“คุณ...” มือหนาเอื้อมไปแตะแก้มสวยเบาๆ เพื่อปลุกหญิงสาวออกจากภวังค์ความฝันนั้น...
“อุ้ย!” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง อ้าปากค้างตะลึงงัน และทะลึ่งพรวดขึ้นทันที เมื่อมีความร้อนบางอย่างสัมผัสกายเธอ หญิงสาวตกใจสุดขีด เมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้นเป็นชายหนุ่มแปลกหน้าเปลือยร่างกายท่อนบน และกำลังจ้องเธอเขม็ง!
“เจ้า เข้ามาได้อย่างไร”
คาริสยิงคำถามภาษาสากลทันที สายตาคมจับจ้องไปยังใบหน้าอันงดงามที่ยังตราตรึงอยู่ในใจของเขาจวบจนวันนี้ ‘ท่านพี่คงพาตัวเธอมาจริงๆ สินะ’
“นะ-หนู ไม่ ได้...อุ้ย!”
รินลดาตื่นกลัว จนไม่สามารถสื่อสารออกมาเป็นภาษาได้ และหนำซ้ำบางอย่างที่อยู่ในร่างกายของเธอนั้นกลับปะทุขึ้นมาอีกครั้ง รินลดาจะทำอย่างไรดี ร่างอวบอิ่มสั่นเทาไปหมดเพราะความกลัวกับสถานการณ์ตรงหน้าของเธอ
“เจ้าเป็นอะไร?”
คาริสมองร่างบางที่กำลังสั่นระริก อาจเป็นเพราะความกลัวหรืออย่างไร ชุดที่เธอสวมใส่นั้นมันคือชุดของพื้นเมืองของไบยาร์แน่นอน ชุดค่อนข้างบางเบา แนบเนื้อปิดอะไรแทบไม่มิด ความเย้ายวนตรงหน้ามันทำให้ร่างกายของคาริสร้อนผ่าวขึ้นอัตโนมัติ
“อ๊ะ!” รินลดาสะดุ้งตกใจร้องอุทานลั่น รีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดบังเรือนร่างของเธอ พร้อมกับย่อลงขดตัวอยู่ในอ่างทันที เพื่อให้น้ำช่วยปกปิดเรือนร่างของเธออีกทาง
“ข้าไม่ทำอะไรเจ้า แต่ว่าเจ้าจะต้องอธิบายกับข้าก่อน ว่าเจ้าเข้าห้องของข้ามาได้อย่างไรกัน”
คาริสเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทีหวาดผวาของเธอ
“เอ่อ...ฉันขอเสื้อผ้าหน่อยได้ไหมคะ”
รินลดาสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยถามด้วยภาษาที่เธอเข้าใจ
แทนคำตอบคาริสเดินเข้าไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ และส่งผ้านั้นให้กับเธอ เขาเดินกลับไปรอเธออยู่ด้านนอก เพื่อให้เธอสะดวกยิ่งขึ้น
รินลดารีบลุกขึ้นจากอ่างน้ำ ชุดของเธอเปียกปอนไปหมด ถ้าเธอห่มผ้าทับลงไปก็จะทำให้ผ้าผืนนี้เปียกไปด้วย ‘เอายังไงดี’ เธอจะถอดชุดอันรุงรังนี่ออก หรือว่าเธอจะใส่ไปทั้งอย่างนี้ ร่างกายของเธอร้อนผ่าวปะทุขึ้นมาอีกเป็นระรอก รินลดาไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับตัวเองอย่างไรดี ‘เขาอาจจะเป็นคนดีก็ได้นะ ถ้าเกิดเธอขอร้องให้เขาช่วย’ รินลดากำลังชั่งใจกับชายแปลกหน้าเมื่อครู่ เขาไม่ได้มีทีท่าว่าจะทำร้ายเธอแต่อย่างใด
รินลดายกมือตบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อดึงสติของเธอกลับมา ปลดชุดที่เปียกปอนออกและพันผ้าขนหนูรอบตัวเอาไว้แน่น! เธอมองซ้ายมองขวาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเท้าในลักษณะย่องออกจากห้องอาบน้ำไปยังห้องนอนใหญ่ รินลดาทำตัวลีบก้มหน้างุดหลบสายตาคม เสียงเต้นของหัวใจของเธอถี่รัว เมื่อเผชิญหน้ากับใบหน้าคมเข้มที่นั่งรอเธออยู่บนโซฟาใหญ่กลางห้อง
“ฉันถูกลักพาตัวมาค่ะ”
บทสนทนาแรกของรินลดาที่สื่อสารกับชายหนุ่มแปลกหน้า เมื่อออกจากห้องอาบน้ำ น้ำเสียงอันสั่นเครือบวกกับเรือนร่างที่สั่นระริกนั้นกำลังเผชิญกับสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“คนนี้ ใช่หรือไม่”
คาริสยื่นสมาร์ทโฟนที่มีรูปพี่ชายเขาอยู่ในนั้น ให้หญิงสาวดูเพื่อตัดกระบวนการซักถามทั้งหมด
“ค่ะ” รินลดาพยักหน้าพร้อมคำตอบ เธอแอบมองเสี้ยวหน้าของชายคนนี้ ซึ่งเขามีหน้าตาละม้ายคล้ายกับคนที่จับตัวเธอมา แต่เขาคนนี้มีรูปร่างสูงกว่าเท่านั้นเอง ลำคอของเธอแห้งผาก ความร้อนส่งผ่านเรือนร่างของเธอเป็นระลอก ยิ่งเธอเห็นแผงอกกว้างร่างกำยำไร้อาภรณ์นั้นมากเท่าไหร่ บางอย่างที่อยู่ข้างในก็กลับเร่าร้อนขึ้นมาอีก
“ลองอธิบายให้ชัดกว่านี้หน่อย” สายตาคมดุมองร่างอวบอิ่มที่กำลังยืนปากสั่นฟันกระทบกันดังหงึก
“ดะ-ได้ค่ะ แต่ คะ-คุณช่วย หายาให้ ฉะ-ฉันก่อนได้ มะ-ไหมคะ”
รินลดาพยายามต่อสู้กับสิ่งที่ปะทุภายในร่างกายของเธออย่างหนัก สายตาของเธอพร่ามัวไปหมด มองภาพตรงหน้าลางเลือน มือบางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ถึงแม้เธอจะหนีรอดมาได้ แต่มันก็เหมือนกับการตายทั้งเป็นแล้วตอนนี้
“เจ้าเป็นอะไร!!” คาริสรีบคว้าร่างของเธอไว้ทันที เมื่อเธอกำลังจะล้มลงตรงหน้าเขา
“ฉะ-ฉันไม่สบาย” รินลดาพยายามปรือตามอง คนที่กำลังพยุงร่างของเธอไว้ มือบางยกขึ้นสัมผัสใบหน้านั้นเพื่อร้องขอการช่วยเหลือ แต่เมื่อเธอแตะสัมผัสนั้นเพียงนิดเดียว กลับเหมือนมีประจุไฟฟ้าบางอย่างแล่นเข้ามาที่ร่างของเธอ
“นี่เจ้าโดน...” คาริสรู้ทันทีว่าเธอผู้นี้ไม่สบายเพราะอะไร เธอน่าจะโดนยาปลุกความกำหนัดแน่นอน ปกติยาชนิดนี้มักใช้ในฮาเร็มเพื่อปราบพยศนางสนมที่ไม่ยอมถวายตัว แสดงว่าพี่ชายของเขานั้นต้องการเธอ!
