วันเปิดเรียนวันแรก
“พี่เพิร์ชยังไม่ไปทำงานเหรอคะ?” น้ำมนต์เอ่ยถามชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตู ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างกายของเขา
“รอเธอไง”
“รอหนู? รอทำไมคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามชายหนุ่มตรงหน้าออกไปอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจ ลุงไม้คนขับรถของคุณป้าที่ถูกส่งมาดูแลเธอก็อยู่ แล้วทำไมพี่เพิร์ชต้องไปส่งเธอที่มหาลัยด้วย
“ไปส่งเธอไง”
“หนูไปกับลุงไม้ได้ค่ะ”
“ฉันรู้ว่าเธอไปได้ แต่แม่ฉันคงไม่ยอม”
‘อ่อ คำสั่งของคุณป้าสินะ’ น้ำมนต์พยักหน้าให้กับชายหนุ่มอย่างเข้าใจก่อนที่เธอจะเดินตามร่างสูงไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล สถานการณ์ตอนนี้ทั้งน้ำมนต์และเพิร์ชต่างก็ไม่มีใครสามารถปฏิเสธการจับคู่ในครั้งนี้ได้
“พี่เพิร์ชส่งหนูเสร็จแล้วไปไหนต่อเหรอคะ?” น้ำมนต์เอ่ยถามชายหนุ่มออกไปในขณะที่สายตาของเธอยังคงจับจ้องไปยังโหงพรายที่ยืนอยู่ตรงหน้า มือบางค่อยๆ เอื้องไปจับแขนแกร่งของชายเอาไว้ก่อนที่ร่างของผีสาวจะหายไป
“ไปทำงาน...มีอะไรรึเปล่า?” เพิร์ชเอ่ยถามขึ้นก่อนที่เขาจะมองไปยังใบหน้าสวยหวานของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกายอย่างไม่เข้าใจ มือบางของเธอจับแขนแกร่งของเขาเอาไว้ ‘เธอเห็นอะไรอย่างนั่นเหรอ...?’
“ไม่มีค่ะ”
“หึหึ โกหกไม่เนี่ย”
“หนูได้ยินนะคะ” น้ำมนต์ยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเอ่ยบอกกับเขาออกไปเสียงอ่อน
“...”
ภายในรถตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ก่อนที่รถหรูจะเลี้ยวเข้ามาจอดยังหน้าตึกของคณะศิลปกรรมศาสตร์ ทามกลางสายตาของนักศึกษาทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น
“จริงๆ พี่เพิร์ชไม่ต้องเข้ามาส่งหนูถึงในนี้ก็ได้นะคะ” น้ำมนต์พึมพำออกมา พร้อมกับมองไปรอบๆ อย่างเป็นกังวล สายตาของเพื่อนๆ พี่ๆ ร่วมคณะต่างมองมาที่รถหรูของพี่เพิร์ชแล้วแบบนี้เธอจะกล้าลงจากรถคันนี้ได้ยังไง
“ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก?”
“ทำไมคะ?” น้ำมนต์หันไปถามชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่เธอจะดึงมือบางของตัวเองออกจากแขนแกร่งของเขา
“เดี๋ยวคุณแม่จะเอ็ดเอา...”
“คุณแม่จะรู้ได้ยังไงคะ?”
“เธอประเมินแม่ของฉันต่ำไปนะน้ำมนต์” เพิร์ชเอ่ยออกมาเสียงเรียบ พร้อมกับมุมปากของเขายกยิ้มออกมาเล็กน้อย
“พี่เพิร์ชยิ้มน่ากลัวจัง”
“...อะ อืม เลิกเรียนแล้วรอฉันอยู่ตรงนี้เดี๋ยวฉันมารับ ลงไปได้แล้วฉันจะรีบไปทำงาน” ชายหนุ่มหุบยิ้มทันทีก่อนที่เขาจะเอ่ยบอกกับร่างบางเสียงเรียบ พร้อมกับหันหน้าหนีเธอไปอีกทาง
“ก็ได้ค่ะ แต่ก่อนจะไป...”
