Share

เข้าเมืองขายสมุนไพร

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2025-06-17 03:40:55

“จื้อเออร์ เจ้าพูดว่าอย่างไรก่อนที่โสมจะหายไป” จางหมินถามบุตรี

“ข้ากำลังเก็บโสมใส่ตะกร้าแล้วพูดว่า ข้านำไปเก็บก่อนนะเจ้าคะ”

ลู่จื้อกำลังแสดงท่าทางตอนเก็บโสมให้ทุกคนดู โดยใช้แก้วน้ำที่วางบนโต๊ะของท่านพ่อถือไว้ด้วย

แก้วน้ำในมือก็หายไปพอนางพูดว่าเก็บ

ตอนนี้เป็นนางเองที่กระโดดตัวลอย ลู่เพ่ยก็หงายหลังล้มจากเก้าอี้ นางจินหรูก็กระโดดไปจับตัวจางหมินไว้ พอสงบสติอารมณ์กันได้แล้วจึงได้รู้ว่า ลูกสาวของตนมีบางสิ่งผิดปกติ

“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร” จินหรูพึมพำกับตัวเอง สติของนางล่องลอยไม่อยู่กับตัวแล้ว

“จื้อเออร์ แขนของเจ้าไปโดนอะไรมา” จางหมินเห็นข้อมือลู่จื้อมีรอยเลือดที่แห้งแล้วอยู่

“เอ่อ... ข้าโดนกิ่งไม้เกี่ยวตอนเข้าไปเก็บไก่ป่าเจ้าค่ะ” ลู่จื้อเพิ่งจะสังเกตเห็นข้อมือของตนมีรอยบาด ทั้งยังมีเลือดที่แห้งกรังแล้วอยู่ด้วย

“เอ๊ะ” ตอนนี้นางรู้แล้วว่าของหายไปได้อย่างไร

ที่ข้อมือปรากฏกำไลวงที่พ่อบ้านให้นางก่อนจะไปอยู่หมู่บ้านชนบท แต่ทำไมไม่มีใครเห็น หรือนางจะเห็นเพียงแค่คนเดียว

ลู่จื้อลองกำหนดจิต แล้วคิดว่าให้โสมออกมา บนโต๊ะตรงหน้าก็ปรากฏตะกร้าโสมขึ้น

“ปะ เป็น ไป ได้ อย่าง ไร” ลู่เพ่ย พูดตะกุกตะกักออกมา

“ข้าคิดว่า ข้าได้สิ่งนี้มาตอนที่ข้าหลับไปสามวันเจ้าค่ะ ตอนนั้นข้านึกว่าตนเองตายแล้ว วิญญาณลอยออกไปในที่ไกลแสนไกล ที่นั่นแตกต่างจากที่นี่ยิ่งนัก มีบ้านเรือนหลังใหญ่โต สูงเทียมฟ้า มีสิ่งที่เรียกว่ารถ วิ่งได้เร็วกว่ารถม้า บนฟ้ายังมีนกยักษ์คนที่นั่นเรียกว่าเครื่องบน ใช้เดินทางไปต่างแคว้นได้เร็วยิ่งนัก” นางหยุดพูดแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม

ลู่จื้อยอมเล่าเรื่องชีวิตในโลกก่อนของนางให้ฟังเล็กน้อย ด้วยคิดว่าตอนนี้พวกเขาคือคนในครอบครัวของนาง อย่างไรสักวันก็ต้องรู้อยู่ดี

ทุกคนต่างรอให้นางพูดต่อ นางจินหรูน้ำตาไหลหลังจากที่บุตรีพูดถึงวิญญาณนางออกจากร่าง จางหมินก็กัดฟันแน่นข่มความโมโหที่บุตรีโดนบ้านใหญ่รังแก ลู่เพ่ยลูบหัวน้องสาว เขาคิดว่าตัวเขาช่างไม่ได้เรื่องปล่อยให้น้องของตนเกือบตาย

“ข้าเรียนรู้เรื่องราวมากมายของคนที่นั่น สิ่งของแปลกใหม่ที่ข้าไม่เคยได้เห็น ข้าบังเอิญได้รับกำไลว่าหนึ่งวงเป็นหยกสีดำเนื้อดี”

