นายหัวธนธรรศนั่งคุยอยู่ในรถกับพิมพ์พลอยไม่ถึงสิบนาทีลูกน้องของเขาก็ขับรถกระบะคันเก่าเข้ามาจอดเทียบ
ชายหนุ่มรีบลงไปบอกลูกน้องให้เติมน้ำมันที่รถคันเล็กของพิมพ์พลอยโดยมีเจ้าของรถลงมาดูอยู่ข้างๆ
“แกลลอนใหญ่มากเลย กี่ลิตรคะนายหัว” หญิงสาวมองแกลลอนในมือคนของนายหัวแล้วคิดไม่ออกว่ามันขนาดเท่าไหร่
“ยี่สิบลิตรครับ”
“นายหัวต้องคิดค่าน้ำมันด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้ซื้อมาสักหน่อยมันอยู่ที่สวน” เขากอดอกพิงรถมองคนงานที่กำลังกรอกน้ำมันให้กับรถของหญิงสาว
“แต่นายหัวก็ซื้อมานี่คะ ให้พิมพ์พลอยจ่ายค่าน้ำมันเถอะนะคะ” เธอรู้ว่าเขาเป็นคนมีน้ำใจแต่เธอก็ไม่ชอบเอาเปรียบใคร
“ถ้าอยากจ่ายจริงก็จ่ายเป็นเบียร์เย็นๆ สักขวดให้นายสินก็แล้วกันนะดีไหมสิน” นายหัวธนธรรศพูดกับพิมพ์พลอยแล้วกันมาถามความคิดเห็นของลูกน้องที่กรอกน้ำมันลงถังเสร็จพอดี
“เป็นความคิดที่ดีมากเลยครับนายหัว” สินธพยิ้มอย่างดีใจกับค่าจ้าง
“ถ้างั้นพรุ่งนี้พี่ไปที่ร้านพลอยนะคะพลอยจะเตรียมไว้ให้ค่ะ” พิมพ์พลอยเคยเจอผู้ชายคนนี้มาหลายครั้งแล้วเพราะเขามักแวะไปอุดหนุนเธอที่ร้านเป็นประจำ
“ไม่เป็นไรครับคุณพลอยผมแค่ล้อเล่นครับ”
“แต่พลอยจริงจัง ถึงนายหัวจะไม่คิดเงินแค่คนที่ออกแรงและเสียเวลาเอาน้ำมันมาให้คือพี่นี่คะ” หญิงสาวอยากตอบแทนน้ำใจที่เขามีให้
“ก็ได้ครับผมไปก่อน”
“ขอบคุณมากค่ะ” เธอกล่าวของคุณอย่างจริงใจ
เมื่อสินธพกลับไปแล้วตอนนี้ก็เหลือแค่พิมพ์พลอยกับนายหัวธนธรรศแค่สองคนท่ามกลางบรรยากาศที่มืดและมีเพียงแต่แสงไฟจากรถยนต์ของเขาที่ส่องมาเท่านั้น
“ขอบคุณนายหัวมากนะคะ ถ้าไม่ได้นายหัวพลอยคงแย่ค่ะ” พิมพ์พลอยเอ่ยขอบคุณอีกครั้งด้วยรอยยิ้มที่สดใสมากกว่าทุกครั้งที่เขาเห็น
“ไม่เป็นไรครับพลอย ผมว่าเรารีบกลับกันเถอะ คุณขับนำไปนะผมจะขับตามไป”
“ค่ะนายหัว”
พิมพ์พลอยขับรถตามถนนที่มืดสนิทหากแต่ว่าเธอรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาดเมื่อมีรถของนายหัวธนธรรศขับตามมาหญิงสาวใช้ความเร็วไม่มากเท่าไหร่เพราะยังไม่คุ้นกับเส้นทางแม้ว่าจากจุดนั้นมายังร้านของเธอก็ใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีแต่ถ้าเป็นเวลากลางวันเธอคงใช้ความเร็วได้มากกว่านี้
หน้าร้านของพิมพ์พลอยมีแสงไฟจากหลอดไฟโซล่าเซลล์ที่เธอสั่งจากอินเตอร์เปิดไว้สว่างไปรอบบริเวณบ้าน
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะนายหัว”