“...”
“ทำอะไรของเธอ...นี่มันอะไรวะเนี่ย?” เพิร์ชก้มมองสร้อยพระที่ห้อยอยู่ที่คอของเขา พร้อมกับกุมมือบางของน้ำมนต์เอาไว้ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามเธอออกไปอย่างไม่เข้าใจ
“สร้อยพระค่ะ พี่เพิร์ชต้องใส่ไว้ห้ามถอดออกเด็ดขาดนะคะ”
“เพ้อเจ้อชิบ!!!”
“พูดคำหยาบ ไม่น่ารักเลยนะคะ”
“จิ๊!!!”
“หนูไปเรียนก่อนนะคะ ห้ามถอดออกนะ” น้ำมนต์เอ่ยบอกกับชายหนุ่มก่อนที่เธอจะกระโดดลงจากรถ และวิ่งเข้าตึกเรียนไปในทันทีโดยไม่รอให้ชายหนุ่มได้เอ่ยอะไรออกมา
“ฉันต้องเชื่อเธอรึไง...”
‘ห้ามถอดออกนะ’
“จิ๊!!!”
นิ้วเรียวลูบคิ้วหนาของตัวเองก่อนที่เขาจะขับรถหรูของตัวเองออกไปในทันที ตาคมมองออกไปยังเส้นทางตรงหน้านิ่งๆ แต่หัวใจดวงโตของเขากลับเต้นโครมครามราวกับว่ามันจะหลุดออกมาจากอกของเขาเสียให้ได้
“ความรู้สึกนี่มันคืออะไรกันวะเนี่ย…?” มือหนาลูบลงยังสร้อยพระที่ห้องอยู่บนคอของตัวเอง ก่อนที่เขาจะพึมพำออกมาอย่างไม่เข้าใจถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับหัวใจของตัวเอง
“ไอ้เพิร์ช ไอ้เพิร์ชตั้งสติ...”
อีกด้าน...
ปึง!!!
“ทำไมมันยังไม่ตายอีก” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผลักประตูไม้อย่างแรง ก่อนที่เขาจะยืนเท้าสะเอวพร้อมกับเอ่ยถามชายสูงอายุที่นั่งอยู่ตรงหน้าเสียงดังลั่นตำหนัก
“ใจเย็นๆ นั่งลงคุยกันก่อน”
“ทำไมโหงพรายของพ่อหมอถึงยังทำอะไรมันไม่ได้อีก”
“หึหึ มันมีของดี...”
“ของดี? ไหนพ่อหมอบอกว่าจัดการมันได้ไม่ยากไง...” ชายหนุ่มรุ่นราวคราวลูกเอ่ยถามขึ้นอย่างหัวเสีย
“ที่ผมจ่ายไปไม่ใช่น้อยๆ นะพ่อหมอ”
“ฉันไม่เคยทำงานพลาด”
“พูดแบบนี้ผมก็โล่งใจ ว่าแต่ของดีที่พ่อหมอพูดถึงคืออะไร...?”
“ผู้หญิง”
“ผู้หญิง? หมายความว่าไง?”
“โหงพรายที่ฉันส่งไปมันบอกว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาขวางมันเอาไว้” ชายสูงวัยเอ่ยบอกกับคนตรงหน้าเสียงเรียบ พร้อมกับมองขึ้นไปยังเหนือหัวของชายหนุ่มนิ่งๆ
“ไม่เห็นจะยากพ่อหมอก็ทำของใส่มันอีกคน ฉันยินดีจ่ายเพิ่ม...”
“หึหึ ดูท่าทางจะเกลียดมันมากสินะ”
“ถ้ามีมันต้องไม่มีผม ถ้ามีผมก็ต้องไม่มีมัน”
“หึหึ ได้สิฉันจะจัดการมันสองคนเอง กลับไปรอฟังข่าวดีได้เลย”
มหาวิทยาลัย
“สวัสดีเราชื่อใยไหมนะ เธอชื่ออะไรเหรอ?” ใยไหมเดินตรงเข้าทักน้ำมนต์อย่างเป็นมิตร
“เราชื่อน้ำมนต์ ยินดีที่ได้รู้จักนะใยไหม”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน ตามเรามาทางนี้สิน้ำมนต์...”
