เข้าสู่ระบบแม้แผ่นหลังของหงเหม่ยหลงจะเย็นเฉียบเพราะถูกบุรุษผู้หนึ่งจัดท่าให้นั่งพิงกับผนังถ้ำ แต่ด้านหน้าของนางกลับอบอุ่น เพราะเปลวไฟที่กำลังคุโชน
เขากำลังก่อไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตัวเขาเองและตัวนาง
แม้นตอนที่นางสติเลือนลางอยู่นั้น นางก็ยังสัมผัสได้ถึงเลือดอุ่นๆที่ไหลออกจากปากแผลของธนูนั่น
นางอยู่บนไหล่ข้างหนึ่งของเขา
เนื้อตัวของเขามีบาดแผลหลายแห่ง
ทั้งยังมีธนูปักอยู่กลางหลัง
แต่เขาก็ยังแบกนางมาด้วย
ที่จริงแล้ว ถ้าเขาทิ้งนางไว้ที่ริมแม่น้ำก็คงไม่เป็นไร
แต่เขาก็ยังพยายาม พานางมาด้วย
ทั้งๆที่ เขาบาดเจ็บสาหัสปานนั้น
“ถ้าทิ้งเจ้าไว้ที่เดิม เกรงว่าคนพวกนั้นฟื้นขึ้นมา เจ้าคงไม่รอด” เหมือนเขาเดาความคิดของนางออก จึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย เย็นชา ใบหน้าไร้อารมณ์
หงเหม่ยหลงลืมตาขึ้นอีกครั้งในจังหวะเดียวกับที่เขาหันหน้ามา
หญิงสาวถึงกับตะลังงันกับบุรุษตรงหน้าเมื่อได้มองเขาอย่างเต็มตา
ใบหน้าของชายหนุ่มแม้จะมอมแมมเต็มไปด้วยฝุ่นดิน เพราะผ่านการต่อสู้มาอย่างดุเดือด แต่ก็ยังคงความหล่อเหลาคมคายดูมีเสน่ห์ของบุรุษเพศเป็นอย่างยิ่ง
หงเหม่ยหลงเพียงเหม่อมองบุรุษตรงหน้าอย่างเผลอไผล
นางไม่เคยพบเจอบุรุษที่มีใบหน้างดงามปานเทพเซียนเช่นนี้มาก่อน
อันที่จริงนางก็สะดุดตากับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาตั้งแต่ที่ริมแม่น้ำแล้ว แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไร เพราะเหตุการณ์ที่ริมแม่น้ำทำให้นางไม่มีเวลาคิดสิ่งอื่นใด
ที่ๆนางจากมา สำนักหมื่นโลกันตร์ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีบุรุษเพศ แต่ที่นั่นมีแต่บุรุษเพศที่หน้าตาโหดเหี้ยมดุดัน
โดยเฉพาะผู้เป็นบิดาของนาง นับได้ว่าหน้าเหี้ยมกว่าผู้ใด
แม้จะมีบางคนที่หน้าตาจัดได้ว่าหล่อเหลา แต่ก็ไม่มีใครเลยที่จะรูปงามเท่าบุรุษตรงหน้าของนางยามนี้ มิรู้ได้ว่าทำไม นางถึง...
“จะจ้องข้าอีกนานหรือไม่” เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นอย่างเย็นชาเช่นเดิม แม้สายตาจะไม่ได้มองมาทางนาง
เขาเป็นองค์ชายของราชวงศ์ปัจจุบัน มีใบหน้าหล่อเหลาเป็นที่เลื่องลือ นามว่า หลี่ซ่งหมิน
เขามิได้แปลกใจอันใดเลยที่มักจะมีบรรดาอิสตรีมองเขาด้วยความหลงไหล แบบไม่วางตา เยี่ยงนางในยามนี้
เหล่าสตรีล้วนเป็นเช่นนี้เมื่อได้เจอะเจอกับเขา
ซึ่งเขาก็มิได้คิดที่จะสนใจอันใดกับสายตาเหม่อมองคล้ายหลงใหลเพียงแรกเห็นอย่างนั้น
เสียงของชายหนุ่มดึงหงเหม่ยหลงที่กำลังเหม่อมองเขาให้ออกจากภวังค์ในทันที
“อ้อ” นางร้องออกมาแค่นั้น พร้อมกับกระพริบตาถี่ๆ
“โทษที ข้าไม่เคยพบเจอบุรุษที่ เอ่อ...ดูดีเช่นท่าน...ท่านช่างดูดีหาใครเปรียบ”
น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาแหวกว่ายไปมาอยู่ในลำธาร เพียงไม่นานเหล่ามัจฉาพวกนั้นก็ตกเป็นเหยื่อของบุรุษร่างหนาที่มีกล้ามเป็นมัดๆอย่างง่ายดายหยางเจียนเล่นน้ำไปเหม่อมองช่วงบนลำตัวเปลือยเปล่าที่สมชายชาตรีของอิ้งเจิ้นไปอย่างเพลิดเพลิน ตอนกลางคืนนางมัวแต่หลับหูหลับตาแหงนหน้าอยู่อย่างนั้น จะไปเห็นได้ถ้วนถี่ที่ไหน ฉวยโอกาสสำรวจเขาตอนนี้จะเป็นไรหลายวันที่อยู่กลางป่าใหญ่กับเขานี้ นางทำตัวน่ารังเกียจในทุกๆอย่าง จนตนเองยังรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและเบื่อหน่าย ทั้งยังด่าทอให้เขาพานางกลับไป แต่ก็ไม่เป็นผลในคราแรกนางคิดว่าเขาจะโหดร้ายเหมือนเช่นหน้าตาแต่หลายวันที่อยู่ด้วยกันมากลับเป็นนางเสียเองที่ทำตัวโหดร้ายใส่เขาเขาทั้งอ่อนโยน เอาใจนางสารพัดการกระทำของเขา ช่างผิดกันกับรูปร่างหน้าตาไม่ว่านางจะร้ายใส่เขาอย่างไรสิ่งที่ได้ตอบกลับมาจากเขา มีเพียงรอยยิ้มยิ้มของเขาทำนางตาลายพร่ามัว สองชั่วยามผ่านไป...“เจ้าควรกินเยอะๆ ข้าแกะปลาให้นะ” อิ้งเจิ้นยังคงเอาใจใส่สตรีตรงหน้า เขารู้สึกเพลินเพลินในใจยิ่งนักเมื่ออยู่กับสตรีนางนี้นางเป็นถึงบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่แห่งเมืองหลวง อีกทั้งยังเป็นถึงหลานฮองเฮา
เนื่องจากข่าวการสมรสพระราชทานที่แพร่ออกไปนั้นระบุเป็นเยว่เทียนและหยางเจียน ดังนั้น ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวตัวจริงจึงไม่อาจรั้งอยู่ที่แคว้นหลี่ได้นานทั้งสองจึงจำต้องเดินทางออกจากแคว้นหลี่หลังจากเข้าหอเพียงคืนเดียวโดยมีเพียงบิดาและมารดาของเยว่เทียนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ด้วยกระแสรับสั่งจากฮ่องเต้ที่พลิกสถานการณ์ให้เป็นแบบนี้จึงต้องการให้เรื่องการสมรสพระราชทานนี้เงียบลงโดยเร็วโดยที่ฮองเฮาและบิดาของหยางเจียนก็มิได้ว่ากล่าวทัดทานแต่อย่างใดๆ เนื่องจากทั้งสองพี่น้องตระหนักได้เป็นอย่างดีถึงต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายทั้งหมดว่าล้วนแล้วเกิดจากหยางเจียนบุตรสาวและหลานสาวของพวกตนบ้านหลังงามแห่งหนึ่งท่ามกลางป่าใหญ่หนาทึบไร้ผู้คนอื่นใดเคลื่อนกายพาดผ่าน“หยุด!” เสียงหวานแหลมของหยางเจียนยังคงดังกึกก้องอยู่เหมือนดังเช่นทุกวัน “โกนหนวดก่อน”“เดี๋ยวนี้!”แม้อิ้งเจิ้นจะยังคงชื่นชอบเสียงหวานกังวานของสตรีนางนี้ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่านางจะอะไรกันหนักกันหนากับหนวดของเขา“ข้าโกนไปแล้วเมื่อสามวันก่อน” อิ้งเจิ้นกล่าวอย่างหงุดหงิดเพราะเขาชอบไว้หนวดยิ่งนัก แต่ต้องตัดใจโกนทิ้งไปเพราะสตรีตรงหน้า“สามวันก่อน”
“ไม่ต้องกลัว” ชายหนุ่มยังคงกระซิบกระซาบบอกกล่าวขณะเอื้อมมือเรียวยาวของตนขึ้นปลดอาภรณ์สีแดงสดออกจากเรือนร่างของหญิงสาวอย่างใจเย็นเขาเพียงมอบจุมพิตให้นางอย่างนุ่มนวลขณะที่มือของเขากำลังปลดอาภรณ์ของนางออกจากตัวทีละชิ้นนางเพียงหลับตาพริ้มปล่อยให้เขาได้บรรจงจูบนางอย่างต่อเนื่องเวลาผ่านไปเพียงอึดใจ หลิวฉวนหยู่ร์พลันรู้สึกเย็นเฉียบที่แผ่นหลังเมื่อเยว่เทียนอุ้มร่างเปลือยเปล่าของนางมาจากเก้าอี้ แล้ววางนางลงบนเตียงนอนอย่างแผ่วเบา ในขณะที่ริมฝีปากของเขายังคงจูบนางอย่างนุ่มนวลตลอดเวลา“อา...ท่าน” หญิงสาวเริ่มส่งเสียงครวญครางเมื่อรู้สึกได้ถึงร่างเปลือยเปล่าอุ่นร้อนของชายหนุ่มที่กำลังเคลื่อนตัวทาบทับลงมาบนเรือนร่างของนาง“ข้าจะอ่อนโยน...ไม่ต้องกลัว” เขากระซิบบอกกล่าวแก่นางให้นางคลายใจก่อนจะค่อยๆพรมจูบนางอย่างใจเย็นไปทั่วเรือนกายเขาใช้ริมฝีปากอุ่นชื้นของเขาไล้ปลายลิ้นสัมผัสแผ่วเบาไปตามเนื้อนวลนางอย่างละเลียดละไมไปเรื่อยๆตั้งแต่ลำคอระหงลงมาที่เนินอกอวบนูนก่อนหยุดขบเม้มเบาๆที่ยอดปทุมถันชูช่องามเด่นและตรงนี้หลิวฉวนหยู่ร์ถึงกับหลุดเสียงครางออกมาเยว่เทียนยังคงกระทำการปรับอารมณ์ให้เจ้าสาวของเขาอย่า
พิธีอันเป็นมงคลสมรสที่เกิดอย่างผิดแผกแปลกไปจากแบบแผนของผู้หลักผู้ใหญ่แต่กลับถูกต้องอย่างมากมายของเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วแม้จะอลังการเมื่อเวลาของการเข้าหอมาถึง เยว่เทียนจึงไม่มีการรีรอตามคำขอของเหล่าเพื่อนพ้องที่ให้รั้งอยู่เพื่อดื่มฉลองแต่อย่างใดเขาต้องรีบเข้าไปขย้ำใครบางคนให้สาแก่ใจฮึ! รอมานาน...ภายในห้องหอที่ประดับประดาไปด้วยม่านมุ้งสีมงคลตามประเพณีพิธีกรรมภายในนั้นมีเจ้าสาวในชุดสีแดงสดนั่งอยู่ด้วยความสงบนิ่งไม่ไหวติงใดๆเพียงไม่นานเสียงปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนาพลันดังขึ้นอยู่ทางด้านหลังของเจ้าสาวที่ยังคงนั่งอยู่ด้วยผ้าสีมงคลปกคลุมใบหน้าเพื่อรอใครบางคนมาเปิดให้ตามประเพณีเจ้าสาวพลันสะดุ้งตกใจ ด้วยเพราะว่ารู้ดีถึงการเข้ามาของเจ้าบ่าวผู้ที่คล้ายกับกลายร่างเป็นเสื้อร้ายไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้เจ้าสาวที่รู้สึกตัวว่าตนเองนั้นคล้ายกับกลายร่างเป็นเพียงลูกแกะตัวน้อยต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อผ้าคลุมสีแดงสดถูกเจ้าบ่าวเปิดออกตามด้วยเครื่องประดับบนศรีษะหลุดตามมือของเขาออกไปอย่างง่ายดาย“พร้อมแล้วหรือไม่” เยว่เทียนในอาภรณ์ของเจ้าบ่าวถามขึ้นด้วยสีหน้าหมายมาดมาทางเจ้าสาวในอาภรณ์สี
หลังจากนั้นเพียงไม่นานข่าวการหายตัวไปของหยางเจียนก็รู้ถึงบิดาของหยางเจียนพร้อมด้วยจดหมายฉบับหนึ่งที่ หยางเจียนเขียนทิ้งเอาไว้ ก็ถึงบิดาของนางเช่นกันหยางเจียนได้พบรักแท้แล้วหยางเจียนไม่อาจแต่งงานกับใครอื่นได้อีกลาก่อน...ข่าวของหยางเจียนเหมือนต้องการให้รู้แค่บิดาเพียงเท่านั้น จึงไม่มีใครอื่นล่วงรู้นอกจากบิดาของหยางเจียน เขาจึงตัดสินใจแอบลอบเข้าเฝ้าฮองเฮาผู้เป็นน้องสาวเพื่อช่วยกันคิดหาทางแก้ไข ทั้งสองคนพี่น้องจึงคิดที่จะปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ด้วยเกรงว่าจะทำให้ความน่าเชื่อถือของตระกูลฝั่งฮองเฮาเสื่อมถอยลงไปแต่สมรสพระราชทานก็มีกำหนดออกมาแล้วในอีกไม่นานนี้...ทำอย่างไรดี...ฮองเฮาจึงตัดสินใจแอบแจ้งเรื่องนี้แก่ฮ่องเต้ เพราะพระองค์เป็นเพียงผู้เดียวที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ได้ฮ่องเต้ทรงอยากรักษาฐานอำนาจของฝั่งฮองเฮาเอาไว้จึงไม่อยากมีปัญหากับเรื่องนี้ประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งทรงได้รับจดหมายส่งด่วนจากหลี่ซ่งหมินที่ข่มขู่จะแบ่งแยกดินแดนออกเป็นเอกเทศหากไม่ทำตามความประสงค์ของหลี่ซ่งหมินองค์ฮ่องเต้จึงตัดสินใจแอบเรียกเยว่เทียนเข้าเฝ้าเพื่อถามไถ่ถึงสตรีในดวงใจตามคำขอร้องในจดหมายของหลี่ซ่งหม
“สมรสพระราชทานหรือ?” หลี่ซ่งหมินเลิกคิ้วคมขึ้นสูงขณะเอ่ยกับตนเองหลังอ่านจดหมายที่ส่งตรงมาจากซือเว่ยที่อยู่ในแคว้นหลี่ ในเนื้อหาจดหมายว่าด้วยเรื่องข่าวกำหนดการสมรสพระราชทานระหว่างเยว่เทียนและหยางเจียนในอีกไม่กี่วันข้างหน้าโดยซือเว่ยเป็นผู้ที่รู้สึกทุกข์ร้อนแทนสหายจึงร่อนจดหมายด่วนมาถึงหลี่ซ่งหมินที่อยู่อีกแคว้นหนึ่งในขณะนี้“แล้วหลิวฉวนหยู่ร์เล่า” หงเหม่ยหลงที่อยู่กับหลี่ซ่งหมินในห้องทรงงานถามขึ้นอย่างนึกกังวลในตัวลูกน้องคนสำคัญที่รักใคร่ดั่งสหายสนิท“นางคิดจะไปฆ่าหยางเจียนอยู่ทุกวัน ซือเว่ยและเยว่เทียนช่วยกันห้ามปรามและจับนางมัดเอาไว้” หลี่ซ่งหมินเล่ารายละเอียดในจดหมายให้หญิงสาวฟัง “ตอนนี้เชือกขาดไปหลายเส้นแล้ว”อ่อ!หงเหม่ยหลงนึกภาพออกอย่างชัดเจน“นางใจร้อน คล้ายลูกไฟเคลื่อนที่” หญิงสาวกล่าวขึ้นเมื่อนึกถึงอารมณ์ของหลิวฉวนหยู่ร์ขณะนี้“ข้าควรเร่งให้เสด็จพ่อส่งตัวเยว่เทียนมาช่วยงานข้าทางนี้โดยเร็ว” หลี่ซ่งหมินเอ่ยขึ้นเขานึกห่วงลูกน้องผู้นี้ขึ้นมาเช่นกัน ด้วยรู้ถึงนิสัยร้ายกาจของสตรีอย่างหยางเจียน ความร้ายกาจของนาง ไม่น่าเอ็นดูเท่าไหร่ “ข้าเห็นด้วย มาเถอะ ท่านควรกินอะไรเสียหน่อย งาน







