โรงเตี๊ยมยู๋อี้
บุรุษหนุ่มหล่อเหลาพาร่างสูงที่อาภรณ์เปื้อนเลือดไก่เดินเข้ามาในห้องพักชั่วคราว เพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกาย โดยมีหญิงงามเดินตามเข้ามาไม่ห่าง แววตานางจับจ้องที่เสื้อผ้าแนบกายจนเผยมัดกล้ามเล็กๆอันงามสง่าสมเป็นบุรุษเพศน่าหลงใหล
บุรุษเปี่ยมเสน่ห์ผู้นี้นางปรารถนาชิดใกล้ตลอดเวลา
“ท่านพี่หงเย่ อดีตภรรยาของท่านผู้นั้นไฉนยังทำตัวเลวร้ายเช่นนี้ ข้าได้ข่าวว่านางตกอับกระทั่งร้านค้าของสกุลที่ร่ำรวยในจินโจวยังรักษาไว้มิได้สักร้าน ต้องระหกหระเหินขอทานไปทั่ว ยังทำตัวเป็นหมอยาหลอกขายสมุนไพรประทังชีวิต พอหลอกคนในเมืองจินโจวไม่ได้ก็มาเมืองหลวง ที่นี่มีผู้คนมากหน้าหลายตาถูกนางหลอกก็แล้วไปเถิด แต่ท่านอย่าเข้าใกล้นางอีกเชียว นางอาจจะใช้เล่ห์เหลี่ยมเข้าหาท่านเอาได้ อันตรายอย่างยิ่งเจ้าค่ะ ท่านเคยพลาดมาแล้วครั้งหนึ่งนะเจ้าคะ ข้าเป็นห่วงเหลือเกิน”
เหวินฟางกล่าววาจายาวเหยียดอย่างเป็นกังวล
แต่เซียวหงเย่ไม่เอ่ยต่อคำใดเพียงหันมาเอ่ยเสียงต่ำ “คุณหนูเหวิน ห้องพักของเจ้าอยู่ทางนั้น” ว่าพลางปรายตามองไปทางห้องฝั่งตรงข้าม นับเป็นการไล่อย่างเย็นชา
ทว่าเหวินฟางกะพริบตามองเขาอย่างใสซื่อ ไม่เข้าใจ “ท่านพี่หงเย่ ข้าจะปรนนิบัติท่านผลัดผ้าเจ้าค่ะ”
คิ้วเข้มพลันขมวด “เราสองคนไม่ได้เป็นสามีภรรยา เจ้าจะเข้ามาผลัดผ้าให้ข้าหรือ? ไม่เหมาะกระมัง?”
สตรีผู้นั้นยังทำให้เขาแค่ครั้งเดียวก่อนหย่า
ผู้อื่นมีสิทธิ์หรือไร?
เหวินฟางเอียงหน้ามองตาใส ยังคงไม่เข้าใจ
“แต่พวกเรากำลังจะได้หมั้นหมายกันนะเจ้าคะ ปรนนิบัติวันนี้หรือหลังแต่ง ล้วนมีค่าเท่ากันเจ้าค่ะ”
นางพูดอย่างเอียงอายแม้วาจาไร้ยางอาย
เซียวหงเย่เริ่มหมดความอดทน เขาเลิกคิ้วถามยิ้มๆ “หรือว่าเจ้าไม่ได้ต้องการเพียงผลัดผ้าแต่อยากทำหน้าที่อื่นที่สตรีทุกคนต้องทำให้บุรุษหลังแต่งงาน”
หญิงสาวพลันหน้าแดงก่ำ นางปรารถนานอนเคียง อยากแต่งงานปานฟ้าฟาดเหมือนอดีตภรรยาของเขาเช่นกัน อยากทำเลยวันนี้ไม่ต้องรอวันหมั้นหรือวันแต่งงานทั้งนั้น
นังหน้าด้านติงยวี่ถิงทำได้ เหตุใดนางจะทำมิได้เล่า?
