แชร์

1 คุณหนูใหญ่

ผู้เขียน: รอรีวัน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-13 21:33:44

ฝันเดิม ๆ เหตุการณ์เดิม ๆ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ทุกคืนวัน ฟู่ลี่อิ๋งต้องสะดุ้งตื่นกลางดึกในทุกค่ำคืนจนร่างกายที่เคยแข็งแรงเริ่มล้มป่วย

เช้าวันนี้ก็เช่นกัน ยังอุตส่าห์ดีใจที่ไม่ได้สะดุ้งตื่นกลางดึก คิดว่าคำคืนนี้คงจะได้นอนหลับพักผ่อนแบบสบาย ๆ แต่กลายเป็นว่า นางฝันอีกทีในช่วงใกล้รุ่ง หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวจนปวดหนึบ มือเล็กแบบบางยกขึ้นมาสัมผัสใบหน้าและลำคอ

เมื่อพบว่าร่างกายและศีรษะยังอยู่ครบไม่ได้ขาดจากกันฟู่ลี่อิ๋งถึงเบาใจ

เมื่อได้ยินกระดิ่งสัญญาณว่านายหญิงของเรือนตื่นนอนแล้ว สาวใช้สองนางจึงเข้ามาทำหน้าที่ ประตูไม้ถูกเปิดออกอย่างระมัดระวัง สาวใช้สองนางเดินเข้ามาภายในห้องอย่างเงียบ ๆ และระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งไม่ให้ตัวเองกระทำการสิ่งใดให้เกิดเสียง เพราะหวั่นเกรงว่าสตรีที่อยู่บนเตียงจะโกรธเกรี้ยว

เมื่อใกล้ถึงเตียงกลับพบว่าสตรีตัวเล็กนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง นางตื่นนอนอยู่นานแล้ว ใบหน้าสวยหวานซบกับหัวเข่า เสี่ยวเยว่ เสี่ยวถิง ได้แต่มองหน้ากันไปมามิกล้าเอ่ยปาก รอจนกระทั่งฟ้าเริ่มสว่าง คุณหนูผู้เป็นเจ้าของเรือนถึงก้าวขาลงจากเตียง

“ข้าจะไปศาลเจ้าท้ายตลาด” ฟู่ลี่อิ๋งเอ่ยเสียงเรียบ

“แต่...” เสี่ยวถิงกำลังจะเอ่ยพูด แต่กลับถูกเพื่อนสนิทบอกให้ปิดปากงดแสดงความคิดเห็น

“เจ้าค่ะ” เสี่ยวเยว่รับคำง่าย ๆ

เพราะรอนานจนเกินไปทำให้น้ำร้อนในกะละมังกลายเป็นน้ำเย็น ทันทีที่เจ้าของมือเล็กบอบบางได้สัมผัสก็เริ่มเกิดความขุ่นเคือง

“พวกเจ้าเหตุใดจึงใช้น้ำเย็น” ฟู่ลี่อิ๋งหันไปตวาดสองสาวใช้ที่เนื้อตัวสั่นเทา

“คุณหนูบ่าวไม่กล้าเจ้าค่ะ เป็นเพราะรอท่านนานจนเกินไป ทำให้น้ำอุ่นกลายเป็นน้ำเย็น” เสี่ยวเยว่พูดด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก

ทันทีที่เสี่ยวเยว่แก้ตัวเสร็จกะละมังที่ใส่น้ำเย็นก็ถูกจับราดใส่สาวใช้ทั้งสองคน

“พวกเจ้าจะโทษที่ข้าลงจากเตียงช้างั้นหรือ” ฟู่ลี่อิ๋งมองบ่าวสองคนด้วยหางตา น้ำเสียงเต็มไปด้วยโทสะ

“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ บ่าวผิดไปแล้ว” สาวใช้ที่เนื้อตัวเปียกปอนก้มหน้าโขกหัวกับพื้นห้อง เพื่อขอให้สตรีร้ายกาจผู้นี้ให้อภัย

มือเรียวเล็กทำท่าจะกวาดออกไปแต่กลับรั้งกลับมาข้างตัว เพราะคิดถึงเหตุการณ์ในฝัน ที่ใคร ๆ ต่างก็ชี้หน้าปรามาสว่านางเป็นสตรีชั่วร้าย

