สามชาติภพที่เวียนว่ายนางสามารถจดจำเรื่องราวได้ทุกสิ่ง แต่ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็หนีไม่พ้นจอมมารผู้หนึ่ง คนที่นางมั่นใจว่าเป็นผู้สังหารตนในชาติที่สอง ชาติสุดท้ายนางต้องใช้ชีวิตให้ดีหลีกหนีจากจอมมารให้จงได้
View Moreแค่ก ๆ ๆ
ความแสบร้อนที่เกิดขึ้นในทรวงอกราวกับกลืนน้ำร้อนลงไปก็ไม่ปาน ยามนี้หากจะคายชาจอกนั้นออกมาก็ไม่ทันเสียแล้ว ซ้ำร้ายผู้ที่กำลังจับปากนางอ้าออกและกรอกชาที่เต็มไปด้วยยาพิษก็ไม่ใช่ใครอื่นใด แต่กลับกลายเป็นสามีที่นางรักนั่นเอง
‘หนิงอัน’ นึกสงสัยในตนเอง นางเป็นสตรีเฝ้าครองเรือนหลังดูแลบ้านให้เรียบร้อย สามเชื่อฟังสี่กตัญญูไม่เคยขาดตกบกพร่อง เหตุไฉนเขาจึงต้องการกำจัดตน
เพียงเพราะความมั่งคั่ง รุ่งเรืองเช่นนั้นหรือ
เพราะนางเป็นเพียงสาวชาวนาไม่สามารถกลายเป็นคู่ครองที่ดีของขุนนางได้ เช่นนั้นก็ควรปลดภรรยาเอก ตั้งภรรยาใหม่เอาที่เขาสบายใจ มิใช่ทำร้ายกันจนตายเช่นนี้
นึกย้อนถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าก็ยิ่งเจ็บใจ ตนเองเชื่อฟังสามีทุกอย่างกระทั่งเสียชีวิตลงเพราะสามีไม่ใยดีปล่อยทิ้งขว้าง หลังจากสามีสอบติดได้งานราชการทั้งที่ลำบากมาด้วยกันมากมายแต่พอเขาสบายกลับทิ้งขว้างนางจนตายรู้สึกเหมือนคำสั่งสอนที่บิดามารดาสั่งสอนมาตลอดชีวิต คำสอนหญิงสามเชื่อฟังสี่จรรยานี้ไม่ใช่เรื่องดีแม้แต่น้อย
เชื่อสามีแล้วอย่างไร เพราะเป็นหญิง เพราะเป็นลูกหลานจึงต้องกตัญญู โดยที่ไม่ต้องคำนึงเลยหรือว่า อีกฝ่ายจะปฏิบัติต่อตนอย่างไร
เช่นนั้นในชาตินี้หนิงอันก็ไม่เสียใจอะไรแล้ว คงมีแต่ชาติหมาเท่านั้นที่อกตัญญู และสามีนางในชาตินี้ก็เป็นยิ่งกว่าชาติหมาเสียอีก เพราะหากคิดดูดี ๆ แล้ว หนิงอันต่างหากที่เลี้ยงดูฟูมฟักเขาจนสามารถกลายเป็นขุนนางได้อย่างในตอนนี้
แต่สามีชาติหมาดันอกตัญญู นอกจากจะไม่ดูแลนางให้ดีแล้วยังจับกรอกยาพิษให้ตาย จากนั้นก็ระริกระรี้ไปแต่งงานกับสาวชาวเมืองผู้มั่งคั่ง มีหน้ามีตามาเป็นภรรยาเอกที่เหมาะสมแทน
‘ข้าไม่นึกเสียใจจริง ๆ เพราะตัวข้านั้นทำดีที่สุดแล้ว’ คิดอย่างนั้นได้ดวงตางามก็ค่อยปรือตาขึ้น
“ว้าย!” เห็นเพียงชายชุดดำยืนหน้าถมึงทึง ไม่ตกใจก็แปลกแล้ว
“ท่านเป็นผู้ใดกัน เข้ามาในห้องของข้า…” มองไปรอบ ๆ นี่ไม่ใช่ห้องของตน เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด แปลกประหลาดยิ่งนัก หรือนี่คือชีวิตหลังความตาย
“ข้าตายแล้ว เช่นนั้นท่านที่มองเห็นข้าก็คือ ผะ…ผะ…”
“ยมทูต ไม่มีตัวอักษรผะ” ชายหนุ่มชุดดำกล่าวตอบเสียงเรียบ ใบหน้านั้นดูไร้อารมณ์อย่างยิ่ง
“ท่านยมทูต!” ไม่ตกใจสิแปลก ชีวิตหลังความตาย คิดว่าทุกอย่างจะหายฟึ่บแล้วไปเกิดใหม่ หรือไม่ก็ต้องมีเฮยไป๋อู่ฉางมานำทางสู่ปรโลกถูกตัดสินว่าต้องชดใช้อย่างไร ไปเกิดใหม่หรือตกนรกไม่ใช่หรือ คิดไม่ถึงว่าจะมียมทูตหนุ่มชุดดำรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาปรากฎกายขึ้นตรงหน้าเช่นนี้ มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นยมทูตหนุ่มชุดขาว แสดงว่าไม่ใช่เฮยไป๋อู่ฉางอย่างแน่นอนแล้ว
“มองหาสิ่งใด”
“มองหายมทูตสีขาว”
“ข้าไม่ใช่เฮยไป๋อู่ฉาง” ยังคงตอบเสียงเรียบ
“เช่นนั้น ข้าต้องทำอย่างไรต่อเจ้าคะ ข้าไม่รู้สึกเสียใจต่อสิ่งใดในชีวิตนี้แล้ว หากเลือกได้ชาติหน้าข้าก็อยากจะเกิดเป็นชายดีกว่ากลายเป็นหญิง หญิงสาวช่างมีชีวิตรันทดยิ่งนัก”
“เจ้าคงต้องผิดหวังแล้ว” ว่าแล้วชายชุดดำก็หยิบกระดาษขึ้นมาเล่มหนึ่งใบหน้าขยับเป็นครั้งแรก คิ้วขมวดขึ้นเป็นปมขณะเอ่ยชื่อคนในเอกสาร
“หนิงอัน”
“ข้าเองเจ้าค่ะ ถูกคนแล้ว ไม่ผิดคนแน่นอน”
“เนื่องจากเจ้าทำความดีระดับสูงเอาไว้ตลอดมา จึงมีโอกาสสามชีวิตในชาติภพนี้”
“แปลว่าข้าดั่งนางแมวเก้าชีวิตหรือเจ้าคะ ที่ข้าตายแล้วก็ตายได้อีก ตายได้เรื่อย ๆ คือข้าจะฟื้นขึ้นมาหรือเจ้าคะ” นางนึกถึงร่างของตนเองที่ถูกนำไปโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี คาดว่าหากไม่โดนสัตว์ป่ากินจนไม่เหลือซาก ก็คงโดนแผ่นดินฝังกลบจนยากจะกู้คืนแล้ว
“หาเป็นเช่นนั้นไม่ กล่าวคือเจ้าจะได้มีโอกาสย้อนกลับไปในช่วงต้นของชีวิต ครั้งที่หนึ่งใช้ไปแล้ว”
“แปลว่า…ข้ายังตายได้อีกหนึ่งครั้ง ใช่หรือไม่?” หนิงอันเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ “หรือข้ายังตายได้อีกสองครั้ง”
“เจ้าตายได้อีกครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อตายครั้งที่สองก็จะกลับคืนสู่ปรภพ เวียนว่ายตายเกิดอีกครา”
“ข้าทำความดีไว้ขนาดนั้นเชียวหรือเจ้าคะ” หนิงอันยังนึกสงสัย
เคยได้ยินว่าทำดีไว้ในชาติก่อนชีวิตต่อมาอะไรก็ราบรื่น แต่นี่บอกว่าทำดีระดับสูงไว้ แต่ชีวิตนางในชาติภพนี้กลับเป็นลูกคลื่นเรื่องร้ายถาโถมมาไม่หยุดหย่อน แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก“ข้าเข้าไปนะเจ้าคะ” เสียงหญิงสาวจากด้านนอกทำให้หนิงอันรีบยืดตัวกลับมานั่งตัวตรง หยิบผ้าเช็ดหน้าติดมือมา คิดว่าจะเอาไปซักในภายหลัง ประตูห้องเปิดออกโดยที่นางยังไม่ทันบอกอนุญาต แต่ตอนนี้นางไม่คำนึงถึงมารยาทใด ๆ ทั้งนั้นดวงตาดอกท้อของสาวงามจับจ้องไปยังหญิงสาวผู้มาใหม่ อีกฝ่ายเดินถืออ่างล้างหน้าเข้ามาวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็เดินออกไปนำถาดอาหารมาจัดเรียงบนโต๊ะกลางห้อง