ตอนที่ 2
ความจริง
“เจ้าแน่ใจหรือ” หว่านเหมยฮวาเอ่ยถามหลานสาวด้วยความตระหนก
“ยังเจ้าค่ะ ข้าเพียงสงสัยเพราะบัญชีร้านที่สาขาเมืองชิงเงินหายไปมากพอจะเลี้ยงคนหนึ่งจวนได้สบาย ๆ”
“แต่นี่อาจจะไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดก็ได้นะ” หว่านเหมยฮวาเอ่ยแย้งหลานสาว
“ไม่เพียงเท่านั้นเจ้าค่ะ ตอนท่านแม่จากไปท่านพ่อดูจะไม่ค่อยเสียใจมากนัก ขนาดข้ายังกินข้าวแทบไม่ลงแต่ข้าสังเกตท่านพ่อยังกินข้าวอิ่มนอนหลับ ราวกับท่านแม่ไม่ได้จากไปไหน” เอ่ยไปน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“เอาเถอะ หากเจ้าต้องการรู้เรื่องนี้ป้าจะให้คนสืบให้ แต่ก่อนอื่นแม่ของเจ้าฝากของอย่างหนึ่งเอาไว้ให้เจ้าด้วย เจ้ารอป้าสักครู่หนึ่ง”
เอ่ยจบหว่านเหมยฮวาก็เดินหายเข้าไปในห้องนอนตัวเอง แล้วออกมาพร้อมกล่องใบหนึ่งขนาดไม่ใหญ่มากนัก
“นี่คืออะไรกันเจ้าคะ”
นางถามด้วยความสงสัย ไม่คิดว่ามารดาจะฝากของเอาไว้กับท่านป้าเช่นนี้ ชาติที่แล้วนางไม่เคยได้รับมันมาก่อน
“เจ้าลองเปิดดูเองเถิด” ผู้เป็นป้าเอ่ยพลางยิ้มบางให้
ซูฮุ่ยฉินเปิดดูด้านในพบว่าเป็นป้ายหยกสีเขียวเข้มตรงกลางสลักคำว่าซู อีกด้านสลักคำว่าฉินนั่นทำให้นางฉงนในใจ
“มันคือสิ่งใดหรือเจ้าคะท่านป้า”
“นี่คือป้ายหยกพันธมิตรระหว่างตระกูลซูและตระกูลฉิน มารดาเจ้าให้ป้าไว้ตอนที่ป้าไปเยี่ยมนางเมื่อคราวก่อนที่นางจะจากไป เพราะกลัวว่ามันจะตกมาไม่ถึงมือเจ้า”
“หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ” ยิ่งได้ฟังนางยิ่งงุนงงมากกว่าเดิม หรือท่านแม่ไปรู้อะไรมา
“เจ้าลองอ่านจดหมายนี้ดู แล้วจะเข้าใจเอง”
หว่านเหมยฮวายื่นจดหมายให้หลานสาวตรงหน้า ข้อความในจดหมายเขียนว่า หากซูฮุ่ยฉินได้อ่านจดหมายนี้แปลว่ามารดาของนางได้จากไปแล้ว และคงระแคะระคายเรื่องบิดาแล้วเช่นกัน
ตั้งแต่ที่บิดานางแต่งเข้าจวนตระกูลซูได้ไม่นาน ท่านตาและท่านยายก็ล้มป่วยลงและจากไปในเวลาไล่เลี่ยกัน บิดาจึงต้องเข้ามารับช่วงต่อกิจการบ้านเรา
ตลอดเวลาบิดาเป็นคนดีมาก จนมารดานางแทบไม่อยากเชื่อว่าเขาแอบซ้อนภรรยาและบุตรนอกสมรสเอาไว้ จนมีช่วงหนึ่งที่เขาเดินทางไปดูกิจการที่เมืองชิงบ่อยผิดปกติ
มารดาจึงให้คนตามสืบจนรู้ความจริงทุกอย่าง แต่เพราะไม่อยากให้ซูฮุ่ยฉินเสียใจจึงทำเป็นไม่รับรู้เรื่องราว แล้วใช้ชีวิตสามคนพ่อแม่ลูกแสนสุขเรื่อยมา
ที่มารดาเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นเพราะอยากขอโทษที่เป็นมารดาที่อ่อนแอ ไม่ใจแข็งพอที่จะรับความจริงได้ว่าบิดามีสตรีซ่อนไว้อีกคน
