“นายอย่าตื่นเต้นสิ ปล่อยตัวจอยๆ สบายๆ มันจะเจ็บแป๊บเดียว” คนร่างสูงกว่า 190 เอ่ยบอกกับคนตัวสูง 187
“แต่ผมยังไม่ได้แตกใส่ปากนายเลยนะ นี่นายจะมาเล่นขี้โกงไม่ได้นะ” เขาเอ่ยทวง ได้ฟังดังนั้นร่างหนาก็พลิกร่างบางให้หันมาด้านหน้า เขานั่งคุกเข่าอีกรอบ ก่อนที่ปากหนาร้อนจะตวัดจ้วงลงลิ้นอุ่นๆ ดูดดื่มเจ้าไซซ์ 58 อย่างถี่ระรัว ทำเอาอีกคนไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไร เพราะตอนนี้มีแค่เสียงครางอย่างลุ่มหลงเพียงเท่านั้น “ซี้ดดดด อื้มมม …. ผมเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะทาม” “นายเงี่ยนใช่มั้ย บอกฉันสิ” ร่างหนาบังคับให้คนร่างบางกว่าเอ่ยพูด “ใช่” “ใช่อะไร? ” “อื้มม ผมเงี่ยน พอใจนายยัง ผมเงี่ยนมาก” ยิ่งเขาพูด ทามไทก็ยิ่งเร่งฝีปาก มือหนาก็บี้เขี่ยหัวนมชมพูน้อยๆ ของอีกคนไปด้วย อื้อออ …. อ๊าาาา ….. ผู้ถูกกระทำต่างร้องครางอย่างทรมานและสุขสม เพทายหูอื้อตาลายไปหมด ได้ยินคือเสียงฉ่ำแฉะน้ำลายของอีกฝ่ายที่งับเจ้าแก่นกายอย่างคนกระสัน ชายหนุ่มร่างสูงจับเจ้าไซซ์ 58 ถอนออกจากโพรงปากอย่างช้าๆ ก่อนจะฟาดเข้ากับเรียวปากของตนเองไปหลายที จากนั้นก็งับมันเข้าอุ้งปากใหม่ด้วยความหื่นกระหาย “ทาม…. ผมไม่ไหว…” ยิ่งได้ยินดังนั้นนิ้วร้านก็พยายามแหย่ตรงรูร่องจากทางด้านหลัง เขาแหย่เข้ามาข้างในจนสุดปลายนิ้ว คนร่างบอบบางกว่ากำลังเคลิ้มเสียวจากทางด้านหน้าจนลืมความเจ็บปวดที่คนร่างหนาพยายามยัดเยียดให้ แพะ … แพะ … เสียงนิ้วหนากระแทกเข้าช่องทางด้านหลัง ในขณะที่เรียวปากยังคงกลืนกินแท่งเอ็นอย่างไม่ให้ขาดจังหวะ เสียงลมหายใจของคนร่างบางเริ่มหอบกระชั้นหนักขึ้นเมื่อความรู้สึกเสียวซ่านเข้ามาครอบครอบ เพทายเริ่มจะยืนไม่อยู่ ร่างกายมันสั่นสะท้ายไปทั้งตัว “ทามครับ… ผมไม่ไหว… อื้ออ…” ยิ่งได้ยินคนตัวร้ายก็ยิ่งเร่งฝีปาก เขาถอนริมฝีปากออกจากหัวหยัก ก่อนจะงับมันเข้าไปใหม่จนสุดโคน “อื้มม ทำไมนายเก่งจังทาม นายทำแบบนี้เก่งชะมัด อื้มมมม เร็วๆ หน่อยทาม … เร็วอีก ผม… เอื้อออ ผมจะ.. แตก …” ในที่สุดเพทายก็ชักเกร็งกระตุกไปหลายที คนตัวสูงยังคงอมน้ำสีขุ่นไว้ในอุ้งปาก ก่อนจะค่อยๆ กลืนมันลงคอ ความรู้สึกตอนนั้นคือ มันคาวมาก แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้มันทำให้เขาเลือกที่จะกลืนมันลงคอไปจนเกลี้ยง และตามมาด้วยช่วยดูดเลียหัวและลอบลำทำความสะอาดให้อีกฝ่ายจนเอี่ยมอ่อง เพทายที่เอาแต่อึ้งค้างกับสิ่งที่อีกฝ่ายกระทำ “นายกลืนมันลงไปได้ยังไง?” “ก็ถ้ามันเป็นของนาย ฉันกลืนได้ทั้งนั้นแหละ นายอยากจะลองกลืนบ้างมั้ยล่ะ รอบแรกให้นายกลืนแบบฉัน รอบสองให้ฉันแตกใส่ก้นนาย ส่วนนายจะอยากแตกใส่ก้นฉันหรืออยากให้ฉันช่วยดูดแบบเดิม ได้หมด” พูดจบเพียงเท่านั้นเขาก็จับร่างของคนที่พึ่งเสร็จหมาดๆ ให้นอนคว่ำอีกรอบ ตอนนี้เขาก็จัดให้อีกคนอยู่ในท่าหมา ก่อนที่ลิ้นอุ่นหนาจะตวัดปลายลิ้นแข็งๆ ละเลงเข้าที่ช่องทางคับแคบด้านหลัง ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาก็ใช้นิ้วหนาจ้วงสวนมาบ้างแล้ว ชายหนุ่มค่อยๆ พรมจนน้ำลายเหนียวๆ เฉอะแฉะชุ่มฉ่ำทั่วช่องทางคับแน่น “ทาย..ฉันไม่ไหว ขอยัดนายเลยนะ” มือหนาจับเอาเจ้าแท่งเอ็นที่ตอนนี้มันปูดโปนไปด้วยเส้นเลือด ขนาดไซซ์ 60 ความยาวเท่าๆ กับคืบมือหนาของเขา เขาบดเบียดยัดเยียดหัวบานที่มีน้ำใสเมือกตรงปลายดอก ถูไถร่องรักของชายหนุ่มจากทางด้านหลังอย่างเชื่องช้าและใจเย็น ก่อนค่อยๆ กดดุนแท่งนั้นเข้ามา “อ๊ะ!!! ผมเจ็บ เดี๋ยวก่อนสินาย” แต่ด้วยความกระสันอยากของทามไท ทำเอาคนร่างใหญ่ไม่ฟัง เขากดเจ้าไซซ์ยักษ์เข้ามาด้านในเพียงพริบตาเดียว กึก!!! “โอ๊ยย!! ผมเจ็บ!!” ชายหนุ่มแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลรินข้างแก้ม ชายหนุ่มพยายามดันกายของใครอีกคนเอาเจ้าไซซ์ยักษ์นั้นออก มันเจ็บมันปวดหนึบมาถึงบริเวณท้องน้อย “ทาม ผมไม่ไหว นายหยุดก่อนได้มั้ย” คนอยากก็คิดแต่จะเอาอย่างไม่บันยะบันยัง ส่วนคนเจ็บก็เจ็บอุจจาระแทบเล็ด ในที่สุดทามไทก็ต้องปล่อยให้อีกคนไปเข้าห้องน้ำ เพราะทนไม่ไหว ข้างหลังมันเหมือนจะเล็ด ชายหนุ่มก้มลงมองรอยเลือดที่เปื้อนเบาะ แม้มันจะเป็นเบาะหนังสีดำ ทว่าเขากลับดูออก ก่อนจะรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยกับสิ่งที่ทำลงไป ปังๆๆ “นายล็อกห้องน้ำทำไม ทาย? ..เพทาย!! นายยังโอเคอยู่รึเปล่า!!” เมื่อเห็นว่ามันนานสักพักแล้ว ใครอีกคนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมา เขาจึงใช้กุญแจสำรองเปิดเข้าไปด้านใน “เชี่ย!! แม่งเอ้ย!!” ร่างหนาถึงกับสบถด้วยความตกใจ เพราะใครอีกคนหน้าซีดเป็นลมล้มฟุบลงใกล้ๆ อ่าง เขาช้อนอุ้มชายหนุ่มขึ้นมาก่อนจะพาเดินไปยังห้องนอน ก่อนจะค่อยๆ วางเพทายลงอย่างเบามือ ตอนนี้เลือดของเพทายยังคงไหลจากช่องทางด้านหลังไม่หยุด เขาจะรู้ไหมว่าเพราะขนาดที่ใหญ่เกินไปของตัวเอง มันทำให้ใครอีกคนถึงกับหน้ามืดเป็นลมหมดสติ ชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบก่อนจะเอากะละมังกับน้ำอุ่นๆ พร้อมด้วยผ้าผืนเล็กเดินเข้ามายังเตียงใหญ่ เขาบรรจงเช็ดทำความสะอาดให้ร่างที่ยังนอนไม่ได้สติ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงละเมอออกมาเบาๆ “ผมเจ็บ” นิ้วเรียวหนาค่อยๆ เกลี่ยน้ำตาให้ จากนั้นเขาก็บรรจงเช็ดทำความสะอาดตรงช่องทางคับแคบให้ร่างที่นอนหลับใหลต่อ ชายหนุ่มถือกะละมังไปเปลี่ยนน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า จากน้ำสีชมพูแดง ที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ก่อนน้ำที่สามจะเริ่มเป็นสีใสขึ้นมาบ้าง เขาบรรจงเช็ดอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีท่าทีรังเกียจแต่อย่างใด ไม่นานร่างหนาก็เดินไปยังตู้ยา ก่อนจะคว้านหายาแก้ปวดและแก้ไข้ เขาถือยามาพร้อมกับแก้วน้ำในมือ ก่อนจะค่อยๆ วางมันลงข้างๆ เตียง แล้วพยุงร่างของคนละเมอขึ้นมา “ทานยาหน่อยนะเด็กดี” เขาค่อยๆ สอดยาเข้าอุ้งปาก ก่อนจะยกแก้วให้อีกคนกระดกน้ำตามไป จากนั้นชายหนุ่มก็ค่อยๆ วางร่างบางที่ยังคงหลับใหลนอนลงตามเดิม มือหนาไม่ลืมที่จะยกขึ้นมาปาดคราบน้ำตาให้อีกรอบ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ โน้มตัวลงนอนข้างๆ พร้อมกับกอดร่างของอีกคนเอาไว้ ตัดมา ณ. ปัจจุบัน “นายกดอินเตอร์คอมเรียกผมมีอะไรงั้นหรอทาม อืม ไม่สิ งั้นหรือครับบอส” เสียงของใครอีกคนทำเอาทามไทถึงกับกลั้นขำในลำคอ “เรียกฉันแบบเดิมแหละดีแล้ว อยู่ต่อหน้าฉันนายไม่ต้องพิธีรีตองอะไร” ทั้งคู่ปล่อยให้บรรยากาศเป็นเดทแอร์อีกครั้ง จริงๆ แล้วคนทั้งคู่ต่างไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เราคบกันหรือยัง แล้วสถานะของเรามันคืออะไรกันแน่ มารู้ตัวอีกที ทุกคนก็ต่างพากันแยกย้าย ห่างหายกันไปแบบ งงๆ ไม่มีคอนแท็คใดๆ เอาไว้สำหรับติดต่อ แม้มันจะผ่านมานานแล้ว แต่เหมือนกับว่าคนทั้งคู่ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวใจของกันและกัน และไม่เคยลืมมันได้ลง ทามไทเองก็คบผู้หญิงอย่างกับผักกับปลา มีบ้างที่ลองไปกับหนุ่มบาร์โฮส เขามั่นใจว่าตัวเองไม่น่าจะชอบผู้ชาย เพราะไม่งั้นเขาจะจิ้มกับผู้หญิงทำไมกันล่ะ ต่างจากใครอีกคน ที่ยังคงความบริสุทธิ์เอาไว้ เขาไม่เคยเกินเลยกับว่าที่คู่หมั้น อย่าง อลิส เลยแม้แต่ครั้ง ถึงแม้เธอจะสวยดูดี จนบางครั้งบางทีสาวเจ้าก็อดสงสัยไม่ได้เลยว่าจริงๆ แล้วเขาชอบผู้หญิงหรือเปล่า ถ้าดูจากภายนอกแล้ว เป็นใครก็คงดูไม่ออกหรอกว่าพวกเขาเคยมีอะไรกับเพศเดียวกัน เพราะหน้าตาที่ออกจะหล่อ เท่ สมาร์ช ไม่มีตุ้งติ้งตุ๊ดแต๋วออกเลยแม้แต่น้อย “จะยืนจ้องหน้าฉันอีกนานมั้ยครับ คุณเลขา” เขาเก็บคำว่าที่รักเอาไว้ในใจ “อ่อ ครับ … บอสเรียกผมมีอะไรงั้นหรอครั้บ?” ยังไม่ทันที่คนทั้งคู่จะได้เอ่ยอะไร เสียงอินเตอร์คอมที่ถูกต่อตรงเข้ามายังด้านในก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ครับ” เขาขานรับทันทีที่รับสาย “บอสคะ มีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาคุณค่ะ เธอให้แจ้งว่าชื่อลลินดาค่ะ” ทันทีที่ได้ยินดังนั้น ทามไทก็ตอบกลับไปว่า “ให้เธอเข้ามาได้” หญิงสาวอายุ 34 เท่ากันกับสองหนุ่มหล่อ เธอสูง 170 หน้าตาดีแบบฉบับลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น แม้อายุอานามจะปูนนี้แล้วแต่หลายคนนักที่มักจะทักผิดอยู่บ่อยๆ คิดว่าหญิงสาวอายุยี่สิบกลางๆ เธอจบดีกรีโทจากอังกฤษ และกำลังจะจบ ดร.อีกไม่ช้านี้ เก่ง ฉลาด ที่สำคัญคือหน้าตาสวยมาก เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาด้านใน ก่อนจะเจอกับสองหนุ่มหล่อ ‘แม่เจ้าโว้ย ลูกบ้านไหนกันละเนี่ย ทามไทว่าหล่อแล้ว เจอเลขาของเขาเข้าไป คือโคตรหล่อ’ แต่พอมองชัดๆ อ้าว!! “อ้าว เพทาย อย่าบอกนะนั่นว่านายจริงๆ? ” “เฮ้ย ลลิน เธอจริงๆ หรอเนี่ย!!” คนทั้งสามต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เพราะพวกเขาต่างเคยเรียนในรั้วมหาลัยเดียวกันมาก่อน ก่อนที่หญิงสาวจะเอ่ยถามทั้งคู่ขึ้นว่า “ลลินมาขัดจังหวะอะไรรึเปล่าคะ? ” หญิงสาวพูดอย่างหน้าตาเหลอหลา “เปล่าครับ … ลลินมาก็ดีเลย จะได้ออกไปงานคืนนี้พร้อมกัน อ้อ … ฉันจะได้ให้เจ้าเลขาส่วนตัวไปด้วยน่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยบอกกับลลินดา “ก็ดีสิคะ คนกันเองทั้งนั้น ไปกันเยอะๆ สนุกจะตาย” “แล้วนี่ทายมีแฟนรึยังคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างถือวิสาสะด้วยความเคยสนิทสนมกันมาก่อน “อ้อ…” ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยตอบ แต่แล้วก็ถูกคนตัวสูงที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้นก่อน “คืนนี้ที่โรงแรมเอ็กซ์บาร์ มีจัดปาร์ตี้วันเกิดของลลิน นายต้องไปกับพวกเราด้วย ส่วนชุดเดี๋ยวสักพักจะมีคนส่งมา” เขาเอ่ยบอกกับเลขาคนใหม่ “ทามขา กว่าจะถึงมื้อเย็น ลลินว่า..” หญิงสาวพูดเสียงลากยาวนิ้วชี้ค่อยๆ ไล้จากกลางอกลงมายังด้านล่าง ก่อนว่า “เราไปหาอะไรกินกันก่อนมั้ยคะ รองท้องสักหน่อย” “อืม … ก็ดี