ณ ร้านอาหารอิตาเลี่ยนแห่งหนึ่ง ภายในโรงแรมที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากบริษัทศิวเศขรมากนัก รวีกานต์นั่งใจเต้นตึกๆ อยู่ต่อหน้าบิ๊กบอสผู้หล่อเหลา มีสาวๆ มากกว่าห้าโต๊ะจ้องมองมาทางนี้ แน่ล่ะ ทุกสายตามองมาที่เธอราวอยากจะฆ่า แต่รวีกานต์ไม่สนหรอกนะ เชิญอิจฉาให้อกแตกตาย วันนี้ศศินเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น!
“ไม่หิวหรือครับ” บุรุษผู้สมบูรณ์แบบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ต่อหน้า เจ้าหล่อนยังไม่ยอมจับมีดขึ้นมาหั่นสเต๊กสักคำ
“เอ่อ...ค่ะ หิวค่ะ ฉันแค่ไม่ชินกับความหรูน่ะ” เธอตอบตามจริง มองศศินแล้วหยิบมีดและส้อมตามเขา ค่อยๆ หั่นเนื้อคำเล็กๆ เขาปาก รสชาติของมันแทบจะละลายในปากเลยดีเทียว “โอ...อร่อย”
ศศินมีรอยยิ้มบางๆ ไม่เคยเห็นกิริยาอันเปิดเผยของเหล่าสตรีมากนัก เพราะหากเจ้าหล่อนทั้งหลายได้มานั่งตรงหน้าเขาแล้วละก็ ส่วนมากจะสงวนท่าที จะทำทุกวิถีทางให้ดูสมบูรณ์แบบเพื่อคู่ควรกับเขา
รวีกานต์เริ่มอร่อยกับอาหารในจานของตัวเอง เธอหั่นเนื้อชิ้นโตเข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆ ไม่ห่วงสวย
“คงถูกปากนะครับ” เขาถามแล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นจิบอย่างมีมาด
รวีกานต์เริ่มรู้ตัว ได้แต่ยิ้มแหยๆ ส่งให้
“ตายจริง นี่ฉันควรกินคำเล็กๆ แค่สองสามคำแล้วบอกว่าอิ่มใช่ไหมคะ ขอโทษนะคะบอส แต่ว่าสเต๊กมันอร่อยจริงๆ” ว่าแล้วหั่นสเต๊กเข้าปากอีกคำ ยังยิ้มได้ต่อหน้าบิ๊กบอสพ่อยอดดวงใจ
“อาหารที่บริษัทจัดไว้ให้ ถูกปากแบบนี้ไหมครับ”
“ค่ะ...ก็โอเค แต่ว่า...กินบ่อยๆ ก็เบื่อ เหมือนชินกับรสชาติแล้ว”
เจ้าของบริษัทพยักหน้ารับฟัง เขารับประทานอาหารในจานตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน ค่อยๆ ละเลียดทุกคำด้วยท่วงท่าอันน่ามอง
“ถ้าเลือกได้อยากกินอะไรครับ”
“อืม...อะไรก็ได้ค่ะ แค่อย่าทำซ้ำกันภายในหนึ่งอาทิตย์ก็พอ ฉันว่าถ้าร้านข้างนอกสัมปทานเข้ามาขายน่าจะดีนะคะ เราจะได้กินอะไรที่หลากหลายบ้าง ทุกวันนี้เป็นแม่ครัวของบริษัททำให้เลยจำเจไปหน่อย เหมือนทำๆ ให้มันผ่านวันนี้ไป”
รวีกานต์อธิบาย จิ้มเนื้อคำสุดท้ายเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ
ศศินมองเพลิน เหมือนกำลังมองเด็กน้อยยามได้กินของอร่อยถูกใจ
“แล้วสวัสดิการด้านอื่นๆ ดีไหมครับ”
“ดีค่า ปีที่แล้วฉันได้โบนัสสมกับความเหนื่อยเลย มิเสียแรงที่อยู่ที่นี่มาตั้งเจ็ดแปดปี”
ศศินประหลาดใจเมื่อได้รู้ รวีกานต์ทำงานที่บริษัทเขามาถึงแปดปีแล้วหรือ แสดงว่ายังมีอยู่สินะพนักงานที่รักองค์กร
“ทำที่ฝ่ายบุคคลเป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็ดีค่ะ ยุ่งๆ หน่อยตอนเปิดรับพนักงานประจำปี ฉันสนุกกับงานนะคะ ทำตั้งแต่เป็นแค่พนักงานธรรมดา จนตอนนี้เป็นรองผู้จัดการแล้วค่ะ” คนสวยบอกแล้วยิ้ม เริ่มอิ่มขึ้นมา
ศศินเองก็อิ่ม การได้คุยกับรวีกานต์ยอมรับว่าทำให้เขาเพลิดเพลิน หล่อนเป็นสตรีที่ไม่ได้มีจริต รู้สึกได้ถึงความจริงใจในทุกๆ คำที่หล่อนเอื้อนเอ่ย
“พนักงานที่ขยันย่อมเติบโตในสายงานของตัวเอง แต่ผมรู้สึกดีนะ ที่มีพนักงานที่อยู่นานๆ แบบคุณ ทำให้รู้สึกว่าศิวเศขรเป็นบริษัทที่มั่นคง”
“แน่นอนค่ะ มีคนอยากมาทำงานที่นี่เยอะนะคะ เงินเดือนสูง สวัสดิการเด่น แถมมีบอสหล่อด้วยนะคะขอบอก”
ศศินกลั้นยิ้ม หล่อนช่างพูดออกมาได้ไม่ไว้ลายสักนิด
“คุณรวีกานต์ดูเป็นคนเปิดเผยนะครับ”
“เขาเรียกว่าจริงใจค่ะบอสขา...” บอกแล้วยิ้มสดใส เป็นรอยยิ้มที่จริงใจที่สุดเท่าที่ศศินเคยพบเจอ “ว่าแต่...ฉันอุตส่าห์ออกตัวช่วยบอสขนาดนี้ บอสแค่เลี้ยงข้าวหรือคะ มันน้อยไปนะ...”
คนสวยเริ่มทวงบุญคุณ ศศินอยากเอาความคิดเรื่องความจริงใจของหล่อนพับเก็บไว้เสีย รวีกานต์เองก็เจ้าเล่ห์ไม่น้อย
“แล้ว...อยากได้อะไรละครับ”
“ขอเดตดีๆ สักครั้งได้ไหมคะ”
แม่แสงตะวันดวงน้อยทำใจกล้าหน้าด้าน ถ้าไม่ใจกล้าตอนนี้เธอคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว รู้ละว่าทำเหมือนมัดมือชกเขา แต่ว่า...นาทีนี้เธอต้องทำทุกวิถีทางเพื่อสานสัมพันธ์กับบอสใหญ่ให้ได้!
“ถ้าปฏิเสธสาวสวย คงถูกมองว่าไม่ใช่สุภาพบุรุษ คุณรวีกานต์นัดวันที่สะดวกมาเลยครับ ที่ไหนเมื่อไหร่”
“คะ? นี่ยอมไปเดตจริงๆ เหรอ ว้าว...เหนือความคาดหมายแฮะ ความจริงบอสก็ดูแคร์ผู้คนรอบข้างนะคะ ทำไมถึงมีข่าวลือว่าคุณเป็นสุดหล่อจอมเย็นชาได้ล่ะ”
“แค่ข่าวลือครับ ผมยิ่งกว่าจอมเย็นชาซะอีก พ่อชอบบอกว่าปากผมคมเหมือนกรรไกรโรง’บาล”
รวีกานต์อมยิ้ม นั่นคือมุกตลกใช่ไหม เขาเล่นมุกด้วยแฮะ
“งั้น...บอสตกลงแล้วนะคะ ฉันจะรีบหาวันดีๆ เพื่อไปเดตกับบอส”
“ผมจะรอครับ...” บอกแล้วแอบผ่อนลมหายใจเบาๆ เอาเถอะ เดตกับรวีกานต์ก็ดีกว่าพวกไฮโซลูกท่านหลานเธอทั้งหลายล่ะ หล่อนคุยสนุก มีรอยยิ้มสดใส และดูจริงใจที่สุดในจำนวนสตรีที่เขาเคยเดตด้วยละนะ
กระเป๋าใบใหญ่ของเวนิสาวางอยู่ข้างตู้เสื้อผ้าของศศินในห้องแต่งตัว หญิงสาวยืนมองห้องกว้างอย่างทึ่งๆ ห้องแต่งตัวของเขาประหนึ่งยกเอาร้านเสื้อบุรุษมาไว้ในนี้ เสื้อเชิ้ตกับสูทแขวนเรียงกันเป็นตับ กางเกงหลายสิบตัวพาดไว้กับไม้แขวนอย่างเป็นระเบียบ มีตู้ใบใหญ่ที่ทุกลิ้นชักถูกดึงออกมาเพื่อเผยให้เห็นเนกไทและถุงเท้าวางเรียงกันไว้เป็นชั้นๆ แสงไฟในห้องสีเหลืองนวล ยิ่งกว่าห้องแต่งตัวของนางโชว์เสียอีก เธอเปิดกระเป๋าของตัวเองอย่างเกร็งๆ พิจารณาว่าควรแขวนเสื้อผ้าไว้ที่ซอกใดหรือว่าตู้หลังใดดี
“ตู้หลังสุดท้าย ขวาสุด ให้แค่เมตรเดียว”
เสียงทุ้มของศศินเอ่ยขึ้น เขาเดินเช็ดผมแรงๆ ออกมาจากห้องน้ำ มีเสื้อคลุมสวมไว้หมิ่นเหม่ ผ้าเช็ดผมผืนน้อยถูกเหวี่ยงลงตะกร้าหน้าห้องน้ำนั้น ส่วนตัวเขาเดินผ่านหน้าเวนิสาไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบโลชั่นมาประพรมอย่างเช่นทุกวัน
เวนิสารีบหันหลังให้ยามเห็นเจ้าของห้องเริ่มดึงเชือกเสื้อคลุมให้หลุดออก
ศศินมองเหยียดๆ ดูหล่อนสิ ทำเป็นอายตอนมองเขา ตลกเสียจริง
“ฉันไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่นี่เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจมากสำหรับฉัน เธอน่ะ เป็นผู้หญิงที่ทุเรศสุดๆ ไปเลย”
“ก็แค่...สามเดือนไม่ใช่หรือคะ พี่ก็ทนๆ เอาหน่อยแล้วกัน”
“ฉัน เอา แน่ แต่ไม่ใช่วันนี้หรอก”
คำว่า เอา แน่ ของศศินทำเอาเวนิสากลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ทำใจกล้าบ้าบิ่นขึ้นเตียงโดนจิ้มให้มันจบๆ ไปเถอะ จะได้ไม่ต้องมาทนฟังเขาดูถูกดูแคลน
“ทำเป็นเล่นตัว ฉันก็ไม่ได้พิศวาสพี่นักหรอก หล่อแล้วไงล่ะ หล่อแล้วจะพูดอะไรก็ได้งั้นเหรอ ฉันก็ถูกบังคับมาเหมือนกันละน่า!” แม่ชะนีสายหื่นเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แค่ต้องมายืนอยู่ตรงนี้ก็อายแสนอาย ยังจะมาพูดให้เธอใจเสียอีก
[3]ซ่อนรัก ________รวีกานต์เดินออกจากลิฟต์มาด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ด้วยว่าวันนี้เธอได้แจ้งแก่บอสใหญ่เรื่องเดตที่เขาเคยสัญญาไว้ พวกเธอนัดกันวันเสาร์นี้ ศศินจะมารับเธอที่บ้าน เหมือนฝันที่เป็นจริง ในที่สุดเธอก็จะได้เดตกับชายในฝันแล้วปรื๊นๆๆๆเสียงแตรรถดังสนั่นแทรกเข้ามาในห้วงคำนึงอันแสนหวาน รวีกานต์พาตัวเองออกมาสู่โลกของความจริง ท้องฟ้าเบื้องบนใกล้มืดมิดเต็มที แต่เธอยังไม่ถึงบ้าน เพิ่งจะลงจากรถไฟฟ้า เบื้องหน้าคือถนนที่คลาคล่ำไปด้วยยวดยานพาหนะและควันโขมงจากท่อไอเสียรถยนต์เธอควรขึ้นรถสองแถวตรงกลับบ้าน แต่ว่า ความยินดีบางอย่างทำให้เธอต้องไปพบเพื่อนผู้คุ้นเคยเสียก่อนณ ปลายภู Coffeeป้ายหน้าร้านช่วยทำให้รอยยิ้มของรวีกานต์กระจ่างขึ้นมาอีกครั้ง พอมองเข้าไปด้านในก็เห็นบุรุษร่างสูง กำลังเทคแคร์ลูกค้าด้วยรอยยิ้มสดใสและใบหน้าหล่อเหลาของเขา เธอรีบโบกมือให้เมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตา เขาไม่ได้สวมชุดอย่างพนักงานคนอื่น แต่สวมเสื้อผ้าธรรมดาทว่าดูดี เป็นเสื้อยืดสีขาวด้านใน คลุมทับด้วยเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าอ่อนที่ไม่ได้ติดกระดุม มีผ้ากันเปื้อนแบบเดียวกันกับพนักงาน คาดทับเอวไว้ ร้านกาแฟ ณ ปลายภู มีชื่อเสียงในละแวกน
หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ กัดริมฝีปากล่างอย่างประหม่า ศศินมองภาพนั้นไม่วางตา รอยโลหิตค่อยๆ ถูกฟันขาวๆ กรีดมันออกก่อนจะเรืองรองขึ้นมาอีกครั้งกลายเป็นริมฝีปากสีชาดอิ่มสวย“บอกไว้ก่อนว่าสิ่งที่เธอวางแผนไว้คงสำเร็จได้ยากหน่อย ก็จริงที่เธอได้อยู่ร่วมห้องกับฉัน แต่เรื่องนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้น แค่นี้ชีวิตฉันก็ยุ่งวุ่นวายพอแล้ว ฉันไม่หาเรื่องให้ตัวเองเพิ่มหรอก ครบสามเดือนก็รีบๆ ย้ายออกไปซะ นี่คือความหวังดีที่สุดจากฉันแล้ว เข้าใจนะ”เวนิสาพยักหน้าหงอยๆ“พี่คะ”“อะไร”“ขอ...สักที จะไม่ลืมพระคุณ”“เวนิสา!”ศศินอยากจะบ้าตาย ที่พูดออกไปยืดยาวนั่นมันไหลเข้าสมองหล่อนบ้างไหม“ฉันคงอยู่เฉยๆ รอวันย้ายออกไปไม่ได้หรอกค่ะ ชีวิตฉันขึ้นอยู่กับพี่ ฉันต้องท้องกับพี่ให้ได้ ต้องอ่อยท่าไหนฉันก็จะสู้ รอดูได้เลย!”ศศินยกมือกุมขมับ นี่เขาพูดกับท่อนไม้หรืออย่างไร“เธอนี่จริงๆ เลย เคยเข้าใจอะไรบ้างไหม รู้หรือเปล่าว่าตั้งแต่เธอมาอยู่ใกล้ฉันฉันต้องเปลืองพลังงานมากแค่ไ
ตกค่ำ วันเดียวกันศศินเดินเข้ามาในห้องอย่างมึนงง เขายังไม่ชินนักกับการมีเวนิสาอยู่ร่วมชายคา ไม่ชินกับอากาศเย็นๆ ของแอร์ในห้องด้วย ปกติแล้วเมื่อกลับมาถึงบ้านแบบนี้ เขาต้องรอหลายนาทีกว่าแอร์จะเย็น ตอนนี้เวนิสาหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง หล่อนขยับกายเล็กน้อย คงได้ยินเสียงเขาเดินเข้ามา“อะไรกัน นอนหลับอะไรป่านนี้ หรือว่าจะไม่สบาย” ถามตัวเองแล้วเดินเข้าไปดู กล้าๆ เกร็งๆ แต่สุดท้ายก็เลื่อนหลังมือไปอังหน้าผากมน มีไออุ่นแผ่ออกมาเล็กน้อย“ไม่ได้ป่วยแฮะ สงสัยจะเสียเลือดมากจนเพลีย”ชายหนุ่มนั่งลงข้างเตียง พิจารณาวงหน้างามของคนหลับอย่างทึ่งๆ ใบหน้าเรียวสวยนี่เข้ามาวนเวียนในสมองเขากว่าปีมาแล้ว สลัดอย่างไรก็ไม่พ้น หล่อนเป็นตัวปัญหาที่พาแต่เรื่องวุ่นวายมาให้ เป็นยัยตัวแสบที่แสนดื้อ น่าจับตีก้นเป็นที่สุด เขาไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่เวนิสามีต่อเขามันปกติธรรมดาหรือว่าพิเศษ หล่อนไม่เคยปริปากบอกอะไร แค่แสดงให้เขารู้ว่าหล่อนมีความจริงจังในสิ่งที่ต้องการก็แค่นั้น“อย่าฝันถึงเรื่องอีโรติก สำหรับเธอกับฉันมันต้องฮาร์ดคอร์เท่านั้น”
ประตูห้องน้ำปิดลงแทนคำตอบที่ศศินควรได้รับ เขายืนอึ้งอยู่หน้าห้องน้ำ อะไรกันเล่า มีเลือดออกขนาดนั้นยังยืนแหกปากอยู่ได้ ไม่เจ็บไม่ปวดบ้างหรืออย่างไร!“กรี๊ดดด!!!”“อะไร! วีนัส! เกิดอะไรขึ้นฮะ!”“เกิดเหตุฆาตกรรมในห้องน้ำ! เลือดโชกมาก ฮือออ...”ศศินส่ายหัวระอา ทั้งถอนหายใจอย่างโล่งอก มั่นใจได้เลยว่าเวนิสายังอยู่รอดปลอดภัย ฟังจากเสียงกรีดร้องนั่นเถอะ“ให้เรียกรถพยาบาลไหม”“ประชดฉันเหรอ! ผู้ชายไม่เคยเข้าใจอะไรหรอกน่า”“แน่นอน ถ้าเธอไม่เป็นอะไร งั้นฉันไปทำงานแล้วนะ อย่าลืมเคลียร์พื้นที่เกิดเหตุด้วยล่ะ อย่าให้เหลือร่องรอย ไม่งั้นคืนนี้ฉันจะให้เธอนอนในนั้น โอเคนะ!”ศศินร้องผ่านบานประตู เขาถอยออกมาจากตรงนั้น มายืนผูกเนกไทอยู่ข้างเตียง แล้วเสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้นหัวใจศศินเต้นรัว เวนิสาโผล่ส่วนศีรษะถึงหัวไหล่ขาวๆ ออกมา หน้าตาเต็มไปด้วยหยดน้ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง แต่หล่อนยังยิ้มทะเล้นน่าตี“อย่าลืมทานมื้อเช้าก่อนไปทำงานน้า ขับรถดีๆ นะคะพ
“ขอโทษนะคะ ที่ทำให้ลำบาก” คนสวยแต่โทรมเอ่ยขึ้นยืนนิ่งไม่ไหวติง เขาจ้องเธอนิ่งนาน เธอคงโทรมจนน่าตกใจ หรือไม่ก็ เขาคงระอากับตัวภาระอย่างเธอหัวใจของศศินเต้นผิดจังหวะยามได้ยินเสียงอ่อนแรงของเวนิสา หล่อนดูน่าสงสาร น่าทะนุถนอม แต่ว่า...เขาคงถนอมหล่อนไม่ลง เพราะสำหรับเขานั้น เวนิสาคือตัวปัญหาดีๆ นี่เองชายหนุ่มหันกลับไปนอนบนเตียง ตั้งใจว่าคราวนี้จะหลับลึกไม่ลุกขึ้นมาอีก แต่ความตั้งใจของเขาก็มีอันต้องพังยับตุ้บ!“โอ๊ย! ก้นฉัน!!”“นี่!? ฉันจะนอน!”ศศินดิ้นพล่านเตะลมอากาศอย่างขุ่นเคือง นี่แค่คืนแรกนะ ชีวิตเขาคงไร้ความสงบไปอีกสองเดือนกับยี่สิบเก้าวันใช่ไหม!“ฮือ...พี่ขา ฉันตกเก้าอี้...”คนสวยส่งเสียงร้องฮือๆ อย่างน่ารำคาญ มือข้างหนึ่งลูบบั้นท้ายป้อยๆ บอกแล้วว่าการนอนบนอะไรที่เล็กกว่าเตียง เป็นการท้าทายความสามารถของเธอ และในที่สุด เธอก็พ่ายแพ้บิ๊กบอสแห่งศิวเศขรเม้มปากแน่นๆ มองไปที่เวนิสาอย่างข่มใจมิให้ร้องด่าหล่อน ก่อนฝืนใจกวักมือเรียก“คะ?”“จนได้นะ
“ปิดไฟด้วยสิ” เขาสั่งเวนิสาลุกไปปิดไฟดวงใหญ่ เหลือไว้เพียงไฟห้องน้ำ“ปิดให้หมด”“ไม่ ฉันนอนไม่หลับถ้าไม่มีแสงไฟ อีกอย่าง...วันนี้วันแดงเดือด ฉันต้องเข้าห้องน้ำบ่อยแน่ๆ พี่ก็นอนๆ ไปเถอะน่า” บ่นให้เขาอย่างนึกรำคาญ ผู้ชายอะไรจู้จี้ชะมัด มองคนนี่มองแค่ภายในนอกไม่ได้จริงๆ ไม่รู้เธอปลื้มเขาเข้าไปได้ยังไงนะ เจอเขาครั้งแรกเธอคงเมาขี้ตาจนเห็นซาตานเป็นเจ้าชายโอ๊ย...หงุดหงิดตัวเอง!หญิงสาวพลิกซ้ายพลิกขวาอยู่หลายนาที แปลกที่ว่ามากแล้ว ที่นอนไม่ได้ดั่งใจยิ่งน่าหงุดหงิดกว่า สุดท้ายก็นอนไม่หลับ ลุกมานั่งแช็ตไลน์กับเพื่อนทั้งสอง แช็ตไปแช็ตมา อาการปวดท้องเมนส์ก็กำเริบ ต้องรีบหายามารับประทาน น่าตกใจที่มันเหลือติดกระปุกแค่เม็ดเดียวเท่านั้น แต่นี่วันที่สองแล้ว คงไม่ปวดเท่าวันแรกกระมัง“พี่...หลับแล้วเหรอ” ถามเขาแต่ได้รับเพียงความเงียบ เธอจัดการปิดแช็ตไลน์เพราะนาฬิกาบอกว่าดึกมากแล้ว ศศินหลับง่ายเหลือเกิน เธอนอนลงบ้าง หนาวนิดหน่อยเพราะไม่มีผ้าห่ม แต่ช่างเถอะ เขานอนแล้ว และเธอไม่อยากเข้าไปรื้อข้าวของหาผ้านวมในห้องแ
[2]จูบนี้ที่รอคอย_______________หญิงสาวหยิบเสื้อผ้าขึ้นแขวน ปากก็บ่นพึมพำให้พรพ่อยอดดวงใจของรวีกานต์ ก็จริงที่เธอเองก็ปลื้มเขาไม่น้อย แต่พอได้ยินวาจาคมกริบปานใบมีดนั้น ก็ชักจะปลื้มไม่ลง ทีกับคนอื่นทำมาดนิ่งสุขุม ติดเย็นชาด้วยซ้ำ ทีกับเธอนี่พร้อมจะเผากันให้ตายด้วยวาจานั่น น่าโมโห!“ทำไมต้องเป็นฉันด้วยก็ไม่รู้ น่าหงุดหงิดจริงๆ” เขาบ่นอย่างระอา“นี่! มีเซ็กซ์กับฉันนี่มันไม่น่ารื่นเริงใจเลยหรือไง ฉันไม่ดีตรงไหนฮะ!”เวนิสามีเคือง เขาพูดอย่างกับเธอหน้าตาน่าเกลียดจนกอดไม่ลงศศินไม่พูด มองหล่อนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ใช่...เวนิสาเป็นคนสวย หุ่นดี สมบูรณ์แบบเลยล่ะ และด้วยความสมบูรณ์แบบเกินไปมันทำให้เขาหงุดหงิด หล่อนคงมีหนุ่มๆ ดาหน้ามาจีบเป็นขบวน ทำไมไม่เลือกสักคนในกลุ่มคนพวกนั้น ทำไมต้องเป็นเขาด้วยก็ไม่รู้“ฉันไม่มีอารมณ์ ไปอาบน้ำแล้วนอนซะ”เวนิสาเบะปากใส่ ภารกิจทำลูกเพื่อความอยู่รอดจะไปรอดไหม คืนแรกก็กัดกันเป็นหมาแล้วศศินปรายหางตามองแม่
ณ ร้านอาหารอิตาเลี่ยนแห่งหนึ่ง ภายในโรงแรมที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากบริษัทศิวเศขรมากนัก รวีกานต์นั่งใจเต้นตึกๆ อยู่ต่อหน้าบิ๊กบอสผู้หล่อเหลา มีสาวๆ มากกว่าห้าโต๊ะจ้องมองมาทางนี้ แน่ล่ะ ทุกสายตามองมาที่เธอราวอยากจะฆ่า แต่รวีกานต์ไม่สนหรอกนะ เชิญอิจฉาให้อกแตกตาย วันนี้ศศินเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น!“ไม่หิวหรือครับ” บุรุษผู้สมบูรณ์แบบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ต่อหน้า เจ้าหล่อนยังไม่ยอมจับมีดขึ้นมาหั่นสเต๊กสักคำ“เอ่อ...ค่ะ หิวค่ะ ฉันแค่ไม่ชินกับความหรูน่ะ” เธอตอบตามจริง มองศศินแล้วหยิบมีดและส้อมตามเขา ค่อยๆ หั่นเนื้อคำเล็กๆ เขาปาก รสชาติของมันแทบจะละลายในปากเลยดีเทียว “โอ...อร่อย”ศศินมีรอยยิ้มบางๆ ไม่เคยเห็นกิริยาอันเปิดเผยของเหล่าสตรีมากนัก เพราะหากเจ้าหล่อนทั้งหลายได้มานั่งตรงหน้าเขาแล้วละก็ ส่วนมากจะสงวนท่าที จะทำทุกวิถีทางให้ดูสมบูรณ์แบบเพื่อคู่ควรกับเขารวีกานต์เริ่มอร่อยกับอาหารในจานของตัวเอง เธอหั่นเนื้อชิ้นโตเข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆ ไม่ห่วงสวย“คงถูกปากนะครับ” เขาถามแล
วันนี้อากาศสดใสไร้ลมฝน ศิวเศขร คอร์ปอเรชั่น จำกัด ยังคงเปิดทำการเฉกเช่นวันอื่นๆ วันศุกร์สุดสัปดาห์อย่างนี้ดูเหมือนจะเป็นวันดีๆ ของพนักงานหลายๆ คน ยกเว้นรวีกานต์ เพราะสาวมั่นคนงามอยากให้วันนี้เป็นวันจันทร์ จะได้มาแอบมองบอสใหญ่อีก เขาจะเดินผ่านเธอไปยังลิฟต์โดยสาร เพื่อขึ้นไปยังห้องทำงานที่ชั้นยี่สิบ เธอจะรีบมาก่อนเวลา ทำทีเป็นนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่ล็อบบีด้านล่างเพื่อรอการมาของเขาวันนี้ก็เช่นกัน เขายังคงดูหล่อเหลาเช่นเดิม วงหน้าขาวจัดนั่นประหนึ่งไม่เคยโดนแสงแดด เขาทักทายพนักงานพอเป็นพิธี ไม่ได้คลี่ยิ้ม เพียงแค่ก้มหน้าให้เล็กน้อยยามสบตาคนที่ยืนรอ เธอมองเขาจนเขาเดินเข้าลิฟต์ไป แน่นอนว่าหลังจากนั้นเธอต้องวิ่งสี่คูณร้อยเพื่อไปให้ทันเวลาสแกนบัตรเข้างานของตัวเองใกล้เวลาพักเที่ยง รวีกานต์ด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าห้องบอสใหญ่ เลขาของเขากำลังจัดเก็บแฟ้มงานให้เรียงกันเป็นตั้ง บุรุษร่างผอมแกรน อายุมากกว่าเธอหลายปี หันมามองเธออย่างใคร่รู้ แน่ล่ะ เกือบแปดปีที่ทำงานที่นี่ เธอไม่เคยขึ้นมาถึงชั้นนี้เลยนี่นา“เอ่อ...มีธุระอะไรหรือเปล่าครั