“เพียงแต่ไม่มีใครมองเห็น แล้วข้าก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้วไม่คิดว่ามันจะติดตัวข้ากลับมาด้วยเจ้าค่ะ” ลู่จื้อยกข้อมือของตนให้ทุกคนดู แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นคือรอยแผลที่นางได้รับตอนจับไก่

“เรื่องนี้ห้ามพูดให้ใครฟังเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นลู่จื้อจะได้รับอันตราย” จางหมินสั่งทุกคน ทั้งสามพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน

จากนั้นทั้งสี่คนจึงหันมาสนใจตะกร้าโสมที่อยู่ด้านหน้า จางหมินที่เคยเข้าอำเภอไปขายสัตว์ป่ามาบ้างก็แนะนำให้บุตรของตนนำโสมไปขายให้ร้านยาฮุ่ยชิว (เมตตา) เป็นร้านที่ให้ราคายุติธรรมที่สุดในเมืองแล้ว

ลู่จื้อคิดว่าจะนำโสมร้อยปีสองหัว กับสามร้อยปีหนึ่งหัว ไปขายก่อนเงินที่ได้คงพอให้รักษาบิดากับสร้างบ้าน นางเป็นกังวลเรื่องบ้านยิ่งนัก หากวันใดมีพายุเข้าทั้งสี่ชีวิตคงไม่มีที่ซุกหัวนอนแน่

สองพี่น้องตื่นนอนยามเหมา (05.00-06.59) เมื่อกินข้าวเรียบร้อยก็รีบไปรอขึ้นเกวียนหน้าหมู่บ้าน เกวียนจะวิ่งเข้าเมืองสองรอบต่อวัน ใช้เวลาเพียงหนึ่งเค่อก็ถึง

ค่าเกวียนคนละหนึ่งอิแปะ ชาวบ้านส่วนมากจะเดินเท้าไปเพราะใช้เวลาครึ่งชั่วยามก็ถึง หากมีกำลังเงินก็นั่งเกวียน ลู่จื้อเริ่มมีเงินแล้วนางย่อมต้องนั่งเกวียน

ลู่เพ่ยจ่ายเงินค่าเกวียนเสร็จก็พาน้องสาวขึ้นไปนั่ง

“โอวโยว นึกว่าใคร เจ้าสองคนพี่น้องมีเหรียญทองแดงจ่ายค่าเกวียนหรือ” คิดว่าใครป้าสะใภ้ใหญ่ที่รักนี้เอง

“ท่านแม่ข้าไม่อยากนั่งใกล้มันเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวชุดใหม่ของข้าสกปรกหมด” ลู่จื้อเดินเข้าไปนั่งติดจางเยว่ จนนางต้องเขยิบตัวออกห่าง

“เจ้า” จางเยว่ที่กำลังจะอ้าปากด่าทอก็โดนนางเกาหงมารดาของตนห้ามไว้

“เยว่เออร์เจ้าอย่าได้โมโหไปเลย วันนี้เป็นวันดีของเจ้า” สองแม่ลูกสบตากันอย่างมีความหมาย จางเยว่หันมามองลู่จื้อแล้วยิ้มเยาะ

ลู่จื้อไม่สนใจสองแม่ลูกนั่นอยู่แล้ว ไม่นานเกวียนก็จอดลงที่หน้าประตูเมือง สองพี่น้องไม่สนใจแม่ลูกคู่นั้นอีก ทั้งสองรีบเดินไปร้านยาฮุ่ยชิวทันที

ร้านยาฮุ่ยชิวเป็นร้านยาขนาดกลาง ด้านหน้าขายยา ด้านหลังมีหมอตรวจรักษา มีชาวบ้านเข้ามาซื้อยาขายสมุนไพรตลอดเวลา จึงทำให้มั่นใจได้ว่า ที่นี่ให้ราคายุติธรรมจริง

“ไม่ทราบว่ามาซื้อยาหรือมาขายสมุนไพรขอรับ” เสี่ยวเอ้อหน้าร้านต้อนรับสองพี่น้องอย่างดี ไม่แสดงท่าทางรังเกียจให้เห็น