งั้นนายก็ไปกับพวกฉันด้วยสิคุณเลขาคนใหม่” เขาออกคำสั่งอย่างไม่รอคำตอบจากเลขาหมาดๆ ก่อนที่ทั้งสามจะเดินตามกันมา ซึ่งเพทายเดินอยู่ท้ายสุด แม่ง น่าอึดอัดเป็นบ้า เอาผมมาทำอะไรวะครับเนี่ย หงุดหงิดชิบหาย คนตัวสูงกว่า 187 บ่นพึมพำในใจ ไม่นานนักพวกเขาก็ลงจากลีมูซีนคันหรูมายังร้านอาหารระดับ 7 ดาว และพนักงานก็พาเดินไปตรงโซนที่จองเอาไว้ มันเป็นแบบ outdoor แต่ไม่ open air ซึ่งบรรยากาศในตัวร้านถูกตกแต่งอย่างดี ด้านนอกนั้นยังถูกห่อหุ้มด้วยกระจกใสแบบ 360 องศา ซึ่งยังคงเน้นให้เห็นวิวเมือง และแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลเป็นสาย คนที่เริ่มอึดอัดเพราะเหมือนตัวเองมาทำบ้าอะไรก็ไม่รู้จึงได้เอ่ยขึ้น “ทาม ผมว่าพวกคุณทานกันเลยนะครับ เดี๋ยวผมขอเดินชมอะไรที่ด้านนอกดีกว่า คือผมยังไม่หิวน่ะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยบอกอย่างสุภาพ ทว่าทามไทกลับมีสีหน้าบึ้งตึงใส่เล็กน้อย ส่วนลลินดาเองก็อยากให้เลขาคนใหม่มานั่งด้วยซะมากกว่า การที่เธอถูกสองหนุ่มหล่อรายล้อม มันช่างน่าตื่นเต้นดี ก็เมื่อก่อนเธอเคยเลือกไม่ได้นี่นาว่าจะคบใคร เพราะเพื่อนชายของเธอต่างดูดีด้วยกันทั้งคู่ แต่ในที่สุดเธอก็เลือกทามไท เพราะครอบครัวสนิทกันและรายนั้นเขาก็รวยกว่า ระหว่างทางที่เดินเข้าร้านมา ก็มีแต่สายตาที่มองมาแบบอิจฉาเจ้าหล่อน เธอชอบที่จะควงสองหนุ่มนี่ไปไหนมาไหนพร้อมกัน แต่ทันใดนั้นเอง เสียงของสาวสวยคนหนึ่งก็เอ่ยดังขึ้นมาเสียก่อน “อ้าวพี่เพทาย …” “อลิส!!” เสียงของอลิสรุ่นน้องหญิงสาววัย 26 ที่ตอนนี้กำลังคบหาดูใจกับเพทายอยู่ ที่บ้านของทั้งสองต่างทำธุรกิจอสังหาด้วยกัน หมู่บ้านที่พวกเขาอยู่ก็เป็นหมู่บ้านโครงการเดียวกัน ฉะนั้นแล้วที่บ้านของทั้งคู่จึงเชียร์ให้คนทั้งสองลงเอย แต่จนแล้วจนเล่าชายหนุ่มก็ยังคงมองเธอเป็นเพียงน้องสาวแค่เท่านั้น คนทั้งสี่ต่างยืนจ้องมองกันด้วยความนิ่งอึ้งเช้าวันนี้แสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านผ้าม่านสีทึบส่องเข้ามาในห้อง ทามไทขยับตัวเล็กน้อย แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนร่างกายหนักอึ้งไปทั้งตัว เมื่อเคลื่อนไหวมากเกินไป ไข้ก็เริ่มกลับมาอีกครั้งเพทายที่นั่งอยู่ข้างๆ เตียง หันมองเห็นร่างสูงยังหลับอยู่ ก็ดีใจที่อาการไข้ไม่เพิ่มขึ้นมากนัก เขารีบเดินไปหาผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดตัวให้ทามไทอีกครั้ง โดยทำทุกอย่างอย่างแผ่วเบาที่สุด เพื่อไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของอีกฝ่าย“ทาม… ตื่นได้แล้ว”เพทายเอ่ยเสียงเบาเมื่อเห็นว่าใครอีกคนตื่น พลางยกมือขึ้นเช็ดหน้าผากของทามไทอย่างอ่อนโยนทามไทขยับมือขึ้นมาปัดผ้าชุบน้ำอุ่นที่ทับอยู่บนหน้าผากอย่างช้าๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมามองเพทายที่ยืนอยู่ข้างเตียง“อืม… เช้าแล้วเหรอ?” เสียงของทามไทแหบพร่า แต่ในแววตากลับยังคงมีความอ่อนโยนซ่อนอยู่เพทายพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะพูดเสียงทุ้มนุ่ม “เช้าแล้ว ตื่นได้แล้วนะครับคนดี ไข้เริ่มลดลงนิดหน่อย แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวังอยู่นะ”“เฝ้าระวัง!! นายพูดอย่างกับน้ำป่าไหลหลากอย่างงั้นแหละ”คนฟังเพียงแค่หัวเราะหึในลำคอทามไทพยายามลุกขึ้นแต่ก็เงียบชะงักไป เมื่อรู้สึกเจ็บปวดจากความเหนื่อยล้าจากการป่วย เพทายรีบคว้าตัวเขาไว
คนร่างสูงกว่า 190 เอาแต่นอนซมเพราะฤทธิ์ไข้ในห้อง ตอนนี้ทั้งคู่รอแค่เวลากลับคอนโด ไม่นานนักพนักงานทุกคนต่างทยอยพากันเลิกงานเพทายพยุงร่างคนตัวสูงเดินเข้าไปในลิฟต์ ก่อนจะมายังโซนจอดรถสำหรับผู้บริหาร ไอ้อยากขำมันก็อยาก ไอ้สงสารมันก็สงสาร ยิ่งตอนที่นั่งในรถ ร่างสูงก็เอาแต่บ่นให้อีกคนขับเบาๆ“ซี้ดดด … ทาย นายช่วยขับเบาๆ หน่อยได้มั้ย? ”“นี่ผมแทบจะคลานอยู่แล้วนะครับ” ขับช้ากว่านี้ก็คงต้องเต่าแล้วมั้ยไม่นานคนทั้งคู่ก็ต้องขับผ่านลูกระนาดในทางเข้าคอนโดอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้คนตัวสูงถึงกับเขย่งตูดขึ้นจากเบาะ ทำเอาเพทายถึงกับหัวเราะลั่น“ฮ่าๆ … โทษทีๆ ไม่ใช่ผมไม่สงสาร แต่ขอโทษที่อดขำกับท่าทางของนายไม่ได้”คนร่างสูงค่อยๆ หย่อนก้นลงนั่งเบาะอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องรีบลุกเขย่งขึ้นอีกรอบ มือหนาเอื้อมมาจับกันโคลงข้างๆ อีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ นั่งเมื่อขับผ่านลูกระนาดไป“นี่ผมแทบคลานแล้วนะครับ แล้วพรุ่งนี้นายจะตื่นไหวมั้ย? ให้ทำเรื่องลาไว้เลยรึเปล่า? ”‘ยัง ยังจะไม่ยอมหุบปากอีก’ !!เมื่อรถเคลื่อนเข้ามาจอดสนิทที่ลานจอดของคอนโด เพทายหันไปมองคนตัวโตที่ยังนั่งซมอยู่ที่เบาะข้างๆ สีหน้าอ่อนเพลียเต็มทน มือหนายังคงจั
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เป็นโหมดกลับเข้าทำงานปกติ อลิสเองก็เริ่มมาวอแวที่ทำงานของเพทายมากขึ้น เพราะหญิงสาวชอบมาทวงเรื่องงานหมั้น ทำเอาอีกคนถึงกับหัวเสียร่างสูงกว่า 190 ได้ยินเสียงเล็ดลอดของคนทั้งคู่คุยกันทามไทที่นั่งอยู่ในห้องประชุมตรงข้ามทางเดิน เงี่ยหูฟังเสียงแผ่วเบาที่เล็ดลอดออกมาจากห้องทำงานของเพทาย“อลิส… เราค่อยคุยกันได้มั้ย ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ที่เราจะมาพูดเรื่องส่วนตัว” เสียงของเพทายฟังดูอ่อนแรง แต่ก็พยายามคุมโทนให้ดูสุขุม“ทำไมล่ะคะ? หรือพี่เพทายไม่อยากหมั้นกับอลิสแล้ว” เสียงหวานของหญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “หรือพี่มีใครคนอื่นที่คิดว่าดีกว่าอลิส?”ทามไทได้ยินคำพูดนั้นเต็มสองหู เขากำมือแน่น จ้องมองแฟ้มงานตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ในหัวมีแต่ความคิดวกวนเกี่ยวกับสิ่งที่เพทายกำลังเจอ และโดยเฉพาะความสัมพันธ์ของอีกฝ่ายกับอลิส ที่เขาไม่รู้ว่ามันซับซ้อนแค่ไหน“อลิส หยุดพูดอะไรแบบนั้นเถอะ” เพทายถอนหายใจหนักหน่วง “พี่แค่… พี่ยังไม่พร้อม และมันไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น”ทามไทเบ้ปากโดยไม่รู้ตัว พร้อมพึมพำกับตัวเองเบาๆ“ไม่พร้อม… เหอะ”ทันใดนั้น ประตูห้องทำงานของเพทายก็ถูกผลักออกมา พร้อมกับร่างบาง
วันนี้คนทั้งสี่ที่เดินทางกลับกรุงเทพพร้อมกัน โดยทามไทเป็นคนขับ และลลินดานั่งข้างๆ ซึ่งก็มีเพทายและอลิสนั่งเบาะหลัง ทุกครั้งที่ลลินดาเอื้อมมือไปจับขาคนขับ คนด้านหลังต่างแอบขบกรามอยู่บ่อยครั้งไม่ต่างจากคนขับเอง ที่หันมองกระจกหลังทีไร ก็เห็นว่าใครอีกคนมีหญิงสาวคอยนั่งซบอยู่ตลอดเวลาเอี๊ยดด …!! คนใจลอยถึงกับเผลอเบรกแทบหัวทิ่ม เมื่อคันหน้าก็เบรกอย่างกะทันหัน“นายให้ผมช่วยขับมั้ยทาม? ”คนตัวสูงหันมองกระจกหลัง ก่อนว่า“งั้นนายมาช่วยฉันขับ ให้ลลินไปนั่งข้างหลัง ฉันจะได้ช่วยนางดูทาง สาวๆ จะได้หลับกันสบายๆ ”ฟังเหมือนดูดี มีเหตุผลร่างสูงกว่า 187 หันมายิ้มให้กับความเจ้าเล่ห์ ก่อนที่ทั้งสี่จะเปลี่ยนย้ายตำแหน่ง หลังจากจอดแวะปั๊มบรรยากาศในรถเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากย้ายตำแหน่งกันใหม่ ทามไทนั่งคู่กับเพทายที่เข้ามารับหน้าที่คนขับ ส่วนสองสาวก็ถูกย้ายไปนั่งเบาะหลัง ลลินดานั่งพิงข้างประตู พร้อมกับแอบมองกระจกหลังอยู่เป็นระยะ ในขณะที่อลิสพยายามจะข่มตาหลับ แต่กลับรู้สึกได้ถึงความอึดอัดแปลกๆ ที่แฝงอยู่ด้านในเพทายเอื้อมมือไปปรับกระจกมองหลังให้เห็นมุมกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองทามไทที่นั่งนิ่งข้างๆ ตัวเ
