทำให้ท่านพ่อท่านแม่ของข้าตาย ข้าจึงอยากจะมาตั้งรกรากอยู่อาศัยอยู่ที่นี่เจ้าค่ะ " เธอจำใจเอ่ยคำโกหกออกไป
" โอ้ งั้นรึ งั้นเข้าหมู่บ้านพร้อมกับข้าแล้วกัน เดี๋ยวข้าจะให้ภรรยาของข้าพาไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน " ท่านลุงรีบเอ่ยอย่างใจดีกับนาง พร้อมกับทำหน้าเห็นอกเห็นใจออกมา
" เอ่อ… ขอบคุณมากเจ้าค่ะท่านลุงท่านป้า "
" ลุงชื่อลี่คุน ภรรยาข้าลี่จู เจ้าเรียกข้าว่าลุงลี่กับป้าลี่ก็แล้วกัน แล้วเจ้าชื่อแซ่อันใดเล่า "
" ข้าจูเมิ่งฮวาเจ้าค่ะ ท่านลุงท่านป้าเรียกข้าว่า อาเมิ่ง หรือเมิ่งฮวาก็ได้เจ้าค่ะ "
" ได้ๆ ป่ะอาเมิ่งเข้าหมู่บ้านเถอะ เดี๋ยวลุงจะให้ป้าลี่พาเจ้าไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน "
" เจ้าค่ะ "
เมื่อเดินเข้าหมู่บ้านก็มีชาวบ้านรอบข้างคอยเมียงมองมาทางเธออย่างสงสัยใคร่รู้ บางคนก็เอ่ยถามบางคนก็แค่มองเฉยๆ บางคนก็แสดงอาการอิจฉาเธอออกมาทันทีที่เห็นใบหน้าที่งดงามปานล่มเมืองและผิวพรรณขาวใสอมชมพูของเธอ ไหนจะการแต่งตัวที่มองดูก็รู้ว่าร่ำรวยเพียงใดอีก
บ้านหัวหน้าหมู่บ้าน
" อาตงเอ้ย " เสียงท่านป้าลี่ตะโกนเรียกหัวหน้าหมู่บ้าน
" ว่าไงท่านป้าลี่ มาหาข้ามีอันใดรึ แล้วนั่นท่านพาใครมาด้วยเล่า " ทันทีที่สายตามองมาเห็นเธอก็เอ่ยถามทันที
" ข้าพานังหนูเมิ่งมาหาเจ้าน่ะ "
" อ้อ ว่าแต่เจ้ามาหาข้ามีอันใดเล่า " ท่านหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยถามเธอด้วยความสงสัยปนแปลกใจ เนื่องจากไม่เคยเห็นหน้านางมาก่อน
" ข้าจะมาขอซื้อที่เพื่ออยู่อาศัยที่นี่น่ะเจ้าค่ะ "
" ได้ๆ ข้าชื่อ ตงเต๋อเป่า แล้วเจ้าชื่อเสียงเรียงนามอันใดเล่า มาคนเดียวรึ "
" ข้าชื่อ จูเมิ่งฮวา เจ้าค่ะ พอดีระหว่างกลางทางรถม้าของบ้านข้าโดนดักปล้นทำให้ท่านพ่อท่านแม่ของข้าเสียชีวิตเจ้าค่ะ ข้าเลยเดินทางเท้ามาเพียงคนเดียว "
" เอ่อ ข้าเสียใจด้วยนะแม่นาง ว่าแต่เจ้าต้องการพื้นที่กี่หมู่เล่า " หัวหน้าหมู่บ้านรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวจะทำให้เด็กสาวเสียใจ
" ข้าต้องการที่ใกล้แถบภูเขาและแม่น้ำ10หมู่เจ้าค่ะ ราคาเท่าไหร่หรือเจ้าคะ "
" อืม ราคาจะตกอยู่ที่หมู่ละ 4 ตำลึงเงิน 10 หมู่ก็ 40 ตำลึงเงินน่ะ " เมื่อคิดจำนวนเงินเรียบร้อยก็รีบเอ่ยบอกแก่นาง
" เจ้าค่ะ " เธอคุยกับระบบทางจิตให้ระบบนำเงินออกมาให้เธอ 40 ตำลึงเงิน
" นี่เจ้าค่ะ " เธอวางเงินจำนวน 40 ตำลึงให้หัวหน้าหมู่บ้าน
