หมอหนุ่มไฟแรงที่ไม่เคยมีความเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติอยู่ในหัวเลยแม้แต่น้อย กลับต้องมาพัวพันกับหญิงสาวประหลาดที่เอาเเต่พูดเรื่องผีกับเขาทุกครั้งที่เจอหน้ากัน ‘ฉันไม่มีวันแต่งงานกับคนเพ้อเจ้ออย่างเธอ’
View More“คุณแม่ครับเรากำลังจะไปไหนกันเหรอครับ?”
เด็กชายพีรดนย์ ธาดาศิริกุล หรือน้องเพิร์ชในวัย 5 ขวบ ลูกเสี่ยวไทย จีน และอังกฤษเอ่ยถามมารดาที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นไปมองบิดาของเขาที่กำลังขับรถฝ่าสายฝนอย่างไม่เข้าใจ ทันทีที่เด็กชายลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองนอนอยู่บนตักของคุณแม่ แทนที่จะนอนอยู่บนเตียงนอนหนานุ่มของตัวเองที่คฤหาสน์หลังงามอย่างเช่นทุกวัน
“เรากำลังไปอุบลราชธานีกันครับ”
“ไปทำไมเหรอครับ?” เด็กชายลุกขึ้นนั่งก่อนจะเอ่ยถามหมอพอลคุณพ่อของเขาออกไปด้วยความสงสัยอีกครั้ง
“พ่อมีธุระด่วนต้องไปจัดการที่โรงพยาบาลของเราน่ะครับ”
“...”
“พ่อกับแม่จำเป็นต้องเอาลูกมาด้วย ขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอกลูกก่อน” แมรี่แม่ของเด็กชายเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลอย่างเช่นทุกครั้ง มือบางลูบลงที่หัวน้อยของลูกชายอย่างเอ็นดู
“ไม่เป็นไรครับแม่ เรื่องด่วนนี่นา...” เด็กชายเอ่ยบอกกับพ่อและแม่ของเขาออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใสอย่างเช่นทุกครั้ง
เพิร์ชเหม่อมองออกไปยังนอกกระจกรถตามประสาของเด็ก สายฝนที่ยังคงตกกระหน่ำทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของเขาเต้นโครมครามราวกับว่ามันจะหลุดออกมาจากอกเสียให้ได้ ซึ่งไม่ต่างอะไรจากผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ภายในรถคันเดียวกันกับเขา
“พี่พอลค่อยๆ ขับนะคะฝนตกหนักมากเลย”
“ครับ...ว่าแต่ถนนเส้นนี้ไม่มีรถสักคันเลยเหรอ?” นายแพทย์หนุ่มเอ่ยตอบรับคำของภรรยาสาว ก่อนที่เขาจะพึมพำออกมาด้วยความสงสัย พร้อมกับมองไปยังถนนเบื้องหน้าอย่างเป็นกังวล ถ้าเขามาคนเดียวเขาคงไม่รู้สึกกังวลขนาดนี้ แต่นี่ลูกกับเมียของเขาติดตามมาด้วยเขาจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด
“นั่นสิคะ? น้องนั่งสังเกตมาสักพักแล้วทั้งๆ ที่พึ่งจะ 1 ทุ่มเอง แต่ไม่มีรถผ่านไปผ่านมาเลยสักคัน”
“น่าจะเป็นเพราะฝนตกคงไม่มีอะไรหรอกครับ”
“แต่ฟ้าเริ่มมืดแล้วนะครับคุณพ่อ” เพิร์ชขยับเข้าไปนั่งเกาะประตูรถ ก่อนที่เขาจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบ เด็กชายเพ่งมองไปยังชายคนหนึ่งที่ยืนตากฝน พร้อมกับจับจ้องมาที่รถของเขาอยู่อีกฝั่งของถนน
คิ้วหนาของเด็กชายขมวดเข้าหากันด้วยอย่างไม่เข้าใจ เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นผู้ชายรูปร่างแบบนี้ยืนอยู่ริมถนนที่คุณพ่อของเขาพึ่งขับรถผ่าน แต่ทำไมถึง...?
“...”
“มีอะไรรึเปล่าเพิร์ช?” แมรี่ที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยถามลูกชายเพียงคนเดียวของเธอออกมา ก่อนจะมองออกไปยังนอกกระจกรถที่ลูกชายของเธอกำลังจ้องมองอยู่
“คุณพ่อระวังครับ !!!”
เอี๊ยดดดดดดด!!!! โครมมมมม !!!!
“ว๊ายยยยย!! คุณคะ...” แมรี่ดึงลูกชายเข้ามากอดเอาไว้แน่น ก่อนที่เธอจะหันไปมองสามีบังคับรถที่กำลังเสียหลักด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
พอลเงยหน้าขึ้นมาจากพวงมาลัยรถก่อนที่เข้าจะมองเห็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ยื่นยิ้มอยู่ตรงหน้าอย่างอึ้งๆ รถหรูของเขาเสียหลักพุ่งชนกับต้นไม้ใหญ่อย่างแรง แต่โชคดีที่พอลยังพอมีสติเขาจึงสามารถควบคุมรถเอาไว้ได้ ถ้าไม่อย่างนั่นรถอาจเสียหลักตกลงไปยังลำคลองข้างทางก็ได้
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” พอลหันมาถามภรรยากับลูกชายเพียงคนเดียวของเขาด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับมือหนาลูบลงที่หัวของภรรยาและลูกชายอย่างต้องการจะปลอบประโลม
“เพิร์ชไม่เป็นอะไรครับ”
“น้องก็ไม่เจ็บตรงไหนค่ะ ว่าแต่เราจะทำยังไงกันดีคะ?” แมรี่เอ่ยถามสามีออกมาเสียงสั่น ก่อนที่สายตาของเธอจะมองไปยังกลุ่มควันสีขาวตรงหน้าที่ค่อยๆ จางหายไปอย่างเป็นกังวล ในขณะที่ฝนด้านนอกยังคงตกลงมาไม่ขาดสายและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกง่ายๆ เสียด้วย
“รถคงไปต่อไม่ได้แล้วครับ ที่นี่ก็ไม่มีสัญญาณเสียด้วย...” พอลเอ่ยบอกกับภรรยาสาวก่อนที่เขาจะก้มดูโทรศัพท์ในมือของตัวเองอย่างคิดไม่ตก
เขาขับรถมาบนถนนเส้นนี้ได้สักพักแล้วโดยที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามาถูกทางหรือไม่ ปกติทุกครั้งที่เขาจะมาตรวจงานที่โรงพยาบาลของเขาในจังหวัดอุบลราชธานีเขามักจะมีคนขับรถมาให้เสมอ แต่ตอนนี้มันต่างไปจากทุกครั้ง...
คนขับรถทุกคนในบ้านต่างไม่ว่างเลยสักคน เกิดเรื่องด่วนที่โรงพยาบาลของเขาเกิดเหตุไฟไหม้ก็ไม่สามารถรอได้เสียด้วย ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องไปให้ถึงโรงพยาบาลของเขาให้ไวที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้...
“แม่ครับ...”
“ครับลูก เพิร์ชกลัวรึเปล่าครับ?” แมรี่เอ่ยถามลูกชายในอ้อมกอดออกมาด้วยความเป็นห่วง มือบางลูบลงที่หัวของเด็กชายต้องหน้าเบาๆ อย่างปลอบประโลม
“ไม่กลัวครับ แต่ว่า...”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!!
“อุ๊ย!!” แม่รี่อุทานออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่เธอจะรั้งลูกชายเข้ามากอดเอาไว้แน่นกว่าเดิม
“คุณค่ะ เป็นอะไรรึเปล่าค่ะ?” เจ้าของเสียเคาะกระจกเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่ว่าเธอจะเอ่ยออกมาเท่าไหร่ก็ไม่ได้ทำให้คนในรถรู้สึกวางใจได้เลย
“ได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ?”
ทั้งสามคนภายในรถมองออกไปตามเสียงเคาะ ก่อนที่พอลผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่เขาจะเลื่อนกระจกข้างเขาลงเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถามของหญิงสาวปริศนาด้านนอกกลับไปเสียงเรียบ
“ไม่มีครับพวกเราปลอดภัยดี”
“ไม่มีใครเป็นอะไรก็ดีแล้วจ๊ะ” หญิงสาวตอบกลับมาเสียงใส พร้อมกับเดินไปสำรวจรอบๆ รถหรู พร้อมกับคิ้วเรียวของเธอขมวดเข้าหน้ากันเล็กน้อยอย่างหนักใจ
“รถหน้าจะพังไปต่อไม่ได้แล้วจ้ะแม่”
“อยู่ในนี้นะครับ” พอลช่างใจอยู่สักครู่ก่อนที่เขาจะหันมาบอกกับภรรยาและลูกของเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนอย่างเช่นทุกครั้ง
“เดี๋ยวค่ะพี่พอล...จะออกไปดีเหรอคะ เราไว้ใจพวกเขาได้รึเปล่าก็ไม่รู้”
“ไม่ต้องห่วงครับ หลังจากที่พี่ลงไปแล้วน้องล็อครถเลยนะครับ”
“แต่ว่า...”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกเขาน่าจะเป็นชาวบ้านที่อยู่ระแวกนี้”
“ยังไงก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดีนะคะ”
“หึหึ ไม่เป็นไรหรอกนะครับ เชื่อพี่สิ...” พอลเอ่ยบอกกับภรรยาสาวออกมาเสียงอ่อน พร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้เธออย่างเอ็นดู
“ก็ได้ค่ะ ระวังตัวด้วยนะคะ”
“ครับ”
ปึก!!!
“นี่ร่มจ้ะ”
“ขอบคุณครับ” พอลมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างคิดไม่ตก ก่อนที่เขาจะยกยิ้มออกมา และก้มหัวให้กับเธออย่างนอบน้อม พร้อมกับรับร่มที่เธอยื่นมาให้กับเขามาถือเอาไว้
ตาคมของชายหนุ่มมองไปยังหญิงสาวทั้งสองคนตรงหน้าพร้อมกับเอ่ยถามพวกเธอออกไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“แถวนี้มีช่างบางไหมครับ?”
“ฝนตกหนักขนาดนี้หาช่างที่ไหนไม่ได้หรอกหนุ่ม” หญิงวัยกลางคนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่ม พร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย
“เหรอครับ แล้วผมจะทำยังไงดีครับ ผมมีธุระต้องรีบไปทำน่ะครับ”
“คืนนี้พักที่นี่ก่อนเถอะ ถ้าขืนดันทุรังไปยังไงก็ไปไม่ถึง”
“หมายความว่ายังไงครับ?” ร่างสูงเอ่ยถามออกมาอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพึ่งจะได้ยิน
“แม่ฉันหมายความว่า...คืนนี้ไม่ว่าคุณจะหาทางออกไปจากที่นี่ยังไงก็ออกไปไม่ได้หรอกจ้ะ”
“ทำไมล่ะครับ?”
“อย่าพึ่งถามอะไรตอนนี้เลย พวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ”
“คือว่า...” พอลมองสองคนแม่ลูกอย่างไม่ไว้วางใจ เขาไม่รู้ว่าทั้งสองคนมีวัตถุประสงค์อะไรถึงได้เข้ามาช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้แบบนี้ ถึงสองคนตรงหน้าจะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอจะไม่เป็นภัยต่อเขา และครอบครัวของเขา
“พวกเราจะไม่บังคับคุณ ถ้าคุณคิดว่าอยู่มืดๆ กลางสายฝนตรงนี้แล้วจะปลอดภัยกว่าไปกับพวกเราก็แล้วแต่คุณ”
“...”
“ถ้าเลือกอยู่ที่นี่ก็ให้อยู่แต่บนรถ และไม่ว่าได้ยินเสียงอะไรก็ตามหลังจากที่พวกเราไปแล้วห้ามลงจากรถมาดูเด็ดขาด”
“ทำไมละครับ?” พอลเอ่ยถามหญิงสาวที่ดูจากภายนอกเธอน่าจะมีอายุมากกว่าเขาหลายปีออกมาด้วยความสงสัย
“หึหึ เรื่องบางเรื่องก็ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้หรอกนะคุณ เราไปกันเถอะลูก” เสียงของ ‘แม้น’ หญิงวัย 40 ปีเอ่ยบอกกับชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนที่เธอจะหันกลับมาบอกกับ ‘น้ำหนึ่ง’ ลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอในวัย 18 ปี ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลอย่างเช่นทุกครั้ง
“...”
“เอาเป็นว่าทำตามที่แม่ของหนูบอกนะจ้ะ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน”
พอลมองตามหลังหญิงสาวทั้งสองที่กำลังเดินห่างออกไปด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“เดี๋ยวครับ!!!”
9 ปีต่อมา... “น้ำฟ้าพร้อมนะ”“พร้อมค่ะ” น้ำฟ้าในวัย 8 ขวบเอ่ยบอกกับเพื่อนของเธอในวัยเดียวกันเสียงอ่อน ก่อนที่เด็กสาวทั้งสองคนจะพากันกระโดดลงมาจากชิงช้า ด้วยความเป็นเธอโตมากับพี่ๆ ที่เป็นผู้ชาย ทำให้เด็กหญิงน้ำฟ้าดูแก่นแก้วกว่าเด็กสาวในวัยเดี๋ยวกัน“อะ โอ้ยยยย!!!”“บันนี่!!!” น้ำฟ้าร้องเรียกเพื่อนของเธอออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งเข้าไปดูเพื่อนรักในทันที“เราขอดูหน่อยนะ” มือบางนวดข้อเท้าของเพื่อนตัวเองเบาๆ ก่อนที่เด็กหญิงจะเปิดกระเป๋าและหยิบยาขึ้นมาทาให้กับคนตรงหน้าอย่างเบามือ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนที่น้ำฟ้าจะลุกวิ่งออกไปทางโรงอาหารที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล“น้ำฟ้า”“ไปไหนมาเหรอ?”“ไปทำที่ประคบเย็นมาน่ะ น่าจะช่วยแก้ปวดได้ดีกว่า”“เราประคบเย็นให้แล้วอาจจะช่วยบันนี่เบาปวดลงได้บ้าง กลับบ้านไปพยายามอย่าให้บริเวณที่เจ็บโดนความร้อนนะ”“ทำไมละ?” บันนี่เอ่ยถามน้ำฟ้าออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่เธอจะมองไปที่เพื่อนรักอย่างรอคำตอบ“ถ้าเส้นเลือดบริเวณนี้ขยายตัวมันจะทำให้บันนี่ปวดและก็จะหายช้าลงด้วย” น้ำฟ้าอธิบายให้เพื่อนของเธอฟังอย่างใจเย็น ก่อนที่เธอจะเก็บอุปกรณ์ลงกระเป๋าเป้ของตัว
“พี่เพิร์ชจะรีบไปไหนคะ?” น้ำมนต์เอ่ยถามชายหนุ่มออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะวางร่างบางของเธอลงบนเตียงอย่างเบามือ“รีบตามไอ้ฮันเตอร์ครับ”“พี่ฮันเตอร์ทำไมคะ?”“ไอ้ฮันเตอร์มันลูก 4 แล้วนะครับเราต้องรีบตามไป” เพิร์ชยกยิ้มออกมาก่อนที่เขาจะ กระโดดขึ้นไปคล่อมร่างบางของคนรักเอาไว้ในทันที ชายหนุ่มค่อยๆ โน้มใบหน้าหล่อเหลาของเขาลงใกล้กับใบหน้าของหญิงสาว...“เดี๋ยวค่ะ...”“ครับ?”“หนูขออาบน้ำก่อนได้ไหมคะ?”“หึหึ ได้สิครับ” เพิร์ชหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างรู้ทันในความคิดของของร่างบางตรงหน้า ก่อนที่ชายหนุ่มจะหลบทางเพื่อให้เธอลุกขึ้นไปอาบน้ำได้สะดวกยิ่งขึ้น“ขอบคุณค่ะ”“ต้องการผู้ช่วยถอดชุดไหมครับ?”“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่ดีกว่าหนูไม่อยากรบกวนพี่เพิร์ช”น้ำมนต์ถอดชุดเดรสของตัวเองออกจากร่างบางของตัวเองต่อหน้าหมอเพิร์ช ก่อนที่เธอจะเดินเข้าห้องน้ำไปหญิงสาวหันกลับมามองชายหนุ่ม พร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา“หึหึ”“...” น้ำมนต์เดินเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนที่เธอจะหยุดยืนอยู่ที่หน้ากระจกเงา หญิงสาวมองไปยังนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าของตัวเองที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มหวานอีกครั้ง“ไม่อยา
ณ บ้านพักตากอากาศปราณบุรี“พวกเราจะใส่ได้จริงๆ เหรอ?” ตะวันที่นั่งเงียบดูน้ำมนต์กับชูใจลองชุดอยู่นานเอ่ยถามขึ้น พร้อมกับมองชุดบิกินี่สีชมพูบานเย็นในมือของตัวเองอย่างหนักใจ ตะวันจำได้ดีว่าครั้งล่าสุดที่เธอใส่บิกินี่โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากสามีของเธอมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง“ใส่ได้ค่ะ เชื่อชูใจสิพี่ตะวัน”“จริงด้วยค่ะ มีแต่พวกเราพี่ฮันเตอร์ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ”“เอางั้นก็ได้จ้ะ” ตะวันเอ่ยบอกกับน้องๆ ก่อนที่เธอจะเดินไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำทันที“ถ้าไม่มีผ้าก๊อซปิดแผลคงจะสวยกว่านี้นะคะ” น้ำมนต์มองตัวเองในกระจกก่อนที่เธอจะยู่หน้าขึ้นมาเล็กน้อย ทันทีที่เห็นผ้าก๊อซแปะอยู่บนหน้าผากของเธอ“ไหนพี่ขอดูหน่อยสิ” ชูใจเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของน้ำมนต์ ก่อนที่มือบางจะประคองปลายคางของหญิงสาวพร้อมกับหมุนไปทางซ้ายทีขวาทีเพื่อดูความเรียบร้อยให้กับคนตรงหน้า“เป็นไงบ้างค่ะ?”“ไม่ว่ามุมไหนน้ำมนต์ก็สวย เดี๋ยวตอนถ่ายรูปถ่ายมุมนี้นะพี่รับรองความปัง”“ค่ะ”“แล้วบิกินี่สีฟ้าแบบนี้เข้ากับหนูไหมคะพี่ชูใจ?”“สวยมากค่ะลูกสาว” ชูใจเอ่ยบอกกับน้ำมนต์เสียงหวาน พร้อมกับมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกอย่างช่างใจ บิกินี่สีส้มแบบนี้ยิ
ณ โรงพยาบาลเอกชน“ไอ้เพิร์ช / ไอ้เพิร์ช” เสียงของฮันเตอร์กับสกายร้องเรียกเพิร์ชรักของเขาออกมาเสียงหลง ก่อนที่ทั้งคู่จะวิ่งมาหาชายหนุ่มอย่างร้อนใจสกายจับตัวเพิร์ชหมุนไปมาเพื่อสำรวจความเรียบร้อย จนชายหนุ่มที่พึ่งประสบอุบัติเหตุมาได้ไม่นานเวียนหัวไปหมด แต่เพิร์ชก็ไม่ได้คิดจะห้ามปรามอะไรเพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนรักเป็นห่วงเขามาก และที่สำคัญเขามีคนให้ต้องสนใจมากกว่า ‘น้ำมนต์’“น้ำมนต์ล่ะคะ?” ตะวันที่ยืนเงียบอยู่นานเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง ทันทีที่ทุกคนรู้ว่าหมอเพิร์ชกับน้ำมนต์ประสบอุบัติเหตุก็รีบพากันมาที่โรงพยาบาลในทันที โดยมีชูใจคอยดูแลเด็กๆ อยู่ที่บ้านพัก...“อยู่ในห้องฉุกเฉินครับ”“น้องเป็นยังไงบ้าง?” ฮันเตอร์เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปตบไหล่แกร่งของเพื่อนรักเพื่อปลอบใจเพิร์ช สกาย และฮันเตอร์เป็นเพื่อนกันมานานแค่มองตาก็รู้ใจแล้ว ถึงบุคลิกของเพิร์ชจะดูเป็นคนขรึมๆ ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกกับใครทั้งนั้น แต่ครั้งนี้มันต่างไปเพิร์ชที่เก็บสีหน้าเก่งมาตลอดกลับแสดงความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด“ยังไม่ออกมาเลยว่ะ”“...”“กูเคยคิดว่าตัวเองเป็นหมอที่เก่งช่วยคนมาได้ไม่รู้
วันต่อมา...“แม่รักลูกนะ“หนูก็รักแม่ค่ะ”น้ำหนึ่งกอดลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอไว้แน่น มือบางลูบลงที่หัวน้อยๆ ของเด็กสาวตรงหน้าอย่างทะนุถนอม ก่อนที่ทั้งคู่จะคลายอ้อมกอดออกจากกัน หญิงสาวจึงเดินเข้าไปกอดยายของเธอที่ยืนอยู่ไม่ได้“อยู่กับพี่เขาก็อย่าดื้อ ตั้งใจเรียนนะลูก จุ๊บ~” ยายแม้นเอ่ยบอกกับร่างบางเสียงอ่อนพร้อมกับจุ๊บลงที่หน้าผากหลานสาวอย่างอ่อนโยน“จ้ะยาย”“เดินทางปลอดภัยนะลูก” นทีกอดตอบลูกสาวตัวน้องของเขา มือหนาลูบลงที่หัวของเธออย่างอ่อนโยน ก่อนที่เขาจะกระซิบเบาๆ ที่ข้างหนูของเธอเพื่อให้รู้กันเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น“ถ้าหนูอยากจะหนีก็โทรบอกมาหาพ่อ พ่อจะรีบไปพาลูกหนีได้ทุกเวลาที่หนูต้องการ เข้าใจไหมยัยหนูน้อยของพ่อ...?”“เข้าใจแล้วค่ะ”“หรือถ้าหนูอยู่แล้วไม่มีความสุขก็กลับมาบ้านเรานะลูก พ่อจะรออยู่ที่บ้านเสมอ”“จ้ะพ่อ” น้ำมนต์ยกยิ้มออกมาพร้อมกับพยักหน้าให้กับบิดาของเธอเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเดินไปยืนอยู่ข้างกายของหมอเพิร์ช“พวกเราลาครับ สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ”น้ำมนต์โบกมือลาพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับทุกคน ก่อนที่หญิงสาวจะหันไปร่ำลากุมารน้อยทั้งสองตนเสียงอ่อน ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ตามกลับ
“ตรงนี้เงียบดีนะครับ” เพิร์ชเอ่ยขึ้นมาก่อนที่ชายหนุ่มจะจูงมือบางให้เดินตามเขาขึ้นไปยังศาลากลางน้ำ ดอกบัวชมพูที่บานสะพรั่งอยู่ในสระน้ำตรงหน้ายิ่งมองดูยิ่งน่าหลงไหล“ลมเย็นดีด้วยนะคะ” น้ำมนต์เดินไปนั่งลงบนม้านั่งพร้อมกับทอดสายตามองไปที่สระน้ำเบื้องหน้า“ครับ อากาศน่านอนจริงๆ” เพิร์ชเอ่ยบอกกับร่างบางเสียงอ่อน ก่อนที่เขาจะทิ้งตัวลงนอนหนุนตักของเธอ ชายหนุ่มดึงมือบางไปกุมเอาไว้ที่อกแกร่งของเขา พร้อมกับนิ้วเรียวลูบลงที่หลังมือบางของเธอเบาๆ“พี่เพิร์ชเก่งมากเลยนะคะเข้ากับที่บ้านของหนูได้เป็นอย่างดีเลย”“ก็พี่รักลูกสาวเขานี่ครับ พี่ก็ต้องทำให้พวกเขารักและไว้ใจพี่” มุมปากของชายหนุ่มยกยิ้มหวานออกมาพร้อมกับเอ่ยบอกกับเธอออกไปเสียงอ่อน“หนูรักพี่เพิร์ชนะคะ”จุ๊บ!!!“พี่ก็รักหนูครับ” ริมฝีปากหนาจุ๊บลงที่หลังมือของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนที่เขาจะเอ่ยบอกกับคำรักกับเธอออกไป‘น่าอิจฉาคนมีความรักจริงๆ โวย’‘เออวะ กลางนาก็ยังไม่เว้น’เสียงของใบเงินกับใบทองดังขึ้นมาจากด้านหลังของต้นไม้ใหญ่ ก่อนที่ร่างของกุมารน้อยทั้งสองตนจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะลุกออกจากตักของหญิงสา
Comments