“ท่านพี่หงเย่พูดอะไรกันเจ้าคะ” ก้มหน้าพูดอย่างขัดเขิน “แต่ว่าท่านพ่อข้าเจรจากับท่านพ่อท่านแล้วนี่นา ถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องหมั้นหมาย งานแต่งย่อมรอไม่นาน หากท่านต้องการ ข้าก็...”
ชายหนุ่มไม่อยากคุยอีก เพียงสั่งปิดท้ายเสียงเรียบ “อย่าตามข้ามา”
ความหมายคือ ‘ไสหัวไปไกลๆ ซะทีเถอะ! รำคาญ!’
ประตูชั้นในถูกปิดดังปัง
เหวินฟางเกือบดึงจมูกของตนหลบไม่ทัน ได้แต่มองบานประตูอย่างงงงัน อยากเข้าไปถึงด้านในกลับเข้าไปไม่ได้
เมื่อก่อนตอนยังไม่หย่ากับภรรยาไม่เห็นเคยไล่ มีแต่ชวนเข้าห้องไปคลอเคลียชิดใกล้ แม้ไม่เคยลึกซึ้งถึงขั้นล่วงล้ำแต่ก็เคยทำการล่วงเกินไม่ใช่น้อย ทั้งกอดจูบลูบคลำ ล้วงเข้าใต้กระโปรง นางต้องคอยปัดป้องเพราะเขามีพันธะ
แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วประไร! วันนี้เขาเป็นอะไรไป?
ติงยวี่ถิงหยิบกระดาษจับพู่กันมาปาดหมึกเขียนกำกับว่าตัวไหนกิน ตัวไหนใช้ทาบำรุงภายนอกแล้วใส่หีบห่อแยกให้อย่างชัดเจน นอกจากไม่ตระหนี่คำชมต่อลูกค้า นางยังไม่ตระหนี่ความรู้ มักสอดแทรกเคล็ดลับการดูแลผิวพรรณควบคู่ไปกับการบำรุงสุขภาพร่างกายอีกมากมาย ประหนึ่งเป็นหมอยาประจำบ้าน เป็นที่กุนซือประจำเรือนหลังให้สตรีทุกบ้้าน โดยไม่คิดเงินเพิ่มยาทุกห่อถูกนำมาใส่กระเป๋าที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษ มีเฉพาะที่โรงยาเจี้ยนคัง เป็นการนำรูปแบบกระเป๋ายุคใหม่มาตัดเย็บประยุกต์ใช้กับยุคโบราณแห่งนี้หญิงสาวชอบงานฝีมือแต่ไม่เก่งเท่าใด แน่นอนว่าที่นี่ไม่มีถุงพลาสติก นางจึงทำถุงผ้าแบบง่าย เป็นกระเป๋าแบบมีเชือกถักไม่ได้ปักลาย เอาไว้ฝึกฝนเก่งขึ้นหรือหาช่างฝีมือดีๆ มาได้ค่อยพัฒนาปรับปรุงแล้วกันระหว่างขายของอยู่หน้าร้าน สายตาของติงยวี่ถิงพลันหันไปเห็นหญิงชราผอมแห้งท่าทางมอมแมมผู้หนึ่ง เดินโซซัดโซเซแล้วล้มลงตรงทางเข้าหน้าร้านพอดีหญิงสาวตกใจนัก รีบหันไปสั่ง “เสี่ยวจิง เจ้ามาดูแลจัดสินค้าให้ฮูหยินซูทางนี้ อย่าลืมแยกใส่หีบห่อให้ชัดเจนด้วยนะ สังเกตให้ดีว่าตัวไหนกินตัวไหนทา อย่าใส่ผิด ข้าจะไปดูท่านป้าผู้นั้นสักหน่อย”จังหวะนั้นล
“ฮูหยินซู ท่านจะนำยาทาหน้าไปกินไม่ได้เจ้าค่ะ!” หญิงสาวบอกแก่ลูกค้าคนหนึ่งด้วยน้ำเสียงห่วงใยกึ่งตกใจอีกฝ่ายบอกว่า “ยาตัวนี้น่ากินเหลือเกิน ข้าอยากซื้อเพราะมันเหมือนลูกท้อเชื่อม ต้องอร่อยแน่ๆ” นางหัวเราะ “เจ้าทำยาออกมาได้งดงามยิ่งนัก น่ากินทั้งหมดเลย”ติวยวี่ถิงยิ้มในหน้าแต่กลุ้มใจหนัก สหายรักออกแบบกล่องบรรจุ ส่วนนางขึ้นรูปไว้เป็นก้อนกลมกลึงเกลี้ยงเกลา เคลือบสีสันสวยงามเป็นมันวาว ยานี่น่ากินเกินไปแล้วจริงๆ หญิงสาวรีบอธิบาย “ตัวนี้กินไม่ได้เจ้าค่ะ เวลาจะใช้ต้องบีบเม็ดยาออก นำเอาน้ำมันด้านในมาลูบไล้บนผิวหน้าให้ทั่วอย่างเบามือ ตัวนี้ทาตอนเช้า ตัวนี้ทาผิวก่อนนอน ส่วนด้านนอกที่ใช้ห่อตัวยาก่อนหน้า ข้าผสมสมุนไพรลงในเนื้อแป้ง สามารถนำไปละลายน้ำ ใช้แช่ตัวในน้ำและอาบ ช่วยบำรุงผิวกายเจ้าค่ะ”สรรพคุณดีล้ำจริงๆ แต่ฮูหยินซูยังทำสีหน้าเสียดาย “กินไม่ได้หรือ?”“เจ้าค่ะ” ติงยวี่ถิงพยักหน้า หันไปหยิบยาอีกตัวมา ลักษณะคล้ายดอกกุหลาบบรรจุอยู่ในกล่องประณีตลายเมฆ ค่อยๆ อธิบายต่ออย่างใจเย็น “แต่ตัวนี้กินได้เจ้าค่ะ กินง่าย ย่อยง่าย บำรุงจากภายใน ร่างกายดูดซึมได้ดี รสชาติหวาน แต่กลมกล่อมกำลังดี ไม่ขมเฉกยาบำร
ติงยวี่ถิงเองอยากมีสามีก็จริง ปรารถนามีลูกๆ มีครอบครัวเหมือนคนทั่วไปก็ใช่ทั้งโลกเก่าและโลกนี้ที่ทะลุมิติมาอาศัย นางได้ใช้ชีวิตอย่างที่เห็น ทำงาน ค้าขาย เรียกได้ว่ามีอิสระมากมาย อยากไปไหนก็ได้ไป อยากทำอะไรก็ได้ทำ เงินก็พอมีแล้วไง จึงมีความคิดว่าอยากแต่งงานเหมือนคนอื่นบ้าง อยากเป็นแค่เพียงภรรยาตัวน้อยที่เชื่อฟังสามีและดูแลลูกๆ อย่างดี เป็นคุณแม่ยังสาวที่ไร้ที่ติคนหนึ่งแต่ไม่ได้อยากทำตัวชั่วร้ายเหมือนร่างเก่าแล้วไง ยิ่งไม่อยากแย่งชิงกับใครแล้วด้วยแค่คิดก็เหนื่อยยิ่ง...ดังนั้น ในเมื่อหลงยุคมาเป็นหม้ายแต่งงานไม่ได้ง่ายๆ เอาสมองมาคิดเรื่องหาเงินดีกว่านะตัวเราวันนี้โรงยายังคงมีงานที่ยุ่งวุ่นวายเช่นเดิมติงยวี่ถิงเองก็ไม่เคยหยุดนิ่ง แม้นางเป็นเถ้าแก่เนี้ยแต่หยิบจับทุกอย่างเหมือนคนงานอื่นๆจนมือเป็นระวิง พอว่างจากงานในลานสมุนไพร นางก็หาอย่างอื่นทำหญิงสาวกำลังฝึกฝนการใช้ลูกคิดอย่างขะมักเขม้น ฟังเสียงลูกคิดให้รู้สึกว่าช่างไพเราะยิ่งนัก ยังคิดว่าหากลองประดิษฐ์ลูกคิดจากลูกแก้วจะไพเราะขนาดไหน หรือว่าจะทำจากหยกดี แต่ว่า มันจะทนมือเหมือนทำจากไม้หรือไม่นะ ตอนกระทบกันมันเพราะก็จริงแต่มันจะแตกร้า
ทางฝั่งติงยวี่ถิงเว่ยหนิงยิ้มร่า จับมือติงยวี่ถิงเดินไปอย่างอารมณ์ดี “ข้าสบายใจแล้ว เรามาจิบชากันเถอะ เจ้านั่งตรงนี้รอก่อน ข้าจะไปสั่งคนนำขนมมาให้”“ข้าไม่หิว คุณหนูเว่ยอย่าลำบากเลยเจ้าค่ะ”“ไม่ลำบากๆ ข้าต้องตอบแทนเจ้าให้มากหน่อย” จบคำก็เดินไปสั่งการสาวใช้ที่ยืนรอรับใช้อยู่อีกฝั่งทันทีจังหวะนั้น พลันมีเสียงสดใสของสตรีนางหนึ่งเอ่ยทักทายติงยวี่ถิง “ไอ่โยว! นี่มิใช่แม่นางติงหรอกหรือ?”เจ้าของเสียงจะเป็นใครไปได้ หากมิใช่คู่อริคนเก่า ติงยวี่ถิงหันมองขวับ เห็นเหวินฟางยืนตะหง่านตรงหน้า เหยียดปากว่าต่อ “ข้านึกว่าสตรีดีงามจากที่ใด แต่งกายโดดเด่นเกินหน้าเช่นนี้ ช่างไร้มารยาทเหลือเกิน ทำตัวแย่ยิ่งนัก คงลืมตัวกระมังว่าเป็นแค่หญิงหม้าย บุรุษใดจะชายตาแลถึงขั้นสู่ขอตบแต่งเป็นภรรยาออกหน้าออกตา ย่อมได้เป็นแค่อนุชั้นต่ำเท่านั้น”ตรงจุดนี้มีพุ่มดอกไม้กั้นจากผู้คน จึงมีเพียงพวกนางแค่สองคนเท่านั้น จึงไม่แปลกที่สตรีผู้หนึ่งจะกล้าพูดเช่นนี้เหวินฟางเชิดคางมองนางด้วยสายตาเย้ยหยัน “อยากให้ข้าช่วยประกาศหรือไม่เล่า? ว่าเจ้าทำตัวต่ำทรามชั่วช้าปานใดถึงถูกบ้านสามีหย่าร้างและขับไล่เอาได้”ติงยวี่ถิงมีหรือจะกลัว
ทางฝั่งเว่ยเฉิงพวกเขารู้จักกันระดับหนึ่งจึงทักทายอย่างคุ้นเคย ยังมองเลยไปทางฝั่งสตรีอีกสองคน “นั่น น้องข้า เว่ยหนิง”ชายหนุ่มเพิ่งสังเกตเห็นเช่นกันว่าไป๋ซั่วมิได้มองน้องสาวของตนแต่กลับมองอีกคน เขากระแอม “เอ่อ...คุณชายไป๋ หนิงเอ๋อร์ของข้าสวมชุดสีชมพู มิใช่สีแดง”ไป๋ซั่วชะงัก “อ้อ...