“พอเถอะ ไปเอากะละมังใหม่มา” ฟู่ลี่อิ๋งกลับไปนั่งที่ข้างเตียงดังเช่นเดิม ใบหน้าสวยหวานที่เต็มไปด้วยแววแห่งความร้ายกาจทอประกายหม่นเศร้า

สาวใช้สองนางเมื่อไม่ได้มือไม้เป็นของแถม ต่างก็มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ วันนี้อุตส่าห์ใส่เสื้อผ้าแต่งตัวหนา ๆ เพื่อมารองรับอารมณ์ร้ายกาจของคุณหนูของตน แต่นอกจากนางสาดน้ำเย็นใส่แล้ว นางก็มิได้ลงไม้ลงมือ ไม่ได้ดุด่าดังเช่นปกติ

“ยังไม่รีบไปอีก หากช้ากว่านี้จะไม่ทันการณ์” ฟู่ลี่อิ๋งตะโกนซ้ำ

นางเกรงว่าหากออกจากเรือนช้าไปกว่านี้ จะไปไม่ทันหมอดูชื่อดังที่คนเขาร่ำลือกัน นางอยากให้เขาช่วยทำนายความฝันของนางเสียหน่อย จะได้รู้กันเสียทีว่าสิ่งที่นางฝันนั้นหมายความว่าอย่างไร

แปลกนัก!!

วันนี้คุณหนูใหญ่ของพวกนางแปลกไปนัก ไม่เพียงไม่ตบตีลงไม้ลงมือแต่กลับเงียบขรึมเสียยิ่งกว่าทุกวัน พวกนางสองคนว่าอย่างไร คุณหนูของนางก็ว่าอย่างนั้น ไม่หือไม่อือใด ๆ ทั้งสิ้น ตอนที่ปักปิ่นลึกเกินไปจนแทงศีรษะ ไม่เพียงนางไม่โกรธ นางทำแค่เพียงส่งสายตาเบื่อหน่ายขุ่นเคืองให้เท่านั้น

ปกติคุณหนูจะเดินผ่านลานหน้าบ้านอย่างผ่าเผย แต่กลายเป็นว่าวันนี้เดินอ้อมและเร่งรีบ กระทั่งเจอหน้าคุณหนูรองฟู่เหยาเหยาก็มิได้เข้าไปหาเรื่อง ทำแค่เพียงมองผ่านและเมินไปเท่านั้น

แถมยังมิได้เรียกรถม้าให้ไปส่งดังเช่นทุกครั้ง เสี่ยวเยว่ เสี่ยวถิงไม่รู้จะพูดสิ่งใด ได้แต่ใช้ศอกสะกิดกันไปมา

“พวกเจ้าเป็นอะไร” ลี่อิ๋งนึกรำคาญจึงหันไปเอ่ยถาม

พวกนางสองคนไม่มีผู้ใดกล้าพูดได้แต่เกี่ยงกันไปมาจนสตรีตัวเล็กนึกรำคาญ

“ถ้าไม่พูดก็กลับไปที่จวนให้หมดอย่ามาอยู่ให้ข้ารำคาญ” คิ้วเรียวสวยของฟู่ลี่อิ๋งขมวดกันเป็นปม

“พูดแล้วเจ้าค่ะ บ่าวพูดแล้ว” เสี่ยวถิงเป็นผู้เอ่ยปาก

“พูดมา”

“บ่าวจะถามว่าคุณหนูจะเดินไปจริง ๆ หรือเจ้าคะ ศาลเจ้าอยู่ห่างออกไปตั้งไกล” นางถามเพราะความเป็นห่วง ห่วงว่าหากนางไม่เอ่ยออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ เกิดสตรีเอาแต่ใจผู้นี้มารู้ความจริงเอาทีหลังจะดุด่าเอาได้

เหอะ!! ฟู่ลี่อิ๋งพ่นลมหายใจยาว ๆ ก่อนจะเอ่ยออกไป

“ข้าอยากเดิน ศาลเจ้ามันจะไกลสักแค่ไหนกันเชียว” นางอยากเดินและไม่คิดว่ามันจะไกลเกินกว่าที่นางจะเดินไปได้