หลังอ่านจดหมายจบซูฮุ่ยฉินก็นิ่งไปครู่หนึ่ง เพราะพยายามเรียบเรียงความคิดในหัวตัวเอง
นางเกิดมาก็ไม่ได้เจอท่านตาท่านยายแล้ว จึงไม่เคยรู้มาก่อนว่าบิดาแต่งเข้าตระกูลซู อีกอย่างก็ไม่เคยเอ๊ะใจเรื่องนี้ด้วย
และเพราะไม่อยากให้นางเสียใจ มารดาจึงทนหลับตาข้างหนึ่งเรื่องบิดาเสมอมา
“ท่านป้ารู้เรื่องที่บิดาข้าเลี้ยงชู้ไว้นอกจวนหรือไม่เจ้าคะ” นางหันมาถามผู้เป็นป้า แต่ได้รับสีหน้าตกใจกลับมา
“บิดาเจ้าเลี้ยงชู้ไว้นอกจวนจริงงั้นหรือ ป้าขออ่านจดหมายของมารดาเจ้าได้หรือไม่” ซูฮุ่ยฉินจึงยื่นจดหมายของมารดาให้
เมื่ออ่านจบหว่านเหมยฮวาก็โกรธจนน้ำตาไหล เพราะแค้นใจแทนสหายรัก
“ป้าจะช่วยเจ้าสืบหาเองว่าจวนชู้ของบิดาเจ้าอยู่ที่ใด แต่งเข้าบ้านผู้อื่นแท้ ๆ ยังกล้าเอาเงินทองตระกูลซูไปเลี้ยงเมียชู้ตนอีก ช่างหน้าหนายิ่งนัก”
“เรื่องนี้หลานต้องรบกวนท่านป้าแล้ว แต่ไม่นานท่านพ่อต้องพานางเข้าจวนแน่” ซูฮุ่ยฉินเอ่ยพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ต่อให้พาเข้าจวนได้ นางก็เป็นได้เพียงอนุเท่านั้นแหละ ป้ามีแผนการ” เอ่ยพลางยิ้มอย่างชั่วร้าย ก่อนจะเล่าแผนการให้หลานสาวฟัง
เมื่อตกลงแผนการเสร็จ หว่านเหมยฮวาก็ให้คนเอารถม้าไปส่งหลานสาวที่จวน
จางลู่เหวินบิดาของซูฮุ่ยฉินกำลังวางแผนให้ภรรยาและบุตรชายบุตรสาวตนได้เข้ามาอยู่ในจวนตระกูลซู
เขาปิดบังเรื่องนี้มากว่าสิบหกปีเต็ม ว่าตนมีครอบครัวอยู่ก่อนแล้ว ไม่เช่นนั้นจะแต่งเข้าตระกูลซูที่ร่ำรวยได้หรือ
ยามนั้นตนเป็นเพียงบัณฑิตยากไร้ เดินทางเข้ามาสอบในเมืองหลวงก็สอบไม่ติด เมื่อเดินทางกลับจวนคนในหมู่บ้านก็ดูถูก
วันหนึ่งขณะที่ตนไปรับจ้างเขียนจดหมายในตลาด ก็ไปเจอเข้ากับประกาศรับสมัตรเขยแต่งเข้าของตระกูลซู ตนจึงเอาเรื่องนี้มาปรึกษาภรรยา
ภรรยาของเขาก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย นางยอมอยู่อย่างไร้ตัวตน เพื่อให้เขาแต่งเข้าตระกูลซู
เมื่อเขาเป็นเขยที่ได้รับความไว้วางใจแล้ว เขาก็ส่งเงินกลับมาให้ภรรยาที่เมืองชิง เมื่อนางตั้งท้องเขาจึงมาซื้อจวนในตัวเมืองให้นางอยู่
ยามแรกที่รู้ว่าตนได้บุตรชายและบุตรสาวพร้อมกันในคราวเดียว เขานั้นยินดีจนตั้งโรงทานติดกันเจ็ดวัน
และเพื่อไม่ให้ซูเลี่ยงลี่สงสัย ตนจึงให้เหตุผลว่าที่จัดตั้งโรงทานก็เพื่อขอพรให้นางมีบุตรกับเขาเร็ว ๆ
เขาให้บุตรทั้งสองที่เกิดกับฟางเจียวเหมยใช้แซ่ซู ยามเข้ามาอยู่ในจวนจะได้ไร้ข้อกังขาของคนในเมืองหลวง
“นายท่านจะพานายหญิงกับคุณหนูทั้งสองเข้ามาอยู่ในจวนเมื่อไหร่ดีขอรับ” บ่าวคนสนิทที่รู้เห็นเป็นใจเอ่ยถามผู้เป็นนาย
