สุดท้ายเสี่ยวเหอจึงมานั่งใกล้ๆ กองไฟ แต่แทนที่ชิงถิงจะได้นอน นางกลับชวนเขาคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ หลังจากไม่ค่อยได้พูดหลายวันเพราะมัวแต่ใจเต้นแรง วันนี้เสี่ยวเหอจึงพูดมากกว่าปกติ เอาความทุกข์ใจของนางมานั่งบ่นให้เขาฟัง เขาทำได้เพียงนั่งฟังนางบ่น
หญิงสาวเล่าว่าที่จริงไม่ได้อยากหนีมา แต่จำเป็นต้องมา นางอยากให้พี่สาวได้แต่งงาน ไม่อยากให้พี่สาวต้องอับอาย ไม่อยากให้พี่สาวถูกนินทาเรื่องอายุมากขึ้นเรื่อยๆ
“ตกลงเจ้าอยากแต่งงานกับเจ้าหมูตอนนั่นหรือ” ตอนนั้นเองที่ชิงถิงพูดขัดเสียงเย็นออกมา
“...” เสี่ยวเหอรู้สึกว่าเขาโกรธมากจึงกลัว ก้มหน้าลงและได้แต่เงียบ
“ที่จริงแล้ว ต่อให้เป็นพี่สาวของเจ้า เจ้าหมูตอนนั่นก็ไม่คู่ควร” เขายังคงพูดด้วยอารมณ์คุกรุ่น
“ไม่ใช่ว่าข้าอยากแต่ง แต่มันจำเป็น ข้ากลัวว่าหากยังไม่แต่ง ปีหน้าก็จะไม่มีคนอยากแต่งกับข้าแล้ว อีกอย่างที่ข้ากังวลคือเมื่อท่านพ่อท่านแม่รู้ว่าข้าหนีมาจะรู้สึกเช่นไร
พวกท่านต้องเสียใจเพียงใดที่ข้าไม่รักดี แต่ข้าก็เป็นห่วงพี่หลันเหมย พี่คงทนรออีกปีสองปีไม่ไหวแล้ว นางจำเป็นต้องได้แต่งงาน ข้าจึงได้แต่ต้องเสียสละ” เสี่ยวเหอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องดุนาง
นี่นางทำอะไรผิดอีกเช่นนั้นหรือ หญิงสาวน้อยใจที่ถูกดุ และน้อยใจที่เขาปกป้องพี่สาวมากกว่า ทั้งที่นางต้องเสียสละครั้งใหญ่ ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าหากท่านพ่อรู้เรื่องนางหนีมาจะโกรธโมโหมากเพียงใด
“เจ้าไม่ได้อยากมากับข้าสินะ” เขากลับพูดใส่นางด้วยเสียงที่แข็งกระด้าง
“ไม่ใช่เช่นนั้น เพียงแต่ข้าต้องเสียสละให้พี่สาว”
“เจ้าอ้วนนั่นไม่คู่ควรกับพี่สาวเจ้า นางเป็นคนดี แต่เจ้ากลับโง่เขลานัก คิดว่านางอยากแต่งงานจนตัวสั่น ทั้งที่พี่เจ้าทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเจ้า!!” เขาพูดด้วยความโมโห
ยามนี้เสี่ยวเหอรู้สึกน้อยใจมาก ชิงถิงเข้าข้างพี่สาว ทั้งยังดุด่านางอีก เขาไม่รู้หรือไรว่าพี่หลันเหมยใช้วิธีสกปรกเพื่อแย่งงานแต่งครั้งนี้ไป ทั้งยังทำให้นางต้องหนีออกมาจากบ้าน ไม่ได้พบท่านพ่อท่านแม่และน้องๆ อีกตลอดไป