“มาขายสมุนไพรเจ้าค่ะ แต่ข้าขอบอกไว้ก่อนว่าท่านคงไม่อยากให้ข้านำออกมาตอนนี้แน่นอน”

เสี่ยวเอ้อที่ทำงานมานานเมื่อได้ฟังลู่จื้อพูดเขาก็เข้าใจได้ในทันที พี่น้องคู่นี้ต้องนำสมุนไพรหายากมาขายแน่นอน

“เชิญท่านทั้งสองด้านในก่อนขอรับ ข้าน้อยจะเรียกผู้ประเมินมาตรวจดู” เสี่ยวเอ้อเดินหายไปในห้องด้านหลังแล้วออกมาพร้อมกับชายชรา

“เจ้าสองคนนำสิ่งใดมาขาย เอาออกมาให้ข้าตรวจดูได้เลย ข้าหมอฉีเจ้าของโรงหมอและร้านยาฮุ่ยชิว” ลู่จื้อสะกิดลู่เพ่ยให้หยิบโสมทั้งสามหัวออกมา

“ข้าน้อยคารวะท่านหมอฉี ข้าจางลู่เพ่ย และน้องสาวจางลู่จื้อขอรับ”

ลู่เพ่ยวางห่อผ้าที่เก่าจนแทบจะเหมือนผ้าเช็ดพื้นลงบนโต๊ะ เขาค่อยๆ เปิดออกเพราะกลัวจะทำให้รากโสมหลุดออกมา

“นะ นี่ พวกเจ้าช่างโชคดีจริงๆ นานมากแล้วที่เมืองเฉียงไห่ไม่มีชาวบ้านนำโสมมาขาย” หมอฉีใช้สองมือค่อยๆ หยิบโสมหัวใหญ่ที่สุดขึ้นมาดู

“โสมสามร้อยปี สมบูรณ์มาก พวกเจ้าขุดมาได้ดีจริงๆ ไม่เสียหายเลย” หมอฉีลูบเคราอย่างพอใจ เขามองพิจารณาสองพี่น้องจาง ทั้งคู่ต้องมีคนใดแน่นอนที่มีความรู้เรื่องสมุนไพร เพราะสามารถเก็บได้อย่างถูกวิธี

“โสมร้อยปี สองหัวข้าให้หัวละสามร้อยตำลึงทอง โสมสามร้อยปี หนึ่งหัวมีทั้งดอกครบข้าให้ หนึ่งพันตำลึงทอง พวกเจ้าพอใจหรือไม่”

“พอใจเจ้าค่ะ” หมอฉีสั่งให้หลงจู๊นำตั๋วเงินและเงินตำลึงมาให้สองพี่น้อง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   หวังว่าจะจำในสิ่งที่เขียนไว้ได้

    นางยื่นเงินสามร้อยหกสิบห้าตำลึงให้หัวหน้าหมู่บ้าน ให้เกินอีกห้าตำลึงเพื่อเป็นค่าน้ำชาให้ดำเนินเรื่องที่ให้ หัวหน้าหมู่บ้านก็รับมาแต่โดยดี"ท่านหัวหน้าหมู่บ้านเจ้าคะ ท่านพอจะแนะนำช่างสร้างบ้านให้ข้าด้วยได้หรือไม่" นางจินหรูเอ่ยอย่างเกรงใจ"ได้ได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ บุตรชายข้า ชุนหยุน ก็เป็นช่างสร้างบ้านอยู่ ข้าจะให้อาหยุนไปคุยกับพวกเจ้าที่บ้านก็แล้วกัน" เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อยสองแม่ลูกก็ขอตัวกลับสองแม่ลูกที่กำลังเดินกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี ต้องมาพบเจอสะใภ้ใหญ่ระหว่างทาง" นึกว่าใคร สะใภ้รองนี่เอง พวกเจ้าไม่คิดจะมาแสดงความยินดีกับเยว่เออร์เสียหน่อยหรือ" นางยิ้มเย้ยใส่จินหรู"เช่นนั้นก็ยินดีในวาสนาของเยว่เออร์ด้วยเจ้าค่ะ วันแต่งข้าและท่านพี่ต้องช่วยเพิ่มสินเดิมให้เจ้าสาวอย่างแน่นอน" นางจินหรูมองข้ามสายตาที่เยาะเย้ยของสะใภ้ใหญ่เมื่อมองสำรวจพี่สะใภ้ดีๆ จึงได้เห็นว่าชีวิตบ้านใหญ่ที่ไม่มีครอบครัวของนางให้คอยรับใช้ คงจะลำบากไม่น้อย เพราะจางเยว่คงไม่ยอมไปซักผ้าริมแม่น้ำหรือจะเข้าครัวทำอาหารอย่างแน่นอน"โอวโยว อย่างเจ้ากับน้องรองนะหรือจะมีปัญญามาช่วยเยว่เออร์ของข้าเพิ่มสินเดิม แค่ไม่ขนกันมากินใน