อันที่จริงเพราะเห็นว่าฟู่เหยาเหยาจะออกไปข้างนอกเช่นกัน รถม้าที่จอดเอาไว้เหลือเพียงแค่คันเดียว นางจึงอยากทำตัวเป็นคนดีเสียสละรถม้าให้ แต่ความจริงลึก ๆ คือนางอยากออกกำลังกายต่างหาก ใครจะเป็นคนดีก็เป็นคนดีไป

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ตัวร้ายอย่างข้าต่อไปนี้จะเป็นคนดี   73 เรื่องราวอันเป็นมงคล

    จนถึงตอนนี้ฟู่ลี่อิ๋งก็ยังไม่ได้ยินข่าวคราวของฟู่เหยาเหยาคล้ายกับว่านางหายไปจากโลกนี้อย่างไรอย่างนั้น อากาศในเมืองหลวงเริ่มหนาวขึ้นทุกวัน ๆ รวมไปถึงท้องของนางที่โตขึ้นเรื่อย ๆ การยืนเดินนั่งนอนของนางล้วนลำบากไปเสียหมด หลายครั้งที่ฟู่ลี่อิ๋งลุกขึ้นมานั่งร้องห่มร้องไห้กลางดึกเพียงเพราะอยากกินบะหมี่เนื้อรสเผ็ดทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านางไม่คอยชอบความเผ็ดของมัน ฟู่ลี่อิ๋งคิดถึงวันที่ที่พระสวามีเคยพาไปกิน คิดถึงเมื่อตอนที่แต่งงานกันใหม่ ๆ ส่วนเว่ยจงหมิงเองก็ตามใจและเข้าใจได้ไท่จื่อเฟยตั้งครรภ์ท้องแรกอีกทั้งยังไม่มีประสบการณ์ไม่มีผู้ใดสอนนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางจะกลัว กังวลและหวั่นใจไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นหน้าที่ของเขาที่เป็นสามีที่จะคอยให้ความอุ่นใจ อยู่เคียงข้างนางให้นางอบอุ่นใจในบางวันที่เว่ยจงหมิงต้องไปทำงานไกล ๆ ก็จะได้ไคไคน้อยมาอยู่เป็นเพื่อนคอยเล่านู่นเล่านี้ให้นางฟังไม่มีเบื่อถึงตอนนี้ฟู่ลี่อิ๋งถึงเพิ่งสังเกตว่าไคไคน้อยสูงขึ้นมาก จากที่เคยสูงกว่าเอวนางนิดหนึ่งตอนนี้หัวของเขาอยู่ในระดับไหล่นางเสี

  • ตัวร้ายอย่างข้าต่อไปนี้จะเป็นคนดี   72 อย่างไรก็เป็นน้อง

    หลังจากได้ยินเรื่องที่ฟู่เหยาเหยาหย่ากับเว่ยเจิ้งหยาง ฟู่ลี่อิ๋งก็ไม่สบายใจนัก นางไปถามกับพี่ชายว่าสาเหตุที่เขามาที่เมืองหลวง ใช่เรื่องเพราะเรื่องนี้หรือไม่ คราแรกเขาอ้ำอึ้งไม่ยอมพูดจนสุดท้ายนางก็คาดคั้นเอาคำตอบออกมาจากปากเขาได้ในที่สุดเมื่อได้ยินทุกอย่างที่นางอยากจะฟัง ฟู่ลี่อิ๋งจึงลากพี่ชายไปสืบความที่จวนเว่ยอ๋องด้วยกัน เนื่องด้วยไม่อยากไปเหยียบที่นั่นเพียงลำพังเว่ยเจิ้งหยางเมื่อได้ยินว่าไท่จื่อเฟยมาถึงที่นี่ก็ละทิ้งทุกอย่างรีบมาหานาง แต่เมื่อออกมาถึงกลับพบว่านางไม่ได้มาตามลำพัง เรื่องราวที่เคยคิดเข้าข้างตัวเองก็สลายหายไป นางมาที่นี่พร้อมกับฟู่หมิงจือ สีหน้าท่าทางของโหวน้อยดูกังวล ส่วนฟู่ลี่อิ๋งดูเย็นชาเห็นหน้าของเว่ยเจิ้งหยาง หญิงสาวก็เริ่มพูดคุยเขาเรื่องทันทีโดยไม่อ้อมค้อม“ข้าได้ยินจากไท่จื่อบอกว่าท่าหย่ากับน้องสาวของข้าแล้ว”เว่ยเจิ้งหยางเลิกคิ้วเล็กน้อย “ใช่แล้ว ข้าหย่ากับนางไปตั้งแต่วันที่กลับมาจากจวนเสนาบดีสี”“เรื่องสำคัญเช่นนี้ ไม่เห็

  • ตัวร้ายอย่างข้าต่อไปนี้จะเป็นคนดี   71 องค์หญิงเออร์น่า

    แสงอาทิตย์ลอดเข้ามาในห้องนับแล้วเท่ากับแปดครั้ง สีฮูหยินกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างดีใจ นางหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างสะใจ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง จากนี้ไปจะไม่มีเว่ยจงหมิงอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้วในขณะที่นางกำลังดีใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แสงไฟในคุกก็สว่างไสวประดุจกลางวัน สีฮูหยินที่อยู่ในความมืดมานานนับสัปดาห์ต้องหลับตาและใช้แขนเสื้อของตนเองปกป้องดวงตาของตัวเอง ก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้นนางจึงจะสามารถลืมตาขึ้นได้สิ่งที่สตรีวัยกลางคนเห็นเมื่อลืมตาขึ้นพบกับบุรุษที่นางเกลียดที่สุดผู้หนึ่งในชีวิต เว่ยจงหมิงนั่งอยู่บนคานหาม แบบสี่คนแบก ชายหนุ่มนั่งอยู่บนนั้นเส้นผมดำขลับถูกปล่อยสยายยาวสอดรับกับใบหน้าหล่อเหลา เขาสวมเสื้อผ้าสีขาวสบาย ๆ ท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับสิ่งใด และดูไม่เจ็บไม่ป่วย“ทำไมเจ้ายังมีชีวิตอยู่” สีฮูหยินได้เห็นหน้าของเว่ยจงหมิงก็เริ่มมีปฏิกิริยาแห่งโทสะ“องค์หญิงเออร์น่าคงตกใจมาก ที่เห็นว่าข้ายังมีชีวิตอยู่” เว่ยจงหมิงหยิบองุ่นขึ้นมากินในขณะที่สนทนากับนาง“ไม่!!!

  • ตัวร้ายอย่างข้าต่อไปนี้จะเป็นคนดี   70 หลงใหลซึ่งกันและกัน

    อากาศยามเช้าหลังจากฝนหยุดตกสดชื่นปลอดโปร่ง เสียงวิหคบินวนขับขานดังกังวานไปทั่วทั้งพื้นที่ เช้าวันนี้นางรู้สึกว่าตัวเองสดชื่นกว่าทุกวัน อาจจะเป็นเพราะยาบำรุงของท่านซุน ที่ช่วยให้นางผ่อนคลายและหลับสบายมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ที่พระสวามีป่วยฟู่ลี่อิ๋งก็ย้ายออกไปนอนห้องนอนเล็กที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันเพราะนางไม่อยากรบกวนคนป่วยเกรงว่าตนเองจะนอนดิ้นและทำให้เขาลำบาก รอให้เว่ยจงหมิงฟื้นและหายดีก่อนค่อยกลับมาร่วมห้องทีหลังก็ได้ทุก ๆ วันฟู่ลี่อิ๋งจะมานั่งเฝ้าพระสวามีในห้อง นี่ก็ผ่านมา 7 วันนับตั้งแต่เขาถูกพิษ เว่ยจงหมิงก็ไม่ฟื้นสักที วันนี้ก็เช่นกันนางมานั่งข้างเตียงพูดคุยกับเขาดังเช่นเคยมือเรียวเล็กจับมือของเขามาสัมผัสที่หน้าท้องแบนราบของตนเอง“ท่านพี่ เมื่อไหร่ท่านจะฟื้นกันนะ” ร่างเล็กพึมพำ “ท่านรู้หรือไม่ว่าไคไคน้อยกำลังจะมีน้องชายน้องสาวแล้วนะ” ฟู่ลี่อิ๋งกระซิบแผ่วเบาสีหน้าของเว่ยจงหมิงดูดีกว่าหลายวันที่ผ่านมา วิธีการของท่านซุนออกจะประหลาดไปบ้างแต่ก็ได้ผล หนำซ้ำยังได้ยาบำร