" อืม งั้นทำสัญญาเลยแล้วกัน "
" เจ้าค่ะ " เมื่อทำสัญญาเสร็จหัวหน้าบอกว่า
" เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะเข้าเมืองไปดำเนินเรื่องให้เจ้าแล้วกัน "
" ขอบคุณมากเจ้าค่ะ "
หลังจากทำเรื่องเสร็จนั้นเธอกับป้าลี่ก็เดินออกมาจากบ้านหัวหน้าหมู่บ้าน
" นังหนูเมิ่ง แล้วเจ้าจะไปอยู่ที่ไหนเล่ากว่าจะสร้างบ้านเสร็จก็คงอีกนาน "
" เอ่อ ข้ายังไม่ได้คิดไว้เลยเจ้าค่ะ "
" งั้นเจ้าก็มาอยู่บ้านของป้ากับลุงจนกว่าบ้านจะเสร็จก่อนก็แล้วกัน "
" แบบนั้นจะไม่เป็นการรบกวนท่านลุงท่านป้าหรือเจ้าคะ "
" เพ้ย! รบกงรบกวนอันใดกัน ไปๆ ไปอยู่กับลุงกับป้าก่อนนี่แหละ " ท่านป้าเอ่ย
" …เอาแบบนั้นก็ได้เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านป้ามากเลยนะเจ้าคะ "
ระหว่างที่เดินกลับบ้านของท่านป้า เมิ่งฮวาก็ส่งจิตคุยกับระบบ
" นี่เสี่ยวเปา หากข้าต้องการนำของออกมาจากมิติจะทำอย่างไร พวกท่านลุงท่านป้าต้องสงสัยแน่ "
" ท่านก็นำแหวนมาใส่สิขอรับ แคว้นนี้มีแหวนมิติน่ะขอรับ ไม่มีใครสงสัยสิ่งที่ท่านนำออกมาแน่นอน " แต่มิติก็ไม่ได้บอกกับเมิ่งฮวาว่าแคว้นนี่มีแหวนมิติก็จริงแต่ก็น้อยนักที่จะมีให้พบเห็นนอกจากฮ่องเต้ หรือคนของราชวงศ์แล้วก็ไม่มีใครที่สามารถมีแหวนมิติได้ซึ่งทุกคนก็ต่างรู้ดี
หลังจากที่ระบบบอกเธอจึงนำแหวนเพชร ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มาแอบสวมไว้ที่นิ้วทันที เพราะกลัวท่านป้าลี่จะเห็น เมื่อเดินสักพักก็ถึง
_______________
* ค่าเงินจีนโบราณ
1 ตำลึงทอง = 10 ตำลึงเงิน
1 ตำลึงเงิน = 1 ก้วนเหรียญทองแดง
1 ก้วน = 1000 เหวิน (อีแปะ) ซึ่งเป็นเหรียญทองแดงผสม
หลังผ่านเหตุการณ์สั่นคลอนชะตาทั้งหลายที่ปราสาทอู่หวัง และผ่านช่วงเวลาพักรักษาตัวอยู่ในจวนใหญ่ของโจวจางเหว่ย ในที่สุดนางก็สามารถฟื้นตัวคืนกำลังได้เกือบเต็มร้อย พลังลี้ลับจากเลือดมังกรในกายไม่ปรากฏอาการร้อนผ่าวอีกแล้ว เธอสัมผัสได้ว่าบัดนี้ตนไม่ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งเช่นเดิมอีกต่อไปในเช้าวันแดดจัดที่มีเมฆลอยเรียงกันประปราย โจวจางเหว่ยได้จัดเตรียมรถม้าอย่างเรียบง่าย พาเมิ่งฮวาออกเดินทางกลับหมู่บ้านซานซี อันเป็นดินแดนเล็กๆที่เธอเคยใช้ชีวิตเรียบง่ายร่วมกับ ท่านลุงลี่คุน และท่านป้าลี่จูเสมอมาเมิ่งฮวามองเห็นทิวเขาคุ้นตาแต่ไกล ยิ่งใกล้ซานซีเท่าไรเธอยิ่งรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นึกถึงวันที่ยังใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ไม่ต้องพัวพันกับเลือดมังกรหรือการเมืองใดๆ เมื่อถึงทางเข้าหมู่บ้านเธอเห็นรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของโจวจางเหว่ย และสัมผัสได้ถึงสายลมเย็นๆที่พัดมาเหมือนยินดีต้อนรับการกลับมาของเธอเมื่อรถม้าวิ่งเข้าเขตบ้านลุงลี่คุน ท่านป้าลี่จูก็ปราดออกมาต้อนรับทันทีด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความห่วงใย“อาเมิ่ง! เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?” ท่านป้าลี่จูรีบเข้ามาจับมือเมิ่งฮวา ตรวจดูกันตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับหล
เสียงก้องสะท้อนในห้องมังกรใหญ่ยังคงโหมกระพือ เสาหินรอบข้างสั่นไหวราวกับจะถล่มลงทุกเมื่อ อานุภาพมหาศาลจากแกนมังกรแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ทำให้อากาศสั่นระริกจนทุกคนที่อยู่ในห้องรู้สึกหายใจลำบากเมิ่งฮวายืนอยู่ตรงกลางวงแสงสีทองที่ปะทุจากจุดศูนย์กลางของแท่นบูชา เหงื่อและเลือดไหลอาบบนใบหน้าที่เธอไม่อาจรับรู้ถึงความเจ็บปวดได้อีก ในจิตใจเธอมีเสียงสองกระแสคอยก้องสลับไปมา‘หลอมรวม… เพื่อเป็นผู้ครองพลัง! หรือทำลาย… เพื่อยุติความวุ่นวาย!’เบื้องหน้าเธอคือรูปสลักมังกรที่ดูเหมือนมีชีวิต แผ่นโลหะหนาทึบบนอกรูปสลักเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆเผยให้เห็นแกนมังกรคล้ายลูกแก้วสีทองสะท้อนแสงในมือเมิ่งฮวา อำนาจโบราณจากยุคสมัยราชวงศ์เก่ากำลังตื่นขึ้นพร้อมแรงกดดันอันเกรี้ยวกราดขณะที่คลื่นพลังปกคลุมห้องมังกรอย่างหนักหน่วง เหล่ามือสังหารที่ยังมีสติอยู่ก็ต้องคุกเข่าหรือหมอบกับพื้น องครักษ์ของโจวจางเหว่ยที่ยังยืนก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่ บางคนถูกแรงอัดดีดกระเด็นไปยังซอกกำแพงโจวจางเหว่ยตะเกียกตะกายลุกขึ้น มือกำกระบี่ที่สั่นระริก พยายามฝ่าคลื่นพลังเข้ามาหาเมิ่งฮวา“ฮวาเออร์!” เขาเรียกสุดเสียง แต่ถูกแรงอัดบีบจนขยับได้ยากเต็มที
แสงสีทองแห่งแกนมังกรที่ซ่อนอยู่ภายในร่างโลหะของมังกรส่องสว่างออกมาจากกลางแท่นบูชาอย่างน่าพิศวง บรรยากาศในห้องใต้ดินอันกว้างใหญ่ชวนให้รู้สึกถึงความเก่าแก่และพลังลี้ลับที่สั่งสมมานับศตวรรษเมิ่งฮวายืนนิ่งหัวใจเต้นระรัวเมื่อตระหนักว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ‘หัวใจ’ของอู่หวังที่แท้จริง