คุณหนูเว่ยใส่ชุดสีชมพูนั่นเอง” หน้ากลมบวมแดง ลงแป้งแต้มชาดเยอะเหมือนงิ้วขนาดนั้น ยังดูออกว่าเป็นรอยผดผื่นขรุขระ อัปลักษณ์สิ้นดี“วันนี้คุณหนูเว่ยแลดูน่ารักสดใสเหลือเกินขอรับ” ปากเอ่ยวาจาเช่นนั้น ทว่าสายตาก็ยังมองเพียงสตรีชุดแดงอย่างเผลอไผลอยู่ดี ในเมื่อคนหนึ่งขี้ริ้วขี้เหร่ปานนั้น อีกคนยังงามบาดตาบาดใจปานนี้ ทำเขามิอาจถอนสายตาได้เลยเว่ยเฉิงนิ่วหน้าเล็กน้อย ค่อยๆ แนะนำอย่างเสียมิได้ “สตรีชุดแดงคือแม่นางติง เจ้าของโรงยาเจี้ยนคัง ยามนี้ชื่อเสียงโด่งดังมากในเมืองหลวงเชียว คุณชายไป๋เพิ่งมาจากเมืองซิวโจวใกล้ๆ นี่เอง คงเคยได้ยินบ้างกระมัง”“อ้อ...” ไป๋ซั่วพยักหน้า ดวงตาลุกวาวหากเอ่ยถึงเจี้ยนคังเขาย่อมเคยได้ยินมาบ้าง ข่าวว่านางเก่งกาจดูแลดูแลกิจการเองทุกขั้นตอน นับเป็นสตรีที่มีความสามารถอย่างยิ่ง ไม่น่าเชื่อว่า
เว่ยหนิงจึงมองชายหนุ่มชุดสีฟ้าครามอย่างพิจารณา พบว่าเป็นคุณชายไป๋ผู้นั้นคนตัวสูงผิวขาว ใบหน้าเรียวยาว ความหล่อเหลาให้ห้าในสิบเท่านั้น ผิดกับอีกคนที่ยืนด้วยกัน ช่างรูปงามเหลือเกิน คิ้วตาจมูกปากน่ามองไปหมดทุกจุด สัดส่วนสมบูรณ์แบบยิ่งมิใช่เพียงเว่ยหนิงแต่คุณหนูทุกคนที่มางานเลี้ยงวันนี้ล้วนมองบุรุษชุดขาวเป็นตาเดียวเช่นกันคนอะไร? ช่างดึงดูดสายตาเหลือเกินเห็นสายตาน้องสาวมิอาจถอนคืนเช่นนั้น เว่ยเฉิงจึงถอนใจเอ่ยอย่างรู้เท่าทัน “เจ้าอยากรู้จัก?”“อื้ม...” นางพยักหน้าถี่ๆ “คุณชายคนนั้นเป็นใคร ข้าไม่เคยเห็นเลยนะ รูปงามปานนี้หากเป็นคนเมืองหลวงต้องเคยเห็นสิ ไม่มีทางพลาดสายตาดุจเหยี่ยวของข้าหรอก”“เขาผู้นี้คือคุณชายที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในจินโจว เขามาที่นี่เพื่อเปิดเส้นทางการค้าใหม่ ขยายเส้นทางเดิม”ดวงตาที่เผยความชื่นชมอยู่แล้วยิ่งเปล่งประกาย “อา...ข้าอยากทำความรู้จักเหลือเกิน”“อย่าแม้แต่จะคิดเชียว เขาไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้ เย่อหยิ่งถือตัวเป็นที่สุด ขนาดฮูหยินที่ถูกบังคับแต่งให้เขา ยังไม่เคยได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ ถูกรังเกียจเสียจนต้องหย่า หากเจ้าเผลอทำให้เขาไม่พอใจขึ้นมา โอกาสที่สกุลเว่ยจะได้