จากนั้นก็เดินวุ่นเปิดประตูหน้าต่างระบายอากาศ ลมเย็นที่พัดเข้ามายังไม่น่าตกใจเท่าบรรยากาศรอบ ๆ เรือน ซึ่งสวยงามเป็นอย่างยิ่งจนคนเพิ่งเคยเห็นอดตะลึงไม่ได้“ให้ข้าปรนนิบัติหรือไม่เจ้าคะ”เสียงหญิงสาวดังขึ้นขัดจังหวะ หนิงอันจึงหันไปมอง อีกฝ่ายมีรูปร่างเย้ายวนหน้าตาออกจะธรรมดาไปเสียหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นสาวงามผู้หนึ่ง สวมเสื้อผ้าเนื้อดีกว่านางตอนนี้เสียอีก แต่กลับมีท่าทางเหมือนสาวใช้?“ขออภัย ข้ายังไม่ได้แนะนำตนเอง ข้ามีนามว่าอันเซ่อ เป็นสาวใช้ส่วนตัวของท่าน”“สาวใช้… ของข้า!?” แนะนำตัวว่าเป็นสาวใช้ ยังไม่น่าตกใจเท่าเป็นของต
ฉั้วะ!เสียงแปลก ๆ ดังขึ้นปลุกให้สติของหญิงสาวให้ตื่นขึ้น เมื่อนางลืมตาภาพตรงหน้าคือชายชุดดำ เขามีใบหน้าที่หล่อเหลายิ่งกว่าท่านยมทูตคนก่อน ดวงตาคมกริบดั่งสัตว์ร้ายจ้องมองมากลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด‘หรือนี่จะเป็นเฮยไป๋อู่ฉาง’ นางรู้แล้วว่าหากตกตายในคราวนี้จะไม่ได้พบกับท่านยมทูตอีกแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกใจหากจะมียมทูตตนอื่นมารับวิญญาณไป“ท่านยม…”ยังไม่ทันกล่าวจบคำ กลิ่นคาวเลือดก็กระแทกเข้าสู่โสตประสาท ดวงตางามกลอกไปมองรอบด้านอย่างอดไม่ได้ ภาพที่เห็นทำให้ร่างงามสั่นสะท้าน เศษเลือดและเนื้อกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ดวงหน้าหวานกลายเป็นซีดเผือดไร้สีขณะค่อย ๆ หันคอกลับไปมองชายชุดดำที่ยืนค้ำหัวอยู่ตรงหน้า ดวงตาสั่นไหวด้วยความหวาดกลัวแม้จะสวมชุดดำเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ยมทูต!นางตระหนักรู้ได้ทันทีหลังจากได้เห็นซากศพโดยรอบ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ยมทูตพานางมาอย่างแน่นอน แม้จะเป็นเศษเนื้อก็ยังมีซากเสื้อผ้าสีดำของพวกเขาหลงเหลือ ที่กองอยู่โดยรอบน่าจะเป็นชายชุดดำที่จับตนมายิ่งคิดก็ยิ่งหวั่นใจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ที่แน่ ๆ คือนางยังไม
หญิงสาวรูปร่างอรชรสวมหมวกมุ้งต่อแถวออกนอกเมืองโดยไร้ผู้ติดตามดูเหมือนจะเป็นที่จับจ้องมากเกินไปหน่อย หนิงอันจึงเปลี่ยนไปใช้ผ้าปิดหน้าแทน ขณะถอดหมวกมุ้งนั้นนางเห็นชายชุดดำจำนวนมากหันมามองเป็นตาเดียว จึงรีบก้มหน้างุดลง มือบางหยิบผ้าปิดหน้าขึ้นสวมทับ ชายชุดดำเลิกมองแล้ว พวกเขาคงแค่มองตามประสา‘ชุดดำทำให้นึกถึงท่านยมทูตจริง ๆ คราวนี้ข้าตายไปคงไม่ได้พบกับเขาแล้ว’ หนิงอันรู้สึกนึกถึงช่วงเวลาสบาย ๆ ที่ไม่ต้องพยายามเอาชีวิตรอด เพราะแบบนั้นถึงได้รู้สึกสบายใจยามอยู่กับท่านยมทูตหนุ่ม ทั้งที่เขาออกจะเย็นชา“แม่นางหนิงอัน?” ทหารยามเอ่ยชื่อนาง หนิงอันพยักหน้าให้เขา ปกติออกจากเมืองโดยมีรถม้า ไม่เห็นจะตรวจสอบยุ่งยากขนาดนี้เลย“ตกลง พวกเราเห็นแล้ว ท่านออกไปได้”“ขอบคุณพี่ทหาร” หนิงอันโปรยยิ้ม ขณะเดินมาต่อแถวขึ้นรถเกวียนเพื่อไปยังหมู่บ้านดงหลิวที่อยู่ไม่ไกล ความจริงหากจะเดินไปก็ย่อมได้ แต่หนิงอันยังหวาดระแวงเรื่องโจรป่าที่ดักปล้นในชีวิตที่สอง นางเลยไม่กล้าที่จะเดินเข้าป่าเพียงลำพัง“เหลื
ดังนั้นหนิงอันและชาวบ้านจึงไม่มีท่าทางหวาดกลัว ยังมีเพียงผู้สัญจรผ่านไปมาที่เพิ่งเคยมาเมืองมารที่กำลังหวาดกลัวหรือตกใจกับกลุ่มชายชุดดำเต็มถนน‘ช่างเถอะ พวกวังมารหาอะไรก็ไม่เกี่ยวกับข้า’ หนังอันคิดเช่นนั้นเดินเข้าไปในร้านหนังสือ“หลงจู๊ ที่นี่รับคนคัดหนังสือเพิ่มหรือไม่”“รับสิแม่นาง แต่ต้องขอดูลายมือของเจ้าก่อนนะ” ว่าแล้วก็ไปหยิบเครื่องเขียนและกระดาษมาให้ วางไว้ด้วยความคุ้นเคย บ่งบอกว่าทำเช่นนี้เป็นประจำ คงมีคนมาขอคัดตำราไม่น้อย“...” หนิงอันหยิบเครื่องเขียน ตวัดพู่กันด้วยความคุ้นเคย ลายอักษรที่ออกมานั้นงดงามชดช้อยบ่งบอกถึงตัวตนของคนที่มองโลกในแง่ดี ส่งผลให้ตัวหนังสือมีพลังสดชื่นกระตือรือร้นอย่างประหลาด เห็นเช่นนั้นหลงจู๊ก็รีบปรบมือ“งดงามยิ่งนัก หนังสือที่แม่นางคัดต้องเป็นที่นิยมมากอย่างแน่นอน มาเถอะเลือกตำราที่ท่านต้องการจะคัดไปได้เลย”“ข้าขอเป็น…ตำรานี้ก่อนแล้วกัน”“นี่เป็นบทเรียนเริ่มต้นสำหรับอ่านเขียน แม่นางแน่ใจหรือขอรับ” น้อยคนนักที่จะซื้อหนังสือนี้ แม้เป็นสิ่งจำเป็น แต่ส่วนใหญ่ล้วนส่งต่อกันในตระกูลจากรุ่นสู่รุ่น ดังนั
“นี่คือป้ายชื่อ ข้าอยากได้ที่ดินเล็ก ๆ ติดริมน้ำ สามารถสร้างเรือนหลังเล็ก ๆ พร้อมทั้งสร้างเพิงขายน้ำชาข้างทางได้ พอจะมีหรือไม่” คราแรกก็คิดจะเดินออกจากเมือง แต่พอคิดว่าอาจจะโดนโจร หรือไม่ก็พวกคุณชายเสเพลที่มาเที่ยวหอนางโลมเข้ามาเกี้ยวพาอีก หนิงอันจึงกลับไปที่จวนของท่านลุงต้าเซ่าแล้วขอยืมรถม้าออกมาแทน ได้ทั้งผู้คุ้มกันและรถม้าเดินทางสะดวก แม้จะต้องเอาเปรียบท่านลุงต้าเซ่าสักหน่อย ไว้นางจะชดใช้ให้ก็แล้วกันมาถึงก็พอดีกับที่หัวหน้าหมู่บ้านกลับมาจากทุ่งและกำลังจะกินข้าวเย็น แม้จะรบกวนไปบ้างแต่เรื่องนี้ไม่สามารถปล่อยไว้นานได้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถสบายใจได้เสียทีชีวิตครั้งที่สามนี้หนิงอันต้องมีอายุยืน!“เรื่องนี้พอจะมีที่ดินเข้าเค้าพอดี เจ้าต้องการไปดูตอนนี้หรือ ตะวันใกล้ตกดินแล้วจะเห็นอะไรเล่า ไม่สู้มาในวันพรุ่งนี้จะดีกว่า”“วันพรุ่งนี้ข้าคิดว่าจะติดต่อช่างมาก่อสร้าง ขอไปดูวันนี้เลยดีกว่าเจ้าค่ะ” การเดินทางระหว่างบ้านไปเมืองครั้งหนึ่ง ต้องเสี่ยงหนึ่งรอบ หนิงอันไม่ชอบใช้ชีวิตในความเสี่ยงเด็ดขาด เมื่อจุดมุ่งหมายสูงสุดของนางคือการมีอายุยืน ดังนั้นต้องทำทุกอย่าง
หนิงอันออกมาจากจวนเจ้าเมืองด้วยความโล่งอก นางเกือบทำไม่สำเร็จซะแล้ว ออกมาแล้วยังไม่ลืมกล่าวขอบคุณพี่ทหารยาม คิดว่าต้องรีบไปติดต่อซื้อที่ดินก่อนจะมืด ขณะที่คิดกลับถูกขวางทางเสียก่อน‘สุนัขที่ดีไม่ขวางทาง’ หนิงอันอดบ่นไม่ได้เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเพียงชายผู้หนึ่งจ้องมองมาทางนางด้วยสายตาราวกับประเมินของ ท่าทางเช่นนี้หนิงอันคุ้นเคยดี ชายผู้นี้ก็เปรียบดั่งชายหนุ่มทั่วไปที่เข้าใช้บริหารหอนางโลม แค่ต้องการหญิงสาวสักคนสำหรับทำเรื่องอย่างว่า หรือไม่ก็ต้องการหาอนุภรรยาเข้าบ้านเท่านั้น“คุณชายท่านนี้ไม่ทราบว่า มีสิ่งใดให้ข้าช่วย?”“ช่วย?” สีหน้าของเขาปรากฎความประหลาดใจหลายส่วน“ใช่ หากไม่ต้องการความช่วยเหลือเหตุใดท่านจึงมาขวางทางข้า” หนิงอันเอ่ยเสียงนิ่ง“เจ้าจำข้าไม่ได้หรือ” ชายหนุ่มฟื้นจากความสงสัย เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มของคุณชายเสเพล“ข้าไม่เคยพบท่าน”“แต่ข้าเคยเห็นเจ้า อยู่ที่จวนนายท่านต้าเซ่า เจ้าเป็นเด็กในคาราวาน หรือเมียของลูกจ้างที่ตายไปแล้วเล่า? ยังสาวอยู่เลยนี่นา”“...” หนิงอันขมวดคิ้ว ดูเหมือนการเข้าเมืองมากับท่านลุ
กระทั่งนางโลมย้ายมาจากเมืองอื่น ยังต้องงดงามและมีความสามารถไม่น้อยจึงจะทำได้ แล้วตัวนางจะกล่าวว่าทำอาชีพอะไรจึงจะเหมาะสม หนิงอันนอนคิดเรื่องนี้มาทั้งคืนเพราะถูกต้าเซ่าเตือนเอาไว้ก่อนแล้ว“ขอบคุณพี่ทหารเจ้าค่ะ ข้าเป็นอาจารย์หญิง ตั้งใจเปิดโรงเรียนสอนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อยู่หมู่บ้านนอกเมืองไม่ไกล หากที่บ้านท่านมีเด็กผู้หญิง ก็สามารถส่งไปเรียนที่ข้าได้”“อาจารย์สอนหญิงงั้นหรือ ดี ดี! เจ้าน่าจะผ่านนะ” ทหารหนุ่มตอบรับ ทำให้หนิงอันมั่นใจมากขึ้นชีวิตที่สองเป็นถึงนางโลมอันดับหนึ่ง ศาสตร์ศิลป์ย่อมไม่มีขาดตกบกพร่อง สามารถยกตนขึ้นเป็นครูได้โดยไม่อาย“ว่าอย่างไร เจ้ามาจากที่ใด แล้วเหตุใดจึงอยากย้ายมาอยู่ในเมือง”เข้าพบผู้ดูแลแล้วหนิงอันไม่กล้าโกหกเพราะรู้ดีว่าการเข้าเมืองแตกต่างจากการสนทนากับต้าเซ่า นางสามารถสร้างเรื่องโกหกได้ แต่อาจมีปัญหาหนักเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าไม่เป็นจริง จึงไม่หยิบยกเรื่องท่านลุงขึ้นมาพูดสักคำ และตอบไปตามตรงก่อนจะรู้สึกผิดปกติเล็กน้อย“ข้ามาจากเมืองทางใต้ห่างไปหนึ่งเมืองเท่านั้น บิดามารดาเสียชีวิตเพราะไข้ป่า ไร้ญาติขา
ยามเช้าในเมืองของวังมารอากาศยังคงดีมากเพราะมีป่าทึบล้อมรอบทำให้มีอากาศเย็นสบาย บรรยากาศดีอย่างที่หาในเมืองอื่น ๆไม่ได้ แม้จะมีเสียงจอแจเพราะมีคนมาก แต่ก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคยแก่หนิงอันไม่น้อยชีวิตที่สองนางอยู่ในเมืองนี้กระทั่งวันตาย ชีวิตนี้นางเองจะมีอายุยืนยาวและอยู่ในเมืองนี้อย่างมีความสุขได้เช่นเดิม หนิงอันเชื่อมั่นในตนเองมาก“อรุณสวัสดิ์คุณหนูหนิง นายท่านให้มาเรียนว่าหากท่านจะออกไปข้างนอกก็สามารถใช้รถม้าได้”“อรุณสวัสดิ์ท่านพ่อบ้าน ข้าไม่รบกวน วันนี้ข้าคิดจะเดินเท้าเอาเจ้าค่ะ ฝากบอกท่านลุงด้วยนะเจ้าคะว่าข้าคงต้องขอตัวก่อน ไม่ได้อยู่รอลาท่านลุง เพราะวันหน้าข้าย่อมมาหาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนนี้บ้างแน่นอน” หนิงอันกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ได้ยินเช่นนั้นผู้น้อยก็ยินดี”พ่อบ้านชรามองส่งหญิงสาวจนลับสายตา เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่า ตุ่มดำแดงบริเวณผิวกายและใบหน้าของนายหายไปหมดแล้ว ตอนนี้หญิงสาวจึงดูงดงามขึ้นผิดหูผิดตา คงมีแค่บรรยากาศเย็นสบายรอบกายที่ยังเหมือนเดิมหนิงอันไม่ได้คิดปิดบังรูปร่างหน้าตาอีกแล้วเมื่อท่านลุงต้าเซ่าเตือนว่ามันเปล่าประโยชน์ อย่างไรคนก
มนุษย์ทุกคนย่อมได้รับผลจากการกระทำของตนเอง หนิงอันเพิ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ก็วันนี้ นางยืนอึ้งขณะมองงานเลี้ยงส่งแปลก ๆ ที่อยู่ตรงหน้า“ท่านลุงเซ่า นี่ออกจะเยอะเกินไปหรือไม่”หนิงอันเพิ่งมาถึงทางเหนือได้ไม่นาน นางลืมไปแล้วว่าแถบนี้หนาวเย็นกว่า แม้จะใช้เวลาเดินทางจากเมืองที่เคยอยู่มาไม่ไกล ยิ่งนอกเมืองก็ยิ่งหนาวเย็นเพราะมีต้นไม้เยอะ ดังนั้นพอมาถึงก็ดันหนาวสั่นจนต้าเซ่าทนไม่ได้ มอบเสื้อผ้าให้กองโต“ของเก่าขายไม่ได้แล้ว แม้จะขายก็ได้ไม่มาก เจ้าเอาไปใส่เถอะ”หนิงอันอ้าปากสั่น ๆ เมื่อมือใหญ่พยายามยัดผ้าคลุมขนจิ้งจอกอย่างดีในมือให้นางอย่างไม่ยอมให้ปฏิเสธ รู้สึกว่าไม่น่าบอกเขาเลยจริง ๆก่อนหน้านี้พอเริ่มรู้สึกหนาว หนิงอันก็เพียงเปรยว่า บิดาสัญญากับนางปีนี้จะล่าจิ้งจอกเอาหนังมาทำผ้าคลุมให้ แต่เขากลับตายจากไปก่อน ต้าเซ่าที่คิดว่าตนเป็นญาติผู้ใหญ่ของหนิงอันไปแล้วคงอยากจะชดเชยให้นางจึงทำเช่นนี้ แต่นี่มันมากเกินไป“ไม่มากไปหรอก ต่อไปเจ้ากตัญญูต่อข้าก็เพียงพอ”“ทั้งที่ท่านยังไม่รู้จักข้าดี เหตุใดจึงไว้ใจข้าถึงเพียงนี้” เดินทางมาด้วยกันเพียงสองวัน แต่ต้าเซ่าดีกับนางจริง ๆ“อย่าพูดมากแล้วรับไปเถอะ”“แต
Comments