ต้นกำเนิดแห่งอำนาจซึ่งเหล่ากบฏกำลังตามหามาโดยตลอดขณะที่เมิ่งฮวากำลังไล่สายตาสำรวจรูปสลักมังกรขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะมีชิ้นส่วนโลหะพิเศษครอบอยู่เป็นเกล็ด การเต้นของเลือดในร่างกายเธอก็เร่งจังหวะไม่หยุดราวกับสายเลือดตอบสนองต่อบางสิ่งที่เปล่งพลังงานอยู่เบื้องหน้า“ฮวาเออร์…” โจวจางเหว่ยเรียกเธอเสียงเบา มือกำกระบี่ข้างกายแน่น เขามองสถานการณ์ด้วยความระแวดระวังเพราะอาจมีศัตรูโผล่มาได้ทุกเมื่อ “เจ้ารู้สึกไหมว่าพลังนี้กำลังเรียกหาเจ้า?”เมิ่งฮวาพยักหน้าเล็กน้อยสีหน้าสับสนแต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นางไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ก้าวเข้าใกล้แท่นบูชามากขึ้นทีละนิดโดยมีโจวจางเหว่ยตามมาคุ้มกันไม่ห่างบริเวณโดยรอบแท่นบูชามีร่องรอยภาพสลักเก่าแก่บนกำแพงหินและพื้น บ้างเป็นรูปมนุษย์แต่งกายหรูหรายืนล้อมมังกร บ้างเป็นรูปผู้คนคุกเข่าบูชา
การต่อสู้ในโถงมังกรยังคงดุเดือด ดาบกระทบกันเสียงดังสนั่น เสียงเหล็กเสียดสีกันดังไปทั่วทุกมุมโถง บางครั้งสายตาของเมิ่งฮวาก็เหลือบไปเห็นบันไดลับที่เปิดลงไปยังส่วนลึกของปราสาท อาการบาดเจ็บจากการต่อสู้รุนแรงทำให้ความคิดของเธอพร่าเบลอ แต่เธอรู้ดีว่าถ้าไม่รีบตัดสินใจตอนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้พวกเขาพลาดโอกาสสำคัญไปท่ามกลางการต่อสู้ที่รุนแรงนักฆ่าหลายคนเริ่มแยกตัวออกไป โดยมีท่าทางเหมือนจะเริ่มมีกลยุทธ์บางอย่าง การโจมตีของพวกมันแม่นยำและรวดเร็ว หลายครั้งที่เมิ่งฮวากับโจวจางเหว่ยต้องใช้กลยุทธ์หลบหลีกและโจมตีสวนกลับ หากพวกเขายังไม่สามารถหยุดยั้งพวกมันได้ กลุ่มของพวกเขาจะต้องถูกต้อนให้มุมในไม่ช้า“พวกมันกำลังพยายามล่อเราไปที่มุม!” เมิ่งฮวาตะโกนเตือน โจวจางเหว่ยหันไปมองเธอด้วยความเป็นห่วงแต่เขาก็ไม่มีเวลาพูดอะไร เพราะมือสังหารอีกคนพุ่งมาที่เขา โจวจางเหว่ยต้องหลบการโจมตีและสวนกลับด้วยกระบี่ในมือ“ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าหลบหนีไปได้แน่!” เขาตะโกนสั่งองครักษ์ที่ยืนข้างๆ พลางฟันกระบี่ของตนอย่างแม่นยำเสียงของดาบกระทบกันดังตึงตังจนหลายคนสะดุ้ง แต่ท่ามกลางความยุ่งเหยิงนั้น เมิ่งฮวามองเห็นช่องว่างระห