“อ๊ะ!” ร่างบางดิ้นอย่างลนลาน มือไม้ปัดป่ายพัลวันไปบนเรือนร่างกำยำเมื่อบางอย่างปะทุขึ้นมาอีกครั้ง สติของเธอนั้นเหลือเพียงน้อยนิด
“อืม...” คาริสมองร่างบางในอ้อมแขนของเขา ก่อนจะก้มลงยกร่างบาง และอุ้มเธอไปวางไว้บนเตียงนอน ในหัวของเขาตอนนี้กำลังคิดประมวลผลอย่างวุ่นวาย เพื่อจะหายาแก้สิ่งนี้ได้อย่างไร
“ฉะ-ฉัน อ๊ะ!” รินลดาคว้าร่างของชายหนุ่มแปลกหน้าเอาไว้ มือบางโน้มลำคอแข็งแกร่งไว้ไม่ยอมให้เขาจากเธอไป สิ่งที่เธอเป็นอยู่นั้น เธอทำมันโดยไม่รู้ตัว สัมผัสกายร้อนของเขาเสียดสีกับร่างของเธอ มันทำให้รินลดารู้สึกดี ความร้อนนั้นผ่อนลง
“เจ้าจะทำแบบนี้ไม่ได้ เดี๋ยวข้าจะไปหายาให้”
เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้น เมื่อเรือนร่างอวบอิ่มนั้นเบียดแซะเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกายสาวปลุกกำหนัดในตัวของชายหนุ่มให้คุกรุ่น คาริสหลับตานิ่งเพื่อระงับอารมณ์พลุ่งพล่านในตัวเขากับความเย้ายวนที่เกิดขึ้น
“มัน ระ-ร้อน ไม่นะ!”
รินลดาผวากอดร่างกายกำยำไว้แน่น เธอไม่สามารถที่จะควบคุมตัวเองได้แล้ว น้ำตาของเธอรินไหลออกมาเพราะอดกลั้นกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น เธอพยายามแล้ว...
“เจ้า อึ้มม์” เสียงครางของคาริสหลุดออกมาอย่างเจ็บปวด เขาจะฉวยโอกาสนี้กับเธอไม่ได้! ชีคหนุ่มพยายามแกะมือของเธอออกจากตัวเขา แต่ไม่ว่าจะแกะออกอย่างไร มือเล็กนั้นก็ยังปัดป่ายไปมาบนตัวเขา
[อีกเหตุการณ์หนึ่ง...ในเวลาเดียวกัน]
“ข้าคิดว่านางคงออกไปยังไม่พ้นจากตรงนี้แน่นอน น่าจะเข้าไปหลบห้องไหนสักห้องหนึ่ง”
เซริออกปฏิบัติการค้นหาตามที่นายท่านสั่งการมาทันที
“นางทั้งสามดื่มยาปลุกกำหนัดไปด้วยนะเจ้าคะ คงจะทรมานมาก ข้าสงสารนางเหลือเกิน”
“ข้าให้เจ้ามาช่วยข้าหาพวกนางทั้งสามนะ เจ้าไม่ต้องแสดงความรู้สึกอะไรแบบนี้กับข้า...โบอา”
“คุณเซริจะทำตามนายท่านทำไมล่ะเจ้าคะ คุณก็แค่บอกว่าหาไม่เจอก็ได้นี่เจ้าคะ”
“สรุปเจ้าจะช่วยข้าหรือไม่...โบอา”
“ก็ช่วยสิเจ้าคะ”
“ถ้าช่วย...เจ้าก็ควรสงบปากเสียทีเถอะ”
“เจ้าค่ะ...”
