หน้าหลัก / รักโบราณ / นอกบทนางร้าย / บทที่ 5 พยานปากสำคัญผู้เป็นปริศนา

แชร์

บทที่ 5 พยานปากสำคัญผู้เป็นปริศนา

ผู้เขียน: เทียนสื่อ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-09 12:00:18

จากที่คิดว่าปัญหาเล็กน้อยก็ตาลปัตรเป็นเรื่องราวใหญ่โต เฉินอิ้งถงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่กลางห้องโถงท่ามกลางสายตาของผู้คนนับร้อย ฝานฟ่านกระฟัดกระเฟียดเพราะไม่พอใจที่บิดากล้าตบเขาต่อหน้าคนหมู่มาก

“ท่านพ่อ ท่านต้องจัดการนางให้ข้า”

“เจ้าทำผิดยังไม่รู้จักสำนึก หุบปากของเจ้าไปซะ หากวันนี้ข้ามาไม่ทันเจ้ารู้หรือไม่ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร”

“ก็แค่ผู้หญิงชั้นต่ำ นางกล้ามาทำร้ายข้า ท่านยัดเงินให้เจ้าหน้าที่ไปก็จบ”

“หุบปากของเจ้าไปเสียเรื่องนี้ข้าจัดการเอง”

เฉินอิ้งถงมองสองพ่อลูกตาขวาง เพราะขนมที่กินเข้าไปไม่เพียงเพิ่มพละกำลังทั้งยังทำให้นางหูดีมากด้วย กระทั่งเสียงกระซิบของพวกเขานางยังได้ยินชัดเจน

“นายท่านพวกเขาคิดเล่นสกปรกเจ้าค่ะ” เสียงเล็กกระซิบจากเหนือศีรษะ

“ข้าได้ยินแล้ว”

เจ้าหน้าที่นายหนึ่งวิ่งไปยังเบื้องหลังของผู้ว่าความ เขากระซิบข้างหูเสียงเบาหวิว

“นายท่านฝานบอกว่าให้รีบจบเรื่องนี้โดยเร็วขอรับ”

เจ้าหน้าที่วัยกลางคนพยักหน้า เขาหลุบเปลือกตามองบางอย่างที่ถูกยัดใส่ฝ่ามือก็ยิ้มมุมปาก จากนั้นย้ายสายตาไปยังฝานหงจื้อ ทั้งสองสบตากันพร้อมกับพยักหน้าบางเบา

“แม่นางน้อย เจ้าบอกว่าคุณชายน้อยฝานข่มเหงเจ้า ไม่ทราบว่าเจ้ามีหลักฐานหรือไม่”

เฉินอิ้งถงแค่นยิ้ม ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใดก็ล้วนมีพวกปลิงดูดเลือดมักใช้อำนาจข่มเหงในทางมิชอบเช่นนี้เสมอ หนำซ้ำยังคิดเล่นสกปรกหวังโยนความผิดให้ผู้ถูกกระทำเป็นแพะรับบาปไม่ละอายฟ้าดิน 

“มีแน่นอน ทุกคนที่นี่เห็นกันหมดว่าข้าถูกเขารังแกอย่างไร” เฉินอิ้งถงกวาดตามองชาวบ้านโดยรอบ ทว่าทุกคนกลับเลือกหลบตานางไปเสียอย่างนั้น

คิ้วสวยขมวดแน่น 

“ไหนหลักฐานของเจ้า ข้าไม่เห็นจะมีผู้ใดออกมาเป็นพยานให้สักคน” ฝานฟ่านยิ้มเยาะ เขาเอ่ยต่อ “เจ้าเป็นหญิงต้มตุ๋นคงคิดรีดไถเอาเงินจากข้ากระมัง เพราะเห็นว่าข้าหล่อเหลาแต่งกายดูดีใช่หรือไม่”

เฉินอิ้งถงกัดฟันกรอด ในเมื่อไม่อาจพึ่งพาผู้อื่นได้ เช่นนั้นนางก็ต้องเอาตัวรอดด้วยสมองและสองมือของตนเอง “คุณชายฝานช่างพูดให้ตนเองสูงส่งเสียจริง หากข้าคิดทำเช่นนั้นก็คงไปเป็นฮูหยินของท่านตั้งแต่ท่านออกปากเชื้อเชิญไม่ดีกว่าหรือ”