ไหนจะถูกคนทั้งหมู่บ้านตราหน้าว่าหนีตามผู้ชาย นางต้องเสียสละมากเพียงใดเขาไม่รู้เลยจริงหรือ ที่นางยอมมากเช่นนี้ เป็นเพราะยังหวังให้พี่สาวมีชีวิตที่ดี แต่เขากลับว่านางโง่เขลา ยิ่งคิดเสี่ยวเหอก็ยิ่งน้อยใจ
ต่างคนต่างโกรธ หึงหวงโดยไม่รู้ตัว ด้วยความเหนื่อยล้า ความกดดัน เสี่ยวเหอเองก็ขาดสติ คิดว่าที่จริงแล้วชิงถิงคงอยากหนีมากับพี่สาวมากกว่า ดูจากการปกป้องพี่สาวมากขนาดนั้น
ตั้งแต่เล็กนางไม่เคยเห็นเขาปกป้องสตรีคนไหนขนาดนี้มาก่อนเลย คนที่บอกว่าต้าจื่อรักนาง ก็เป็นพี่สาวที่เป็นคนพูด ไม่ใช่ตัวเขา ชิงถิงตั้งแต่แรกจนวันนี้ เขายังไม่เคยพูดว่ารักนางสักครั้ง
เมื่อก่อนเวลามีของอะไรก็ไม่ได้เอาให้นางคนเดียว มักจะมีให้พี่สาวด้วยเสมอ บางทีสองคนนั้นอาจแอบคบกันมานานแล้ว มิน่าท่านแม่หาคู่ให้เท่าไร พี่สาวก็ไม่เคยยอมแต่งงานด้วย
บางทีพี่สาวคงอยากแต่งงานกับคนรวยๆ มากกว่า เพราะชิงถิงยากจน พี่หลันเหมยรู้ตัวว่าเขารักนาง จึงได้บีบให้ชิงถิงพาน้องสาวหน้าโง่หนีมามากกว่า เสี่ยวเหอคิดมากจนไม่มีสติ
“ที่จริงแต่งกับคนแก่อ้วนหัวล้านก็ไม่เห็นจะเป็นไร ขอเพียงเขาต้องการข้า รักข้าเพียงคนเดียว ไม่เคยด่าข้าว่าโง่เขลา ตั้งแต่แรกชายผู้นั้นก็เจาะจงจะแต่งกับข้า เพียงแต่ข้ารักพี่หลันเหมยมาก รู้สึกเห็นใจนางถึงได้เสียสละให้นาง
เห็นๆ อยู่ว่าพี่ข้าใช้กลอุบายเพื่อให้ตัวเองได้แต่งงาน ข้าแค่เพียงทำตามที่นางต้องการ แต่เจ้ากลับบอกว่าข้าโง่เขลา เจ้าเห็นว่านางเป็นคนดี เช่นนั้นเหตุใดไม่พานางหนี ปล่อยให้ข้าได้แต่งงานอย่างถูกต้องเล่า!” เสี่ยวเหอตะโกนกลับอย่างเสียใจที่สุด
ชิงถิงทำหน้าเหมือนภูเขาไท่ซานถล่มใส่หัวของเขา เขาโกรธจัด ทนไม่ไหวที่รับรู้ความจริงว่านางไม่ได้หนีมาด้วยกันเพราะรักตัวเขา ดังเช่นที่เขารักนางมากจนเจ็บหัวใจไปหมด รักจนทนไม่ไหวกับเรื่องที่นางพูด
เพียงเขาคิดว่าเสี่ยวเหอต้องแต่งงานกับคนอื่นเขาก็แทบคลั่ง
“เจ้าอยากแต่งกับมัน แต่ข้าไม่ให้ ต่อให้ต้องลงนรก ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้า!!” ชิงถิงขบฟันตอบกลับเสียงเย็น
เขาดึงนางมาจนใกล้ จับไหล่บังคับให้หันหน้ามามองตา พร้อมกับพูดดังๆ ใส่หน้าเสี่ยวเหอ
“ข้าก็รักเจ้า ต้องการเจ้าเพียงผู้เดียว เหตุใดหนีมากับข้า จึงเป็นเรื่องของการเสียสละ!! แต่แต่งกับเจ้าหมูนั่นกลับเป็นความถูกต้อง!!”