“ไปไม่เป็นไรครับพลอยเข้าบ้านเถอะ อย่าลืมนะครับถ้ามีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือพลอยโทรหาผมได้ตลอดนะ” นายหัวธนธรรศพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ค่ะ” พิมพ์พลอยเงยหน้าขึ้นมายิ้มและสบตาคมกริบของเขาหัวใจเธอเต้นแรงขึ้น หญิงสาวเห็นประกายบางอย่างในดวงตาของเขาที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด
นายหัวธนธรรศขับรถกลับบ้าน เขาดับเครื่องยนต์แล้วนั่งนิ่งอยู่หลังพวงมาลัยอยู่นานหลายนาที ภาพใบหน้าของพิมพ์พลอยที่ยิ้มอย่างสดใสแต่ก็สังเกตได้ว่ายังมีความเศร้าซ่อน ทุกครั้งที่สบตาคู่สวยนั้นหัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นเมื่ออยู่ใกล้เธอทำให้เขารู้สึกสับสนแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดี
เขาเดินเข้าไปในบ้าน จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง แต่ยังไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ ภาพของพิมพ์พลอยยังคงวนเวียนอยู่ห้วงความคิดทั้งรอยยิ้ม ดวงตาที่ดูเศร้าหมองแต่ก็แฝงไปด้วยความเข้มแข็งในเวลาเดียวกัน
“ผมอยากรู้จักคุณมากขึ้นนะพลอย” นายหัวธนธรรศพึมพำชื่อของเธอเบาๆ เขารู้สึกเป็นห่วงเธออย่างประหลาด ไม่ใช่แค่เพราะเธอเป็นหลานสาวของน้าอัมพรแต่เป็นเพราะเธอมีบางอย่างในตัวเธอที่ดึงดูด
เขาตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วก่อนจะกดโทรออกไปอย่างลังเลใจ
“พลอยนี่ผมเองนะ นายหัวธรรศ”
“สวัสดีค่ะดีนายหัว พลอยจำเสียงคุณได้ นายหัวถึงบ้านแล้วใช่ไหมคะ พลอยจะโทรมาถามแต่ก็ไม่กล้ากลัวจะรบกวนนายหัวค่ะ” หญิงสาวคิดวนเวียนอยู่หลายรอบว่าจะโทรหาเขาดีหรือเปล่าแต่พอเขาโทรมาหาเธอก็รู้สึกดีใจ
นานแล้วที่ได้คุยโทรศัพท์กับใครเวลาดึกนอกจากศิริขวัญที่โทรมาเมื่อวันก่อน หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง
“ผมถึงนานแล้วครับ บ้านผมกับพลอยไม่ได้ไกลกันมากเท่าไหร่ วันหลังมาเที่ยวบ้านผมบ้างนะ” นายหัวธนธรรศไม่เคยชวนผู้หญิงคนไปไหนที่บ้านมาก่อน ส่วนใหญ่เขาจะนัดเจอกันในเมือง มีเพียงคนเดียวที่เขามาอยู่ที่บ้านก็คือมัทนาแต่มันก็ผ่านมานานถึงสี่ปีแล้ว
“ฟังดูน่าสนใจนะคะเอาไว้วันที่พลอยปิดร้านพลอยจะแวะไปก็แล้วกันนะคะแล้วที่นายหัวโทรมามีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผมจะถามว่าพลอยปิดร้านทุกวันพุธใช่ไหม”
“ใช่ค่ะมีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอจำได้ว่าเคยบอกเขาไปแล้วจึงค่อนข้างจะแปลกใจว่าทำไมเขาถึงถามย้ำอีก
“ผมเองก็ต้องเข้าเมืองบ่อยๆ เลยคิดว่าครั้งหน้าถ้าพลอยจะเข้าไปในเมืองเราน่าจะไปพร้อมกันได้นะครับ ผมอยากได้คนนั่งไปเป็นเพื่อนด้วย”
“แต่พลอยอาจทำให้นายหัวเสียเวลานะคะพลอยใช้เวลาเลือกสินค้าที่จะเข้ามาลงที่ร้านค่อนข้างนานค่ะแล้วก็ต้องไปหลายที่ด้วยเอารถไปเองน่าจะสะดวกกว่า”
“ลองให้ผมไปกับพลอยสักครั้งสิ ถ้าไม่ไหวครั้งต่อไปพลอยก็ค่อยเอารถไปเอง”
“แล้วนายหัวจะเข้าไปทำอะไรคะ”
“ส่วนใหญ่ก็เข้าสั่งของที่ใช้ในสวน”
“นายหัวต้องไปเองด้วยตัวเองเหรอคะ”
“จริงๆ แล้วโทรสั่งเอาก็ได้ครับ แต่บางทีผมก็อยากจะออกไปผ่อนคลายนอกสวนด้วยให้อยู่แต่ที่นี่บางทีมันก็เบื่อ พลอยล่ะครับเบื่อบ้างไหม”
“ตอนที่มาแรกๆ ก็เบื่อค่ะแต่พอได้เปิดร้าน ได้เจอกับลูกค้าพลอยก็รู้สึกดีขึ้นค่ะ พลอยไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะอยู่ที่นี่ได้นานขนาดนี้”
“พลอยหมายถึงไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ที่นี่นานเหรอ” เขารู้สึกใจหายถ้าหากว่าเธอจะไปจากที่นี่ เขายอมรับว่าตั้งแต่พิมพ์พลอยมาเปิดร้าน
“ตอนแรกก็แค่อยากมาพักใจค่ะ แต่ตอนนี้เริ่มติดใจที่นี่แล้ว” น้ำเสียงที่พูดออกมายังมีร่องรอยของความผิดหวัง
“หนีอะไรมาเหรอครับ” เขาอยากรู้ว่าเพราะอะไรผู้หญิงที่ทำงานเก่ง ฉลาดทำงานอย่างคล่องแคล่วถึงได้มาเปิดร้านขายของชำเล็กๆ แบบนี้
“เรื่องมันยาวค่ะ”
“ผมว่าเรื่องมันจะยาวหรือสั้นมันไม่สำคัญหรอกนะครับ มันอยู่ที่ว่าพลอยอยากจะเล่าให้ผมฟังหรือเปล่า ผมรู้เรื่องมันผ่านไปแล้วและคงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ถ้าได้พูดออกมาก็อาจจะดีขึ้นนะครับ”
“แล้วพลอยจะเล่าให้ฟังนะคะ แต่คงไม่ใช่คืนนี้หรอกค่ะ มันดึกแล้วพรุ่งนี้พลอยต้องเปิดร้านส่วนนายหัวก็ต้องทำงานใช่ไหมคะ”
“ครับ เอาไว้เราคุยกับตอนเข้าเมืองก็ได้”
“หมายถึงวันวันพุธหน้าใช่ไหมครับ” นายหัวธนธรรศทวนคำ
“ค่ะ ถ้านายหัวจะเข้าเมืองในวันนั้น”
“แน่นอนว่าผมต้องเข้าเมืองแล้วเราค่อยคุยกันนะครับ”
“ค่ะนายหัว”
พิมพ์พลอยวางโทรศัพท์ลงข้างตัว ใบหน้ามีรอยยิ้ม การที่นายหัวธนธรรศโทรมาหาและการที่เขาจะไปเป็นเพื่อนเธอในวันพุธหน้า ทำให้เธอรู้สึกว่าอยู่ที่นี่ก็ไม่เหงาจนเกินไป มันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัสอีกเลยหลังจากเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนั้น
สองวันต่อมาพิมพ์พลอยเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะพนักงานบัญชีที่สวนปาล์มของนายหัวธนธรรศ แม้ว่าตอนนี้จะยังคงมีร่องรอยของความหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่การได้จดจ่ออยู่กับตัวเลขและเอกสารต่างๆ ก็ช่วยให้เธอผ่อนคลายลงได้มากธนธรรศดูแลเธออย่างใกล้ชิด เขาจัดโต๊ะทำงานของเธอในห้องทำงานเดียวกับเขาที่ชั้นล่างของบ้านหลังใหญ่ซึ่งมันคือออฟฟิศขนาดย่อม ซึ่งมีมุมรับแขกเล็กๆ สำหรับคนที่เข้ามาติดต่องาน นายหัวเขาสอนงานในสวนเพิ่มเติมเพราะอยากพิมพ์พลอยเข้าใจภาพรวมทั้งหมดไม่ใช่หน้าที่ของพนักงานบัญชีอย่างเดียวในวันที่เขาออกไปดูคนงานในส่วนหญิงสาวจะนั่งทำงานคนเดียวแต่นานหัวก็มักจะแวะเวียนเข้ามาให้กำลังใจเธออยู่เสมอ บางครั้งก็แอบหอมแก้มหรือกอดเธอจากด้านหลัง ทำให้พิมพ์พลอยยิ้มได้ การได้อยู่ใกล้ธนธรรศตลอดเวลาทำให้พิมพ์พลอยสบายใจมากขึ้น เขาให้เธอรู้สึกปลอดภัยเสมอเมื่อเวลาผ่านไป พิมพ์พลอยก็เริ่มกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง แม้รอยยิ้มของเธอจะยังไม่สดใสเท่าเดิม แต่เธอก็เริ่มพูดคุยและหัวเราะได้มากขึ้น ธนธรรศรู้สึกดีใจที่เห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวเธอ เขาเชื่อว่าในไม่ช้าพิมพ์พลอยจะต้องกลับมาเข้มแข็งและเป็นพิมพ์พลอยคนเดิมอย่างแน่นอนการได้
นายหัวธนธรรศหันไปมองตามที่พิมพ์พลอยชี้ ใบหน้าของเขายิ่งซีดเผือดลงไปอีกเมื่อเห็นภาพนั้น เขากอดพิมพ์พลอยแน่นขึ้น พยายามส่งผ่านความอบอุ่นและความเข้มแข็งให้เธอ“ไม่เป็นไรนะครับ ไม่เป็นไร ผมอยู่ตรงนี้แล้ว พลอยเข้าไปนั่งในบ้านก่อนนะ ผมจัดการเองครับไม่ต้องห่วงนะ” เขาพูดปลอบโยน พลางลูบผมเธอเบาๆเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอบถามเหตุการณ์เบื้องต้น ธนธรรศจึงผละจากพิมพ์พลอยไปให้ข้อมูลกับตำรวจ เขารายงานว่าเขาไม่ได้เห็นเหตุการณ์โดยตรง แต่พิมพ์พลอยเป็นคนเห็นเหตุการณ์และเป็นเจ้าของร้านที่ถูกชนธนธรรศหันมามองพิมพ์พลอยที่ยังคงยืนสั่นอยู่ข้างน้าอัมพร เขาส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยไปให้ ก่อนจะหันกลับไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่อย่างละเอียดเจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกปากคำและตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พลางสอบถามพยานผู้เห็นเหตุการณ์คนอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้น ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็เคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตออกจากที่เกิดเหตุอย่างเงียบๆหลังจากที่เจ้าหน้าที่จัดการเก็บหลักฐานและเคลื่อนย้ายทุกอย่างออกไปแล้ว ความเงียบก็เข้ามาแทนที่ความวุ่นวายเมื่อครู่ หน้าร้านของพิมพ์พลอยเหลือเพียงซากปรักหักพัง กระจกแตกล