“ไปไหนเหรอ?” น้ำมนต์เอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ในขณะที่ขาเรียวก็เดินตามเธอไปยังกลุ่มของนักศึกษาปี 1 ที่นั่งรออยู่ไม่ไกล
“นี่บีน่า และนี่เจ้าคุณ ส่วนนี่น้ำมนต์...”
“เจ๊คุณค่ะเรียกใหม่นะคะชะนี”
“ขอโทษค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนนะคะ”
“อือ...” บีน่าสายตาขึ้นมามองน้ำมนต์เล็กน้อยก่อนที่เธอจะก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ในมือของตัวเองต่อไปโดยไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
“จิ๊!! มานั่งนี่มานังชะนีน้อยทั้งสอง”
น้ำมนต์เดินเข้าไปนั่งยังที่วางอย่างงงๆ ก่อนที่เธอจะหันไปถามบีน่าด้วยความสงสัย
“บีน่าพาเรามาทำอะไรที่นี่เหรอ?”
“โอ้ยยยย...ยัยชะนีแว่วหนานี่ไม่ได้หลอกเธอมาทำมิดีมิร้ายหรอกยะ อาจารย์ที่ปรึกษาให้พวกเราจับกลุ่มกันทำงานชิ้นแรก”
“ใช่แล้วน้ำมนต์ อาจารย์มีรายชื่อสมาชิกในกลุ่มมาให้ เดี๋ยวท่านจะกลับมาบอกว่างานชิ้นแรกคืออะไร”
“อ่อ” น้ำมนต์พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับยกยิ้มออกมาอย่างเข้าใจที่สิ่งที่เพื่อนของเธอบอก ก่อนจะกันไปส่งยิ้มหวานให้กับเจ้าคุณอย่างเป็นกันเอง...
“ขนลุก เออ!! เขาลือกันให้ทั่วว่าเธอมีเสี่ยเลี้ยงเรื่องจริงเหรอยะ?” เจ้าคุณแสยะยิ้มให้กับน้ำมนต์ก่อนจะเอ่ยถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ห๊า!!! เสี่ยเลี้ยง?”
“ก็ใช่น่ะสิยะ”
“พวกเราได้ยินรุ่นพี่เขาพูดกันน่ะ” ใยไหมเอ่ยสมทบขึ้น พร้อมกับทั้งสามคนมองมาที่น้ำมนต์เป็นตาเดียวอย่างรอคำตอบ
“เราเนี่ยนะ” น้ำมนต์ชี้หน้าตัวเองก่อนที่เธอจะส่ายหัวไปมาเบาๆ พร้อมกับมองไปยังเพื่อนใหม่ทั้งสามคนตรงหน้าอย่างอึ้งๆ
‘ผู้ไม่ถูกนินทา ย่อมไม่มีในโลก’ น้ำมนต์ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะยกยิ้มขึ้นมาที่มุมปากบาง น้ำมนต์ถูกสอนมาตั้งแตเด็กๆ ถึงเรื่องการถูกนินทา อย่างที่รู้ๆ กันว่ายายแม้นยายของเธอเป็นหมอธรรม และหมอยาพื้นบ้านที่สืบทอดวิชากันมาจากรุ่นสู่รุ่น
ตั้งแต่เล็กจนโตเธอโดนเพื่อนๆ นินทามาตลอด พวกเขาหาว่า ‘น้ำมนต์เป็นลูกหมอผีบ้านล่ะ ที่บ้านของเธอทำคุณไสยบ้างล่ะ’ แม้แต่ผู้ปกครองก็ยังบอกกับลูกๆ ของพวกเขา ‘อย่าไปเล่นกับน้ำมนต์นะเดี๋ยวของเข้าตัว’
น้ำมนต์เจอเรื่องพวกนี้มาจนชิ้นแล้ว และเธอก็เข้าใจดีว่าไม่มีใครหนีคำนินทาได้พ้น แต่สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คืออย่างกับมันให้ได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า...”
“ขำอะไรของเธอ?” บีน่าที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยถามขึ้นมาเสียงเรียบ ก่อนที่เธอจะว่างโทรศัพท์ในมือลงบนโต๊ะตรงหน้า พร้อมกับจับจ้องมาที่ใบหน้าสวยสาวของน้ำมนต์อย่างรอคำตอบ
“นั่นสิยะ…คนอื่นเขาคิดว่าหล่อนมีเสี่ยเลี้ยง หล่อนยังขำออกอีกเหรอยะ?”
“โอเค!! เอาเป็นว่าคนอื่นจะพูดถึงเรายังไงก็ช่างเถอะเราไม่สนใจ แต่ใยไหม บีน่า และก็เจ๊คุณเป็นเพื่อนใหม่ของเรา เราก็ยินดีจะเล่าให้ฟัง...”
“รีบพูดมาเลย...”
“คนที่มาส่งเราชื่อพี่เพิร์ช อือออ จะบอกว่าเขาเป็นเสี่ยก็ได้เราไม่เถียงเพราะพี่เขารวยมาก...”
“.../.../...”
“แต่เราไม่ใช่เด็กของเขาหรอกนะ จะอธิบายอย่างไงดี”
“หล่อนจะบอกว่าหล่อนเป็นเด็กที่เข้ามาขออาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ของเจ้าชายรูปงามที่ไม่ได้มีดีแค่น่าตา เพราะเขายังรวยมากๆ อีกด้วย”
เพียะ!!!
“ถูกต้องแล้วค้าบบบบ...” น้ำมนต์ตบเข่าตัวเองเสียงดังลั่น ก่อนที่เธอจะยกนิ้วชี้ไปที่เจ๊คุณตรงหน้าอย่างถูกใจ
“เพ้อเจ้อ” บีน่าพึมพำออกมาก่อนจะสายหัวเบาๆ ให้กับความไร้สาระของเพื่อนใหม่ของเธอ
“จริงๆ นะ”
“เรื่องแบบนี้มันมีแต่ในนิยายนะน้ำมนต์” ใยไหมยกยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู พร้อมกับเอ่ยบอกกับน้ำมนต์เสียงอ่อน
“หล่อนอ่านนิยายมากไปรึเปล่ายะ?”
“เอ้า!! เราพูดเรื่องจริงก็ไม่มีใครเชื่อ”
“เอาล่ะเด็กๆ จับกลุ่มกันคบแล้วมารวมตัวกันทางนี้” เสียงอาจารย์ที่ปรึกษาประกาศดังออกมาจากโทรโข่ง
“ทำความรู้จักกันไว้นะเด็กๆ ตลอด 4 ปีต่อจากนี้พวกเธอจะต้องทำงานด้วยกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขอยู่ด้วยกัน”
หลังจากนั้นอาจารย์ที่ปรึกษาอธิบายระเบียบการต่างๆ ก่อนที่กิจกรรมรับน้องจะเริ่มขึ้น เสียงกลองสันทนาการบรรเลงขึ้นมาเป็นจังหวะ พร้อมกับนักศึกษาใหม่ทุกคนถูกเขียนหน้า และทำผมทรงใหม่จนแทบจะจำเค้าโครงเดิมไม่ได้
9 ปีต่อมา... “น้ำฟ้าพร้อมนะ”“พร้อมค่ะ” น้ำฟ้าในวัย 8 ขวบเอ่ยบอกกับเพื่อนของเธอในวัยเดียวกันเสียงอ่อน ก่อนที่เด็กสาวทั้งสองคนจะพากันกระโดดลงมาจากชิงช้า ด้วยความเป็นเธอโตมากับพี่ๆ ที่เป็นผู้ชาย ทำให้เด็กหญิงน้ำฟ้าดูแก่นแก้วกว่าเด็กสาวในวัยเดี๋ยวกัน“อะ โอ้ยยยย!!!”“บันนี่!!!” น้ำฟ้าร้องเรียกเพื่อนของเธอออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งเข้าไปดูเพื่อนรักในทันที“เราขอดูหน่อยนะ” มือบางนวดข้อเท้าของเพื่อนตัวเองเบาๆ ก่อนที่เด็กหญิงจะเปิดกระเป๋าและหยิบยาขึ้นมาทาให้กับคนตรงหน้าอย่างเบามือ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนที่น้ำฟ้าจะลุกวิ่งออกไปทางโรงอาหารที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล“น้ำฟ้า”“ไปไหนมาเหรอ?”