ฝานฟ่านหน้าเสีย เอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่น “ขะ…ข้าไม่ได้พูดเสียหน่อย เป็นเจ้าที่อยากเสนอตัวมาให้ข้าเอง ใช่หรือไม่” ประโยคสุดท้ายยังไม่ลืมเหลียวไปหาแนวร่วมจากบ่าวรับใช้ของตน

“ใช่ขอรับ” ชายหนุ่มทั้งสองพยักหน้าผสมโรงอย่างสุดกำลัง

เฉินอิ้งถงอยากถ่มน้ำลายรดหน้าพวกเดนนรกนี่นัก กระทั่งวาจาสุนัขที่พ่นออกมาเองยังไม่กล้ายอมรับ “พวกเดียวกันก็ต้องเห็นพ้องอยู่แล้ว คนเราสามารถโกหกได้เสมอเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนต้องการมิใช่หรือ”

“แม่นางใจเย็นก่อนเถิด เดิมทีเรื่องนี้ก็ไร้หลักฐาน เกรงว่าคงเป็นการเข้าใจผิด เพราะคำพูดของเจ้าผู้เดียวก็ไร้น้ำหนัก อย่างไรเสียล้วนเป็นคนอำเภอเดียวกันให้ถือว่าเป็นการทะเลาะวิวาท แต่ว่าเจ้าเป็นฝ่ายทำร้ายคุณชายน้อยฝานจนได้รับบาดเจ็บ อย่างไรข้าคงต้องตัดสินไปตามที่มีหลักฐานชี้ชัด”

เฉินอิ้งถงหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ตาเฒ่านี่เอาตาล่างมองหรือว่านางเป็นฝ่ายทำร้ายหมอนั่นฝ่ายเดียว “ท่านอายุมากจนตาฝ้าฟางแล้วกระมัง จึงเห็นถูกเป็นผิดเห็นกงจักรเป็นดอกบัว”

ปัง!

เสียงค้อนไม้เคาะลงโต๊ะพิพากษาอย่างเดือดดาล “แม่นางน้อยผู้นี้มาจากหมู่บ้านใดกันเล่า ไยจึงปากกล้าเช่นนี้ เจ้าไม่รู้หรือว่ายามอยู่ต่อหน้าศาลและการไต่สวนต้องทำตัวเช่นไร อย่างนั้นเจ้าก็ต้องรับโทษที่ทำร้ายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งยังดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ว่าความ ลงทัณฑ์นางโดยการหนีบนิ้ว!”

บรรดาคนมุงประสานเสียงฮือฮา บางคนไม่รู้ต้นสายปลายเหตุทว่าเห็นสภาพฝานฟ่านที่ดูไม่จืดก็ตาลปัตรเห็นดำเป็นขาว โดยเฉพาะเหล่าบุรุษที่คิดว่าตนเองยิ่งใหญ่คับฟ้าอยู่เหนือกว่าสตรีทั้งปวง

มิหนำซ้ำคนที่เห็นเหตุการณ์ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าสอด เพราะถึงอย่างไรสกุลฝานก็มีอิทธิพลอย่างมากในอำเภอฉีหลิน หากเผลอไปกระตุกหนวดเสือเข้า เกรงว่าครอบครัวของตนอาจเดือดร้อนไปด้วย

“นี่หรือศาลผู้ชอบธรรม ใช้อารมณ์ในการตัดสินอย่างเห็นได้ชัด ทำเช่นนี้ไม่ตัดนิ้วข้าไปด้วยเสียเลย ข้าจะได้ส่งนิ้วไปที่วังหลวง หลังจากนั้นข้าจะไปตีกลองที่นั่นดูสิพวกท่านจะทำเช่นไร เดิมทีคนที่นี่ความเป็นอยู่เหลื่อมล้ำก็ช่างมันเถิด ทว่าเรื่องของความยุติธรรมกลับไม่มีสักกระผีกริ้น”