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดข้าจะเดินทางไปรับพวกเขาวันพรุ่งนี้ กว่าจะกลับมาก็อีกเจ็ดวัน” เขาเอ่ย เพราะตนให้บ่าวจัดเตรียมรถม้าเอาไว้แล้ว
“แล้วจะบอกคุณหนูรองว่าอย่างไรดีขอรับ”
“เดี๋ยวข้าไปบอกนางเอง เจ้าไปบอกพ่อบ้านให้ดูแลนางขณะที่ข้าไม่อยู่ให้ดี”
เขาเอ่ยก่อนจะเดินไปยังเรือนบุตรสาว เพราะคนแจ้งว่านางกลับมาจากข้างนอกแล้ว
เมื่อเดินไปถึงเรือนบุตรสาวก็ได้ยินเสียงขลุ่ยที่นางเป่าลอยมาให้ได้ยิน ฟังแล้วเศร้าจับใจนางคงคิดถึงมารดาของนางมาก
“ฉินเอ๋อร์ พ่อเข้าไปได้หรือไม่” เมื่อมายืนหน้าห้องบุตรสาวตนจึงเอ่ยเสียงเรียกออกไป
“ท่านพ่อหรือเจ้าคะ มาหาลูกเหตุใดไม่เข้ามาเลย ใยต้องขออนุญาตลูกกัน” นางเอ่ยพลางลุกไปหาผู้เป็นบิดา
“เสียงขลุ่ยที่เจ้าเป่าเมื่อครู่ช่างไพเราะนัก ไว้วันหน้าเป่าให้พ่อฟังอีกได้หรือไม่”
“ย่อมได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ ว่าแต่ท่านพ่อมาหาลูกมีเรื่องด่วนอะไรหรือเจ้าคะ” ที่นางถามเช่นนี้เพราะปกติไม่มีเรื่องด่วนบิดาจะไม่มาหานางที่เรือน
“พ่อจะมาบอกเจ้า ว่าพรุ่งนี้พ่อจะออกเดินทางไปดูร้านที่สาขาเมืองชิง หลงจู้ที่นั่นส่งจดหมายมาบอกว่าร้านเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย”
“เช่นนั้นท่านพ่อเดินทางระมัดระวังนะเจ้าคะ แต่ไม่ใช่ไปเมืองชิงจะแอบหนีบุตรสาวผู้นี้ไปเที่ยวหรือ เลือกวันไปตรงกับวันเทศกาลโคมลอยเลยนะเจ้าคะ” นางเอ่ยเย้าบิดา
แต่ก็พอรู้ว่าบิดาไปที่นั้นเพราะเหตุใด คงไปรับสามแม่ลูกนั่นกลับมาจวนของนางนะสิ
“มารดาเจ้าเพิ่งจากไปบิดายังจะมีกะใจไปเที่ยวเล่นได้อย่างไร เจ้าเถอะต้องกินข้าวให้ตรงเวลา พ่อจะสั่งให้แม่นมมาช่วยดูแลเจ้าระหว่างพ่อไม่อยู่”
“ข้าปักปิ่นแล้วนะเจ้าคะ” นางเอ่ยแย้ง สองพ่อลูกคุยหยอกล้อกันอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนผู้เป็นบิดาจะจากไป
เมื่อบิดาก้าวขาออกจากเรือน ซูฮุ่ยฉินก็หุบยิ้มทันที หลังจากบิดาออกจากจวนนางจะเริ่มแผนแรกทันที
“ชิงชิงพรุ่งนี้หลังบิดาข้าออกจากจวนแล้ว เจ้าเรียกบ่าวในจวนทุกคนไปรวมกันที่ลานกว้างกลางจวนด้วย”
“เจ้าค่ะ แต่คุณหนูจะทำอะไรหรือเจ้าคะ” สาวใช้เอ่ยถามอย่างสงสัย จึงได้รับสายตาดุจากคุณหนูตนเป็นสิ่งตอบแทน
“ข้าจะทำอะไรต้องรายงานให้บ่าวอย่างเจ้าทราบทุกเรื่องหรืออย่างไร” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“บะ บ่าวขออภัยเจ้าค่ะ บ่าวผิดไปแล้ว”
ชิงชิงรีบเอ่ยขออภัยทันที ก่อนจะขอตัวออกไปบอกบ่าวในจวนทุกคนไว้