ริมฝีปากบางถูกประกบ ลิ้นหนาชอนไซเข้าไปในโพรงปากเกี่ยวกวัดลิ้นเล็ก ดวงตากลมโตเบิกตากว้างมองเขาอย่างตื่นตะลึง“อืมมม์”เสียงครางแหบพร่าพึมพำอย่างพอใจกับรสสัมผัสที่ได้รับ ปากร้อนบดขยี้ปากบางอย่างดุเดือด อิลยาสไม่สนท่าทีขัดขืนของคนตัวเล็กแต่อย่างใด บางทีวิธีนี้อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะใช้แก้ปัญหาผู้หญิงที่ดื้อดึงอย่างเธอได้เนิ่นนานหลายนาทีกว่าชีคหนุ่มจะผละออกจากเรียวปากเล็ก ปากร้อนพรมจูบซับไปที่ซอกคอขาวผ่อง ไม่สนใจกับอาการดิ้นรนของหญิงสาวแต่อย่างใด มือหนาที่ลูบไล้อยู่บนสีข้างเลื่อนมาเกาะกุมเต้าอวบอิ่มล้นมือ ใบหน้าคมกล่ำแดงไปด้วยอารมณ์ปรารถนา มือใหญ่บีบเคล้นอกอวบอย่างรุนแรง ไม่สนสิ่งใดนอกจากอารมณ์ของความปวดหนึบที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกำยำ“ปล่อยนะ กรี๊ดดดดดด!”ธาริกาผงกศีรษะขึ้นจู่โจมด้วยฟันคมซี่เล็กฝังลงบนไหล่กว้างของเขา แต่ก็ไม่ทำให้เขาสะทกสะท้านแต่อย่างใด เสียงกรีดร้องของเธอดังลั่น แต่ทว่าเขากลับไม่ใส่ใจ มีแต่เพลิงปรารถนาที่ลุกโชนขึ้นมายากจะดับลงปลายลิ้นเขาโลมเลียไปที่ปลายถัน ดูด เม้ม ดุนดันปลายลิ้นรัวละเลงอยู่บนยอดอก ความอัดแน่นอันปวดร้าวทั่วร่างแกร่ง เตรียมพร้อมระเบิด เมื่อมือข้างที
[อีกด้านหนึ่ง(ในเวลาเดียวกัน)] “ห้องนี้คุณยกให้ฉันแล้วนี่คะ”ธาริกามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่กลางห้องใหญ่ “ข้าเข้ามาเพื่อที่จะคุยกับเจ้าเท่านั้น”เอาเข้าจริงๆ เวลาเจอหน้าเธอแล้ว อิลยาสกลับพูดไม่ออก อุตส่าห์วางแผนกับพี่ชายของเขา และเขาจะต้องทำแบบเดียวกับที่พี่ชายเขาบอก “ฉันไม่มีเรื่องอะไรที่จะคุยกับคุณแล้วค่ะ”ธาริกาไม่เข้าใจในตัวของชายหนุ่มเลย ว่าทำไมเขาถึงยังไม่จบเรื่องนี้ซะที เขาน่าจะดีใจด้วยซ้ำที่เธอไม่เอาความ และไม่วุ่นวายกับเขาอีก “เจ้านั่งลงเถิด ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”อิลยาสมองร่างบางที่กำลังยืนในท่าเตรียมพร้อมวิ่งอยู่ข้างโซฟาใหญ่ นี่เขาจะเริ่มต้นเจรจากับเธออย่างไรดี “โอเค...ถ้าคุณทำฉันอีกล่ะก็ รอบนี้คุณอาจจะสิ้นชีพแน่นอน...คอยดู”ร่างบางขู่ฟ่อพร้อมกับทิ้งร่างบางลงบนโซฟานุ่ม “แผลเก่าข้ายังไม่หาย ข้าคงไม่คิดที่จะสร้างแผลใหม่หรอกนะ”อิลยาสอดครวญนึกถึงบาดแผลที่เกิดจากฝีมือของเธอ ทั้งกัดและโดนทึ้งทุบจนเป็นรอยไปตามร่างกายและศีรษะบวมปูด “อืม...รู้ไว้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่กล้าทำอีก มีอะไรว่ามาเลยค่ะ ฉันจะนอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่
ชีคหนุ่มเอ่ยคำหวานเว้าวอนหญิงสาว มือเขาปลดชุดยาวบางเบานั้นออกจากร่างอวบอิ่มอย่างเบามือ ไร้การต้านทานจากหญิงสาว ใบหน้าหวานแดงกล่ำ หลบสายตาคมกริบอย่างเอียงอาย “ค่ะ...” เสียงตอบรับปนหายใจหอบแรงระรัว กายสาวเบียดเข้ากับร่างกำยำ แสดงให้ชายหนุ่มรับรู้ว่าเธอยินยอมพร้อมใจ ยอมศิโรราบแก่เขาแล้ว รินลดาไม่อาจปฏิเสธสิ่งนี้ได้อีกต่อไป เพราะความปรารถนาที่ก่อขึ้นในกายสาวขดม้วนวนอยู่ตรงช่องท้องของเธอ ผีเสื้อนับล้านตัวบินร่อนไปมา กระแสความอบอุ่นไหลวนอยู่ในใจ... “โอวว์...” เสียงทุ้มแหบพร่าดังขึ้น ดวงตาคมเข้มคู่นั้นเจิดจ้าเต็มไปด้วยประกายแห่งความรักใคร่ อารมณ์ของชีคหนุ่มกระเพื่อมไหวเพราะคนตรงหน้า ร่างเล็กสมส่วนปรากฎแก่สายตาของชายหนุ่ม ผิวของเธอช่างเนียนละเอียดดุจแพรไหม สองเต้าอวบอิ่มขาวโพลนที่มีเม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อพุ่งชูชันรอรับความร้อนจากริมฝีปากชายหนุ่ม ชีคหนุ่มไม่รอช้าใช้ปากร้อนดูดงับเม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อ นั้นไว้ในปากอย่างหิวกระหาย ลิ้นใหญ่ดุนดันดูดเม้ม สลับไปมา มืออีกข้างหนึ่งเคล้นคลึงอกอวบอิ่มอย่างหนักหน่วง “อ๊ะ!!!” เสียงครางเบาๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากบาง มื
“ข้าไม่อยากบังคับเจ้าหรอกนะ เพียงแต่ข้าอยากขอให้เจ้าใจเย็นรับฟังข้าก่อน...ข้ารู้ว่ามันเร็วเกินที่เจ้าจะตั้งตัวได้ทัน แต่ข้าก็อยากจะบอกให้เจ้ารู้ไว้...ว่าข้าพร้อมที่จะไปกับเจ้าเพื่อไปหาแม่ของเจ้า...ขอเจ้าแต่งงาน...” “...” รินลดานิ่ง เธอจนมุมกับเรื่องทุกอย่างที่เขาเอ่ยมา สิ่งที่เธอสูญเสียไปมันไม่สามารถที่จะเรียกคืนกลับมาได้อีกแล้ว เธอจะเชื่อใจเขาได้หรือเปล่า เขาจะรักและดูแลเธอไปตลอดชีวิตอย่างที่เขาบอกกับเธอมั้ย...รินลดาจะตัดสินใจอย่างไรดี “เจ้าเงียบ...สำหรับข้ามันคือคำตอบ เอาเป็นว่าเจ้าจะอยู่กับข้าที่นี่ก่อน แล้วเราค่อยกลับประเทศของเจ้าไปด้วยกัน”คาริสยืนขึ้นเต็มความสูง พร้อมกับเดินไปยังห้องอาบน้ำทันที โดยไม่รอคำตอบจากหญิงสาว ปล่อยเวลาให้เธอทบทวนสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง คาริสพูดไปหมดทุกอย่าง เขาพยายามใจเย็น และไม่อยากที่จะบังคับเธอเลย แต่ถ้าเธอเองยังคงดื้อดึงต่อ คาริสก็คงจะต้องใช้วิธีอื่นต่อไป “...” รินลดามองร่างสูงเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ สิ่งที่เขาพูดมานั้นมีเหตุและผลทุกอย่าง รินลดาจะลองเสี่ยงกับเรื่องนี้ดูไหม? ถ้าเขาคิดที่จะจริงจังอย่างที่เขาพูดจริงๆ รินลดาก็พ