ฝานฟ่านชี้นิ้วสั่น ๆ “ทุกคนเห็นหรือไม่ สตรีนางนี้ปากคอเราะรายนัก นางทำร้ายข้าจนได้รับบาดเจ็บหลักฐานก็เห็นกันคาตา ตอนที่ขวางขบวนเสด็จเหยียนอ๋องก็เป็นนางที่จงใจลงไปนอนตรงนั้นเอง ข้ามิได้เป็นคนทำ นางเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าปีศาจจิ้งจอก”

เฉินอิ้งถงถอนหายใจ เป้าหมายวันนี้คือการหาเงิน แต่กลับต้องมาเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เจ้าหน้าที่สามนายดาหน้าใกล้เข้ามาพร้อมไม้ไผ่ที่สานเรียงกันเป็นร่อง ไม่ต้องอธิบายก็รู้ได้ว่ามันเป็นเครื่องทรมานที่ใช้สำหรับหนีบนิ้วทั้งสิบ

“นายท่าน ข้าจัดการเจ้าคนปากดีนี้เองเจ้าค่ะ”

พริบตาเสี่ยวฮวาก็ไปโผล่ที่ด้านหลังของฝานฟ่านเท้าน้อย ๆ ถีบไปยังท้ายถอยชายหนุ่มสุดแรง ไม่มีใครสังเกตเห็น ฝานฟ่านกระเด็นออกมานอนพังพาบหน้าติดพื้น

“โอ๊ย!”

ฝานฟ่านเงยหน้าขึ้นก็ต้องผงะ เมื่อเฉินอิ้งถงเขม้นสายตาขึงตึงแผ่ไอสังหารสะท้อนตอบมาที่ตน 

“นายน้อย!”

บ่าวรับใช้ทั้งสองถลันเข้ามามาช่วยประคองร่างฝานฟ่าน

ชายหนุ่มเข่าอ่อนยวบถูกหิ้วปีกจนน่าสังเวช จะก้าวแต่ละทีล้วนลำบากดั่งถูกก้อนศิลาทับเท้า ฝานฟ่านตระหนกสุดขีดเขาพูดจาละล้าละลังดั่งพบเจอผีสาง “หะ หะ… เห็นหรือไม่ ทุกคนเห็นหรือไม่ นางเป็นปีศาจ เมื่อครู่นางทำร้ายข้า”

ท่าทางประหนึ่งเสียสติของฝานฟ่านทำให้คนที่เห็นด้วยเมื่อครู่เริ่มเขว ส่วนฝานหงจื้อถึงขั้นยกมือกุมขมับเพราะอับอาย “รีบลากเจ้าลูกเวรนั่นออกมา!”

“ขอรับ”

ฝานฟ่านเจ็บท้ายทอยจนหน้าเหยเก เขายังพ่นวาจาต่อว่าเฉินอิ้งถงเฉกเช่นคนสติฟั่นเฟือน

“นางเป็นปีศาจ ปีศาจ”

เฉินอิ้งถงจิ๊ปากส่ายหน้าระอิดระอา

เสียงเล็กหัวเราะคิกคักดังขึ้นเหนือศีรษะ “เป็นอย่างไรเจ้าคะนายท่านพอใจหรือไม่”

“เจ้าทำถึงมาก” 

เฉินอิ้งถงผินหน้าไปยังเจ้าหน้าที่ที่เตรียมเข้ารวบตัวนาง เสียงใสตะเบ็งดังก้องไม่คิดยอมแพ้ “เมื่อครู่เขาใส่ร้ายข้า ข้าขอร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ศาล อยู่ ๆ คุณชายฝานผู้นี้ก็ใส่ความว่าข้าเป็นปีศาจ คำกล่าวหาเช่นนี้ข้ารับไม่ได้ ทุกคนก็เห็นกับตาว่าเขาล้มลงมาเอง หนนี้ทุกคนกระจ่างแล้วหรือไม่ว่าวาจาของเขาเชื่อถือมิได้ หากจะหนีบนิ้วของข้า เช่นนั้นก็หนีบปากของคุณชายฝานไปด้วยถึงจะยุติธรรม!” 