ชีวิตในอ่าวลึกหวนคืนสู่จังหวะที่คุ้นเคยอีกครั้งสำหรับพิมพ์พลอย เธอกลับมาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความสุขที่ร้านขายของชำเล็กๆ แม้ถนนหนทางจะยังไม่เรียบร้อยนัก แต่ลูกค้าเก่าๆ ก็ทยอยกลับมาอุดหนุน ทำให้ร้านพอมีรายได้อยู่บ้างนายหัวธนธรรศยังคงทุ่มเทให้กับการดูแลสวนปาล์มผืนใหญ่ที่เปรียบเสมือนลมหายใจของเขาในช่วงเวลากลางวันที่ร้านไม่ค่อยมีลูกค้า พิมพ์พลอยจะนำงานบัญชีของนายหัวกลับมาทำที่ร้าน เธอจัดการเอกสาร ตรวจสอบรายรับรายจ่ายอย่างละเอียดนายหัวธนธรรศวางใจในความสามารถของเธออย่างเต็มที่ และมักจะแวะเวียนเข้ามาดูเธอทำงานเสมอ บางครั้งก็แอบหอมแก้มหรือกอดเธอจากด้านหลัง สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับทั้งคู่ความสัมพันธ์ของพวกเขาดำเนินไปอย่างมั่นคงและลึกซึ้งขึ้นทุกวัน แม้จะยังไม่มีการพูดถึงเรื่องการแต่งงานอย่างจริงจัง เพราะทั้งคู่ต่างต้องการเวลาเพื่อมั่นใจในกันและกันให้มากกว่านี้ แต่ความรักและความผูกพันที่พวกเขามีให้กันนั้นก็ชัดเจนเกินกว่าคำพูดใดๆ“พลอยครับ เย็นนี้ไปในเมืองกันนะ”“นายหัวจะไปทำธุระหรือไปเที่ยวคะ” เธอเงยหน้าจากหน้าจอโน้ตบุ๊กเพื่อถามเพราะจะได้แต่งตัวให้ถูกกับกาลเทศะ“ไปเที่
พิมพ์พลอยหลับตาลงช้าๆ ภาพของนายหัวธนธรรศผุดขึ้นมาในห้วงความคิด ใบหน้าคมเข้ม นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความรัก รอยยิ้มอบอุ่น และสัมผัสที่เร่าร้อนทุกอย่างยังคงชัดเจนในความทรงจำ เธอคิดถึงเขาเหลือเกิน และคำพูดของศิริขวัญก็ราวกับเป็นประตูบานใหม่ที่เปิดออก สู่ทางเลือกที่เธอเองก็ปรารถนาอยู่ลึกๆเธอรู้ว่าการทำงานกับนายหัวอาจมีความเสี่ยงในเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่ความรู้สึกคิดถึงที่มันบีบคั้นหัวใจอยู่ทุกวันนั้น มันหนักอึ้งเกินกว่าที่เธอจะทนได้อีกต่อไป“พลอยตัดสินใจแล้วขวัญ พลอยจะกลับไปกระบี่ พลอยจะไปทำงานกับนายหัว” พิมพ์พลอยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง“ดีใจด้วยนะ ในที่สุดพลอยก็เลือกในสิ่งที่ใจอยาก” ศิริขวัญยิ้มกว้างโผเข้ากอดเพื่อนด้วยความดีใจที่เพื่อนตัดสินใจไปทำงานกับคนรักเพราะรู้ว่าการอยู่ห่างกันมันทรมานมากแต่ไหน“แล้วพลอยจะไปวันไหนล่ะ”“พลอยจะกลับไปพรุ่งนี้เลย” พิมพ์พลอยตอบอย่างรวดเร็ว เธอแทบรอไม่ไหวที่จะได้กลับไปหาเขา“พลอยจะบอกนานหัวไหม”“ไม่ล่ะ พลอยอยากกลับไปเซอร์ไพรส์เขาน่ะ”“แต่ขับรถไปคนเดียวมันอันตรายนะ”“ไม่หรอกน่า พลอยเคยขับบ่อยแล้ว”“นายหัวบอกขวัญว่าถ้าพลอยจะกลับให้โทรบอกเขาด้วย เขาจะมาเป็น