ตอนพิเศษ 2.1โซ่ทองเส้นนี้ชวนหงุดหงิดเสียจริง“ยินดีด้วยขอรับท่านประมุข ตอนนี้นายหญิงตั้งท้องได้สองเดือนแล้ว ข้าจะไปจัดยาบำรุงครรภ์ให้นายหญิงนะขอรับ”หมอเอ่ยจบแล้ว แต่ตัวคนฟังยังไม่ได้สติ เพราะดีใจจนทำอะไรไม่ถูกจนซีหลิงหยุนมาสะกิด“นายท่านไม่เข้าไปหานายหญิงหรือขอรับ หรือนายท่านไม่ดีใจที่นายหญิงท้อง”เพี๊ยะ!!!!เมื่อซีหลิงหยุนเอ่ยจบก็ถูกผู้เป็นนายตีเข้าที่หน้าทันที จนเกิดเสียงดังลั่น คนเฝ้าหน้าเรือนหันมามองตาปริบ ๆ“เจ้าพูดจาเช่นนี้ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วกระมั้ง ตบปากตนเองจนกว่าเลือดจะออกเสีย” เอ่ยลงโทษเสร็จก็เดินลิ่วเข้าไปในเรือนทันที“โธ่!!! นายท่าน ข้าเพียงพูดหยอกล้อท่านเท่านั้น ข้าเป็นคนสนิทท่านนะ เหตุใดท่านทำกับข้าเช่นนี้”เอ่ยจบก็ตบปากตนเองหนึ่งทีจนเลือดไหล แล้วรีบวิ่งตามผู้เป็นนายเข้าเรือนไป“ฮูหยินเจ้าท้องแล้ว สามีดีใจที่สุดเลย”อันเฉียนฟานเอ่ยพพร้อมกับกางแขนจะเ
ตอนพิเศษ 2โซ่ทอง ซูฮุ่ยฉินได้เดินทางไปเยือนพรรคของเขาอย่างที่เคยตกลงกันเอาไว้ เมื่อไปถึงก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น พวกเขาเตรียมงานเลี้ยงไว้รอต้อนรับนางเย็นนี้ แต่กว่าจะถึงช่วงเย็นนางจึงมานอนเอาแรงเสียก่อน ไม่รู้เป็นอะไรช่วงนี้นางรู้สึกว่าง่วงนอนบ่อยนัก “ซินซินข้าขอนอนก่อนนะ ข้าง่วงมากเลย” นางเอ่ยพร้อมหลับตาลง เหมือนพักสายตา แต่ไม่นานก็ได้ยินเสียงคนร้องโหวกเหวกโวยวายดังมาจากนอกเรือน “ข้าต้องการพบนายหญิง! ข้าต้องการเรียกร้องความ เป็นธรรมให้กับลูกของข้า ปล่อยข้านะ พวกเจ้าปล่อยข้าสิ!!” เสียงร้องของสตรีผู้นั้นทำให้นางตื่น ความหงุดหงิดที่ไม่ได้นอนทำให้นาง
ตอนพิเศษ 1แค้นที่ต้องชำระแทน ครั้งหนึ่งยามอดีตอันเฉียนฟานกลับไปที่อารามแต่กลับไม่พบสตรีที่ตนตั้งใจมาหา เมื่อถามชีกับหลวงจีนในอารามก็พบว่าคืนที่นางคลอดลูก นางตกเลือดและเสียชีวิตในห้องพัก“เป็นไปได้อย่างไร กำหนดคลอดของนางอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าไม่ใช่หรือ” เขาถามชีสามคนตรงหน้า“พวกข้าก็ไม่รู้เช่นกัน เช้ามาไม่เห็นนางออกจากห้องจึงได้ไปเคาะเรียก แต่นางก็ไม่ตอบรับจึงได้พังประตูเข้าไป ก็เห็นนางนอนจมกองเลือดสิ้นชีพจรไปแล้ว” แม่ชีผู้หนึ่งเอ่ยอันเฉียนฟานได้ฟังใบหน้าของเขามืดครึ้มลงอย่างเห็นได้ชัด เหล่าผู้ติดตามเองก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน“พวกท่านไม่ได้ยินเสียงนางกรีดร้องบ้างหรือ คนเจ็บท้องคลอดลูกก็ต้องร้องขอความช่วยเหลือบ้างสิ” เขาถามสิ่งที่สงสัย“ไม่เลยเจ้าค่ะ หากพวกข้าได้ยินคงเข้าไปช่วยเหลือนางแล้ว ไม่ปล่อยให้นางต้องตายจากไปอย่างเวทนาเช่นนี้แน่” แม่ชีคนเดิมเอ่ยตอบ
ตอนที่ 36สู่ขอประโยคที่ซินซินบอกนางเมื่อครู่ ทำให้นางหยุดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมาถามสาวใช้ตัวเองอีกครั้ง“เมื่อครู่เจ้าว่าอย่างไรนะ!”“คุณหนูออกไปดูด้วยตาตนเองเถอะเจ้าค่ะ” ซินซินเลี่ยงที่จะพูดซ้ำซูฮุ่ยฉินจึงรีบร้อนออกไปหาผู้เป็นป้าที่สวน จนซินซินต้องวิ่งตามไปเพราะนายสาวเดินเร็วนักเมื่อไปถึงนางก็เห็นว่ามีขบวนข้าวของมากมายพร้อมผู้คนเต็มหน้าประตูจวนไปหมดหว่านเหมยฮวาเห็นหลานสาวออกมาจึงรีบเข้าไปหา ก่อนจะจูงมือนางไปหาแม่สื่อที่ยืนอยู่“เจ้ามาทางนี้ ตอนนี้เจ้าไม่มีญาติผู้ใหญ่ ข้าจึงอาสามาเป็นญาติผู้ใหญ่ให้เจ้าเอง นี่คือแม่สื่อถังนางนำขบวนสินสอดมาส่ง”เพราะเป็นการแต่งเข้า ฝ่ายชายจึงต้องเอาสินสอดมาส่งที่จวนแทนผู้เป็นป้าเอ่ยอย่างอารมณดี แต่ก็ต้องแปลกใจที่เห็นหลานสาวทำสีหน้าเช่นนั้น“คุณหนูซูเหตุใดทำหน้าเช่นนั้นกันเล่า” แม่สื่อเองก็เริ่มจับสังเกตบางอย่างได้แล้ว“ขออภัย
ตอนที่ 37รักมานาน และจะรักตลอดไป (จบ) วันเวลาผ่านไปจนถึงวันที่นางแต่งงานกับเขา ทุกอย่างราบรื่นจนนางยังแปลกใจ เพราะหลังจากประกาศออกไปว่านางจะแต่งกับเขา ก็มีคนมาวิ่งเล่นที่จวนนางแทบทุกคืน บางครั้งก็ที่ร้านตามสาขาต่าง ๆ แรก ๆ นางก็ปวดหัวไม่น้อย เพราะข้าวของที่ให้กักตุนไว้เสียหายเกือบครึ่ง อันเฉียนฟานจึงให้คนของตนลงเขามาคุ้มกันให้ ทำให้จัดการคนพวกนั้นไปได้บ้าง แต่ก็ยังมีโพล่มาทุกวัน ทั้งคนของคู่แข่งทางการค้า และคนของสตรีนางนั้นที่เคยมาแสดงตัวว่าเป็นภรรยาเขา “น้องหญิงเจ้าคิดสิ่งใดอยู่กัน เหตุใดจึงทำหน้าเช่นนั้น” เขาเอ่ยขึ้นด้านหลังพร้อมกับหอมแก้มนางไปฟอดใหญ่&nb
ตอนที่ 34ผลกรรม 1 เดือนต่อมาซูฮุ่ยฉินเริ่มให้ร้านในสาขากักตุนเสบียงเอาไว้แล้ว เพราะอีกไม่กี่เดือนจะมีข่าวเรื่องสงครามออกมาแน่อันเฉียนฟานช่วงนี้ก็เข้าออกจวนนางเป็นว่าเล่น ทั้งมาอย่างเป็นทางการ และมาแบบโจรเด็ดบุพผาอย่างตอนนี้“นายหญิงไม่สนใจไปเที่ยวพรรคเราบ้างหรือขอรับ รับรองว่านายหญิงต้องชอบแน่ นายท่านของข้ารับประกันด้วยหัวใจเลยขอรับ”ซีหลิงหยุนที่จัดการธุระเสร็จแล้ว วันนี้จึงตามผู้เป็นนายมาช่วยเกี้ยวนายหญิงด้วย“ขอบคุณนายท่านซีที่ชวนเจ้าค่ะ แต่ข้าคงทิ้งกิจการทุกอย่างไปไม่ได้” นางตอบปัดไปจึงได้เห็นใบหน้าบูดบึ้งของบุรุษที่นั่งอยู่ตรงข้าม“ข้าจะให้คนของข้าเข้ามาช่วยดูแลเอง ขอเพียงเจ้ารับปากมาเท่านั้น” อันเฉียนฟานเอ่ยขึ้นบ้าง“จริงขอรับ นายหญิงเพียงเอ่ยปากมาเท่านั้น ซินซินเจ้าเองก็อยากไปเที่ยวพรรคของพวกเราใช่หรือ