คราวนี้ชาวบ้านเริ่มเอนเอียงไปทางเฉินอิ้งถงแล้ว สถานการณ์เมื่อครู่ชี้ชัดว่านางไม่ผิด คนก็นั่งอยู่ตั้งไกล จู่ ๆ ก็ถูกใส่ร้ายว่าเป็นปีศาจ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้วหรือ หากว่ามีคนเข้าใจผิดจริงนั่นหมายถึงชีวิตของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เชียว

“ไม่จริง ข้ามิได้ใส่ร้ายนาง เป็นฝีมือนาง นางนั่นแหละที่ทำข้า ตอนที่ข้าประมือกับนาง พละกำลังของนางอย่างกับกินช้างไปทั้งตัว” ฝานฟ่านเอ่ยไปก็ลูบแขนของตนไปเพราะขนอ่อนมันกำลังตั้งชันไปทั้งร่าง เกิดมายังไม่เคยพบเห็นหญิงสาวที่มีใบหน้าอ่อนหวานทว่าแรงกลับมหาศาลดุจดั่งม้าศึก 

เฉินอิ้งถงกดยิ้มมุมปาก ในที่สุดคนเลวก็เผยธาตุแท้ของตนออกมาจนได้ ไม่เสียแรงที่ตีฝีปากกับเขาอยู่นาน ชาวบ้านโพล่งเสียงอึงอลอีกระลอก และแล้วก็มีผู้ใจกล้าเอ่ยออกมา

“นี่คุณชายน้อยฝานใส่ร้ายสตรีตัวเล็ก ๆ จริงหรือ เมื่อครู่เขายอมรับแล้วว่าตนเองวิวาทกับนางและลงไม้ลงมือจริง เขาเป็นบุรุษแต่อ่อนแอไร้ความสามารถเองจึงโยนความผิดให้นางหรอกรึ” ชาวบ้านเริ่มตะเบ็งเสียงเห็นด้วยจนเกิดจลาจล อย่างน้อย ๆ หากสามารถกำจัดเศษสวะอย่างฝานฟ่านได้ผืนแผ่นดินของอำเภอฉีหลินคงดูสูงขึ้น 

เจ้าหน้าที่ว่าความหน้าเปลี่ยนสี เขาเหลียวมองไปยังฝานหงจื้ออย่างเป็นกังวล นึกไม่ถึงว่าฝานฟ่านจะหลุดพูดมาเอง เกรงว่ากระดานหมากอาจพลิกคว่ำไม่เป็นท่า

ฝานหงจื้อโพล่ง “เงียบ!...ถึงอย่างไรเรื่องที่นางทำร้ายลูกชายข้าก็เป็นความจริง เช่นนั้นย่อมต้องลงโทษนางไปตามเหตุและหลักฐาน นางไม่มีร่องรอยบาดเจ็บแม้แต่ปลายเส้นผม แล้วดูลูกชายของข้ายามนี้แรงมัดไก่ก็แทบไม่เหลือ ทำร้ายคนไม่สนกฎหมายบ้านเมืองจะไม่เข้าสู่ยุคคนเถื่อนรึ”

เสียงอึงอลกริบลงทันควัน หลายคนก้มหน้างุดพลางเบ้ปาก ฝานหงจื้อพ่นคำพูดเสียจนสวยหรูทว่ากลับไม่ดูกมลสันดานของบุตรชายตนเอง 

เจ้าหน้าที่สามนายเดินหน้าต่อหมายควบคุมตัวเฉินอิ้งถง ไม่ทันประชิดร่างหญิงสาวก็มีเสียงทุ้มแว่วมาจากธรณีทางเข้า

“ข้าเป็นพยานให้แม่นางน้อยผู้นี้ได้”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • นอกบทนางร้าย   เวลาของหวาน (ตอนพิเศษ)

    สองปีผันผ่าน ณ แคว้นเป่ยเซี่ย“พี่หญิงเฉิน เป็นอย่างไรบ้างเพคะ ข้าขี่ม้าเก่งหรือไม่” จินม่านม่านกล่าวด้วยแววตาซุกซน“ม่านเอ๋อร์เก่งมาก ฝีมือขี่ม้ายิงธนูของเจ้าบุรุษยังต้องอับอาย”วันนี้จินม่านม่านรบเร้าอยากให้เฉินอิ้งถงออกมาขี่ม้าเป็นเพื่อน ทำให้แม่ลูกอ่อนเช่นนางต้องปลีกตัวจากลูกน้อยชั่วครู่ ส่วนเจ้าตัวน้อยในยามนี้ก็อยู่ในความดูแลของจินชางหลง และเหล่าแม่นมไม่รู้จะวางใจได้หรือไม่ ทั้งจินชางหลงและเฉินอิ้งถงล้วนเป็นพ่อแม่มือใหม่ด้วยกันทั้งคู่ หากเจ้าตัวเล็กลืมตาตื่นแล้วไม่พบหน้านางเกรงว่าต่อให้เป็นแม่นมหรือจินชางหลงเองก็คงเอาไม่ลง“บ่ายคล้อยแล้ว อากาศเริ่มอบอ้าวเรากลับกันเถิด”“ได้เพคะ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะแวะไปหาเจ้าสองแสบด้วยได้หรือไม่”เฉินอิ้งถงยิ้ม “ได้แน่นอน เย็นนี้ม่านเอ๋อร์ก็อยู่ทานสำรับเย็นด้วยกันสิ”จินม่านม่านตาเป็นประกาย “ได้ด้วยหรือเพคะ”“ได้แน่นอน” เฉินอิ้งถงยิ้มทั้งสองเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเรียบร้อยก็มุ่งหน้ากลับไปยังตำหนักจวิ้นอ๋อง ครั้นถึงหน้าตำหนักก็ได้ยินเสียงเหล่านางกำนัลและแม่นมโหวกเหวกกันจ้าละหวั

  • นอกบทนางร้าย   บทที่ 54 เพียงพอแล้ว

    “ท่านแม่นางเด็กเหลือขอนั่นจะกลับบ้านเหตุใดท่านพ่อจะต้องจัดเตรียมโน่นนี่ให้ลำบาก เงินทองที่นางทิ้งเอาไว้ก็ไม่ให้เราแตะสักอีกแปะ ทำราวกับว่าตนเองเป็นองค์หญิง ไปแล้วก็ยังมีหน้าอยากกลับมาที่นี่อีกหรือ” เฉินจิงเบ้ปากตั้งแต่นางลอบติดตามเฉินอิ้งถงไม่สำเร็จก็หอบสภาพสุดสังเวชกลับมาบ้าน เฉินจิงเข็ดขยาดเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเคียดแค้นที่เฉินอิ้งถงกล้าทิ้งนางเอาไว้กลางทาง“ข้าจะไปรู้รึ พ่อของเจ้าไม่บอกอะไรเลย บอกเพียงให้เราปฏิบัติกับนางดี ๆ”“จะทำดีกับนางเพื่อสิ่งใด ท่านก็เห็นแล้วคราวก่อนอุตส่าห์พูดดีด้วยสมบัติพะเนินเป็นภูเขายังไม่คิดจะเจียดให้เราใช้ ชิ” เฉินจิงกระฟัดกระเฟียด คอยดูเถิดหากเฉินอิ้งถงมาถึง นางจะไล่ตะเพิดเยี่ยงหมูเยี่ยงสุนัขรถม้าขนาดกลางมาจอดที่หน้าจวนสกุลเฉิน เฉินจิงเบ้ปากไม่สบอารมณ์ “ข้าก็คิดว่านางไปได้ดิบได้ดีอันใด ดูสิเจ้าคะท่านแม่รถม้าเล็กกระจ้อยร่อย ยังจะมีหน้าให้ท่านพ่อจัดเตรียมห้องหับอย่างดี ข้าอยากจะเห็นนักว่ากลับมาหนนี้นางจะหอบความลำบากใดมาอีก”เฉินจิ้นซงได้ยินเสียงก็วางมือจากงานตรงหน้า เขารุดเข้ามาต้อนรับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “ถงเอ๋อร์”