ความเงียบงันที่ปกคลุมอุโมงค์หินถูกแทนที่ด้วยเสียง ครืด… ครืด… ที่ดังสะท้อนก้องจนเสียดหู เมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ย ยืนประจันหน้ากับเงาดำขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ตรงส่วนปลายทางเดิน โดยมีองครักษ์อีกสองนายจับอาวุธเตรียมพร้อมในท่าทีตื่นตัวพอแสงคบไฟสาดส่องไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆก็ปรากฏให้เห็นเงาร่างเหมือน “รูปสลักมังกร” ขนาดใหญ่หินแกะสลักที่ลำตัวยาวเลื้อยไปตามผนัง มีส่วนหัวโผล่พ้นขึ้นจากพื้นหินชนิดที่เห็นฟันแหลมคมรางๆ ดวงตาของมันเป็นอัญมณีสีเขียวเข้มสะท้อนแสงไฟพราวระยับ จนดูราวกับมันกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่จริงๆเมิ่งฮวารู้สึกถึงเลือดในกายสูบฉีดเร็วขึ้น สัญชาตญาณบางอย่างร้องเตือนว่าสิ่งนี้มิใช่เพียงรูปสลักธรรมดา เหมือนมีพลังลี้ลับแผ่ออกมาจากตัวมัน“นายท่าน… นี่มัน… เคลื่อนไหวได้หรือขอรับ?” องครักษ์คนหนึ่งถามเสียงเบาหวิว มือกำกระบี่ไว้จนข้อขาวโจวจางเหว่ยไม่ตอบ เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวโดยที่ยังไม่ลดกระบี่ เสียงหินเสียดสีกันดังครืดอีกครั้ง ขณะเดียวกันรูปสลักมังกรก็ขยับคอไปด้านข้างช้าๆก่อให้เกิดความรู้สึกขนลุกพิลึก“รูปสลักนี้มีกลไกด้านใน… หรืออาจเป็นกับดักที่ใช้แรงคนหมุน?” เขาพึมพำ แต่ความสงสัยกลับเร้าใจขึ
ท่ามกลางกลิ่นอับชื้นและความเยียบเย็นของห้องหิน ขบวนของเมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ยตัดสินใจหยุดพักชั่วคราวเพื่อฟื้นแรงและประเมินสถานการณ์ โดยมีองครักษ์สองนายผลัดกันออกไปยืนเฝ้าที่ปากอุโมงค์เพื่อป้องกันมือสังหารศัตรูที่อาจกลับมาได้ทุกเมื่อเมิ่งฮวานั่งพิงกำแพงที่ขรุขระ หายใจผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยหลังจากผ่านการต่อสู้อันบีบคั้น เหลือบมองสมาชิกในขบวนที่ได้รับบาดเจ็บก็กำลังนั่งพักผ่อนเช่นกัน บางคนก็หลับตาปลดปล่อยความตรึงเครียดโดยมีอาวุธวางข้างตัวไม่ห่าง“ทุกคนเหนื่อยกันมาก…” โจวจางเหว่ยเอ่ยเสียงเบา ดวงตาเข้มทอแววห่วงใย “แต่เรายังต้องก้าวต่อไป หากพ้นคืนนี้แล้วเดินไปอีกไม่ไกลก็อาจถึงใจกลางอู่หวัง”เมิ่งฮวาพยักหน้ารับ เธอเองก็รับรู้ถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่ลึกลงไปในภูเขานี้ คล้ายกับว่ามันรอให้เธอมาค้นพบมานานแสนนาน“นายท่าน!” องครักษ์คนหนึ่งที่เดินตรวจลึกเข้าไปในอุโมงค์ร้องเรียกเบาๆ สะท้อนเสียงมาไกล ราวกับค้นพบอะไรบางอย่างโจวจางเหว่ยและเมิ่งฮวาลุกขึ้นทันที นำองครักษ์บางส่วนถือคบไฟตามเข้าไปยังโพรงแคบภายในห้องต่อไปในโพรงนั้น… พื้นหินเรียบแต่ผนังสองข้างกลับคดเคี้ยวด้วยลวดลายสลักเป็นรูปคนและสัตว์ในท่าทางแป