นายหัวธนธรรศกลับไปกระบี่ได้สองวันแล้วระหว่างนี้พิมพ์พลอยก็ส่งใบสมัครงานไปยังบริษัทต่างๆ หลายที่แต่ก็ยังไม่มีที่ไหนเรียกสัมภาษณ์เลยศิริขวัญสังเกตว่าเพื่อนไม่ได้จริงจังกับการหางานทำเท่าไหร่หญิงสาวมักนั่งเหม่ออยู่ที่หน้าจอแท็บเล็ตและสีหน้าจะมีความสุขทุกครั้งที่นายหัวธนธรรศโทรมา“ไม่มีที่ไหนเรียกสัมภาษณ์เลยเหรอพลอย” ศิริขวัญถามด้วยความเห็นใจ“ไม่มีเลยขวัญ พลอยก็ยื่นไปหลายที่นะหรือว่าเงินเดือนที่พลอยเรียกมันจะสูงไปหรือเปล่า” เธอหันมาปรึกษาเพื่อน“ไม่หรอกนะ ประสบการณ์อย่างพลอยเรียกเงินเดือนขนาดนี้ก็เหมาะสมแล้ว”“พลอยชักท้อแล้วล่ะ” พิมพ์พลอยท้อที่ไม่มีที่ไหนเรียกสัมภาษณ์และก็รู้สึกคิดถึงคนรักจนจิตห่อเหี่ยว“อย่าพึ่งหมดหวังสิพลอย คนเก่งๆ อย่างพลอยเดี๋ยวก็มีงานเข้ามาเองนะ” ศิริขวัญพูดอย่างให้กำลังใจ“พลอย ขวัญขอถามอะไรพี่หน่อยสิ พลอยคิดจะสมัครงานและทำงานที่กรุงเทพจริงๆ ใช่ไหม”“จริงสิ ทำไมขวัญถึงถามแบบนั้นล่ะ”“ก็ขวัญสังเกตว่าพลอยไม่ค่อยจริงจังเท่าไหร่ ใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเลย พลอยกำลังคิดถึงนายหัวใช่ไหม”“คนเป็นแฟนกันก็ต้องคิดถึงกันสิขวัญก็คิดถึงแฟนไม่ใช่เหรอ” พิมพ์พลอยถามกลับเพราะเห็น
นายหัวธนธรรศลุกขึ้นแล้วจับให้คนรักนอนราบไปกับเตียงนอนนุ่ม ใบหน้าทั้งสองห่างกันเพียงนิดดวงตาสองคู่สบประสานส่งผ่านความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความต้องการ ทั้งเขาและเธอกำลังตกอยู่ในภวังค์พิศวาสที่ไม่มีทีท่าลดน้อยลงเลยสักนิดริมฝีปากร้อนจุมพิตลงบนเรียวปากอิ่มอีกครั้งหญิงสาวใจเต้นแรงสองมือยกขึ้นโอบรอบลำคอก่อนจิกปลายนิ้วลงบนผิวเนื้อเมื่อฝ่ามือร้อนหยอกเย้าอยู่กับทรวงอกอิ่ม ริมฝีปากคลอเคลียไม่ยอมห่างปลายลิ้นหยอกล้ออย่างหวานล้ำพิมพ์พลอยรู้สึกถึงความแข็งร้อนที่ดันหน้าท้องยิ่งทำให้รู้สึกเสียวซ่านเมื่อนึกไปถึงคราวที่มันจะเข้าไปอยู่ในกายของตนเอง อารมณ์ของเธอพลุ่งพล่านเมื่อคิดถึงความสุขสมที่จะได้รับจากคนรักชายหนุ่มยังคงจูบไม่ยอมผละออกขณะที่มือก็จับเรียวขาให้แยกออกแล้วใช้ปลายหยักกรีดกลางร่องสวาทขึ้นลงสร้างความเสียวซ่านจนหญิงสาวสั่นสะท้าน“นายหัว.....”ลมหายใจหญิงสาวขาดช่วงเมื่อเขาใช้ปลายหยักกดลงบนเกสรเสียว เธอครางสะท้านแอ่นกายเข้าหาอย่างไม่อาจห้ามได้ ร่างกายเธอกำลังต้องการให้เขาเข้ามาเติมเต็มอย่างที่สุด“พลอยจ๋า อย่าเกร็งนะ”คลื่นความปรารถนากำลังโหมกระหน่ำอย่างหนัก นายหัวธนธรรศกดแก่นกายเข้าหาช