“ไปทำที่ประคบเย็นมาน่ะ น่าจะช่วยแก้ปวดได้ดีกว่า”“เราประคบเย็นให้แล้วอาจจะช่วยบันนี่เบาปวดลงได้บ้าง กลับบ้านไปพยายามอย่าให้บริเวณที่เจ็บโดนความร้อนนะ”“ทำไมละ?” บันนี่เอ่ยถามน้ำฟ้าออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่เธอจะมองไปที่เพื่อนรักอย่างรอคำตอบ“ถ้าเส้นเลือดบริเวณนี้ขยายตัวมันจะทำให้บันนี่ปวดและก็จะหายช้าลงด้วย” น้ำฟ้าอธิบายให้เพื่อนของเธอฟังอย่างใจเย็น ก่อนที่เธอจะเก็บอุปกรณ์ลงกระเป๋าเป้ของตัว
“พี่เพิร์ชจะรีบไปไหนคะ?” น้ำมนต์เอ่ยถามชายหนุ่มออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะวางร่างบางของเธอลงบนเตียงอย่างเบามือ“รีบตามไอ้ฮันเตอร์ครับ”“พี่ฮันเตอร์ทำไมคะ?”“ไอ้ฮันเตอร์มันลูก 4 แล้วนะครับเราต้องรีบตามไป” เพิร์ชยกยิ้มออกมาก่อนที่เขาจะ กระโดดขึ้นไปคล่อมร่างบางของคนรักเอาไว้ในทันที ชายหนุ่มค่อยๆ โน้มใบหน้าหล่อเหลาของเขาลงใกล้กับใบหน้าของหญิงสาว...“เดี๋ยวค่ะ...”“ครับ?”“หนูขออาบน้ำก่อนได้ไหมคะ?”“หึหึ ได้สิครับ” เพิร์ชหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างรู้ทันในความคิดของของร่างบางตรงหน้า ก่อนที่ชายหนุ่มจะหลบทางเพื่อให้เธอลุกขึ้นไปอาบน้ำได้สะดวกยิ่งขึ้น“ขอบคุณค่ะ”“ต้องการผู้ช่วยถอดชุดไหมครับ?”“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่ดีกว่าหนูไม่อยากรบกวนพี่เพิร์ช”น้ำมนต์ถอดชุดเดรสของตัวเองออกจากร่างบางของตัวเองต่อหน้าหมอเพิร์ช ก่อนที่เธอจะเดินเข้าห้องน้ำไปหญิงสาวหันกลับมามองชายหนุ่ม พร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา“หึหึ”“...” น้ำมนต์เดินเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนที่เธอจะหยุดยืนอยู่ที่หน้ากระจกเงา หญิงสาวมองไปยังนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าของตัวเองที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มหวานอีกครั้ง“ไม่อยา
ณ บ้านพักตากอากาศปราณบุรี“พวกเราจะใส่ได้จริงๆ เหรอ?” ตะวันที่นั่งเงียบดูน้ำมนต์กับชูใจลองชุดอยู่นานเอ่ยถามขึ้น พร้อมกับมองชุดบิกินี่สีชมพูบานเย็นในมือของตัวเองอย่างหนักใจ ตะวันจำได้ดีว่าครั้งล่าสุดที่เธอใส่บิกินี่โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากสามีของเธอมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง“ใส่ได้ค่ะ เชื่อชูใจสิพี่ตะวัน”“จริงด้วยค่ะ มีแต่พวกเราพี่ฮันเตอร์ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ”“เอางั้นก็ได้จ้ะ” ตะวันเอ่ยบอกกับน้องๆ ก่อนที่เธอจะเดินไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำทันที“ถ้าไม่มีผ้าก๊อซปิดแผลคงจะสวยกว่านี้นะคะ” น้ำมนต์มองตัวเองในกระจกก่อนที่เธอจะยู่หน้าขึ้นมาเล็กน้อย ทันทีที่เห็นผ้าก๊อซแปะอยู่บนหน้าผากของเธอ“ไหนพี่ขอดูหน่อยสิ” ชูใจเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของน้ำมนต์ ก่อนที่มือบางจะประคองปลายคางของหญิงสาวพร้อมกับหมุนไปทางซ้ายทีขวาทีเพื่อดูความเรียบร้อยให้กับคนตรงหน้า“เป็นไงบ้างค่ะ?”“ไม่ว่ามุมไหนน้ำมนต์ก็สวย เดี๋ยวตอนถ่ายรูปถ่ายมุมนี้นะพี่รับรองความปัง”“ค่ะ”“แล้วบิกินี่สีฟ้าแบบนี้เข้ากับหนูไหมคะพี่ชูใจ?”“สวยมากค่ะลูกสาว” ชูใจเอ่ยบอกกับน้ำมนต์เสียงหวาน พร้อมกับมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกอย่างช่างใจ บิกินี่สีส้มแบบนี้ยิ
ณ โรงพยาบาลเอกชน“ไอ้เพิร์ช / ไอ้เพิร์ช” เสียงของฮันเตอร์กับสกายร้องเรียกเพิร์ชรักของเขาออกมาเสียงหลง ก่อนที่ทั้งคู่จะวิ่งมาหาชายหนุ่มอย่างร้อนใจสกายจับตัวเพิร์ชหมุนไปมาเพื่อสำรวจความเรียบร้อย จนชายหนุ่มที่พึ่งประสบอุบัติเหตุมาได้ไม่นานเวียนหัวไปหมด แต่เพิร์ชก็ไม่ได้คิดจะห้ามปรามอะไรเพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนรักเป็นห่วงเขามาก และที่สำคัญเขามีคนให้ต้องสนใจมากกว่า ‘น้ำมนต์’“น้ำมนต์ล่ะคะ?” ตะวันที่ยืนเงียบอยู่นานเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง ทันทีที่ทุกคนรู้ว่าหมอเพิร์ชกับน้ำมนต์ประสบอุบัติเหตุก็รีบพากันมาที่โรงพยาบาลในทันที โดยมีชูใจคอยดูแลเด็กๆ อยู่ที่บ้านพัก...“อยู่ในห้องฉุกเฉินครับ”“น้องเป็นยังไงบ้าง?” ฮันเตอร์เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปตบไหล่แกร่งของเพื่อนรักเพื่อปลอบใจเพิร์ช สกาย และฮันเตอร์เป็นเพื่อนกันมานานแค่มองตาก็รู้ใจแล้ว ถึงบุคลิกของเพิร์ชจะดูเป็นคนขรึมๆ ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกกับใครทั้งนั้น แต่ครั้งนี้มันต่างไปเพิร์ชที่เก็บสีหน้าเก่งมาตลอดกลับแสดงความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด“ยังไม่ออกมาเลยว่ะ”“...”“กูเคยคิดว่าตัวเองเป็นหมอที่เก่งช่วยคนมาได้ไม่รู้