“แล้วท่านพี่จะทำอย่างไรขอรับ”อิลยาสไม่คิดว่าตัวเองจะต้องตกที่นั่งเดียวกับพี่ชายของเขาเลยตอนนี้ “พี่ชอบนาง...ถูกใจนางตั้งแต่พี่เจอครั้งแรกแล้ว...”คาริสอดรำพึงนึกถึงวันที่เธอนั้นเดินอยู่บนเวที ความงดงามเย้ายวนของ เธอมีเสน่ห์ตรึงใจเขาเหลือเกิน ‘คาริสจะทำอย่างไร...ที่จะได้ครอบครองเธอทั้งร่างกายและจิตใจ’ “นางเองก็ไม่ได้สนใจท่านพี่นี่ขอรับ...ตอนนี้เพื่อนของนางมาแล้ว...นางทั้งสองคงจะกลับไปพร้อมกับเพื่อนของนางนะขอรับ...แต่จะมีเพื่อนของนางอีกคน ที่จะอยู่กับท่านพี่ฮาซีฟ นางผู้นั้นช่างแปลกนะขอรับ ทำไมนางไม่คิดที่จะกลับไปประเทศของนาง” “เห็นว่าท่านพี่ฮาซีฟจะแต่งงานกับนาง...ท่านพี่คงคิดที่จะจริงจังกับนางแล้ว...” “และเรื่องของท่านพี่จะทำอย่างไรต่อไปขอรับ...” “%#@!&*$##@” คาริสกระซิบข้างหูน้องชาย “จริงหรือขอรับ!!!” “อืม...ถ้าเจ้าไม่ทำคืนนี้...พรุ่งนี้เจ้าอาจจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป...อิลยาสน้องพี่”คาริสนึกถึงแผนการบางอย่างที่เขาบอกน้องชายเขา ‘เธอจะหนีไปจากเขาได้อย่างไรกัน...เมื่อเขายังไม่อนุญาต!!’ “เอ่อ...ท่านพี่แน่ใจนะขอร
“ปรางยังดวงดีอยู่ค่ะเจ้ อีกอย่างปรางรักเมืองไทยค่ะ” “ข้าวกับนับดาวเราคุยกันแล้วค่ะ ว่าพวกเราจะกลับพร้อมกับเจ้เลยค่ะ”รินลดายังคงยืนยันคำเดิม และไม่สนใจว่าเขาจะคิดเช่นไรกับเรื่องนี้ “อืม...ไหนๆ ก็พูดมาแล้ว เจ้ก็อยากจะคุยกับข้าวและ นับดาวสักหน่อย ถึงเรื่องของหล่อนสองคน” “เจ้เปิดพอดี ปรางก็อยากจะคุยกับน้องอยู่เหมือนกันค่ะ” “อย่าบอกนะว่าพี่ปรางจะไม่ให้นับดาวกับข้าวกลับด้วย” “ใจเย็นๆ ก่อนนะนับดาว ข้าวฟ่าง ฟังเจ้ให้ดีๆ และคิดตามด้วยเหตุและผลนะ...เจ้แนะนำให้หนูสองคนลองพิจารณาตัวเองให้รอบคอบนะ และอยากให้หนูให้โอกาสคุณคาริสและคุณอิลยาส เจ้ว่าเขาสองคนเป็นสุภาพบุรุษเต็มตัวเลยนะ ที่รับผิดชอบเราสองคน” “แต่ข้าวไม่ต้องการค่ะเจ้ ข้าวอยากกลับบ้าน ที่นี่ไม่ใช่บ้านของข้าว...อาหารการกิน วัฒนธรรม ภาษาไม่เหมือนกับที่บ้านของเรานะคะเจ้” “ใช่ค่ะเจ้...นับดาวก็เหมือนกัน ไหนจะพ่อกับแม่ที่ห่วงพวกเราอีกนะคะ สิ่งที่เราสองคนเสียไป เราถือว่ามันคืออุบัติเหตุค่ะ ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรแล้ว พอเรากลับไปพวกเขาก็ลืม และเราก็จะลืมเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ”