Share

บทที่ 3 สิ่งที่ได้รู้

last update Last Updated: 2025-07-08 15:42:29

แม่เฒ่าจางนั่งกำตะเกียบจ้องมองไปยังครอบครัวของลูกชายคนรองด้วยสายตาไม่ค่อยจะพอใจ เธอไม่ชอบที่จะเห็นนังปากร้ายกับลูกๆ กินอาหารบนโต๊ะอย่างมีความสุข ถ้าไม่ใช่ว่าสามีต้องการไว้หน้าลูกชายคนเล็กเธอคงไล่พวกมันไปแล้ว เมื่อวานขโมยไข่เธอไปวันนี้ยังมีหน้ามากินอาหารอีก ยิ่งคิดเธอยิ่งโมโห!

“นี่เจ้าเล็ก” ในที่สุดแม่เฒ่าจางก็ทนไม่ไหวที่จะสั่งสอนลูกชาย

“แม่กินข้าวเถอะ” จางจื่อหานบอกผู้เป็นแม่แล้วคีบอาหารให้ภรรยา ซิ่วอิงเงยหน้ามองเขา

“กิน” จางจื่อหานเอ่ยบอกเธอก่อนจะคีบอาหารของตนเองเข้าปาก

“นี่แกยังเห็นหัวแม่คนนี้อยู่ไหม” แม่เฒ่าจางเริ่มโมโหที่ลูกชายคนเล็กไม่สนใจเธอ

“นี่น้องชาย ทำไมถึงเมินแม่แบบนี้” จางจื่อซวานอดไม่ได้ที่จะสั่งสอนเขา

“พี่ใหญ่คิดมากไป” จางจื่อหานเอ่ยตอบน้ำเสียงเรียบ เขาไม่ได้เมินแม่แค่ต้องก่อนกินข้าวให้เรียบร้อยก่อนพูดคุย

“น้องสามีไม่ได้อยู่บ้านดูแลแม่กลับมาก็ทำตัวห่างเหินแบบนี้มันใช้ไม่ได้” เหมยลี่พูดขึ้น

“สะใภ้ใหญ่พูดถูก งั้นคุณควรกลับบ้านมาดูแลพ่อแม่” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นบ้าง ทั้งๆ ที่จางจื่อหานส่งเงินมาให้พวกเขาใช้จ่ายยังจะบอกว่าเขาไม่ได้ดูแลพ่อแม่อีก

“นี่ นี่” สะใภ้ใหญ่เหมยลี่พูดไม่ออก

“กินข้าว!” พ่อเฒ่าจางพูดขึ้นทุกคนไม่กล้าขัดพากันก้มหน้ากินข้าวต่อ

 

หลังจากกินข้าวเสร็จแม่เฒ่าก็สั่งให้เด็กๆ ไปเล่นที่อื่นเหลือเพียงผู้ใหญ่นั่งพูดคุยกัน จากนั้นแม่เฒ่าจางก็พร่ำพรรณนาถึงชีวิตอันแสนยากลำบากที่ผ่านมาของตนเองเพื่อตอกย้ำให้ลูกชายคนเล็กรู้จักกตัญญูจนซิ่วอิงได้แต่กรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย

“เจ้าเล็ก พี่ชายของลูกนั้นอยู่บ้านทำงานแลกคะแนนลำบากไม่น้อยลูกไปเป็นทหารสบายๆ มีอาหารดีๆ ให้กิน แต่พ่อแม่และพี่ชายอยู่อย่างอดๆ อยากๆ หลานๆ ตัวน้อยของลูกเองก็กินไม่อิ่ม ลูกไม่ได้อยู่บ้านพี่ชายพี่สะใภ้ก็ลำบากดูแลพ่อแม่” แม่เฒ่าจางพูดพลางซับน้ำตา (ปลอม) ไปด้วย

“แม่ ลูกชายไม่ได้อยู่ดูแลแม่นั้นเป็นความผิด” จางจื่อหานเอ่ยกับแม่เฒ่า แม่เฒ่าได้ยินแบบนั้นก็ได้ใจ

“เรื่องนั้นแม่ไม่ถือโทษโกรธลูก แค่ลูกต้องหย่ากับนางปากร้ายนั่น” แม่เฒ่าจางเอ่ยพลางตวัดตาไปมองซิ่วอิง ซิ่วอิงที่ถูกมองทำเพียงยักไหล่

“แม่ ฉันหย่าไม่ได้” จางจื่อหานปฏิเสธ

“ทำไมถึงหย่าไม่ได้ แค่ส่งเธอกลับบ้านเดิม” แม่เฒ่าจางพูดอย่างไม่พอใจทันที

“นี่น้องสามี เธอไม่รู้หรอกว่าอยู่ที่นี่ซิ่วอิงทำแม่ปวดหัวมากขนาดไหน” เหมยลี่รีบใส่ไฟทันที

“พี่สะใภ้ของลูกพูดถูก ถ้ามีมัแกนก็ไม่มีแม่แกเลือกเอา” แม่เฒ่าจางยื่นคำขาดทันที

“น้องชายคิดให้ดี น้องชายเป็นนายทหารจะหาแต่งภรรยาดีๆ กว่านี้ก็ย่อมได้ อย่าทำให้แม่ต้องทุกข์ใจ” จางจื่อซวานพูดเพื่อบอกว่าเขาควรกตัญญูต่อแม่และหย่ากับผู้หญิงคนนี้ซะ

“อืม งั้นก็แยกบ้าน” จางจื่อหานพูดโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ในฐานะลูกเขาไม่สามารถทำให้แม่หนักใจ แต่ในฐานะสามีและพ่อเขาไม่สามารถทอดทิ้งภรรยาและลูกได้เช่นกัน

“อยากแยกก็แยก แต่เงินเดือนต้องส่งมาบ้านใหญ่แล้วแม่จะเป็นคนแบ่งให้ภรรยาลูกเอง” แม่เฒ่าจางพูดอย่างไม่สนใจ เธอสนใจแค่เงินเท่านั้น

“อาจจะไม่มีเงินเดือนแล้ว” จางจื่อหานพูดเสียงเรียบ

“อะไรนะ!” ทุกคนยกเว้นซิ่วอิงกับจางจื่อหานร้องออกมาด้วยความตกใจ

“หมายความว่าไงไม่มีเงินเดือนแล้ว” แม่เฒ่าจางถามอย่างร้อนรน

“กองทัพย้ายงานให้ฉันแล้ว ฉันไม่แน่ใจเรื่องเงินเดือน” จางจื่อหานเอ่ยบอก

“นี่น้องสามีโดนปลดออกจากกองทัพเหรอ?” เหมยลี่เอ่ยถาม ในใจเธอรู้สึกไม่ยินยอมที่เงินจำนวนมากจะหายไป

“หรือว่าแกขี้ขลาดกลัวตายเลยขอลาออกเอง” จางจื่อซวานเอ่ยถาม พ่อเฒ่าจางแม้จะไม่แสดงออกแต่ในใจก็คิดหนัก

“ไม่ได้เรื่อง แกไม่เป็นทหารแล้วจะทำอะไรกินจะมาอยู่บ้าทำงาแลกกแต้มเรอะ” แม่เฒ่าจางที่ฟังลูกชายคนโตพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ

“แม่ ไม่ใช่ว่าแม่กับพี่ชายพี่สะใภ้บอกว่าเขาไม่ได้อยู่บ้านดูแลพ่อแม่เหรอ นี่เขาก็ย้ายกลับมาเพื่อแสดงความกตัญญูแล้วไง” ซิ่วอิงทนไม่ไหวพูดขึ้น ลูกชายกลับบ้านแทนที่จะดีใจแต่กลับห่วงเงินมากกว่าชีวิตลูกชาย

“กตัญญูบ้าบออะไรกัน แค่ส่งเงินมาก็พอ” แม่เฒ่าจางตอบกลับ

“แบบนี้น้องสามีก็ต้องมาอยู่ที่บ้านทำงานแลกคะแนนใช่ไหม มีคนเพิ่มขึ้นอาหารก็อาจจะน้อยลง” เหมยลี่เอ่ยออกมา ถ้าไม่มีเงินเดือนจางจื่อหานก็เท่ากับว่าเขาไร้ประโยชน์

“กังวลอะไร เขาบอกว่าจะแยกบ้านไม่ใช่เหรอ ก็แยกไปสิ ต่างคนต่างกิน” แม่เฒ่าจางรีบเอ่ยบอก

“แม่ จะแยกบ้านก็ต้องมีเงิน” ซิ่วอิงพูดขึ้น

“เงินอะไร ฉันไม่มี” แม่เฒ่าจางปฏิเสธทันที

“แม่ ไม่ใช่ว่าแม่บอกว่าเงินเดือนที่ได้จะเก็บไว้ให้ฉันเหรอ” จางจื่อหานเอ่ยถาม

“พูดบ้าอะไร ที่ผ่านมาไม่ต้องกินต้องใช้หรือยังไง” แม่เฒ่าจางเริ่มเฉไฉ ตอนนั้นเธอแค่พูดเพราะอยากเก็บเงินเดือนของลูกชายไว้จะเอาเป็นจริงเป็นจังได้อย่างไร

“ได้ เงินส่วนนั้นผมถือว่าตอบแทนบุญคุณแม่แต่เราเคยตกลงกันว่าเงินเดือนครึ่งหนึ่งจะต้องมอบให้ภรรยาและลูกๆ ของผมแต่เท่าที่รู้มาพวกเขาไม่เคยได้รับมันเลยสักครั้ง” จางจื่อหานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“นี่แกกล้ามาซักไซ้แม่เรอะ” แม่เฒ่าจางเริ่มโกรธควันออกหู

“นี่จื่อหานแกพูดกับแม่แบบนี้ได้ยังไง เงินพวกนั้นก็เอามาเลี้ยงลูกเมียแกทั้งนั้น” จางจื่อซวานพูดอย่างไม่พอใจ

“ใช่ น้องสามีไม่อยู่บ้านไม่รู้หรอกว่าพวกเราลำบากกันแค่ไหน” เหมยลี่กล่าวพลางมองด้วยสายตาไม่ชอบใจ

“พูดอะไรของพวกคุณ เอาเงินมาเลี้ยงฉันกับลูกงั้นเหรอพวกคุณกล้าพูดได้ยังไงไม่รู้จักละอายใจบ้างเหรอ ฉันกับลูกได้กินแค่ธัญพืชเนื้อหยาบวันละมื้อใส่ผ้าไม่ได้ตัดใหม่สักครั้ง แต่พวกคุณกลับได้กินข้าววันละสามมื้อ ลูกของพี่ใหญ่ได้กินไข่ทุกมื้อ เมื่อวานฉันแค่ขอเงินสองหยวนพี่สะใภ้ใหญ่ถึงกับผลักฉันหัวชนผนังหมดสติไปทั้งวัน ดีแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่ตาย!” ซิ่วอิงระบายสิ่งที่เจ้าของร่างเคยพบเจออกมาพร้อมกับแสร้งปิดหน้าร้องไห้ให้ดูน่าสงสารที่สุด

“…..” แม่เฒ่าจางกับจางจื่อซวานและเหมยลี่ได้แต่อ้าปากค้าง การแสดงนี่มันอะไรปกตินางปากร้ายต้องโวยวายด่าทอพูดจาไร้เหตุผลไม่ใช่เหรอแล้วนี่มันอะไรกัน มันกำลังฟ้องสามีว่าถูกพวกเขารังแก! จางจื่อหานที่ได้ยินว่าที่ผ่านมาลูกเมียต้องเจออะไรบ้างในใจเขาก็รู้สึกขมฝาดสายตาของเขาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ

“เจ้าเล็กแกอย่าไปฟัง” แม่เฒ่าจางเอ่ยบอกลูกชาย เพียงแต่ได้รับความเงียบกลับมาเธอจึงได้ใจว่าลูกชายคนเเล็ยังคงเชื่อฟังเธอไม่เชื่อนังปากร้ายนั่นใครจะคิดว่าที่จางจื่อหานไม่พูดเพราะกำลังจุกในอกก่อนที่เขาจะพูดสิ่งที่แม่เฒ่าไม่ต้องการ

” แม่ ฉันจะแยกบ้านแม่ควรมอบเงินให้เราในส่วนแบ่งของภรรยาของฉัน “จางจื่อหานพูดด้วยน้ำเสียงติดจะเย็นชา

“พูดบ้าอะไร ส่วนแบ่งอะไร” แม่เฒ่าจางเริ่มร้อนรน เธอไม่ต้องการมอบเงินให้กับครอบครัวลูกชายคนเล็ก

“นี่น้องสามี ถ้าแม่มอบเงินให้เธอแล้วพวกเราจะอยู่ยังไง พี่สะใภ้จะสอนเธอให้ว่าอย่าโลภให้มากนักเงินนั่นเธอมอบให้แม่แล้วก็ควรเป็นของแม่เธอจะแยกบ้านไปมันเกี่ยวอะไรกับเงินของเรา” เหมยลี่พูดอย่างไม่ชอบใจ เธอเย่อหยิ่งคิดว่านี่คือแนวคิดที่ถูกต้องเงินพวกนั้นควรเป็นคนพวกเธอไม่ใช่ของบ้านรอง

“พี่สะใภ้ใหญ่พูดได้ดี เช่นนั้นพวกเราควรไปหาคณะกรรมการปฏิวัติให้เขาตัดสินเรื่องนี้ ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าคณะกรรมการปฏิวัติจะตัดสินคนที่ยักยอกเงินที่นายทหารส่งให้ภรรยาและลูกอย่างไร ติดคุกหรือโดนยิงเป้านั่นคือโทษที่จะได้รับ” ซิ่วอิงตอบกลับ เธอรู้ดีว่าในยุคนี้คนหวาดกลัวเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะชาวบ้านที่ไม่มีความรู้พวกเขาสามารถเผชิญความยากลำบากได้แต่พวกเขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ได้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 13 สามีที่ดีคือสามีที่ตามใจภรรยา

    “ผมอยากคุยเรื่องพ่อของผม” จางจื่อหานเห็นว่าคนเป็นภรรยานิ่งเงียบก็รู้สึกใจเสีย เขาไม่น่าพูดเรื่องนี้ออกมาจริงๆ คิดได้ดังนั้นจึงรีบเอ่ยขึ้น“คุณลืมมันไปเถอะครับ” เขาไม่อยากให้ภรรยารู้สึกไม่ดี“ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรคุณสักหน่อย ฉันเองก็กำลังคิดอยู่ว่าเราควรที่จะแบ่งอาหารให้ที่บ้านเดิมของคุณบ้างอย่างน้อยปีละครั้งยิ่งตอนนี้พ่อเฒ่าต้องทำงานอยู่คนเดียวแล้วยังต้องดูแลเด็กๆ ไม่ด้วยเขาคงลำบากไม่น้อยเลย” อย่างไรก็ตามตอนนี้จางจื่อหานเป็นถึงรองผู้อำนวยการกรรมการปฏิวัติและผู้บัญชาการทหารชุมชนเขาไม่ควรมีชื่อเสียงเรื่องความไม่กตัญญู ซิ่วอิงคิดถึงเรื่องนี้ เธอคิดว่าควรให้ทุกคนได้เห็นว่าแม้ว่าเขาจะมีความซื่อตรงจับคนผิดไปลงโทษไม่เว้นแม้แต่ครอบครัวตัวเองแต่ในขณะเดียวกันเขาก็มีความกตัญญูช่วยเหลือครอบครัวเดิมอยู่เสมอ นี่คือแนวคิดที่ถูกต้อง เป็นลูกก็ต้องกตัญญู เป็นคนผิดก็ต้องถูกลงโทษ ต่อไปจะไม่มีใครมาพูดถึงเขาในแง่ร้ายได้“ผมนึกว่าคุณจะไม่พอใจซะอีก” สิ่งที่ซิ่วอิงพูดทำให้จางจื่อหานรู้สึกแปลกใจ“ทำไมฉันจะต้องไม่พอใจล่ะคะ ยังไงการกตัญญูต่อพ่อแม่ก็เป็นสิ่งที่ลูกหลานควรทำอยู่แล้ว” เธอย่อมทำดีต่อเขาทำให้เขเห็นว่าเธ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 12 แม่ผู้อยากใกล้ชิดกับลูกชายที่ห่างเหิน

    จางจื่อหานใช้เวลาไม่นานก็เดินกลับมาถึงบ้าน เมื่อเข้ามาในบ้านก็พบว่าภรรยากำลังเช็ดตัวให้ลูกชายเล็กอยู่เขาจึงเดินไปใกล้ๆ แล้วยืนดู ในตอนนี้เขารู้สึกว่าเธออ่อนโยนมากแตกต่างจากคนก่อนเป็นอย่างมากหัวใจของจางจื่อหานสั่นไหวเขาไม่สามารถห้ามมุมปากที่ยกขึ้นได้“กลับมาแล้วเหรอคะ” ซิ่วอิงรู้สึกถึงสายตาร้อนแรงที่จ้องมองมาจึงหันไปดูพบว่าเป็นจางจื่อหานที่กำลังยืนมองเธออยู่“ให้คุณเลือก” จางจื่อหานยื่นแผนผังให้กับภรรยา ซิ่วอิงรับมาแล้วเปิดออกดูก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามเขา“อนุมัติการสร้างบ้านแล้วเหรอ?” ไม่ใช่เขาบอกเธอว่าอาจใช้เวลาอย่างน้อยสองสามปีหรอกเหรอ“ผู้อำนวยการกรรมการปฏิวัติอนุมัติให้เราเป็นกรณีพิเศษ” เขาบอกพร้อมกับมองเธอที่กำลังยิ้มดีใจ หัวใจของเขาเต้นแรงอีกแล้ว“ดีจริงๆ คุณกลับมาครอบครัวเราก็มีแต่เรื่องดีๆ” ทั้งเงินเดือนและอาหารไหนจะสร้างบ้านใหม่ จางจื่อหานนี่คือขาทองคำชัดๆ จางจื่อหานได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกอบอุ่นในใจ“คุณชอบตรงไหน” เขาเอ่ยถามเธอพร้อมกับก้มลงมามองกระดาษแผ่นเดียวกัน“ฉันคิดว่าที่ตรงนี้ดี” ซิ่วอิงชี้ไปที่กระดาษ ที่นั่นห่งจากบ้านอื่นหน่อยดูไม่แออัดและเป็นพื้นที่กว้างอีกทั้งยังอยู่ไม่ไกล

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 11 ไม่ช่วย

    “เจ้าเล็ก ยังไงพวกเขาก็เป็นแม่และพี่ชายของลูก” พ่อเฒ่าจางพาหลานทั้งสองมาที่บ้านท้ายหมู่บ้านเพื่อพูดคุยกับซิ่วอิง ระหว่างที่เดินมาเขารู้สึกหนักใจไม่น้อยกลัวว่าลูกสะใภ้เล็กจะไม่ยอมและอาละวาดแต่เมื่อเดินมาถึงก็พบว่าลูกชายคนเล็กได้อยู่ที่บ้านด้วยเขาจึงรู้สึกโล่งคิดว่าลูกชายคนเล็กคงเห็นแก่แม่อยู่บ้าง“ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรกับพวกเขา” จางจื่อหานตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“เจ้าเล็กตอนนี้พี่ชายของลูกกำลังบาดเจ็บ” พ่อเฒ่าจางยังไม่ยอมถอย เขาต้องการกดดันลูกชายคนเล็กให้ช่วยลูกชายคนโตออกมา“พ่อ พ่อบอกว่าพี่ใหญ่เจ็บแล้วซีห่าวของเราไม่เจ็บเหรอ เขาป่วยอยู่แล้วยังถูกพี่ใหญ่ที่เป็นลุกของเขาทำร้ายจนหัวแตกอีก” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้น เธอไม่พอใจเป็นอย่างมากที่จนถึงขนาดนี้คนพวกนี้ยังไม่รู้จักสำนึกอีก“สะใภ้เล็กเจ้าใหญ่คงไม่ได้ตั้งใจ” พ่อเฒ่าจางเอ่ยแก้ต่างแทนลูกชาย“ฉันเห็นกับตาว่าเขากำลังเข้าไปทำร้ายร่างกายของลูกชายฉันซ้ำ แบบนี้เรียกไม่ได้ตั้งใจเหรอ พ่อควรบอกให้เขาสำนึกผิดไม่ใช่มาขอให้เราไม่เอาผิดพวกเขาไม่งั้นชาวบ้านจะมองพ่อเป็นอะไร รักลุกชายคนโตรังแกลูกชายคนเล็กเหรอ” ซิ่วอิงจี้จุดพ่อเฒ่า เธอรู้ดีว่าของสามีห่วงหน้าตาตัวเอ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 10 จับกุม

    จางจื่อหานพาลูกและภรรยามาที่บ้านโดยมีจางจื่อชิงติดสอยห้อยตามมาด้วย จางจื่อหานวางลูกชายคนเล็กลงบนเตียงเตาก่อนจะถอยออกมาให้ซิ่วอิงได้เข้าไปดู“ห่าวห่าว เป็นยังบ้าง” ซิ่วอิงเอ่ยถามอีกครั้ง“แม่ ฉันไม่เป็นไร” ซีห่าวเอ่ยตอบ ซิ่วอิงที่เห็นเด็กน้อยยืนยันเธอก็รู้สึกผ่อนคลายลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ เขามองดูเธอด้วยสายตามีคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น“ห่าวห่าว ลูกนอนพักก่อนนะ” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเด็กน้อยที่นั่งอยู่บนเตียง เธอรู้สึกสงสารซีห่าวมากทั้งป่วยแล้วยังจะมีบาดเจ็บอีก เมื่อซีห่าวทำตามที่เธอบอกเธอจึงพยักหน้าให้สามีว่าออกไปคุยกันข้างนอก“พี่จื่อหาน ทำไมพี่กลับมาเร็วจัง” จางจื่อชิงทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม“จัดการธุระเสร็จแล้วเลยรีบกลับมา” จางจื่อหานเอ่ยเสียงนิ่งตามนิสัยของเจ้าตัว“วันนี้ขอบคุณมากเลยนะจื่อชิง” ถ้าวันนี้ไม่มีจื่อชิงเธอคงพาซีห่าวไปถึงอนามัยไม่เร็วเท่านี้“พี่สะใภ้ไม่ต้องเกรงใจ เราคนกันเองว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้น?” จางจื่อชิงถามด้วยความสงสัย“ฉันก็ไม่รู้ ฉันกลับมาถึงบ้านก็เห็นว่าเด็กๆ ถูกรังแกและซีห่าวหัวแตก ฉันก็เลยโมโหเอาไม้ไล่ตีพวกเขา” เธอเหลือบตามองจางจื่อหาน เขาจะคิดว่าเธอ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 9 กล้าดียังไงมาทำลูกฉัน

    “หยุด!” ซิ่วอิงตะโกนดังลั่น หลังจากไปทำงานเธอรู้สึกเป็นห่วงซีห่าวมากกลัวว่าจะไข้ขึ้นสูงเธอจึงรีบเร่งทำงานพื้นที่ที่ได้รับมอบหมายให้เสณ้จโดยเร็วหลังจากผ่านไปพักใหญ่หน้างานของเธอเหลือไม่มากซีซวนที่มองอาการของผู้เป็นแม่ออกก็อาสาทำที่เหลือแทนและให้เธอกลับมาที่บ้านก่อนหลังจากทำงานเสร็จเขาจึงจะตามมาทีหลัง เมื่อซิ่วอิงเดินมาใกล้จะถึงบ้านเธอได้ยินเสียงของซูเม่ยตะโกนขอความช่วยเหลือเธอตกใจกลัวว่าซีห่าวอาจจะไข้ขึ้นสูงจนช็อคจึงรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็วแต่สิ่งที่เห็นคือคนชั่วทั้งสาวคนนั่นกำลังรังแกลลูกของเธอทำให้เธอตะโกนบอกให้พวกเขาหยุดด้วยอารมณ์ที่โมโห ยิ่งเมื่อเธอมองเห็นเลือดที่ไหลอาบใบหน้าของซีห่าวดวงตาของเธอก็เริ่มดำมืดขึ้น ซิ่วอิงคว้าไม้กวาดที่อยู่ไม่ไกลมาถือไว้ในมือแล้วก้าวฉับๆ ไปหาทั้งสามคนทันที“กล้าดียังไงมารังแกลูกของฉันห้ะ” ซิ่วอิงพูดพร้อมกับง้างไม้กวาดไล่ฟาดทั้งสามคนโดยไม่สนว่าจะเป็นครอบครัวของสามี“กรี๊ดด อย่านะ” เหมยลี่กรีดร้องอย่างหวาดกลัว“นังปากร้ายจะฆ่าคนแล้ว ช่วยด้วย จะฆ่าคนแล้ว โอ้ย!” จางจื่อซวานที่โดนตีก็ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เขารู้สึกหวาดกลัวมากจึงวิ่งไปชนประตูอย่างแรงจนทำให้

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 8 บุกรุก!

    “เรื่องนี้อย่าให้พ่อของแกรู้” แม่เฒ่าจางเอ่ยบอกลูกชายคนโต แม้ว่าพ่อเฒ่าจางจะลำเอียงรักลูกชายคนโตแต่เขาก็มักจะไว้หน้าตัวเองเสมอไม่แสดงออกถึงความลำเอียงมากเกินไป วันนี้พ่อเฒ่าจางมัววแต่ไปพูดคุยกับเพื่อนฝูงทำให้ทั้งสามคนคิดวางแผนที่จะทำเรื่องนี้“คุณแม่คะ แล้วนังนั่นจะไม่ไปแจ้งสันติบาลเหรอคะ” เหมยลี่เองก็อยากได้เงินห้าร้อยหยวนแต่เธอก็กังวลไม่ได้ หากนังปากร้ายนั่นไปแจ้งสันติบาลหรือคณะกรรมการปฏิวัติพวกเธออาจจะถูกจับ“มีลูกสะใภ้ที่ไหนจะแจ้งจับแม่สามี” จะสามารถทำแบบนั้นได้ยังไง ไม่เคยมีสะใภ้คนไหนกล้าแจ้งจับแม่สามีแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่โดนทุบตีก็ตามมันถูกมองว่าเป็นปกติเว้นเสียแต่ว่าจะมีคนตาย“แต่มันแยกบ้านไปแล้วนะคะ” เหมยลี่ไม่แน่ใจว่าสามารถทำแบบนั้นได้ เธอไม่อยากถูกจับ“นี่สะใภ้ใหญ่ เธอกลายเป็นคนขี้ขลาดตั้งแต่เมื่อไหร่” แม่เฒ่าจางพูดอย่างไม่สบอารมณ์“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะแม่” เหมยลี่ที่เห็นแม่สามีเริ่มไม่พอใจก็ไม่กล้าที่จะแย้งอีก ในใจก็แอบเห็นด้วยว่าจางจื่อหานคงไม่แจ้งจับแม่ตัวเองหรอก“แม่ครับ ผมว่าเราควรไปตอนที่มันออกไปทำงาน” เวลานั้นชาวบ้านจะออกไปทำงานแลกคะแนนกันหมดไม่มีใครอยู่บ้านถือว่าทางสะด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status