ทามไทจับเจ้าแท่งอุ่นร้อนไซซ์พิเศษขึ้นมา มันผงกหัวหงึกหงักขึ้นมาแผ่ขยายท่ามกลางร่องก้น“ฉันเงี่ยน นายช่วยถูก้นขึ้นลงเล่นกับมันหน่อยสิ”คนด้านหน้าก็ทำตามอย่างว่าง่าย มือหนาของทามไทก็ซุกซนค่อยๆ บีบไต่ลามไล้ไปทั่วร่าง แต่เขาเลือกที่จะละเว้นที่ตรงนั้นเอาไว้ เขาต้องการหลอกล่อให้ใครอีกคนเสียวซ่านจนขั้นสุด มือหนาคลึงสะโพกกลมผายอย่างบางเบา ก่อนจะเด้งส่ายเจ้าแท่งแข็งขึงบดขยี้เข้ากับก้นนิ่มนุ่มอื้มมม …. เขาพลิกกายของร่างบางให้หันหน้ามาหากันอย่างไว จากนั้นก็ยกขาทั้งสองข้างของชายหนุ่มขึ้น ปากอุ่นร้อนค่อยๆ ดูดเม้มเข้ากับซอกคอของอีกฝ่าย เขาเผลอดูดจนอีกคนเป็นรอยปื้นแดงขึ้นจ้ำๆ“ฉันอยากจะทำรอยไว้ทั่วร่างของนาย ทุกคนจะได้รู้ว่านายเป็นที่รักของฉัน นายเป็นของของฉัน” คนตัวสูงกว่า 190 เอ่ยอย่างคนเอาแต่ใจคนด้านบนบิดกายไปมาด้วยความเสียวซ่าน มือเผลอจิกทึ้งศีรษะของคนใต้ร่างเข้าอย่างแรง จากนั้นคนตัวโตก็ก้มลงงับกับเจ้าลูกเชอรี่สีแดงสด เขาตวัดลิ้นระรัวขบเม้มกับเม็ดเล็กๆ ตรงหน้าอกอย่างแรง เพทายเองถึงกับอ้าปากค้างส่งเสียงครางไม่หยุดอ้าาาห์ …“มันเสียวมากเลยทาม”ชายหนุ่มพูดข้างๆ ใบหูของคนตัวโต“นายช่วยยืนขึ้นหน่อ
บรรยากาศในร้านริมหาดนั้นเต็มไปด้วยเสียงเพลงของดนตรีสดที่ทำให้ความรู้สึกของทุกคนดูผ่อนคลาย แต่ภายในใจของทามไทและเพทายกลับมีสิ่งที่ซ่อนอยู่มากมาย ทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ขณะที่อลิสและลลินดานั่งอยู่ข้างๆ บนโต๊ะไม้สีอ่อนที่ตั้งอยู่ใกล้กับริมทะเล เสียงคลื่นซัดสาดทำให้บรรยากาศดูสงบ แต่ในหัวของทั้งสองกลับเต็มไปด้วยความคิดทามไทมองไปที่เพทายที่นั่งห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าว เขาพยายามเก็บความรู้สึกที่ปั่นป่วนภายในใจเอาไว้ ไม่ให้ใครเห็น เขาสังเกตเห็นว่าเพทายพูดคุยกับอลิสได้อย่างเป็นกันเอง เสียงหัวเราะของทั้งสองเหมือนเสียงของคู่รักที่เพิ่งพบกันไม่นาน มันทำให้ทามไทรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เขาก็รู้ดีว่าเพทายและอลิสไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเกินกว่าคำว่าพี่น้อง แต่ทำไมลึกๆ เขากลับรู้สึกไม่สบายใจในขณะเดียวกัน เพทายที่นั่งอยู่ข้างๆ อลิสก็รู้สึกถึงสายตาของทามไทที่จ้องมาที่เขาอย่างไม่ค่อยพอใจ เขารู้สึกได้ถึงความตึงเครียดในอากาศ แต่มันกลับเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถแสดงออกได้ ทุกครั้งที่เขาหันไปมองทามไท ทามไทก็จะทำเพียงแค่ยิ้มให้ แม้ว่าในดวงตาจะมีแววแปลกๆ ที่ทำให้เพทายไม่แน่ใจว่าเขาคิดอะไรอลิสหันไปม