  • ตัวร้ายอย่างข้าต่อไปนี้จะเป็นคนดี   69 รายล้อมไปด้วยรัก

    เสี่ยวหลงติดตามท่านเหลียงออกเดินทางไปยังเมืองต่าง ๆ เพื่อติดตามเรียนรู้วิชาการตัดเย็บเสื้อผ้าจากเหลียงเหลียนฮ่าวและฝากตัวเป็นลูกศิษย์ แต่เมื่อหลายวันก่อนตอนเดินทาง ในวันที่พายุฝนโหมกระหน่ำ คณะเดินทางของท่านเหลียงผ่านไปพบกับสตรีผู้หนึ่ง นางนอนกลายเป็นซากคล้ายกับศพอยู่ในเส้นทางที่พวกเขาผ่านสภาพของนางไม่ต่างอะไรจากซากศพบาดแผลบนใบหน้าฉกรรจ์น่ารังเกียจ สัตว์และแมลงตอมไต่จนบาดแผลเน่าเฟะเหม็นคลุ้งเหลียงเหลียนฮ่าวใช้ไม้เขี่ย ๆ เห็นว่านางยังมีชีวิตอยู่จึงพาตัวไปด้วยกันถือว่าเอาบุญ ตอนที่ช่วยเหลือเสี่ยวหลงเห็นตราหยกสีชมพูคล้าย ๆ กับชิ้นที่ไท่จื่อเฟยมี ก็เดา ๆ เอาไว้ว่าสตรีอัปลักษณ์ผู้นี้น่าจะเป็นผู้ใด แต่ก็ไม่ได้บอกเล่าเรื่องนี้ให้ผู้ใดฟังกระดูกบนร่างกายของสตรีอัปลักษณ์หักอยู่หลายส่วน ท่านหมอที่ติดตามมากับคณะของเหลียงเหลียนฮ่าวใช้วิธีการเอาไม้ไผ่มาดามนางเอาไว้ทั้งร่าง ฟู่เหยาเหยาตื่นขึ้นมาอีกทีพบว่าร่างกายของตนเองกำลังถูกวางเอาไว้บนเกวียนบรรทุกสิ่งของ แขนขาถูกมัดเอาไว้กับไม้ไผ่ขยับไปไหนไม่ได้

  • ตัวร้ายอย่างข้าต่อไปนี้จะเป็นคนดี   68 พิษล้างพิษ

    เจ้างูสีขาวตัวเล็ก ๆ ดูเหมือนจะหงุดหงิดเล็กน้อยที่มันถูกผู้เป็นนายปลุกให้ตื่น มันสะบัดหัวไปมาและค่อย ๆ ยืดตัวชูคอขึ้นทำท่าทางคล้ายกับบิดขี้เกียจ แต่เมื่อเห็นหน้าผู้เป็นนายมันก็รีบกระโดดออกจากกระปุกสีขาวขึ้นไปหยอกล้อคลอเคลียท่าทางเหมือนกับลูกสุนัขตัวเล็ก ๆฟู่ลี่อิ๋งเห็นแล้วก็พูดสิ่งใดไม่ออก สัตว์มีเกล็ดลิ้นยาวพวกนั้นสามารถมองให้น่ารักได้ด้วยหรือ นางรู้สึกขนลุก แต่ก็ไม่ได้ปริปากพูดสิ่งใดออกมา ปล่อยให้ท่านซุนรักษาไปตามวิธีการของเขา แม้จะทำให้คนที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกคล้ายจะเป็นลมอยู่ตลอดเวลาก็ตามงูเทพหิมะเมื่อเห็นแมงป่องสีรุ้งมันก็คล้ายกับทำตาโตด้วยความดีใจ ซุนจงปล่อยมันลงกับพื้นพร้อม ๆ กับแมงป่องสีรุ้ง ทั้งงูและแมงป่องลงต่อสู้กัน เจ้าแม่งป่องพยายามใช้หางพิษของตนเองต่อสู้กับเจ้างูเทพหิมะแต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้ต่อความปราดเปรียวของเจ้าตัวเล็กสีขาวทันทีที่แมงป่องสีรุ้งสิ้นท่า เจ้าตัวเล็กสีขาวก็เขมือบเจ้าแมงป่องตัวสีรุ้งที่นอนหมดแรง เข้าไปทั้งร่างอย่างเชื่องช้า เจ้าของร่างเล็กแบบบางต้องหลับตาขยับไปหลบอยู่เบื้องหลังของ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status