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   ได้ซื้อที่ดินแล้ว

    สองพี่น้องจึงขอตัวไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน ลู่เพ่ยยังคงศึกษาตำราที่ลู่จื้อให้ไว้ทั้งคืน แต่เขายังไม่เข้าใจมากนักลู่จื้อที่แยกตัวออกมาก็เข้าไปในมิติ นางเห็นพื้นที่วางมากมายจึงเริ่มมีความคิดที่จะซื้อเมล็ดผักมาปลูกนางเดินเข้าไปในกระท่อมเพื่อหาตำราที่สามารถอ่านได้ เพราะเมื่อคืนมีตำราเพียงเล่มเดียวที่อ่านได้ ตอนนี้นางเปิดจุดตันเถียนได้แล้วคงจะมีสักเล่มที่นางสามารถอ่านได้นางไล่ดูตำราที่ละเล่มจนไปเจอตำราฝึกวรยุทธ์ ยุคก่อนนางได้ฝึกมวยไทย กังฝู มวยหย่งซุน แต่ตำราเล่มนี้สอนฝึกลมหายใจกับความเร็ว ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับนางลู่จื้อไม่คิดว่าการฝึกลมหายใจจะช่วยได้หลายอย่างขนาดนี้ หลังจากที่อ่านตำราจบนางถึงได้รู้ว่าการฝึกลมหายใจเป็นส่วนสำคัญของการฝึกฝนพลังปราณเมื่อนางลองฝึกตามตำราจึงค้นพบว่า หากนางควบคุมการหายใจได้ก็สามารถควบคุมเส้นปราณในร่างกายได้ เหมือนเป็นการเปิดเส้นปราณในร่างกายให้พร้อมที่จะเริ่มฝึกขั้นต่อไปตอนนี้เส้นปราณของนางนั้นใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิม อีกทั้งนางยังสามารถรับรู้เสียงต่างๆ รอบตัวได้ชัดเจนขึ้นแม้กระทั่งเสียงน้ำไหลที่ลำธารนางก็ได้ยินชัดเหมือนนางนั่งอยู่ริมลำธารเลยลู่จื้อนางไม่รู

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   จางเสียนกับกู้เหลี่ยงมาหา

    ลู่จื้อจึงนำตำราออกมาให้ลู่เพ่ยได้ศึกษา ก่อนหน้านี้ลู่เพ่ยเคยได้เขียนอ่านมาบ้างแล้วจากบิดาจึงทำให้สามารถอ่านตำราได้ บิดาของตนเคยได้เข้าเรียนในสำนักศึกษาเช่นท่านลุงใหญ่ แต่ทั้งคู่สอบหลายรอบแล้วไม่ผ่านจึงเลิกเรียนออกมาทำงานแทนท่านใหญ่ลุงจางเสียนได้ดูแลบัญชีให้กับร้านขายผ้าในตัวเมือง โดยส่งเงินให้ท่านย่าใช้ภายในบ้านทุกเดือน บิดาของนางจึงต้องอยู่บ้านทำนา ขึ้นเขาล่าสัตว์แทน นี้คืออีกเหตุผลที่ลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ใหญ่มีอำนาจภายในบ้านมากจนท่านปู่ท่านย่าเกรงใจ"น้องสะใภ้อยู่หรือไม่" เสียงตะโกนเรียกหน้าบ้านทำให้ลู่เพ่ยรีบเก็บตำราแล้วออกไปดู เป็นท่านลุงใหญ่ของตนกับกู้เหลี่ยง"ท่านแม่ดูแลท่านพ่ออยู่ขอรับ เชิญท่านลุงกับท่านลุงกู้ด้านในขอรับ" ลู่เพ่ยเปิดทางให้ทั้งสองเข้ามา"ขออภัยข้าไม่อาจลุกออกไปต้อนรับพวกท่านทั้งสองได้" จางหมินเอ่ยปากพูดกับทั้งคู่ ลู่จื้อนำน้ำออกมาต้อนรับแขกแล้วปลีกตัวออกไปอย่างรู้ความตอนนี้ในห้องของจางหมินมีเพียง จางเสียนกับกู้เหลี่ยงเท่านั้น จางเสียนมองน้องชายของด้วยที่นอนเป็นคนพิการอยู่บนเตียง ตัวเขาก็ตอบไม่ได้เช่นกันว่ารู้สึกเช่นใดกับน้องชาย เขาสองพี่น้องมิได้รังเกียจกัน แต่จ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   อาจารย์ข้าคือซุนหงอคง

    เมื่ออ่านตำราจบแล้วทำให้รู้ว่าไม่ใช่ว่าในแคว้นฉี จะไม่มีผู้ฝึกปราณ แต่คนที่ฝึกนั้นมีน้อยมาก แล้วยังไม่มีผู้ที่เป็นผู้ฝึกตนเพื่อก้าวข้ามสู่ขั้นเป็นเซียน หากนางทำให้ครอบครัวของนางทุกคนเป็นผู้ฝึกตนได้ต่อไปครอบครัวของนางก็ไม่ต้องเกรงกลัวอำนาจของผู้ใดอีกลู่จื้อจึงลองเปิดจุดตันเถียนตามตำรา นางนั่งกำหนดจิตไปที่จุดตันเถียน (อยู่ด้านล่างสะดือลงไปสามนิ้วเรียกตันเถียนล่าง) เมื่อเข้าสู่สมาธิลู่จื้อค้นพบจุดแสงใจกลางตันเถียนก้อนเท่าเมล็ดถั่ว หากใช้ความรู้สึกจับจะเห็นว่าจะมีแสงหลากหลายสีกระจายโดยรอบๆ อีกมาก นางจึงค่อยๆ ดึงแสงเหล่านั้นเข้ามารวมในจุดตันเถียนให้เป็นหนึ่งเดียวจากนั้นนางโคจรเส้นลมปราณเพื่อดึงแสงสีต่างๆ จากจุดตันเถียนระหว่างคิ้ว (เรียกจุดตันเถียนบน) และตรงกลางหัวใจ (เรียกจุดตันเถียนกลาง)ลู่จื้อทำตามวิธีที่ตำราได้บอกไว้ นางนั่งรวบรวมแสงจนเก็บทั้งหมดเข้าจุดตันเถียนได้แล้ว นางจึงออกจากสมาธิก็พบว่าเวลาผ่านมาไม่น้อยแล้วและคิดว่าด้านนอกคงจะเช้าแล้ว ครอบครัวของนางคงจะเป็นห่วงที่นางหายไปที่ใดก็ไม่รู้ ตอนนี้ตัวของนางส่งกลิ่นเหม็นแถมยังมีคราบสีดำเลอะเสื้อผ้าเต็มไปหมด ชุดนี้ของนางคงจะนำมาใส่อีกไ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   มิติของลู่จื้อ

    “หากพวกเจ้ามีสมุนไพร นำมาขายให้ร้านยาของข้าได้ตลอด” หมอฉีกล่าวบอกทั้งสองคน“หากข้าได้ของดีเช่นนี้มาอีกจะนึกถึงร้านยาของท่านก่อนแน่นอนเจ้าค่ะ” หมอฉีดูจะพอใจกับคำพูดของลู่จื้อ“ดีดีดี หากพวกเจ้ามีเรื่องใดที่ข้าช่วยเหลือได้ก็อย่าได้เกรงใจ” นี่แหละคือสิ่งที่ลู่จื้อต้องการ“ท่านหมอฉีเจ้าคะ ข้าอยากรบกวนให้ท่านไปตรวจดูอาการของบิดาที่หมู่บ้านชุนหนานเจ้าค่ะ” ลู่จื้อแจ้งรายละเอียดอาการบาดเจ็บของบิดาที่ไม่สามารถเดินทางมาที่โรงหมอได้เมื่อนัดเวลากับหมอฉีที่จะไปตรวจให้บิดาที่หมู่บ้านแล้วลู่จื้อจึงขอตัวกลับลู่เพ่ยที่เก็บตั๋วเงินไว้ในอกก็มีอาการแข็งขาอ่อนแรง ก้าวเดินแทบจะไม่ออก ลู่จื้อจึงพาพี่ชายไปร้านรับฝากเงิน หากพี่ชายนำเงินกลับบ้านในสภาพนี้ได้ถูกโจรปล้นเป็นแน่แม้จะมีมิติเก็บของได้แล้ว แต่นางก็อยากจะนำเงินบางส่วน ฝากเงินไว้ที่ร้านรับฝากด้วย ด้วยคนอื่นจะได้เห็นว่าครอบครัวนางมาเบิกเงินไปใช้ ไม่ใช่ว่าเงินทั้งหมดที่ได้จากการขายสมุนไพรถูกเก็บไว้ที่เรือนเงินหนึ่งพันหกร้อยตำลึงทอง นางฝากเพียงสามร้อยตำลึงทองเท่านั้น แล้วส่งให้ลู่เพ่ยถือเงินไว้ซื้อของเพียงหนึ่งร้อยตำลึงเงิน ที่เหลือล้วนอยู่ในมิติของนาง

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   เข้าเมืองขายสมุนไพร

    “จื้อเออร์ เจ้าพูดว่าอย่างไรก่อนที่โสมจะหายไป” จางหมินถามบุตรี“ข้ากำลังเก็บโสมใส่ตะกร้าแล้วพูดว่า ข้านำไปเก็บก่อนนะเจ้าคะ”ลู่จื้อกำลังแสดงท่าทางตอนเก็บโสมให้ทุกคนดู โดยใช้แก้วน้ำที่วางบนโต๊ะของท่านพ่อถือไว้ด้วยแก้วน้ำในมือก็หายไปพอนางพูดว่าเก็บตอนนี้เป็นนางเองที่กระโดดตัวลอย ลู่เพ่ยก็หงายหลังล้มจากเก้าอี้ นางจินหรูก็กระโดดไปจับตัวจางหมินไว้ พอสงบสติอารมณ์กันได้แล้วจึงได้รู้ว่า ลูกสาวของตนมีบางสิ่งผิดปกติ“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร” จินหรูพึมพำกับตัวเอง สติของนางล่องลอยไม่อยู่กับตัวแล้ว“จื้อเออร์ แขนของเจ้าไปโดนอะไรมา” จางหมินเห็นข้อมือลู่จื้อมีรอยเลือดที่แห้งแล้วอยู่“เอ่อ... ข้าโดนกิ่งไม้เกี่ยวตอนเข้าไปเก็บไก่ป่าเจ้าค่ะ” ลู่จื้อเพิ่งจะสังเกตเห็นข้อมือของตนมีรอยบาด ทั้งยังมีเลือดที่แห้งกรังแล้วอยู่ด้วย“เอ๊ะ” ตอนนี้นางรู้แล้วว่าของหายไปได้อย่างไรที่ข้อมือปรากฏกำไลวงที่พ่อบ้านให้นางก่อนจะไปอยู่หมู่บ้านชนบท แต่ทำไมไม่มีใครเห็น หรือนางจะเห็นเพียงแค่คนเดียวลู่จื้อลองกำหนดจิต แล้วคิดว่าให้โสมออกมา บนโต๊ะตรงหน้าก็ปรากฏตะกร้าโสมขึ้น“ปะ เป็น ไป ได้ อย่าง ไร” ลู่เพ่ย พูดตะกุกตะกักออกมา“ข้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status