วันต่อมา...“แม่รักลูกนะ“หนูก็รักแม่ค่ะ”น้ำหนึ่งกอดลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอไว้แน่น มือบางลูบลงที่หัวน้อยๆ ของเด็กสาวตรงหน้าอย่างทะนุถนอม ก่อนที่ทั้งคู่จะคลายอ้อมกอดออกจากกัน หญิงสาวจึงเดินเข้าไปกอดยายของเธอที่ยืนอยู่ไม่ได้“อยู่กับพี่เขาก็อย่าดื้อ ตั้งใจเรียนนะลูก จุ๊บ~” ยายแม้นเอ่ยบอกกับร่างบางเสียงอ่อนพร้อมกับจุ๊บลงที่หน้าผากหลานสาวอย่างอ่อนโยน“จ้ะยาย”“เดินทางปลอดภัยนะลูก” นทีกอดตอบลูกสาวตัวน้องของเขา มือหนาลูบลงที่หัวของเธออย่างอ่อนโยน ก่อนที่เขาจะกระซิบเบาๆ ที่ข้างหนูของเธอเพื่อให้รู้กันเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น“ถ้าหนูอยากจะหนีก็โทรบอกมาหาพ่อ พ่อจะรีบไปพาลูกหนีได้ทุกเวลาที่หนูต้องการ เข้าใจไหมยัยหนูน้อยของพ่อ...?”“เข้าใจแล้วค่ะ”“หรือถ้าหนูอยู่แล้วไม่มีความสุขก็กลับมาบ้านเรานะลูก พ่อจะรออยู่ที่บ้านเสมอ”“จ้ะพ่อ” น้ำมนต์ยกยิ้มออกมาพร้อมกับพยักหน้าให้กับบิดาของเธอเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเดินไปยืนอยู่ข้างกายของหมอเพิร์ช“พวกเราลาครับ สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ”น้ำมนต์โบกมือลาพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับทุกคน ก่อนที่หญิงสาวจะหันไปร่ำลากุมารน้อยทั้งสองตนเสียงอ่อน ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ตามกลับ
“ตรงนี้เงียบดีนะครับ” เพิร์ชเอ่ยขึ้นมาก่อนที่ชายหนุ่มจะจูงมือบางให้เดินตามเขาขึ้นไปยังศาลากลางน้ำ ดอกบัวชมพูที่บานสะพรั่งอยู่ในสระน้ำตรงหน้ายิ่งมองดูยิ่งน่าหลงไหล“ลมเย็นดีด้วยนะคะ” น้ำมนต์เดินไปนั่งลงบนม้านั่งพร้อมกับทอดสายตามองไปที่สระน้ำเบื้องหน้า“ครับ อากาศน่านอนจริงๆ” เพิร์ชเอ่ยบอกกับร่างบางเสียงอ่อน ก่อนที่เขาจะทิ้งตัวลงนอนหนุนตักของเธอ ชายหนุ่มดึงมือบางไปกุมเอาไว้ที่อกแกร่งของเขา พร้อมกับนิ้วเรียวลูบลงที่หลังมือบางของเธอเบาๆ“พี่เพิร์ชเก่งมากเลยนะคะเข้ากับที่บ้านของหนูได้เป็นอย่างดีเลย”“ก็พี่รักลูกสาวเขานี่ครับ พี่ก็ต้องทำให้พวกเขารักและไว้ใจพี่” มุมปากของชายหนุ่มยกยิ้มหวานออกมาพร้อมกับเอ่ยบอกกับเธอออกไปเสียงอ่อน“หนูรักพี่เพิร์ชนะคะ”จุ๊บ!!!“พี่ก็รักหนูครับ” ริมฝีปากหนาจุ๊บลงที่หลังมือของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนที่เขาจะเอ่ยบอกกับคำรักกับเธอออกไป‘น่าอิจฉาคนมีความรักจริงๆ โวย’‘เออวะ กลางนาก็ยังไม่เว้น’เสียงของใบเงินกับใบทองดังขึ้นมาจากด้านหลังของต้นไม้ใหญ่ ก่อนที่ร่างของกุมารน้อยทั้งสองตนจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะลุกออกจากตักของหญิงสา