[คิมหันต์]
ณ บริษัท เอ.เอส.เอ็น กรุ๊ป ก๊อกๆๆ!! เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของผมดังขึ้น “เข้ามา!!” “ผู้จัดการครับ ท่านประธานเรียกผู้จัดการไปพบด่วนเลยครับ” เสียงของธนินเลขาของผมพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เดี๋ยวฉันออกไป” “ครับ” “เฮ้อออ” ฟุ่บ!! ทันทีที่ธนินเดินออกไปจากห้อง ผมก็ถอนหายใจพลางทิ้งตัวเอนหลังไปบนเก้าอี้เพื่อพักสายตา ตั้งแต่เข้าบริษัทมาวันนี้ทั้งวันก็มีเรื่องให้ปวดหัวเต็มไปหมด ผมต้องมานั่งคอยแก้ปัญหาให้กับเรื่องที่ตัวเองไม่ได้ก่อ แทบจะไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยซ้ำ ส่วนไอ้คนที่ก่อเรื่องก็ดันหายหัวเงียบไปเลย แล้วที่ท่านประธานเรียกผมไปคุยด้วย ก็คงไม่พ้นเรื่องนี้แน่ๆ เฮ้อออ!! น่ารำคาญชะมัด!! ณ ห้องท่านประธาน ก๊อกๆๆ!! ถึงจะไม่อยากมา แต่สุดท้ายผมก็มายืนอยู่หน้าห้องท่านประธานจนได้ “เข้ามา!!” แอ๊ดดด!! ได้ยินเสียงตอบรับจากเจ้าของห้องแล้ว ผมก็เปิดประตูเข้ามาข้างในทันที “ว่าไงไอ้น้องรัก! ไม่เจอกันตั้งนานยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ” เสียงที่น่ารำคาญของพี่ชายต่างแม่ของผมทักขึ้นมาทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในห้อง นี่แหละตัวปัญหาที่น่ารำคาญที่สุดในชีวิตผม “แล้วพี่ล่ะเป็นไงบ้าง? กลับมาได้แค่วันเดียวก็ก่อเรื่องให้คนอื่นปวดหัวอีกตามเคยเลยนะครับ ไอ้นิสัยที่ชอบทำตัวมีปัญหาเนี่ย ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย” ฟึ่บ!! ผมพูดพลางเดินเข้าไปนั่งตรงข้ามกับพี่ชายของผม คนๆนี้เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ หลังจากที่ถูกพ่อส่งตัวไปดูงานที่สาขาต่างประเทศเมื่อเจ็ดปีก่อน หึ! แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้เรียนรู้อะไรจากที่นู้นเลยสินะ เพราะวันแรกที่กลับมาก็ก่อเรื่องใหญ่โตให้บริษัทและคนอื่นเสียหายซะแล้ว “เหมันต์ อัศวนันทร์ ลูกชายคนโตของ เอ.เอส.เอ็น กรุ๊ป พาเยาวชนเข้าโรงแรม แถมยังเป็นโรงแรมของพ่อตัวเองด้วย หึ! นี่พี่เห็นข่าวของตัวเองแล้วใช่มั้ยครับ?” ผมหยิบแท็บเล็ตที่เปิดข่าวค้างไว้ตรงหน้าขึ้นมาอ่านให้เจ้าตัวฟังชัดๆ จะได้รู้ว่าวันนี้ทั้งวันคนอื่นต้องเดือนร้อนเพราะไอ้คนไร้ความรับผิดชอบนี่ขนาดไหน “ไอ้คิมหันต์!” คนตรงหน้าขมวดคิ้วตะคอกออกมาอย่างโกรธเคือง พร้อมกับทำท่าทางเตรียมพร้อมจะลุกขึ้นมากระโจนใส่ผมอยู่ตลอดเวลา “พอได้แล้ว!!” ดีนะที่ท่านประธาน ผู้เป็นพ่อของเราสองคนร้องห้ามขึ้นมาซะก่อน ไม่งั้น…ผมอาจจะโดนหมัดของพี่ชายต่างแม่ซัดเข้าที่หน้าไปแล้วก็ได้ “ท่านประธานมีอะไรก็ว่ามาเร็วๆเถอะครับ วันนี้ผมนั่งแก้ปัญหาที่ตัวเองไม่ได้ก่อมาทั้งวัน อยากกลับไปพักเต็มทีแล้ว” ผมพูดพลางมองหน้าตัวปัญหาตรงหน้าไม่กระพริบ หึ! สีหน้าท่าทางที่ดูไม่พอใจของคนเป็นพี่ชายต่างแม่ตอนนี้ มันทำให้ผมพอใจจนต้องยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่เชียวล่ะ “ฉันเรียกแกทั้งสองคนมาก็เพราะเรื่องนี้เนี่ยแหละ” สีหน้าที่จริงจังของท่านประธานทำเอาคนตรงหน้าผมถึงกับหน้าเจื่อนขึ้นมาทันที “พ่อครับ! พ่อไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ เรื่องข่าวเดี๋ยวผมจัดการให้คนปิดข่าวไปซะก็สิ้นเรื่องแล้ว” “ฮ่าๆๆ! นั่นสินะ เรื่องปิดข่าวน่ะงานถนัดของพ่อกับพี่เลยนี่ อุบัติเหตุเมื่อเจ็ดปีก่อน ก็ใช้วิธีเดียวกันปิดข่าวซะเงียบเลยใช่มั้ยครับ?” “แกหุบปากไปเลยไอ้คิมหันต์!” “พอกันทั้งคู่นั่นแหละ คิมหันต์ฉันบอกแล้วไงว่าให้เลิกพูดถึงเรื่องนั้นได้แล้ว โดยเฉพาะแกเหมันต์!! รู้ตัวมั้ยว่าเรื่องที่แกก่อมันทำบริษัทเดือดร้อนไปมากขนาดไหนฮ่ะ!? ปิดข่าวงั้นเหรอ? แกคิดว่าแค่ปิดข่าวแล้วเรื่องมันจะจบง่ายๆรึไง? ไหนจะหุ้นโรงแรม ไหนจะความน่าเชื่อถือของลูกค้า ทุกอย่างมันเสียหายไปเพราะแกคนเดียว!!” “แล้วพ่อจะให้ผมทำยังไง? ใครจะไปคิดล่ะว่าจะมีคนถ่ายรูปผมไปลงข่าวแบบนี้อ่ะ?” “เพราะงั้นแกถึงไม่ควรทำเรื่องระยำแบบนั้นตั้งแต่แรกไง!!” ฟุ่บ!! ผมนั่งอยู่ท่ามกลางเสียงทะเลาะโวยวายของสองพ่อลูก มันน่ารำคาญจนผมชักจะทนอยู่ไม่ไหวแล้วล่ะ “ถ้าจะเรียกผมมานั่งฟังคนทะเลาะกันล่ะก็ ผมขอตัวก่อนนะครับ” “เดี๋ยว!!” ผมกำลังจะเดินออกไปอยู่แล้วเชียว แต่ก็ต้องหยุดชะงักขึ้นมาเพราะท่านประธาน “เฮ้ออ! เหมันต์ เดิมทีฉันเรียกแกกลับมาที่นี่เพราะตั้งใจจะให้แกกลับบริหารโรงแรมแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ดูเหมือนว่าแกจะยังไม่พร้อมรับตำแหน่งประธานบริหารโรงแรมจริงๆ” “นี่…พ่อหมายความว่าไง?” “คิมหันต์! ฉันจะให้แกรับตำแหน่งประธานบริหารโรงแรมแทนเหมันต์!” สิ่งที่ได้ยินจากปากของท่านประธานทำผมแปลกใจนิดหน่อย “ไม่ได้นะครับ! ไหนพ่อบอกว่าจะยกตำแหน่งนั้นให้ผม แล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจไปให้ไอ้คิมมันได้ล่ะ?” พี่ชายต่างแม่ร้องเถียงออกไปด้วยท่าทีร้อนรนใจ “แกคิดว่าฉันจะยอมยกตำแหน่งสำคัญขนาดนั้นให้คนไม่เอาไหนอย่างแกได้รึไง? ฉันอุตส่าห์ส่งแกไปเรียนรู้งานที่ต่างประเทศมาตั้งนาน แต่แกกลับเอาแต่เที่ยวเตร่ กลับมาแล้วก็ยังไม่วายสร้างเรื่องให้บริษัทเสียหายอีก!! รู้มั้ยว่าวันนี้ทั้งวันคิมหันต์มันต้องคอยตามแก้ปัญหาให้แกขนาดไหน ในขณะที่แกเพิ่งจะโผล่หัวมาตอนนี้เนี่ยนะ แล้วแบบนี้ฉันจะไว้ใจยกตำแหน่งนั้นให้แกได้ยังไง!?” หึ! วันนี้พ่อพูดถูกใจผมมากเลยแฮะ “แต่พ่อจะยกตำแหน่งสำคัญขนาดนั้นให้ลูกเมียน้อยอย่างมันไม่ได้! คนที่ควรได้ตำแหน่งนั้นต้องเป็นผมมากกว่าสิ” อ่า…ผมชักจะไม่พอใจสิ่งที่คนเป็นพี่ชายพูดขึ้นมาซะแล้วสิ เดิมทีก็ว่าจะปฏิเสธตำแหน่งที่ท่านประธานยื่นให้อยู่แล้ว แต่…มันคงไม่มีอะไรสนุกเท่าการได้เห็นพี่ชายตัวเองร้อนรนใจขนาดนี้แล้วล่ะ “ขอบคุณท่านประธานที่มอบตำแหน่งสำคัญขนาดนั้นให้ผมนะครับ ผมจะตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเลยครับ…พ่อ” พูดจบผมก็หันไปยกยิ้มมุมปากให้พี่ชายตัวเอง หึ! สีหน้าจะเป็นจะตายแบบนั้นแหละ ที่ผมอยากเห็น “ไอ้คิมหันต์! แกไม่มีสิทธิ์!!” “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว…ผมขอตัวก่อนนะครับ” บอกลงเสร็จแล้วผมก็เดินออกมาจากห้องทันที โดยที่ไม่ได้หันหลังกลับไปดูเลยว่ามีอีกคนหนึ่งเดินตามออกมาจากห้องด้วย พลั่ก!! คนที่เดินตามมาจากในห้อง เดินมากระชากไหล่ผมซะแรง เฮ้อออ! ทำไมถึงชอบสร้างความรำคาญไม่เลิกสักทีนะ “ไอ้คิมหันต์! แกอย่าคิดนะว่าฉันจะยอมยกตำแหน่งนั้นให้แกไปง่ายๆ ลูกเมียน้อยอย่างแกไม่มีสิทธิ์มาแย่งอะไรไปจากฉันทั้งนั้น! อยู่ในที่ของแกเงียบๆ เหมือนที่แม่แกทำมาตลอดซะ!” ถ้าเป็นเมื่อก่อนคำพูดของคนๆนี้คงจะทำให้ผมโกรธจนต้องเผลอซัดหน้ามันไปแน่ๆ แต่ตอนนี้…ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว “หึ! ผมว่าพี่คงต้องทำความเข้าใจซะใหม่แล้วล่ะครับ ตอนนี้…ที่ตรงนี้มันกลายเป็นที่ของผมไปแล้วนะ คนที่ควรจะอยู่เงียบๆไม่ใช่ผม แต่เป็นพี่มากกว่า” ตึก! ตึก! ตึก! ผมเดินเข้าไปใกล้พี่ชายลงไปกระซิบใกล้ๆหูของเขา “ตำแหน่งของผมน่ะ มันอยู่เหนือกว่าพี่มาตั้งนานแล้วล่ะครับ!” อย่างที่บอกไป…คนๆนี้อาจจะคิดว่าผมอยู่ต่ำกว่าเขามาตลอด แต่มันไม่เคยเป็นแบบนั้นเลย ผมกับเขาเราอยู่ในตำแหน่งเดียวกันตั้งแต่เริ่ม แต่ตอนนี้…คนที่เหนือกว่าคือผมต่างหากล่ะ ไม่ใช่เขา!!“อ้ะ!” ฉันร้องลั่นขึ้นมาเมื่อคนตัวสูงกระแทกเอวสวนจนรู้สึกจุกไปหมด“แต่ฉันชอบสุดๆไปเลยล่ะ~” เสียงกระซิบบองชอบที่แหบพร่า บวกกับแววตาหื่นกระหายของคนตรงหน้าทำให้ความเขินอายที่มีในตอนแรก เลแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนรุ่มที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก“จุ๊บ!! อื้ม~” ฉันก้มลงไปประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากหนา จู่ๆฉันก็เกิดความคิดประหลาดๆขึ้นมา คราวนี้ฉันอยากจะลองเป็นคนเดินเกมส์ดูบ้าง ฉันอยากจะรู้…ว่าฉันสามารถทำให้คนตรงหน้าเสียสติได้มาก เท่ากับที่เขา…ทำให้ฉันเสียสติจวนจะบ้าตายอย่างในตอนนี้รึเปล่านะ?ฉันส่งเรียวลิ้นของตัวเองเข้าไปเกี่ยวตระหวัดดูดเม้มกับเรียวลิ้นของเขาอย่างร้อนแรง เหมือนกันที่เขาทำกับฉัน และช่วงชิมรสหวานจากปากของเขาอย่างหื่นกระหาย เหมือนกันที่เขาทำกับฉัน“อืมมม~” เสียงครวญครางที่ดังออกมาจากในลำคอของคนใต้ร่าง มันทำให้ฉัพอใจมากเลยล่ะ แต่แค่นี้ยังไม่พอหรอก ฉันอยากเห็นเขา…พอใจสัมผัสของฉันมากกว่านี้“อ่าส์ เกว~” ฉันเปลี่ยนตำแหน่จาริมฝีปากของคนตัวสูง มาซุกไซร้ซอกคอแกร่งของเขาแทน ฉันใช้เรียวลิ้นของตัวเองไล้เลียและดูดเม้มไปตามผิวเนียนของเขาอย่างหื่นกระหาย ให้เหมือนกับที่เขาทำกับฉัน
วันต่อมาเมื่อวานหลังจากกลับมาจากห้องของคุณคิมหันต์แล้ว ฉันก็นั่งทำโอทียาวมาจนถึงเช้าเลยล่ะ ยังไม่ได้นอนมาตั้งแต่เมื่อคืนเลย ง่วงจนตาจะปิดอยู่แล้วเนี่ยกริ๊งงง!! ระหว่างที่กำลังนั่งเฝ้าล็อบบี้รอเวลาออกกะอยู่นั้น เสียงมือถือที่วางอยู่หน้าล็อบบี้ก็ดังขึ้นมา รินณ์ที่นั่งทำงานอยู่ใกล้ๆเลยทำหน้าที่รับสายแทน“สวัสดีค่ะ”“อาหารเช้าสองที่เหรอคะ?”“ได้ค่ะ เดี๋ยวทางเราจะเตรียมไว้ให้นะคะ”“ให้ใครไปเสริฟ์นะคะ?”“พนักงานที่ชื่อ…เกวลิน”“ได้ค่ะ อีกสามสิบนาทีเราจะเอาอาหารไปให้นะคะ”ทันทีที่วางสายฉันกับรินณ์หันมาสบตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย“มีอะไรเหรอรินณ์?” “ก็แฟน…เอ่อ…คุณคิมหันต์อ่ะ เขาขอให้เกวเอาอาหารเช้าเสริฟ์ให้น่ะสิ” รินณ์มองซ้ายมองขวาก่อนจะเขยิบมากระซิบใกล้ๆฉันคุณคิมหันต์ให้ฉันเอาอาหารไปเสริฟ์ให้เนี่ยนะ? คิดจะแกล้งอะไรฉันอีกล่ะเนี่ย?ห้องพักกริ๊งงง!! ฉันกดออดที่หน้าห้องพักของคุณคิมหันต์ หลังจากที่เข็นรถเข็นอาหารมาส่งให้เขาถึงหน้าห้อง ตามคำสั่งที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้แอ๊ดดด!! ผ่านไปเพียงไม่กี่วิ คนตัวสูงก็เปิดประตูห้องออกมา แต่ทันทีที่ฉันเห็นร่างของคนที่อยู่ในห้อง ฉันถึงกับเบิกตาโ
ห้องพักวีไอพีกริ๊งงง!! ฉันตัดสินใจกดออดหน้าประตูห้องพักวีไอพีห้องหนึ่ง หลังจากที่ยืนทำให้อยู่หน้าห้องมาได้สักพักหนึ่งแล้วแอ๊ดดด!! ผ่านไปไม่กี่วินาที ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาช้าๆ ก่อนจะปรากฏร่างของคนตัวสูงที่ยืนยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์อยู่หลังประตู“ฉันเอากระเป๋ามาให้…”หมับ!! ยังไม่ทันที่จะพูดจบ คนตัวสูงก็คว้าร่างฉันเข้าไปในห้องอย่างไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ที่ลากเข้ามาในห้องด้วยกันอีกทีปัง!! ฉันสะดุ้งตกใจเสียงปิดประตูที่ดังขึ้นมาซะลั่นห้อง “คุณคิมหันต์! คุณจะทำอะไรเนี่ย?”ตุบ!! คนตัวสูงเตะกระเป๋าใชเดินทางใบใหญ่ของตัวเอทีกันเองมาด้วยออกไป ก่อนจะดันตัวฉันให้ติดกับประตห้องไม่ให้ไปไหน“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเกวลิน”“นั่นน่ะสิค่ะ เกวก็ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่ในฐานะแขกวีไอพีด้วยเหมือนกันค่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงและสายตาที่ออกจะดุนิดหน่อย “คุณมาทำอะไรที่นี่คะ?”“ฉันคิดถึงเธอเกว~”ตึกตักๆๆ!! คนตัวสูงเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องเลี่ยงตอบคำถามของฉัน เป็นการกระซิบเบาที่ข้างหูฉันแทน ซึ่งวิธีนี้ก็ถือว่าเป็นวิธีทำให้ฉันใจสั่นขึ้นมาได้ดีเลยล่ะ“เราไม่ได้เจอกันตั้งเดือนนึงเลยนะเก
หนึ่งเดือนผ่านไปวันเวลาผ่านไปเร็วราวกับพลิกหน้ากระดาษ ตอนนี้ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้วที่ฉันมาฝึกงานที่นี่ ทุกๆวันที่อยู่ที่นี่ไม่เคยมีวันไหนที่ฉันจะไม่คิดถึงคนที่ตัวเองรักอย่างคุณคิมหันต์ แต่ถึงอย่างนั้น…ฉันก็ยังสนุกกับการฝึกงานที่นี่อยู่นั่นแหละและดูเหมือนว่าใกล้ถึงเวลาที่ฉันจะกลับไปหาคนที่ตัวเองรักสักที“เอ้า! ทุกคน ใกล้ถึงเวลาที่แขกวีไอพีขอบโรงแรมจะมาแล้ว รีบออกมาต้อนรับกันเร็ว” เสียงของผู้จัดการตะโกนร้องเรียกพนักงานทุกคนที่อยู่ในล็อบบี้โรงแรมเมื่อสองวันก่อนผู้จัดการแจ้งมาว่าในวันนี้จะมีแขกวีไอพีมาพักที่โรงแรม ซึ่งแขกคนนี้เป็นแขกคนสำคัญมากๆเลยล่ะ ลือกันว่าเขาเป็นเพื่อนของท่านประธานคนใหม่ของที่นี่ ดังนั้นเราจึงต้องให้การต้อนรับแขกวีไอพีคนนี้ให้ดีที่สุดและห้ามทำอะไรผิดพลาดโดยเด็ดขาด“ไปกันเถอะเกว” เสียงของรินณ์ที่ยืนอยู่หน้าล็อบบี้เรียกให้ออกไปยืนรอด้วยกัน“อื้อ!” ฉันกันรินณ์ออกไปรอต้อนรับแขกวีไอพีคนดังกล่าวที่หน้าประตูโรงแรม พร้อมกับผู้จัดการและพี่แอนเอี๊ยดดด!! ยืนรอกันได้อยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็มีรถหรูคันหนึ่งเข้ามาจอดเทียบที่หน้าประตูโรงแรมพนักงานชายเดินไปเปิดประตูรถ ก่อนท
หลังจากได้ฟังคำตอบจากปากของเกวลินแล้ว สิ่งที่ค้างคาใจผมในตอนแรกก็คลายลง ผมตัดสินใจเดินออกมาจากร้านนั้น แล้วก็มาเดินเล่นที่ริมหาดกับไอ้กวินท์แทนระหว่างที่เดินเล่นอยู่ผมก็ทบทวนคำพูดของเกวลินอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมาสิ่งที่เกวลินต้องการมาตลอดก็คืออิสระ เพราะเธอโตมากับตระกูลของผม เลยทำให้เธอคิดว่าตัวเองติดหนี้บุญคุณตระกูลของผม ไอ้สิ่งที่ผูกมัดเกวลินมาตลอดคือ…ตระกูลอัศวนันทร์ และตัวผมนี่แหละผมไม่อยากสูญเสียเกวลินไป ผมอยากให้เกวลินอยู่กับผมไปตลอดเลยด้วยซ้ำ เพราะผมรักเธอ แต่มันคงไม่ง่ายสำหรับเกวลิน แม้เธอจะรักผม แต่เธอก็มีความต้องการเหมือนกัน และสิ่งที่เธอต้องการก็คือ…อิสระ เธอต้องการอิสระมาโดยตลอด เพราะงั้น…ผมตัดสินใจแล้วว่าผม…จะยอมให้อิสระกับเกวลิน อย่างที่เธอต้องการ“ดูเหมือนแกกับเด็กคนนั้นจะรักกันมากเลยนะ” ไอ้กวินท์พูดเหมือนเด็กฝึกงานที่มากับเกวลินไม่มีผิด“ไม่ใช่เรื่องของแก”“ครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นแกร้อนรนแบบนี้อ่ะ”“อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเหอะ”“นี่! ฉันกำลังเตือนสติแกอยู่นะเว้ย! ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรน้องเขาถึงหนีมาอยู่ที่นี่ได้อ่ะ แต่จากที่ฟังเมื่อกี้…น้องเขาคงจะรัก
[คิมหันต์]ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งผมขับรถตามรถของเกวลินมาเรื่อยๆ จนมาถึงที่ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมทะเลร้านหนึ่ง เกวลินกันเพื่อนของเธอคงจะมากินอาหารกันที่นี่ ผมไม่อยากให้เกวบินคลาดสายตาผมไป เลยตามเกวลินเข้ามาในร้านด้วยเหมือนกันแต่ผมไม่เข้าใจว่าไอ้กวินท์มันจะตามผมมาถึงที่นี่ด้วยทำไมเนี่ย?“นั่งตรงนี้มั้ยเกว?”“ได้สิ” เกวลินกับเพื่อนของเธอเลือกนั่งลงบนโต๊ะๆหนึ่งในร้านอาหาร ฟุ่บ!! ผมที่เดินตามอยู่ห่างๆ เลยเดินเข้าไปนั่งใกล้กับโต๊ะของเกวลิน ซึ่งระยะห่างระหว่างผมกันเกวลินก็ห่างกันเพียงแค่โต๊ะอาหารคั่นกลางไว้แค่โต๊ะเดียวเท่านั้นตุบ!! ส่วนไอ้กวินท์ที่ตามติดมาด้วยก็ดันเลือกที่จะมานั่งข้างๆผมอีกซะงั้น ที่มีตั้งเยอะแยะจะมานั่งติดผมทำไมเนี่ย?“แกจะตามฉันมาด้วยทำไมเนี่ย?”“ฉันไม่ได้ตามแกมาซะหน่อย ลืมไปแล้วรึไงว่ารถที่แกขับมาน่ะ รถฉันเว้ย!” มันพูดด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก ความจริง ผมสังเกตเห็นตั้งแต่ที่โรงแรมล่ะ ไอ้กวินท์เอาแต่ชะเง้อมองตามใครสักคนอยู่ตลอดเวลา ไม่ต่างจากผมเลยสักนิด และผมก็เดาว่าคนที่มันกำลังตามอยู่คงจะเป็นเพื่อนที่อยู่กับเกวลินตอนนี้แน่ๆ“ใครว่ะ? แฟนเหรอ?” ผมเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม
[คิมหันต์]ณ บริษัท เอ.เอส.เอ็นก๊อกๆๆ!! เสียงเคาะประตูห้องทำงานหน้าห้องของผมดังขึ้น“เข้ามา” ธนินเดินเข้ามาในห้องหลังจากได้รับอนุญาตจากผมแล้ว“เรื่องที่ให้ไปสืบเป็นไงบ้าง?“ ทันทีที่เห็นหน้าของธนินผมก็เอ่ยถามถึงงานที่ผมมอบหมายไปให้เมื่อวานนี้ “ได้ที่อยู่ของคุณเกวลินมาแล้วครับ” ซึ่งก็เป็นเรื่องไหนไม่ได้เลน นอกจากเรื่องของเกวลิน ยัยตัวแสบที่แอบหนีผมไปไงล่ะ เมื่อวานทันทีที่รู้ว่าเกวลินหนีไป ผมก็รีบยกหูโทรหาให้ธนินไปสืบหาที่อยู่ของเกวลินทันที “เกวลินอยู่ไหน?”“คุณเกวลิน ย้ายไปฝึกงานอยู่ที่โรงแรมพาวิลเลียนที่ต่างจังหวัดครับ” ได้ยินชื่อโรงแรมที่ธนินเอ่ยแล้วผมถึงกับต้องขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เพราะเหมือนว่าชื่อโรงแรมนี้จะฟังดูคุ้นหูเอามากเลยล่ะ“โรงแรมพาวิลเลียนเหรอ?”“ครับ โรงแรมในเครือตระกูลอัครวานิชครับ” และผมก็อดที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้ เมื่อสิ่งที่ผมสงสัยได้รับการยืนยันจากธนินโรงแรมพาวิลเลียน ในเครือตระกูลอัครวานิช คือโรงแรมที่ไอ้กวินท์ เพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาลัยของผมบริหารอยู่นี่เอง ตืดๆๆ!! ทันทีที่รู้ว่าเกวลินอยู่ที่นั่น ผมก็ไม่รอช้ารีบยกหูกดโทรออกหาไอ้กวินท์มันอย่า
[เกวลิน]“ยินดีต้อนรับน้องๆฝึกงานทุกคนเลยนะคะ” เสียงของผู้จัดการโรงแรมเอ่ยขึ้น หลังจากที่พาพวกเราที่เป็นเด็กฝึกงานใหม่ ไปแนะนำสถานที่ต่างๆในโรงแรมเสร็จแล้ว“ต่อไปนี้ก็ตั้งใจทำงาน แล้วก็ขอให้โชคดีกับการฝึกงานนะคะ” พี่แอนพี่พนักงานอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น“ขอบคุณค่ะ” ฉันและเพื่อนอีกคนที่เป็นเด็กฝึกงานเหมือนกันเอ่ยขอบคุณผู้จัดการและพี่แอนพร้อมๆกัน“วันนี้ก็คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ เราสองคนกลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวค่อยมาเริ่มงานพรุ่งนี้อีกที”“ได้ค่ะ”“งั้นพี่ไปก่อนนะ” ร่ำลากันเสร็จผู้ตัดการกับพี่แอนก็เดินกลับไปทำงานของตัวเองกันต่อ เหลือไว้แค่ฉันกับเพื่อนร่วมฝึกงานกันอยู่สองคน“หวัดดี เราชื่อรินณ์นะ” เพื่อนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมาทักทายด้วยสีหน้าที่สดใส“หวัดดี เราชื่อเกว”“เกวมาจากกรุงเทพเหรอ?”“อื้อ แล้วรินณ์อ่ะ?”“เราเรียนที่นี่แหละ แล้วก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย” อ่อ เป็นคนที่นี่สินะ“อ่อ อื้ม!”“แล้วนี่…เกวจะกลับเลยรึเปล่า? เราไปกินข้าวกันมั้ย?”“โทษทีนะ พอดีเราเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อวานเองอ่ะ คงต้องขอตัวกลับไปจัดของที่ห้องก่อน” “อ่อ งั้นไม่เป็นไร ไว้ไปกินข้าวกั
[คิมหันต์]เช้าวันต่อมา พรึ่บ!! ผมลืมตาขึ้นมาช้าๆ หลังจากที่หลับพักผ่อนจากกิจกรรมอันเหน็ดเหนื่อยเมื่อคืนไปทั้งคืนอย่างเต็มที่แล้ว แสงแดดที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสีดำในห้องของตัวเองสาดส่องเข้ามา ทำผมถึงกับต้องหรี่ตาลงเพื่อปรับสายตาของตัวเองให้คงที่ขวับ!! เมื่อสายตากลับมาอยู่ในสภาพคงที่แล้ว ผมจึงพลิกตัวมาอีกฝั่งหนึ่งของเตียง ด้วยความหวังที่ว่าจะเจอกันคนตัวเล็กอย่างเกวลินนอนอยู่ข้างๆกาย"..." แต่แล้วสิ่งที่ผมเจอมีเพียงแค่รอยยับของผ้าปูที่ว่างเปล่าและไร้ซึ่งร่างของคนตัวเล็กเกวลินตื่นแล้วเหรอ?ฟุ่บ!! ผมคิดว่าคนตัวเล็กคนจะตื่นก่อนผมไปแล้ว ผมจึงลุกออกจากเตียง ก่อนจะเดินหยิบกางเกงนอนของตัวเองมาใส่ แล้วเดินออกไปจากห้อง ด้วยความหวังที่ว่าเกวลินคงจะอยู่ข้างนอกห้อง หรือที่ไหนสักที่ในบ้านนั่นแหละ"..." แต่ผมกลับต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจมากกว่าเดิม เมื่อลงมาแล้วไม่เจอกับเกวลินอยู่ที่ชั้นล่างของบ้าน ในครัวก็ไม่อยู่ ในห้องรับแขกก็ไม่เจอ "เกวลิน!" ผมลองตะโกนร้องเรียกชื่อของคนตัวเล็ก แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงใดๆตอบรับกลับมาใจผมเริ่มสั่นไหวขึ้นมา จู่ๆความคิดที่ไม่ดีก็ดันโผล่เข้ามาในหัว ตอนนี้ผมกำลังคิดว่า