  • นอกบทนางร้าย   บทที่ 53 โจทก์เก่า

    สามวันสามคืนหลังจากอภิเษกเข้ามาเป็นพระชายา เฉินอิ้งถงแทบไม่ได้พักร่าง วันยกน้ำชาทั้งไทเฮาและไท่เฟยก็รบเร้าให้นางเร่งมีทายาท หลานชายก็แสนเชื่อฟังตั้งแต่หายจากอาการป่วยก็ใช้งานตัวเองไม่คิดถนอม“ที่แท้ท่านก็รู้เรื่องราวของหม่อมฉันหมดแล้ว นางไปหาพระองค์แต่เหตุใดไม่เคยปรากฏตัวให้หม่อมฉันเห็นเลย”“คงเพราะเจ้าไม่ได้มีความหวาดกลัวเช่นข้า นางจึงมิอาจพบเจ้าได้ เรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ข้าก็ไม่เคยฝันถึงนางอีก”“เช่นนี้เองหรือ อันที่จริงนางน่าเห็นใจมากนะเพคะ บางทีอาจเป็นหม่อมฉันที่ช่วงชิงชีวิตมาจากนาง”จินชางหลงยกมือปิดปากคนในอ้อมแขน “เจ้าอย่าพูดเหลวไหล นี่คือชะตาของนางและเจ้า มันควรเป็นเช่นนี้ จำเอาไว้เจ้ามิได้ช่วงชิงชีวิตผู้ใดมาทั้งสิ้น และไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครมาจากมิติใดข้าก็รักเจ้าที่สุด”เฉินอิ้งถงยิ้ม แววตาคู่สวยระริกไหว “เพคะ เชื่อท่านหม่อมฉันไม่พูดแล้ว ขอบคุณท่านที่เข้าใจและขอบคุณที่เป็นบุพเพของหม่อมฉันนะเพคะ”จินชางหลงยิ้มตอบ เขาโน้มจุมพิตลงบนหน้าผากหญิงสาวอย่างทะนุถนอม “ข้าเองก็ขอบคุณเจ้า หากไม่มีเจ้าก็ไม่มีข้าจนถึงตอนนี้”“คืนนี้บรรทมเถิดเ

  • นอกบทนางร้าย   บทที่ 52 ของขวัญจากเจ้าภูติน้อย

    พิธีมงคลผ่านไปอย่างราบรื่น สตรีร่างระหงนั่งตัวตรงภายใต้ม่านมุ้งสีชาด มือเรียวประสานกันไว้พลางบีบแน่น เดิมทีเฉินอิ้งถงคิดว่าตนจะไม่ประหม่าและเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์นี้ไว้เป็นอย่างดี ทว่าเมื่อถึงเวลาจริง ๆ นางกลับรู้สึกว่าความเป็นจริงและสิ่งที่คิดช่างแตกต่างกันลิบลับ“นายท่าน การแต่งงานต้องประหม่าเช่นนี้เชียวหรือเจ้าคะ”“เจ้าจะไปรู้อะไร ไม่เช่นนั้นหากเจ้าโตขึ้นก็ลองแต่งงานดูสิ”“น่าเสียดายที่เสี่ยวฮวาโตได้แค่นี้เจ้าค่ะ”เฉินอิ้งถงมันเขี้ยวมือเรียวเขี่ยปลายจมูกเล็กเบา ๆ เสี่ยวฮวาหัวเราะคิกคักเพราะรู้สึกจั้กจี้ “นายท่านอย่ารังแกข้าสิเจ้าคะ อ้อ…จริงด้วย ในงานเสี่ยวฮวาแอบเห็นว่ามีผู้คนมอบของขวัญวันแต่งงานให้นายท่านและท่านอ๋องเยอะแยะเลย”“เจ้าอยากได้บ้างหรือ”เสี่ยวฮวาลอยโฉบไปมาอารมณ์ดี “เปล่าสักหน่อย เสี่ยวฮวาก็แค่กำลังคิดว่าจะให้ของขวัญใดกับนายท่านและท่านอ๋องดีเจ้าค่ะ”“เจ้ายังต้องให้สิ่งใดข้าอีก ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็มากพอแล้ว ขอบคุณนะเสี่ยวฮวาฮวา” เฉินอิ้งถงยิ้มปลื้มปริ่ม หากนางไม่บังเอิญได้พบกับเจ้าภูติตัวน้อย ไม่รู้ว่าการเล่นนอกบทนาง

  • นอกบทนางร้าย   บทที่ 51 ปีศาจราคะครอบงำ

    “กุ้ยเฟยเพคะ”มือเรียววางถ้วยชาในมือลงแช่มช้า “มาแล้วหรือ”“ถวายพระพรกุ้ยเฟยเพคะ” เฉินอิ้งถงประหม่า นางยังไม่เคยสนทนาและอยู่กับเสิ่นกุ้ยเฟยตามลำพังเช่นนี้มาก่อนใบหน้างดงามรับกับท่าทีสูงสง่าดุจนางพญาทว่าแววตากลับเจือไปด้วยความอ่อนโยนนี่น่ะหรือมารดาที่ไม่แยแสโอรสตนเอง!“เจ้ามาตรงนี้สิ”เฉินอิ้งถงขาแข็งไม่กล้าขยับ นางจะริอ่านนั่งเทียบเคียงพระสนมเอกได้อย่างไร “เอ่อ…”“เป็นท่านหญิงแล้วจึงไม่เชื่อฟังใครงั้นหรือ”เฉินอิ้งถงเร่งคุกเข่า “หามิได้เพคะ เพียงแต่ที่ตรงนั้นหม่อมฉันมิอาจนั่งเทียบเคียงท่านได้”เฉินอิ้งถงอยากตบปากตนเองนัก เมื่อคืนกล่าวเรื่องคุณค่าของคนให้ซูซูฟังเสียดิบดี ทว่ายามนี้นางกลับตกม้าตายเสียเองเสิ่นเพ่ยเหราขบขัน “เจ้าลุกขึ้นเถิด ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้าไม่กี่ประโยค นั่งห่างกันมากเกินไปเกรงว่าข้าคงต้องตะโกนจนเจ็บคอ”“เพคะ”เฉินอิ้งถงจำใจย้ายร่างไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับเสิ่นกุ้ยเฟย นางกำนัลรินชาส่งให้นาง“เจ้าชอบหลงเอ๋อร์หรือไม่”เฉินอิ้งถงที่ตั้งใจจิบชาให้คอโล่งแทบสำลัก เรื่อ

  • นอกบทนางร้าย   บทที่ 50 วันต้องห้าม

    เฉินอิ้งถงทอดสายตามองสีหน้าของตนผ่านคันฉ่อง ตั้งแต่เกิดเหตุวุ่นวายในท้องพระโรงหนนั้น ก็ร่วมสองสัปดาห์แล้วที่จินชางหลงเงียบหายไปไม่แม้แต่ปรากฏตัวส่วนนางเองก็ถูกทั้งไทเฮาและไท่เฟยเรียกเข้าเฝ้าจนบางคราต้องค้างที่วังหลวง นั่นเพราะนางจะต้องเข้ารับการขัดเกลามารยาทจากมามาก่อนเข้าพิธีอภิเษกวันใดที่กลับมาบ้านก็ประหนึ่งวิญญาณหลุดออกจากร่าง ทำได้เพียงทิ้งตัวลงและก็ม่อยหลับไป วันนี้ได้โอกาสหยุดพักผ่อนตั้งหนึ่งวันจึงมีเวลาพบหน้าซูซูจริงจังเสียที“คุณหนู ท่านไปเสียนานบ่าวคิดถึงคุณหนูมาก อยู่ที่แดนเหนือลำบากหรือไม่เจ้าคะ” ซูซูหวีผมนุ่มสลวยดำขลับดุจสีน้ำหมึกด้วยความแผ่วเบา“ข้าไม่ได้รับความลำบากใด อีกอย่างข้าอยู่ที่นั่นยังได้รู้จักคนผู้หนึ่ง นางคล้ายเจ้ามากทีเดียว” เฉินอิ้งถงยิ้ม“น่าอิจฉานางที่ได้ช่วยคุณหนูทำประโยชน์ ทว่าบ่าว…”“อาซู เจ้านี่ขี้น้อยใจจริง ข้าก็กลับมาแล้วนี่อย่างไร”ซูซูทำท่าจะร้องไห้ “แต่อีกไม่นานคุณหนูก็ต้องอภิเษกแล้ว เช่นนั้นบ่าวจะได้ติดตามคุณหนูเข้าวังหรือไม่เจ้าคะ”“ข้าไม่ทอดทิ้งเจ้าแน่นอน วันพรุ่งนี้ไท

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status