นนทกรขับรถออกไปจากบ้านของปณาลีครึ่งชั่วโมงก็มาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงในเรื่องรสชาติและบรรยากาศโรแมนติก
“ถึงแล้วครับ” นนทกรบอกพลางลงจากรถไปเปิดประตูให้เธออย่างสุภาพ
ปณาลีก้าวลงจากรถด้วยหัวใจที่เต้นรัวยิ่งกว่าเดิม เธอมองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้น ร้านนี้คือร้านที่พวกเขาทั้งสองคนตกลงคบกันเป็นแฟนเมื่อสามปีที่แล้ว การกลับมาที่นี่อีกครั้งในวันนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในวันที่มีความสุขที่สุดวันนั้น
“โต๊ะจองไว้แล้วครับ” นนทกรบอกกับพนักงานต้อนรับ
พนักงานพาพวกเขาทั้งสองคนไปยังโต๊ะที่จองไว้ซึ่งเป็นโต๊ะที่อยู่มุมในสุดและเป็นส่วนตัวมากที่สุด
“นานแล้วนะคะที่เราไม่ได้มากินข้าวร้านนี้ด้วยกัน”
“พี่ขอโทษนะที่ไม่มีเวลา พอพี่รู้ว่าร้านนี้เพิ่งปรับปรุงเสร็จ พี่เลยตั้งใจพายี่หวามาที่นี่เพราะรู้ว่ายี่หวาชอบ” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าเดิมเล็กน้อย
ปณาลีรู้สึกเขินอายกับคำพูดของเขา เธอก้มหน้าเล็กน้อยก่อนจะเปิดเมนูดูอาหารที่ชอบ และสั่งอาหารที่เธอชอบทานกับเขาในวันสำคัญของพวกเขาทั้งคู่
ระหว่างรออาหาร นนทกรก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาวางไว้บนโต๊ะ ปณาลีสังเกตเห็นว่าเขามองหน้าจอโทรศัพท์เป็นระยะๆ เหมือนรอคอยอะไรสักอย่าง
“พี่นนท์คะมีอะไรหรือเปล่าเห็นเอาแต่จ้องโทรศัพท์” ปณาลีเรียกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ขอโทษนะยี่หวาพอดีว่าพี่กำลังรอเมลสำคัญอยู่น่ะ” นนทกรบอกด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด เขาละสายตาจากโทรศัพท์และมองหน้าเธอก่อนจะยิ้มแต่ปณาลีสังเกตว่าแววตาของเขามันไม่ยิ้มตาม
เธอคิดว่านนทกรคงกำลังเครียดกับการเตรียมจะขอเธอแต่งงานเธอจึงมองข้ามเรื่องเล็กน้อยนี้ไป
อาหารมาเสิร์ฟและพวกเขาทั้งสองคนก็เริ่มทานอาหารกัน ปณาลีพยายามชวนคุยเรื่องต่างๆ เพื่อลดความตึงเครียด แต่คำตอบของนนทกรก็ยังคงสั้นและเรียบง่ายเหมือนเดิมจนเธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความอึดอัดที่นนทกรเป็นคนสร้างขึ้น
หญิงสาวรู้สึกถึงความห่างเหินจากเขาอย่างเห็นได้ชัด เขาต่างไปจากนนทกรที่เธอเคยรู้จัก
“พี่นนท์ดูเครียดๆ นะคะ”
“ช่วงนี้ที่สำนักงานใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง งานก็เยอะขึ้นพี่ก็เลยเครียดน่ะ ยี่หวาละงานที่สาขาเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ยุ่งเป็นบางวันค่ะโดนเฉพาะใกล้ๆ สิ้นเดือน แต่ก็คงยุ่งไม่เท่าพี่นนท์หรอกค่ะ พี่นนท์อย่าเอาแต่ทำงานจนลืมทานข้าวนะคะเดี๋ยวจะปวดท้องอีก” เธอเตือนอย่าหวังดี
เพราะเขามักจะปวดท้องอยู่บ่อยๆ อย่างนัดครั้งล่าสุดเมื่อครั้งก่อนเขาก็มาหาเธอไม่ได้เพราะปวดท้องพอเธอจะไปหาเขาก็บอกว่าเป็นห่วงไม่อยากให้ขับรถเข้าเมืองเพราะปณาลีไม่ชินเส้นทาง
“ขอบใจนะยี่หวาที่ดีกับพี่และเป็นห่วงพี่เสมอ พี่ดีใจที่ได้รู้จักยี่หวานะ” นนทกรพูดแล้วยิ้มให้เธออย่างจริงใจ ครั้งนี้ปณาลีสัมผัสได้ว่าเขายิ้มออกมาจากใจจริงๆ
“ก็เราเป็นแฟนกันนี่คะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับรอยยิ้ม เธอรู้สึกว่าบรรยากาศมันเริ่มดีขึ้น เมื่อเขาพูดแบบนี้ก็คงเดาได้ไม่ยากว่ากำลังจะขอเธอแต่งงาน
เมื่อทานอาหารคาวเสร็จเรียบร้อยแล้ว พนักงานก็เดินเข้ามาพร้อมกับส่งช่อดอกลิลลี่สีขาวบริสุทธิ์ไม่ใช่ดอกกุหลาบสีแดงอย่างที่เธอคิดไว้ในตอนแรก
ปณาลีมองไปที่ดอกไม้ด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็พยายามยิ้มรับไว้ ดอกลิลลี่สีขาวเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และการเริ่มต้นใหม่ และเธอคิดว่ามันคงเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นชีวิตคู่ของพวกเขาทั้งสองคน
นนทกรมองหน้าปณาลีแล้วถอนหายใจ เขาดูเหมือนกำลังรวบรวมความกล้าเพื่อจะพูดอะไรบางอย่างกับเธอ
“ยี่หวาครับ” นนทกรเรียกเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คะ” ปณาลีตอบรับพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสใจเธอเต้นแรงมากๆ
“ที่พี่นัดยี่หวามาทานข้าววันนี้ คือพี่....”
นนทกรเงียบไปนั้นยิ่งทำให้ปณาลีตื่นเต้นจนแทบจะหยุดหายใจ
“อะไรคะ” หญิงสาวถามแล้วยิ้มกว้างน้ำตาเริ่มจะไหลออกมาคลอนิดๆ หูสองข้างรอฟังคำที่จะเอ่ยออกมาจากปากของผู้ชายที่เธอรัก
“พี่อยากจะขอ.....ขอลดสถานะของเรา…เป็นแค่พี่น้องก็พอครับ”
คำพูดของนนทกรเหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางหัวใจของปณาลี รอยยิ้มที่เคยสดใสบนใบหน้าหายไปในทันที น้ำตาแห่งความดีใจเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นน้ำตาแห่งความเสียใจและผิดหวัง หญิงสาวไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้
“พี่นนท์…พูดอะไรคะ” ปณาลีถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือจนแทบจะไม่มีเสียงออกมา
“พี่ขอโทษที่ทำให้ยี่หวาเสียเวลา แต่พี่…รู้สึกว่าเราไปด้วยกันไม่ได้แล้วจริงๆ” นนทกรพูดพลางหลบสายตาของเธอ
ปณาลีรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลายลงตรงหน้าเธอ ความหวังและความฝันทั้งหมดที่เธอวาดไว้ในใจได้พังทลายลงในพริบตาเดียว
“ทำไมคะ ยี่หวาทำอะไรผิดไปคะ” ปณาลีถามด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด
“ยี่หวาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยครับ แต่พี่…พี่รู้สึกว่าเราเข้ากันไม่ได้แล้วจริงๆ” นนทกรตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนกำลังฝืนใจพูด
“พี่นนท์…พี่นนท์พูดอะไรคะ เราคบกันมาเกือบสามปีแล้วนะคะ” ปณาลีพูดพลางส่ายหน้าช้าๆ น้ำตาของเธอเริ่มไหลอาบแก้มด้วยความเสียใจ
“พี่ขอโทษครับ”
“พี่นนท์คะ บอกยี่หวาได้ไหมว่ายี่หวาผิดตรงไหน ไม่ดีตรงไหนยี่หวาพร้อมจะปรับตัวนะคะ” หญิงสาวขอร้องเขาอย่างคนเสียสติ ยังดีที่ว่าโต๊ะของเธออยู่ห่างจากโต๊ะของคนอื่นมากและในร้านก็เปิดเพลงคลอโต๊ะอื่นจึงไม่ได้ยินเสียงที่เธอพูด
“ยี่หวาดีทุกอย่าง แต่ตอนนี้พี่ยังไม่อยากคิดถึงเรื่องความรักพี่ขอโทษนะที่ทำให้ยี่หวาเสียเวลาแต่เรายังเป็นพี่เป็นน้องกันได้ ยี่หวาโทรหาพี่ ปรึกษาได้ตลอด”
“ถ้าอยากจะเป็นแค่พี่น้องพี่ทำไมไม่บอกตั้งแต่ทีแรกล่ะคะ จะมาขอคบกันเป็นแฟนทำไม”
“พี่ขอโทษพี่เพิ่งรู้ใจตัวเอง เรากลับกันเถอะนะเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่ต้อง ยี่หวากลับเองได้” ปณาลีปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
เธอเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นหยิบกระเป๋า ก่อนจะเดินออกไปจากร้านด้วยความรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่เคยได้รับมาก่อน
นนทกรมองตามแผ่นหลังของเธอไปจนลับตาด้วยความรู้สึกผิด เขานั่งลงที่เก้าอี้และถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่เขาสามารถทำในสิ่งที่เขาอยากจะทำมานานแล้ว
ปณาลีเดินออกมาจากร้านด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มไม่หยุด เธอเดินไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้จุดหมายใดๆ โทรศัพท์มือถือของเธอสั่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เธอก็เลือกที่จะไม่รับสาย
จนกระทั่งเสียงเรียกเข้าดังขึ้นอีกครั้ง เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและพบว่าเป็นเบอร์ของภัทรมน
“ฮัลโหลมน…” ปณาลีรับสายด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือจนเพื่อนจับได้
“ยี่หวา เกิดอะไรขึ้นทำไมแกถึงร้องไห้” เสียงของภัทรมนร้อนรนทันทีเมื่อได้ยินเสียงของเพื่อน
“มน พี่นนท์…พี่นนท์เขาขอเลิกกับฉันแล้ว” ปณาลีพูดได้เพียงแค่นั้นก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร เธอพูดไปพลางร้องไห้ไปจนแทบจะจับใจความไม่ได้
“ว่าไงนะ ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน” ภัทรมนอุทานออกมาด้วยความตกใจอย่างสุดขีด
“ฉันไม่รู้…ฉันเดินออกมาจากร้านแล้ว” ปณาลีตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสับสน
“ร้านไหน”
“ร้านที่ฉันเล่าให้แกฟัง”
“แกอยู่ตรงนั้นแหละนะ ฉันจะไปหาแกเดี๋ยวนี้” ภัทรมนบอกก่อนจะวางสายไป
ปณาลีและศิลาไม่สามารถเก็บความลับไว้ได้นานพวกเขาตัดสินใจบอกปณวัฒน์ว่าตอนนี้กำลังคบหากันอยู่ในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ปณวัฒน์รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เห็นว่าพี่สาวตนเองมีคนดีๆ อย่างศิลาคอยดูแลและศิลาก็เป็นผู้ชายคนเดียวที่เข้ามาในชีวิตของปณาลีแล้วปณวัฒน์ยอมรับเขาอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่เพราะเขามีอาชีพการงานดีมั่นคงแต่เพราะปณวัฒน์เห็นว่าคุณอาหนุ่มข้างบ้านคนนี้รักพี่สาวของเขาจริงๆ สายตาที่ศิลามองปณาลีนั้นปณวัฒน์รู้สึกว่ามันเต็มไปด้วยความรักความห่วงใยจนปิดเอาไว้ไม่มิดแม้ว่าตกลงคบหาและบอกน้องชายให้รับรู้แล้วแต่ทั้งสองก็ยังคงอยู่กันคนละบ้านแต่จะเปลี่ยนไปนอนบ้านหลังนั้นทีหลังนี้ทีทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองวันแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นพรุ่งนี้ก็เป็นวันวันอาทิตย์ซึ่งตรงกับวันวาเลนไทน์ศิลาวางแผนเอาไว้แล้วว่าคืนวันเสาร์เขาจะไปหาเธอที่ห้องแล้วจะเป็นคนแรกที่มอบดอกกุหลาบให้เธอในวันวาเลนไทน์ เขาชอบที่ทำเซอร์ไพรส์ให้ปณาลีเพราะชอบที่เห็นสีหน้าดีใจตื่นเต้นแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ เธอก็ทำให้เขายิ้มได้อยู่ตลอดบ่ายวันเสาร์ทั้งสองช่วยกันทำอาหารก่อนจะทานด้วยกันจากนั้นก็นั่งดูทีวีด้วยกันจนถึงสี่ทุ่มศิลาก็ขอต
“อาศิลาคิดว่าพี่สาวผมเป็นยังไงบ้างครับ” ปณวัฒน์ถามขณะทั้งสองมานั่งดูฟุตบอลด้วยกันบริเวณห้องรับแขก“ก็ดีนะ ยี่หวาเป็นคนจิตใจดีทำอาหารอร่อยมากๆ ด้วย”“ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น”“แล้วปัณหมายถึงแบบไหน” ศิลาแกล้งถาม“ผมหมายถึงว่าในมุมมองของอาศิลาพี่สาวผมพอจะเป็นแฟนอาศิลาได้ไหม”“นี่อานึกว่าปัณพูดเล่นนะ”“ผมไม่ได้พูดเล่นครับ ผมรู้สึกสบายใจมากๆ ที่อาศิลาย้ายมาอยู่ข้างบ้าน ได้ช่วยดูแลพี่สาวของผม” เขาพูดออกมาจากใจจริง ปณวัฒน์เป็นห่วงพี่สาวมากแต่เมื่อมีศิลาอยู่ข้างบ้านเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้น“แต่ไม่มีใครดูแลพี่สาวปัณได้ดีเท่าปัณหรอกนะ”“ไม่เลยครับ ผมยังเด็กดูแลพี่สาวได้แค่เล็กน้อยแต่ผมอยากให้อาศิลาช่วยดูแลพี่ยี่หวา”“ทำไมปัณพูดเหมือนจะไม่อยู่ที่นี่แล้วล่ะ”“ผมพูดเผื่อไว้ครับพี่ ผมเป็นผู้ชายนะอนาคตต้องออกไปเผชิญโลกจะให้ผมอยู่บ้านกับพี่สาวตลอดก็คงเป็นไปไม่ได้”“แล้วปัณไว้ใจอาเหรอถึงได้ฝากพี่สาวไว้กับอาแบบนี้”“ผมไว้ใจอาศิลาครับ อาเป็นผู้ใหญ่ผ่านอะไรมาเยอะผิดหวังกับความรักมาแล้ว ผมว่าอาศิลาเข้าใจความรู้สึกนั้นดีและคงไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับใครใช่ไหม” เขาจ้องศิลาอย่างต้องการคำตอบ“ปัณรู้ไหม ปัณดูเป็นผู
ความสัมพันธ์ระหว่างศิลาและปณาลีพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นผ่านมาสามเดือนแล้วที่ทั้งสองคบหากันแบบไม่มีสถานะ แต่ความสุขกับเต็มเปี่ยม พวกเขาใช้เวลาด้วยกันอย่างเต็มที่เติมเต็มความรู้สึกดีๆ ให้กันในวันช่วงปิดเทอมเป็นช่วงที่ปณาลีกังวลมากที่สุดเพราะปณวัฒน์จะกลับมาอยู่บ้านและเธอกลัวเหลือเกินว่าน้องชายจะสังเกตเห็นว่าเธอกับคุณอาข้างบ้านไม่ได้เป็นแค่เพื่อนบ้านกันอีกต่อไปแล้วเย็นนี้ปณวัฒน์กลับจากหอพักโดยมีศิลาเป็นคนอาสาไปรับทั้งสองคนช่วยกันทำอาหารเย็นก่อนจะถึงเวลาที่ปณาลีจะกลับมาจากที่ทำงานหญิงสาวยิ้มเมื่อเห็นศิลาและปณวัฒน์กำลังช่วยกันทำอาหารอยู่ในครัวด้วยความตั้งใจ“พี่ยี่หวากลับมาแล้วเหรอ”“ทำอะไรกันอยู่เหรอ”“วันนี้ผมกับอาศิลาช่วยกันทำกับข้าว พี่มาดูสิว่ามันน่ากินขนาดไหน”ปณาลีวางกระเป๋าถึงลงบนโซฟาจากนั้นก็เดินมาในห้องครัวและมองบนโต๊ะที่มีผัดวุ้นเส้น น้ำพริกกะปิปลาทูทอดผักทอดและต้มยำรวมมิตรอีกหนึ่งอย่าง“น่ากินทั้งนั้นเลยช่วยกันทำสองคนเหรอ”“เปล่าหรอกยี่หวาส่วนใหญ่จะเป็นฝีมือปัณนะ อาก็แค่ช่วยหยิบจับแล้วก็หั่นพักบ้าง อาทำกับข้าวไม่เก่ง”“อาศิลาไม่ต้องทำกับข้าวเป็นหรอกครับ ให้พี่ยี่หวาเป็นคนทำให้กิ
“คนเก่งของอาเหนื่อยไหม” เขากระชับร่างหญิงสาวไว้แน่น แม้จะปลดปล่อยไปแล้วแต่เขายังไม่อิ่มเลยสักนิด ยิ่งสุขสมก็ยิ่งอยากได้เพิ่ม เขาไม่คิดเลยว่าตนเองจะกลายเป็นคนเซ็กซ์จัดมากขนาดนี้“อาศิลาล่ะคะ” ปณาลีเลือกที่จะถามกลับเพราะคนที่ออกแรงคือเขาไม่ใช่เธอ“ไม่เลย ถึงอาจะอายุเยอะแต่อาคิดว่าเรื่องนี้อาไม่มีทางแพ้ใครแน่ ยี่หวาเชื่ออาไหมล่ะ” ศิลาถามขณะไล้ปลายนิ้วไปตามผิวเนียนกระตุ้นอารมณ์ของหญิงสาวอย่างช้าๆ“ยี่หวาเชื่อว่าอาศิลาแรงดี”“ไม่ใช่แค่แรงดีนะยี่หวาเอวอาก็ยังดีด้วย ยี่หว่าทำให้อากลับมาเป็นหนุ่มและเสียวจนแทบขาดใจทุกครั้งอาไม่เสียน้ำให้ใครมากเท่านี้มาก่อน จากนี้อาคงขาดยี่หวาไม่ได้”“อาศิลาก็ทำให้ยี่หวามีความสุขทำให้ยี่หวาก็จะขาดอาไม่ได้เหมือนกันแต่คืนนี้.....” หญิงสาวตอบออกมาจากความรู้สึกใจเธอตอนนี้มันมีเขาเข้ามาแล้วแต่ยังไม่อยากยอมรับเพราะกลัวความผิดหวัง“อย่าห้ามอาเลย แรงอายังเหลือ ยี่หวาก็หายเหนื่อยแล้วใช่ไหมล่ะ”ศิลาลูบไล้ไปตามผิวเนียนนุ่มอย่างหลงใหล สองมือเริ่มนวดเฟ้นอกอิ่มปลุกเร้าให้คนที่นอนพิงอยู่รู้สึกเสียวซ่านขึ้นมาอีกครั้ง ปณาลีรับรู้ได้ถึงความต้องการของชายหนุ่มเพราะท่อนเอ็นร้อนกำลั
ศิลาเพิ่มความเสียวซ่านให้กับปณาลีด้วยการขบเม้มลงบนเต้าอวบตรงหน้าก่อนจะดูดเข้าปากร้อนสลับไปมาจนหญิงสาวหูอื้อตาลายไปหมดเธอครางเรียกชื่อเขาแทบไม่ขาดปากเพราะความเสียวซ่านที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ“อื้อ...อาศิลา ยี่หวาเสียว”“อาก็เสียวมาก ยี่หวาของอาเก่งมาก...อ้า....ยี่หวาของอา”แรงบีบรัดของร่องสวาททำให้ศิลาครางแหบพร่าเมื่อหญิงสาวสะบัดสะโพกพลิ้วขึ้นลงไปตามอารมณ์ปรารถนา เสียงเนื้อกระทบกันไปทั่วรถ“อาศิลาขา....ไม่ไหว เสียวเกินไปแล้ว ยี่หวาใจจะขาด.....”“เสียวแล้วชอบไหม”“ยี่หวาชอบค่ะอาศิลา มันเสียว อื้อ....อาศิลาอ้า.....”ปณาลีกรีดร้องพร้อมเกร็งกระตุกรับท่อนเอ็นที่กระแทกเข้าหาอย่างหนักหน่วง ร่องสาวทตอดถี่กระตุ้นให้ศิลาส่งตัวตนเข้าออกอย่างไม่พักแล้วเขาก็สุขสมตามเธอไปติดๆ ทั้งสองหอบเหนื่อยจนตัวโยน“อาศิลายี่หวาหมดแรง”“แค่รอบเดียวเองนะยี่หวา”“แต่เมื่อกี้ยี่หวาเป็นคนทำ อาศิลาเอาเปรียบตัวเองไม่ได้ออกแรงเลย”“งั้นจากนี้ยี่หวาแค่นอนครางก็พอนะที่เหลืออาจัดการเองตกลงไหม”ศิลาดึงท่อนเอ็นออกแล้วอุ้มเธอกลับไปที่เดิมก่อนจะสวมกางเกงแล้วเดินอ้อมไปอุ้มหญิงสาวจากเบาะข้างคนขับ“เดี๋ยวสิคะอาศิลา ยี่หวาขอใส่เสื้
ปณาลีฉลองกับเพื่อนสนิทที่ร้านอาหารใจกลางเมือง เสียงหัวเราะและบทสนทนาสนุกสนานดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง“ยี่หวา ฉันว่าคุณศิลาเขาเป็นคนดีนะ ตกลงคบกับเขาเถอะ” วนรัตน์พูดขึ้นหลังจากปณาลีเล่าให้ฟังว่าช่วงนี้สนิทกับเขามากขึ้น“แล้วเรื่องข่าวลือว่าเขาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศล่ะ ฉันกลัวว่ายี่หวาแต่งงานไปจะแห้งเหี่ยวเอานะ” ภัทรมนเป็นห่วง“เรื่องนั้นอาจจะแค่ข่าวลือก็ได้นะมน ฉันเองก็ฟังเขามาอีกที”คำพูดของเพื่อนทำให้คนฟังหน้าแดงเพราะศิลาไม่ได้เป็นแบบที่คนอื่นพูดถึงเลยเขาไม่ได้เสื่อมเลยสักนิดบางทีปณาลียังคิดว่ามันมากไปด้วยซ้ำและเธอก็ยอมเขาทุกครั้งเช่นกัน“ยี่หวาแกเมาแล้วเหรอหน้าแดงมาก”“เมาที่ไหนวันนี้ฉันแค่เบียร์ไปสองแก้วเองไม่มาหรอกน่า”“ไม่เมาก็ดีแล้ว วันนี้คุณศิลาเขาจะมารับใช่ไหมล่ะ เมามากๆ เขาลากขึ้นเตียงจะยุ่งเอานะ”“แกก็อย่าพูดแบบนี้สิมนเดี๋ยวยี่หวามันก็กลัวเจ้านายฉันหรอก ฉันอยากให้ยี่หวากับคุณศิลาคบกันนะ”“ไหนลองบอกมาสิว่าเจ้านายแกมีดีอะไรบ้างเผื่อว่าฉันจะลองเปิดใจ” ปณาลีอยากรู้มุมมองของวนรัตน์ที่มีต่อศิลาว่าเธอจะเห็นเหมือนกับที่ตนเองเห็นหรือเปล่า“ก็คุณศิลาเป็นเจ้านายที่ดี ไม่ถือตัว ขยันทำงานมาก