เสี่ยวเหอจากที่น้อยใจจนจะร้องไห้ก็เริ่มสับสน ตกลงเขารักใครกันแน่ เขาอยากหนีมากับใครกันแน่ นางได้แต่เงียบไม่ตอบอะไร เพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร และตกใจมากที่เขาดึงตัวเองไปจนใกล้ รู้สึกกระทั่งลมหายใจของกันและกัน ในหัวจึงว่างเปล่าหาคำตอบมาตอบสิ่งที่เขาถามไม่ทัน ไหนจะคำบอกรักที่เขาเพิ่งจะตะโกนใส่หน้านางอีก
ชิงถิงยิ่งโมโหที่หญิงสาวเอาแต่เงียบ รู้สึกคล้ายหัวใจกำลังจะแตกสลาย เขาดึงนางมากอดแรงๆ เพื่อให้แน่ใจว่านางจะหนีไม่ได้ จูบแรงๆ เพื่อทำโทษ เสี่ยวเหอตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ผลักอกเขาอย่างทุลักทุเล
ชิงถิงจุมพิตไม่ยอมปล่อย ดูดดื่มริมฝีปากบางก่อนจะผลักหญิงสาวล้มลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยใบไม้ปกคลุม
“ข้าไม่ยอม เหตุใดเจ้ายอมแต่งกับมัน แต่ไม่ใช่ข้า เป็นข้าไม่ได้หรือ??” เขาถอนริมฝีปากออกมาและพูดประโยคหนึ่ง ตัดพ้อด้วยความเจ็บปวด เสียงสั่นราวกับเขาใกล้จะร้องไห้
“ไม่...ไม่...” เสี่ยวเหอทั้งตกใจทั้งรู้สึกว่าหายใจไม่ทัน อยากจะหายใจเข้าออกมากกว่านี้และตอบเขาว่าไม่ใช่ นางเพียงเข้าใจผิด เขาก็เข้าใจนางผิดไปทางอื่นเสียแล้ว
ชิงถิงจูบลงมาอีกครั้ง ครั้งนี้จูบของเขาทั้งดุเดือดและรุนแรง มือหนึ่งบีบคางบังคับให้นางอ้าปาก แทบจะดูดกลืนลิ้นกับลมหายใจของนาง เสี่ยวเหอได้แต่พยายามผลักเขาออก
ชายหนุ่มที่โกรธจัด เต็มไปด้วยความน้อยใจ เขาไม่ยอมปล่อยเสี่ยวเหอ สองมือก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของนางและดึงทึ้งเสื้อของเขาเองทิ้ง!
ตัวของเสี่ยวเหอ เพียงจูบยังไม่รู้จะรับมืออย่างไร นับประสาอะไรกับมือปลาหมึกของเขาที่ยุ่มย่ามไปทั่วด้วยอารมณ์ดุเดือด ไม่รู้ว่าเขาโกรธเคืองเรื่องใดกันแน่ นางพยายามพูดให้เสียงดังก็ถูกเขาจูบปิดปาก สูบลมหายใจจนใกล้หมด เหลือไว้เพียงน้อยนิดให้นางยังไม่ขาดใจตาย
“ท่านแม่ ท่านแม่เจ้าคะ” เสี่ยวเหอพยายามลืมตา ได้ยินเสียงลูกสะใภ้กำลังเรียกนาง‘ในที่สุดก็ตื่นวันใหม่แล้ว’ เสี่ยวเหอคิดด้วยความดีใจ แต่ไม่ทันไรก็เห็นม่านสีขาวยังคงอยู่ที่เดิมเสี่ยวเหอรู้สึกว่าผิดปกติ จึงรีบวิ่งออกไปที่ห้องโถงอีกครั้ง เห็นโลงศพยังอยู่ที่เดิม แต่ครั้งนี้นางพยายามเดินไปจนถึงที่ตั้งโลง เห็นหน้าชิงถิงของนางที่เหี่ยวย่น ผมขาวทั้งหัวนอนหลับสบายอยู่ข้างในนางมั่นใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำตาไหลอาบแก้ม คิดสิ่งใดไม่ออก นางจึงเริ่มร้องไห้โวยวาย“ชิงชิง เจ้าไม่ยุติธรรม..ฮือ ๆ ๆ .. ชิงถิงเจ้าคนบ้าคลั่งสารเลว ฮือ ๆ ๆ ..ตัวข้าไม่ได้ข้ามน้ำข้ามเวลามาเพื่อเห็นเจ้าตายอีกครั้ง เจ้าคนสารเลว ลุกขึ้นมา เจ้าลุกขึ้นมาด่าข้าเถิด ชิงชิง ฮือ ๆ ๆ ชิงชิงของข้า ฮือ ๆ ๆ”เสี่ยวเหอร้องไห้ไปด่าเขาไป อ้อนวอนเขาราวกับเขาจะกลับมาได้ เสียงสะอึกสะอื้นของนางคล้ายจะขาดใจตายตรงนั้
