แชร์

เริ่มต้น

ผู้เขียน: Mumi
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-07 21:48:08

ภายในเรือนใหญ่แห่งตระกูลซู กลิ่นชาดำยังคงกรุ่นกระจายอยู่ทั่วโถงไม้โอ่อ่า แสงแดดยามสายลอดผ่านหน้าต่างไม้ฉลุลาย ละลายเป็นลายเงาลงบนพื้นสะอาดมันวาว ราวกับเส้นทองที่ร่ายรำอยู่ใต้แสงอาทิตย์ บรรยากาศโดยรอบแม้ดูสงบสุข ทว่าแท้จริงกลับเต็มไปด้วยความกดดันที่อัดแน่นจนแทบหายใจไม่ทั่วท้อง

บนตั่งสูงด้านในสุด สวี่ซินเหมยนั่งประทับอยู่ นางสวมอาภรณ์ผ้าแพรสีชมพูอ่อน ปักลายดอกเหมยระยับแวววาว ผิวพรรณที่ทาด้วยแป้งหอมราคาแพงดูราวกับเครื่องเคลือบงดงาม หากแต่แววตาและสีหน้ากลับกรีดเฉือนดุจมีดคม นางยกพัดหยกขึ้นปิดริมฝีปาก แต่สายตากลับจับจ้องไปยังสตรีอีกผู้หนึ่งที่ยืนตรงกลางโถง

“ซูอี้เหม่ย” น้ำเสียงแหลมสูงก้องสะท้อนทั่วห้องโถง “เจ้าหายไปทั้งคืน กลับมาพร้อมเสื้อผ้าเปียกปอน สภาพน่ารังเกียจเช่นนั้น กล้าทำให้ตระกูลนี้ขายหน้าได้อย่างไร!”

ริมฝีปากบางภายใต้พัดหยกขยับพลางสั่นสะท้านด้วยโทสะ เสียงพูดของนางเต็มไปด้วยการกล่าวโทษและการกดข่ม ราวกับต้องการย้ำเตือนทุกคนว่าตนคือภรรยาหลวงผู้ครอบครองอำนาจสูงสุดในเรือน

บิดาของซูอี้เหม่ย นั่งอยู่ข้างๆ เพียงก้มหน้าดื่มชาเงียบๆ มือที่ถือถ้วยชาแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน แต่กลับไม่เปล่งเสียงออกมาแม้แต่ครึ่งคำเพื่อแก้ต่างให้บุตรสาวของตนเอง ท่าทีลังเลนั้นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความอ่อนแอที่สืบต่อมาเนิ่นนาน

ซูอี้เหม่ยยืนนิ่งกลางห้อง ร่างกายบอบบางในอาภรณ์เก่าๆ ที่ยังคงชื้นน้ำเล็กน้อย ผมยาวดำสนิทหล่นระอยู่ข้างแก้ม นางยกริมฝีปากโค้งยกขึ้นเล็กน้อย — หาใช่รอยยิ้มอ่อนโยน แต่เป็นรอยยิ้มเย็นชาแฝงด้วยความท้าทาย

“ขายหน้าอย่างนั้นรึ?” เสียงหวานแว่วออกมาชัดถ้อยชัดคำ “ข้าว่าการที่สตรีผู้หนึ่งมัวแต่ใส่ร้ายลูกเลี้ยง หาเรื่องก่นด่าไม่เว้นแต่ละวันต่างหากเล่า ที่น่าอับอายยิ่งกว่า”

ถ้อยคำเปรียบเสมือนหอกคมที่แทงทะลุใจอีกฝ่ายทันที

สวี่ซินเหมยชะงักไป ดวงหน้าที่ประดับด้วยเครื่องสำอางราคาแพงสั่นระริกไม่อาจควบคุมได้ ความโกรธพุ่งพล่านขึ้นมาจนเส้นเลือดที่ขมับปูดโปน นางกัดฟันกรอด “เจ้ากล้าพูดเช่นนี้กับข้า!”

ซูอี้เหม่ยหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะนั้นไม่ดังนัก แต่กลับดังก้องในหัวใจของทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้น ดวงตาของนางเป็นประกายราวเพลิงไฟซ่อนอยู่ในหมอก “ข้าไม่เพียงแต่จะกล้า… ต่อจากนี้ ข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดเหยียบย่ำอีกแล้ว”

ในห้วงจิตใจของนางพลันสั่นสะท้าน ความโกรธเคืองและความเจ็บปวดที่ร่างเดิมเคยแบกรับมาตลอดกำลังรวมตัวกันกลายเป็นพลังใหม่ สายตาที่เคยพร่ามัวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว บัดนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นประกายคมกริบแกร่งกล้า ราวกับดาบที่เพิ่งถูกชักออกจากฝัก

“ในโลกก่อน ฉันอ่อนแอเกินไป ถูกกดขี่จนไร้เสียงเป็นของตนเอง… แต่ในโลกใหม่นี้ ฉันจะเป็นผู้กำหนดชะตา มิใช่เหยื่ออีกต่อไป” ความคิดดังสะท้อนก้องอยู่ภายในนางเอง

โถงไม้พลันเงียบงันไปชั่วครู่ ราวกับเวลาได้หยุดนิ่ง เสียงเพียงสิ่งเดียวที่ดังขึ้นคือ “เพล้ง!” — พัดหยกในมือของสวี่ซินเหมยหลุดร่วงตกกระทบพื้นแตกหักกระจัดกระจาย

ใบหน้างามที่เคยภาคภูมิของนางตอนนี้เต็มไปด้วยความชิงชังจนบิดเบี้ยว แววตาราวกับจะกลืนกินสตรีตรงหน้า ทว่ากลับไร้ถ้อยคำโต้แย้ง เพราะสิ่งที่ซูอี้เหม่ยพูดนั้นกระแทกสู่ความจริงอันไม่อาจปฏิเสธ

บิดาซึ่งนั่งเงียบมาตลอด เพียงแต่หลบสายตาของทุกคน เขาไม่กล้าสบตากับบุตรสาวที่ยืนอย่างทระนงในเวลานี้ เพราะเขารู้สึกชัดเจน — บุตรสาวในวันนี้หาใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว แววตาของนางแกร่งกล้าเสียจนแม้แต่เขา ผู้เป็นบิดา ยังพลันหวาดหวั่นโดยไม่รู้ตัว

ด้านนอกหน้าต่าง เสียงลมพัดผ่านต้นไผ่ให้เกิดเสียงซู่ซ่า ท่ามกลางแสงแดดอุ่น ชายหนุ่มลึกลับในชุดดำยังคงยืนพิงอยู่ใต้เงาไม้ แววตาคมกริบสะท้อนภาพสตรีผู้ยืนหยัดอย่างองอาจนั้น เขายกยิ้มบางที่มุมปาก ราวกับกำลังเพลิดเพลินกับเหตุการณ์ตรงหน้า

“น่าสนใจ…” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาราวกับคำรำพึงของตนเอง “หญิงสาวผู้นี้ จะนำพาคลื่นพายุลูกใดมาสู่โลกใบนี้กันแน่”

บรรยากาศโดยรอบพลันหนักอึ้ง แสงแดดที่เคยอบอุ่นกลับราวกับแฝงเปลวเพลิงแห่งการเปลี่ยนแปลง ในสายตาของชายหนุ่มปริศนานั้น เขามิได้มองเพียงเด็กสาวผู้หนึ่ง หากแต่มองเห็นเปลวไฟที่จะลุกโหมเผาผลาญความอยุติธรรมทั้งหลาย

เรือนใหญ่กลางชนบทแห่งนี้ ที่เคยเงียบสงบและซ่อนเร้นความขมขื่นอยู่ภายใน กำลังจะเปลี่ยนเป็นเวทีแห่งการต่อสู้ชิงอำนาจ

ซูอี้เหม่ยไม่กล่าวสิ่งใดต่อ เพียงหันกายเดินออกจากโถงไม้ด้วยท่วงท่าสงบสง่า ทุกย่างก้าวของนางประหนึ่งบงการชะตาของตนเองขึ้นมาใหม่ แม้สภาพภายนอกจะยังเป็นบุตรสาวผู้อ่อนแอแห่งตระกูล แต่ดวงวิญญาณที่แท้จริงในกายนี้กลับมิใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว

ขณะที่เสียงก้าวเดินของนางค่อยๆ เลือนหายไป ความเงียบยังคงปกคลุมอยู่ภายในเรือน ทุกผู้คนต่างรู้สึกได้อย่างหนึ่ง — สตรีนางนี้กำลังจะนำพาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่อาจสั่นคลอนตระกูล และบางทีอาจสั่นสะเทือนทั้งแผ่นดิน…

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บุปผาข้ามภพ วิชาหมอจากแดนไกล   บทที่27 ดอกเหมยท่ามกลางวังหลวง

    หลังจากได้รับตำแหน่งเป็น องค์หญิงบุญธรรม และพระราชแพทย์หญิงสูงสุดแห่งราชสำนัก ซูอี้เหม่ยถูกย้ายเข้าพำนักในตำหนักหรูภายในวังหลวง ทุกย่างก้าวล้วนถูกสายตาผู้คนจับจ้องเช้า ๆ นางต้องเข้าตรวจคนไข้ในโรงหมอหลวง กลางวันตรวจร่างกายขุนนางหรือขันทีที่เข้าพบ เย็นจึงได้กลับตำหนักเพื่อพักผ่อน แต่กระนั้นเสียงซุบซิบก็ไม่เคยเงียบหาย“หญิงผู้หนึ่งจากชนบท กลับได้อยู่เคียงบัลลังก์”“โฉมงามเกินมนุษย์ ต้องมีเคล็ดลับบางอย่างแน่”อี้เหม่ยได้ยินทุกถ้อยคำ แต่ยังคงเดินอย่างมั่นคง ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมงาช้างสงบเยือกเย็น ทว่ายามที่นางจำต้องเปิดเผยโฉมหน้าเพื่อรักษาผู้ป่วย ทุกคนที่เห็นต่างถึงกับตะลึงงันใบหน้าของซูอี้เหม่ยคือดั่งภาพวาดจากสวรรค์ ผิวขาวเนียนดุจหยกแกะสลัก คิ้วเรียวประหนึ่งพู่กันจรด ริมฝีปากแดงสดราวกลีบกุหลาบ ดวงตาสุกใสสะท้อนแสงราวหยดน้ำค้างยามรุ่งสางความงามนั้นมิใช่เพียงรูปลักษณ์ หากแต่แฝงด้วยอำนาจที่สะกดใจผู้คน ไม่ว่าเป็นทหารที่ใกล้สิ้นลม ขุนนางผู้เย็นชา หรือแม้แต่ขันทีในวัง ต่างก็เผลอหยุดหายใจยามสบตากับนางและยิ่งนางไม่เคยโอ้อวด กลับยิ่งทำให้ความงามนั้นทรงพลังยิ่งขึ้น ราวกับ เทพธิดาที่ไม่อาจแตะต้องแ

  • บุปผาข้ามภพ วิชาหมอจากแดนไกล   บทที่26 กระบี่ปะทะแสงตะวัน

    ค่ำคืนหนึ่ง เสียงฝีเท้าทหารเร่งรีบดังขึ้นที่กระโจมแม่ทัพซึ่งตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองหลวง นายทหารหนุ่มคุกเข่าลงทันที “แม่ทัพ! ข้ามีข่าวด่วน—องค์หญิงบุญธรรมซูอี้เหม่ยถูกใส่ร้ายว่าปรุงยาพิษในโรงหมอหลวง โชคดีที่พิสูจน์ความจริงได้ทัน ไม่เช่นนั้นชื่อเสียงคงป่นปี้ไปแล้ว!”หลงเทียนอวี่ที่นั่งอ่านแผนการทัพเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตาคมสว่างดั่งเปลวไฟ “ใส่ร้ายงั้นหรือ?”เสียงทุ้มเย็นเยียบจนแม้แต่ทหารผู้กล้าก็ต้องก้มศีรษะต่ำ เหงื่อซึมเต็มแผ่นหลังแม่ทัพหนุ่มกำหมัดแน่น ความโกรธผสมความห่วงใยถาโถมในใจ “อี้เหม่ย…เจ้าอยู่ท่ามกลางเล่ห์กลในวัง แต่ข้าไม่อยู่เคียงข้าง…นี่คือความผิดของข้า”ไม่นานนัก เขาตัดสินใจแน่วแน่ “เตรียมม้า ข้าจะเข้าวังเดี๋ยวนี้!”รุ่งเช้าวันถัดมา วังหลวงสั่นสะเทือนเมื่อแม่ทัพหลงเทียนอวี่ปรากฏกาย ดวงตาคมกริบพุ่งตรงไปยังตำหนักรัชทายาทขันทีพยายามห้าม “แม่ทัพ…เวลานี้รัชทายาทกำลัง…”“ถอย!” เสียงคำรามดังก้อง ขันทีทั้งหลายต่างหน้าซีด รีบเปิดทางภายในตำหนัก รัชทายาทหยางเจิ้นอี้กำลังนั่งจิบชาพูดคุยกับซูอี้เหม่ยอย่างสบายใจ เมื่อประตูถูกผลักออกอย่างแรง ร่างสูงใหญ่ของแม่ทัพก้าวเข้ามา กลิ่นดาบและกลิ่นสง

  • บุปผาข้ามภพ วิชาหมอจากแดนไกล   บทที่25 เมล็ดพิษแห่งริษยา

    ภายในตำหนักของฮองเฮา องค์หญิงหลงหลงเดินวนไปมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ นางได้ยินข่าวซุบซิบจากนางกำนัลทั้งหลายว่า องค์รัชทายาทหยางเจิ้นอี้ติดตามอี้เหม่ยไปทุกหนทุกแห่งในวัง ทั้งโรงหมอหลวง สวนเหมย หรือแม้กระทั่งระเบียงตำหนักบุญธรรม“ไม่อาจเป็นเช่นนี้!” หลงหลงกัดริมฝีปากแน่น ดวงตาวาวโรจน์ “แม่ทัพหลงคือของข้าอยู่แล้ว แต่ตอนนี้รัชทายาทกลับเฝ้าอี้เหม่ยทุกวัน หากปล่อยไป ทั้งสองบุรุษสำคัญที่สุดในวังจะตกอยู่ในเงาของนางหมด!”นางกำนัลคนสนิทเอ่ยเบา ๆ “องค์หญิง โปรดใจเย็น หม่อมฉันคิดว่าหากมีวิธีทำให้อี้เหม่ยเสียชื่อ นางจะหมดสิทธิ์ยืนในวังโดยปริยาย”ดวงตาของหลงหลงทอประกายร้ายทันที “ใช่…ถ้านางถูกประณามต่อหน้าฝ่าบาทและรัชทายาท เช่นนั้นนางก็สิ้นชื่อ!”หลายวันต่อมา ข่าวลือแพร่ไปทั่ววังว่า ยาที่ใช้รักษาทหารในโรงหมอหลวงมีพิษแฝงอยู่ ทำให้ผู้ป่วยบางคนอาการทรุดหนัก บางคนถึงขั้นเสียชีวิตอย่างน่าสงสัยขุนนางฝ่ายตรงข้ามรีบใช้โอกาสนี้ กราบทูลต่อฮ่องเต้ว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินว่าในตำรับยาที่องค์หญิงบุญธรรมซูอี้เหม่ยเป็นผู้จัด มีส่วนผสมของสมุนไพรต้องห้าม หากปล่อยไว้เกรงว่าจะเป็นภัยแก่ราษฎร!”ฮ่องเต้ทรงตกพระทัยทันที “อี้

  • บุปผาข้ามภพ วิชาหมอจากแดนไกล   บทที่24 เพลิงรัก

    วังหลวงหลังพิธีฉลองชัยชนะกลับเต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำ ผู้คนซุบซิบถึงความงามล่มเมืองของซูอี้เหม่ยไม่ขาดปาก ข่าวแพร่ไปทั่วว่า ฮ่องเต้ทรงรับนางเป็นบุตรบุญธรรมและพระราชทานตำแหน่งสูงสุดแห่งแพทย์หญิง ยิ่งทำให้ขุนนางบางกลุ่มหวาดหวั่น บางกลุ่มกลับโลภอยากชิงนางไปครอบครองในทุกเช้า ยามอี้เหม่ยก้าวออกจากตำหนักบุญธรรม องค์รัชทายาทหยางเจิ้นอี้จะปรากฏกายทันที ราวกับรออยู่แล้ว“องค์หญิง วันนี้ข้าขอพาเจ้าไปชมสวนหลวงเถิด ดอกเหมยเพิ่งบานงามดุจเจ้า”นางเพียงก้าวเดินนิ่ง ๆ สายตาเยือกเย็น “ดอกไม้จะบานหรือร่วง ข้าไม่ใส่ใจนัก หากท่านปรารถนาเพื่อนคุย ข้าเกรงว่าข้าไม่เหมาะ”เจิ้นอี้หัวเราะเบา ๆ อย่างไม่ถือสา “ยิ่งเจ้าใจแข็ง ข้ายิ่งอยากอยู่ใกล้ หากเจ้ามิยอมคุย ข้าก็จะเดินเคียงข้างจนกว่าจะยอม”ทหารในวังและขันทีต่างมองกันไปมา ซุบซิบว่าองค์รัชทายาทไม่เคยทุ่มเทพอใจต่อสตรีใดเช่นนี้มาก่อนอีกฟากหนึ่ง หลงเทียนอวี่กลับไม่ค่อยเข้าวัง ยังคงคุมกองทัพอยู่ยามเช้า แต่ทุกค่ำคืนเขาจะมาที่ตำหนักบุญธรรมของอี้เหม่ยเงียบ ๆ บางคราเพียงยืนอยู่หน้าตำหนักแล้วจากไปคืนหนึ่ง อี้เหม่ยเปิดประตูพบเขายืนอยู่ในเงาแสงจันทร์ “แม่ทัพหลง ท่านมาเฝ้

  • บุปผาข้ามภพ วิชาหมอจากแดนไกล   บทที่23 การสรรเสริญ​

    กลองชัยยังคงดังสะท้อนก้องไปทั่วทั้งนครหลวง ประชาชนแห่แหนกันแน่นสองฝั่งถนนเพื่อรอรับกองทัพผู้พิชิต กลิ่นธูปและควันไฟจากการเฉลิมฉลองอบอวลไปทั่วอากาศ เด็กเล็กตะโกนด้วยความตื่นเต้น “แม่ทัพกลับมาแล้ว! ชัยชนะของแผ่นดิน!”แถวทหารเดินเป็นระเบียบเรียงรายราวสายธารเหล็กยาวเหยียด เกราะสะท้อนแสงแดดยามบ่ายจนแสบตา ธงมังกรทองปลิวสะบัดอยู่เหนือศีรษะ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความภาคภูมิเบื้องหน้าขบวนนั้น แม่ทัพหลงเทียนอวี่ควบม้าเข้ามาอย่างสง่างาม ชุดเกราะดำปักทองที่ห่อหุ้มร่างสูงสง่าเปล่งรัศมีอำนาจจนผู้คนมิอาจสบตาได้นาน ดวงตาคมนิ่งสงบแต่กลับแฝงแรงกดดันจนท้องถนนทั้งสายเหมือนจะสงัดลงในบัดดลเบื้องหลังเขา คือรถม้าสีงาช้างที่ประดับด้วยลายมังกรอ่อนช้อย ใช้สำหรับบรรทุกบุคคลสำคัญ—ซูอี้เหม่ย ผู้เป็นดั่งดวงใจแห่งชัยชนะครั้งนี้นางนั่งเงียบสงบภายในรถม้า ผ้าคลุมบางสีงาช้างปกปิดโฉมหน้าล่มเมือง แม้เสียงโห่ร้องดังก้องจากมวลชนรอบทาง นางก็ยังคงสงบนิ่ง แต่หัวใจกลับเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เพราะรู้ดี—การกลับสู่นครหลวงครั้งนี้ ไม่ได้หมายถึงความสงบสุข หากคือการเริ่มต้นของเกมอำนาจที่ลึกล้ำยิ่งกว่าเดิมท้องพระโรงใหญ่ถูกประดับประดา

  • บุปผาข้ามภพ วิชาหมอจากแดนไกล   บทที่22 ชนะศึก

    ค่ายศึกหลังชัยชนะยังคงอบอวลด้วยกลิ่นเลือดและควันไฟ ทหารบางส่วนร้องไห้ให้เพื่อนที่สิ้นลม บางส่วนยกถ้วยเหล้าเฉลิมฉลองต่อหน้าซากศพ ความโหดร้ายและความดีใจผสมปนกันจนไม่อาจแยกแยะได้กลางเต็นท์ที่เพิ่งรอดจากเปลวเพลิง ซูอี้เหม่ยนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เก่า มือยังคงพันผ้ารักษาบาดแผลให้ทหารทีละคน ใบหน้างามที่เพิ่งถูกเปิดเผยกลับไม่มีรอยยิ้ม—ดวงตาคมยังเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวหลงเทียนอวี่ก้าวเข้ามาในเต็นท์ เสียงเกราะเหล็กกระทบกันเบา ๆ ทำให้ทุกคนในเต็นท์รีบก้มศีรษะ ถอยออกไปอย่างรู้หน้าที่ ภายในเหลือเพียงเขาและนาง“ท่านแม่ทัพ” เสียงอี้เหม่ยเรียบเย็น “หากท่านมาที่นี่เพื่อชมความงาม ข้าขอให้ท่านกลับไปที่กระโจมบัญชาการเถิด ที่นี่มิใช่ที่สำหรับเรื่องไร้สาระ”หลงเทียนอวี่หยุดยืนตรงหน้า ดวงตาคมยังคงจับจ้องนางอย่างไม่ปิดบัง “ข้าต่อสู้มาเนิ่นนาน รู้จักทั้งความตายและเลือดนับไม่ถ้วน แต่เมื่อครู่…เพียงได้เห็นใบหน้าของเจ้า หัวใจข้ากลับสั่นสะท้านยิ่งกว่าดาบของศัตรู”อี้เหม่ยเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากโค้งยิ้มเย็นเฉียบ “แม่ทัพหลง หากท่านสั่นไหวเพราะใบหน้าสตรี เช่นนั้นกองทัพแคว้นนี้ก็ไม่ต่างจากกระดาษแผ่นบางที่พร้อมฉีกขาด”คำพูด

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status