หลังคลอดลูก เสี่ยวเหอหลับไปเพราะหมดแรงและตื่นมาช่วงลูกยังเล็ก เพราะนางต้องให้นมลูก ข้ามเวลาไปมาช่วงลูกสองขวบบ้าง สี่เดือนบ้าง นางข้ามเวลาไปมาไม่หยุดหย่อน ตั้งแต่ลูกเล็กจนลูกเป็นหนุ่มเสี่ยวเหอข้ามเวลาเลี้ยงลูกจนผ่านไปหลายปี นางนับอายุจริงของตัวเองได้สามสิบห้าปีแล้ว ใช้ชีวิตข้ามเวลาไปมาเช่นนี้เลี้ยงลูกอย่างยากลำบากตั้งแต่เสี่ยวเหอคลอดลูก นางไม่ต้องการกลับไปนอนที่บ้านของท่านพ่ออีก เพราะนางต้องการอยู่กับลูกและชิงถิง ช่วยเขาเลี้ยงดูลูกไปด้วยกัน แม้จะเหน็ดเหนื่อย แต่นางไม่ต้องการทิ้งเขาให้เลี้ยงลูกลำพังบางครั้งนางย้อนเวลาไปช่วงยังสาวและตื่นขึ้นที่อื่นบ้าง แต่เสี่ยวเหอจะรีบกลับมายังบริเวณจวนของชิงถิง และหาสักที่นอนหลับ นางจะตื่นมาพบลูกและสามีได้เสมอทุกค่ำคืน ชิงถิงยังคง ‘พูดมาก’ ดังเช่นที่เคยเป็น และเสี่ยวเหอก็รักที่เขาเป็นเช่นนั้น..วันหนึ่งเสี่ยวเหอได้ย้อนกลับไปหลังคลอดลูกชายได้หน
ชิงถิงยังดีใจยิ้มอย่างมีความสุขกับการบังคับแสนน่ารักของนาง เขาคิดว่านางกลัวว่าเขาจะทิ้งนางเพราะได้นางแล้ว เสี่ยวเหอได้แต่ปวดใจที่เขาไม่รู้อะไรเลย นางได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอย่างน้อยทุกอย่างก็จบลงด้วยดีสาบานก็สาบานกันไปแล้ว อย่างไรพวกเขาก็ชิงทำข้าวสารให้เป็นข้าวสุกแล้ว ทั้งสองคนจึงอยู่ที่นั่น พลอดรักกันต่ออีกสักหลายชั่วยาม ให้เด็กหนุ่มชิงถิงได้ปลดปล่อยความรักใส่นางอีกหลายครั้งจนกระทั่งเย็น การได้พบเด็กหนุ่มแรงมหาศาล เสี่ยวเหอคิดว่าก็มีเรื่องดีอยู่บ้างพระอาทิตย์ลับหลังเขานานแล้ว ชิงถิงอุ้มเสี่ยวเหอกลับบ้านอย่างทะนุถนอม จนกระทั่งใกล้ถึงหมู่บ้านเขาจึงยอมปล่อยให้นางเดินลำพัง แต่ยังคงคอยถามอย่างเป็นห่วงอยู่ตลอดทางกลับบ้านคืนนั้นเป็นครั้งแรกที่เสี่ยวเหอไม่อยากนอนที่บ้านของท่านพ่อท่านแม่ นางต้องการนอนกับเด็กหนุ่มชิงถิงแรงดี นางรู้สึกว่ากลายเป็นสตรีแพศยาที่เอาแต่คิดอยากได้แท่งหยกร้อนของเขา เป็นเช่นนั้นจนกระทั่งใกล้เช้าจึงหลับไป
เสี่ยวเหอกอดเขาไว้แน่นเนื้อตัวสั่นเกร็งเพราะความสุขสม ปากก็กระซิบบอกรักเขาข้างหู ทั้งยังบอกว่าตัวเองได้รับความสุขมากเพียงใด“ชิงชิง..ข้ารักเจ้าเหลือเกิน รักมาก รักที่สุด เจ้าทำให้ข้ามีความสุขมาก มากเหลือเกิน มากเกินจริงๆ” นางพูดออดอ้อนเขาอย่างน่ารักหัวใจของชิงถิงแทบจะกระดอนออกมานอกอก เขาดีใจจนแทบจะบ้า แต่พูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ได้แต่กอดนางไว้แน่น และจุมพิตอย่างทะนุถนอมไปทั่วใบหน้า ขอบคุณความรักที่นางมอบให้เขาเสี่ยวเหอสุขสมยิ่ง นางเริ่มรู้สึกว่าการที่เขาทำอย่างอ่อนโยน และน่ารักมากเช่นนี้ก็มีความสุขยิ่ง แม้ร่างกายรู้สึกไม่เต็มอิ่ม แต่ในใจกลับสุขสมเต็มอิ่มยิ่งกว่าถูกกระแทกแรงๆนางกอดคอเขาเอาไว้แน่นเพื่อแบ่งปันความสุขระหว่างกัน ยังไม่ยอมให้เขาถอนเอ็นเนื้อออกจากตัว อยากกอดเขาไว้เช่นนี้นานอีกเล็กน้อย ยกสองขากอดเอวเขาไว้ สอดส่ายสะโพกไปมายั่วยวนชายหนุ่มแต่นางทำเช่นนั้นได้เพียงครู่ กอดไปกอดมาก็รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ
คราแรกชิงถิงคล้ายไม่ยินยอมปล่อย แต่นางผลักแรงขึ้นจึงได้แต่จำใจ แม้จะถอนริมฝีปากออกมาแล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยมือ สองมือรวบนางมานั่งบนตักตัวเองไว้ และกอดราวกับกลัวว่านางจะหนี“ไม่พอใจหรือ” เขาก้มหน้าชนหน้าผากนางไว้ พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าสั่นไหว“ไม่พอใจ!”คำตอบของนาง หัวใจของเขาหล่นวูบ“เจ้าไม่ยอมตอบคำถามของข้า กลับใช้วิธีไม่ซื่อเช่นนี้มาเลี่ยงคำถามหรือ” เสี่ยวเหอแสร้งแง่งอน“ที่จริงแล้ว เวลาข้ามองด้วยสายตาแรงกล้า ก็หมายความว่า..เช่นนี้” เขายิ้มโล่งใจ และหาคำตอบทำให้หญิงสาวหายงอน“สายตาเช่นนั้น หมายถึงอยากจุมพิตข้าหรือ” นางเบี่ยงตัวออก เอ่ยถามเขา คิ้วบางขมวดชวนมองเขาพยักหน้าเป็นคำตอบ สายตาจ้องมองปากระเรื่อไม่วางตาเสี่ยวเหอจับแก้มชิงถิงเพื่อมองตาอีกครั้ง หัวใจของเขาเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ พยายามกลืนน้ำลายไม่ให้นางเห็น แต่ไม่กล้าหลบตานาง บางอย่างใต้เข็มขัดก็แสบร้อนพองตัว“โกหก เหตุใดเจ้าไม่พูดความจริง จูบก็จูบไปแล้วแต่เจ้ายังมองด้วยสายตาเช่นนี้อยู่ไม่ใช่หรือ” นางตั้งข้อสังเกต“ข้า..พูดได้จริงหรือ” เขาลังเล จ้องหน้านางด้วยความไม่แน่ใจ“เจ้ารังเกียจจะพูดความจริงกับข้าหรือ” หญิงสาวคะยั้นคะยอ
วันต่อมาเสี่ยวเหอตื่นมา พบว่าจวนหลังนี้เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ยังไม่ใหญ่มากแต่ก็ดีกว่าหลังที่เป็นเรือนหอของเขากับนางหลังแรกที่อยู่หลังบ้านพ่อแม่ของเขากลิ่นไม้และกลิ่นกระดาษใหม่ยังหอมฟุ้งไปทั่ว ข้าวของก็ยังจัดได้ไม่เสร็จดี วันนั้นนางจึงต้องช่วยเขาจัดบ้าน เพราะชิงถิงต้องเข้าไปในกองทัพ นางจึงต้องเป็นเจ้าของบ้านจำเป็นและต้องคอยดูแลสาวใช้ที่มาช่วยงานตกเย็นชิงถิงกลับมาเอาของบางอย่างที่ท่านแม่ทัพอยากได้ เสี่ยวเหอเห็นว่าเขายังไม่ได้เป็นรองแม่ทัพแต่เป็นเพียงนายกองเท่านั้นเมื่อชิงถิงรู้ว่านางเป็นเสี่ยวเหอของเขา เขาก็ตัดสินใจอยู่กินข้าวเย็นที่บ้าน และคืนนี้ก็ตั้งใจว่าจะนอนที่บ้านด้วย ยามค่ำคืนชิงถิงก็ยังคง พูดมาก เช่นเดิมแม้เสี่ยวเหอจะคิดถึงช่วงเวลาที่เขาใส่อารมณ์เต็มที่กระแทกกระทั้นอย่างรุนแรง แต่ยามที่เขานุ่มนวลและบอกรักนางเบาๆ ชิงถิงของนางก็น่ารักมากเช่นกัน ไม่ว่าเป็นชิงถิงที่บ้าคลั่งรุนแรงหรือชิงถิงที่อ่อนโยนน่ารักก็ดีทั้งสิ้นก่อนนอนเขาถามนางว่าไปที่ใดมาแล้วบ้าง เสี่ยวเหอจึงเล่าว่าไปหาเขาที่อายุมากมา เล่าเรื่องเขาและลูกๆ หลานๆ ลูกสะใภ้ และความแก่หง่อมของเขา รวมถึงอาการปวดหลังด้วย“ข้าไม่ค