แชร์

14. ภรรยาแสนดี

ผู้เขียน: ซูมู่หราน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-30 00:58:58

จิ่นหรงขบกรามแน่น  เขานึกไม่ถึงจริง ๆ ว่ากู้อิงเถาจะกล้าเอ่ยวาจาบิดเบือนจากข้อเท็จจริงเหล่านี้ออกมา  ทั้งที่เขาเองก็ย้ำนักย้ำหนาว่ามันคือการตอบแทนบุญคุณ มิได้มีเรื่องความรู้สึกใด ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย

เรื่องที่เขาเคยพึงใจนาง  ก็แค่เอ่ยถึงเรื่องเก่าก่อนในช่วงเวลาสั้น ๆ มายามนี้เขาไม่ได้รู้สึกอันใดกับนางแม้เพียงนิด  ที่ยอมพบหน้าก็เพื่อต้องการตอบแทนบุญคุณให้มันจบสิ้นเท่านั้น

เพราะเหตุนี้กระมัง  มู่ตันหยางจึงได้เอ่ยว่าเขาไม่ทันคน  

“ข้าไม่ได้เอ่ยเช่นที่นางว่า”  เขาหันมาหาชายาตน พร้อมกับมองลึกลงไปในดวงตาคู่สวย  เพราะอยากรู้ว่านางจะเชื่อในสิ่งที่เขากล่าวหรือไม่  และสิ่งที่ตอบกลับมาก็ยังเป็นยิ้มอ่อนเช่นเคย

“น้องเชื่อท่านพี่เจ้าค่ะ”  เอ่ยจบร่างอรชรก็หันมาหาผู้ที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า  ก่อนจะยอบกายลงแล้วเอ่ยว่า  

“ถ้าเจ้ายังไม่หยุด  ข้าจะไม่อยู่เฉยแล้วนะคุณหนูกู้” คำพูดไม่กี่ประโยค  กลับทำให้ร่างของกู้อิงเถาหยุดชะงักทันที

“ขะ… ข้า” แววตาอิงเถาดูหวาดกลัวไม่น้อย

“หยุดความคิดของเจ้าเสีย  แล้วอย่าได้พูดจาเลื่อนเปื้อนเช่นนี้อีก  เพราะหากมีคราวหน้าข้าจะไม่เอาเจ้าไว้แน่”

“ขะ…ข้า  ข้าเปล่านะ”

“เปล่าอันใด จะบอกว่าสามีข้ามีใจให้เจ้าอย่างที่เจ้าพูดกระนั้นหรือ เช่นนั้นหากข้าบอกว่า สตรีในที่นี้ล้วนแต่เคยมีสามีมาแล้ว จะมีใครเชื่อคำพูดข้าหรือไม่” ตันหยางกวาดนิ้วไปทั่ว

“จะบ้าหรือ  ข้ายังไม่ได้แต่งงานเลยนะ  เจ้าพูดจาหยาบคายเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน”  สตรีนางหนึ่งรีบโต้

“ก็นั่นน่ะสิ  ท่านยังไม่ได้แต่งงานจะมีสามีได้เยี่ยงไร  ข้าก็แค่พูดไปเรื่อย  คงมีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะเชื่อคำพูดข้า  แล้วทุกคนในที่นี้คิดว่า  คำพูดของคุณหนูผู้นี้  เชื่อถือได้หรือ”

“จริงด้วย  สตรีนางนี้เอาแต่พูดอยู่ฝ่ายเดียวเลย”

“ข้าก็ว่ามันแปลก ๆ พูดออกมาเสียหมดเปลือกเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้  ดูท่าคงวางแผนการณ์เอาไว้แล้วกระมัง”

“ใช่ ๆ ดีนะที่ข้าฉลาด  ไม่ได้โง่หลงเชื่อคำนาง”

หลายเสียงเริ่มเอ่ยไปทิศทางเดียวกัน  ทำให้กู้อิงเถาเริ่มหน้าเสีย  บวกกับยาที่ออกฤทธิ์แรงขึ้นทุกที  มือไม้นางจึงเริ่มขยับถูตามเนื้อตัว  เพราะยามนี้กำหนัดมันรุนแรงทุกช่วงขณะ

‘ไม่ได้  เราอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว’ นางเตือนตนเองในใจ  ก่อนจะมองหาทางออก  เมื่อเห็นประตูที่ต่อไปยังระเบียงซึ่งมันทอดยาวข้ามเป็นสะพานไปอีกฝั่งถนน  นางก็รีบพาตนเองวิ่งไปทางนั้นโดยไม่ฟังเสียงก่นด่าจากทางด้านหลังเลยสักนิด

“ไปแล้ว นางคงอับอายมากกระมังถึงได้รีบออกไปเช่นนี้”

“นั่นสิ  เป็นข้าก็ไม่ทนอยู่ให้ผู้คนตราหน้าหรอก”

“สตรีเช่นนี้ก็มีด้วย  มานั่งคุกเข่าพูดจาเรื่อยเปื่อย  คงเห็นคุณชายท่านนี้รูปงามมาก จึงได้คิดแผนการชั่วช้าเช่นนี้ออกมา  หมายจะทำให้สามีภรรยาเขาผิดใจกัน”

“จริงด้วย  ดีที่ฮูหยินน้อยผู้นี้มีสติไม่หลงเชื่อคำลวงของคนชั่ว  จึงไม่ต้องนอนน้ำตาตกเพราะสามีมีใจเป็นอื่น”

“ใช่ ๆ”  หลายเสียงเอ่ยเสริมมา

“นี่พ่อหนุ่ม มีภรรยางามดั่งนางฟ้า เจ้าต้องรู้จักรักษาเอาไว้ให้ดีรู้หรือไม่ สตรีที่งามและฉลาด รู้จักให้อภัยเช่นนี้ มิใช่จะหาได้ง่าย ๆ หรอกนะ อีกสิบชาติก็ไม่เจอ”

“ใช่แล้ว  ถ้าเป็นข้านะ ขอตบก่อนแล้วค่อยถามทีหลัง”

“ส่วนข้าจะเอาไม้ทุบทั้งคู่ แล้วค่อยเอามาไต่สวนภายหลัง  ไม่มีทางใจดีเหมือนแม่หนูนางนี้เด็ดขาด”  

“ใช่ ๆ ข้าก็เหมือนกัน”  ว่าพร้อมกับถลกแขนเสื้อด้วย

จิ่นหรงและคนสนิทถึงกับกลืนน้ำลาย ก่อนจะตอบรับเสียงแผ่ว จากนั้นเขาก็หันมาคว้ามมือชายารักที่ยืนยิ้มชอบใจ

“ไปกันเถอะ”  สิ้นคำเขาก็ยิ้มแห้งให้เหล่าสตรีทั้งหลาย  ก่อนจะพาร่างอรชรเดินลงมาท่ามกลางสายตาของผู้คนที่ยืนรอดูว่าเกิดอันใดขึ้นด้านบน เพราะช่วงเกิดเหตุทางร้านไม่ให้ขึ้นไป

“ดูแม่นางผู้นี้สิ งดงามอย่างกับเทพธิดาในภาพวาดเชียว”

“ใช่ ๆ หรือนางจะออกมาจากภาพวาดจริง ๆ”

เสียงบุรุษที่เข้ามาเลือกซื้อของต่างก็กล่าวคล้ายกัน  นำพาให้คนถูกชมรู้สึกปลื้มปริ่มเป็นอย่างมาก  ต่างจากองค์รัชทายาท  ซึ่งยามนี้มีอาการหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด  มิหนำซ้ำมือที่กุมมือชายาไว้ยังปล่อยแล้วเปลี่ยนมาโอบเอวแทน

ตันหยางยกยิ้มเล็กน้อยกระทั่งเดินออกมาด้านนอกนางก็เอ่ยกับเขาว่า “ปล่อยได้แล้วเพคะ  มันเดินลำบาก”

“กลัวคนรู้หรือว่าเจ้าแต่งงานแล้ว”

“ต่อให้ไม่มีใครรู้  บุรุษหน้าไหนก็เข้าใกล้หม่อมฉันไม่ได้หรอกเพคะ  นอกจากพระองค์”  ยิ้มอ่อนให้เขาอีกหน

“ขอให้มันจริง” เอ่ยอย่างขอไปที ทว่าเขาก็ยอมปล่อยมือที่เอวนาง แต่ก็ยังเอื้อมมากุมมือไว้อีกอยู่ดี ตันหยางก็ไม่ได้ว่าอะไร  เพราะเขาคือสามีนาง จะจับส่วนไหนก็แล้วแต่เขาเลย

“ระ…รัช”

“คุณชายจิ่น” จินเฉิงรีบเตือนสหาย

“อะ…เอ่อ คุณชายมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรขอรับ มิได้เข้าประชุมขุนนางอยู่หรือ”  อี้ฟานรีบเอ่ยถามด้วยความไม่รู้

“ที่ไหนกัน คุณชายเจ้านัดคุณหนูกู้ออกมาเที่ยวเล่นต่างหาก น่าเสียดายที่ข้ามาขัดจังหวะ เลยไม่ได้ไปซื้อเรือนพักด้วยกัน” ตันหยางเอ่ยตอบเอง  พร้อมกับยิ้มยียวนใส่สามี  

“กลับเรือน”  จิ่นหรงไม่ได้ตำหนิหรือโต้เถียง เพราะเรื่องเมื่อครู่แม้มันไม่กระจ่างชัด แต่เขากลับเชื่อว่าชายาตัวน้อยนางเดาเหตุการณ์เรื่องราวได้ มิเช่นนั้นคงไม่ช่วยเขาจัดการกู้อิงเถา

“หม่อมฉันอยากไป..” ตันหยางรีบเอ่ยจึงถูกตำหนิทันที

“แสดงให้เนียนหน่อย เจ้าควรต้องแทนตนเช่นไรเมื่ออยู่ข้างนอก  และเรียกข้าเช่นไรยามอยู่ท่ามกลางผู้คน”

“แหม… ท่านพี่ก็”  ตันหยางยกมือขึ้นตีอกเขาอย่างหยอกล้อ  นำพาให้จิ่นหรงอดที่จะยิ้มตามท่าทางทะเล้นของนางมิได้

“ว่ามา…เจ้าอยากไปที่ใด ไหนๆ วันนี้เราก็ออกมาแล้ว  ข้าจะพาไปเที่ยวสักครึ่งวันแล้วกัน หรือจะเดินเที่ยวตลาดต่อ”  จิ่นหรงยิ้มอ่อน  แต่คำตอบก็ทำให้มันหุบลง

“ไปคุกใต้ดินเพื่อสอบสวนคนร้ายเจ้าค่ะ”

“ไม่ได้!  ที่นั่นเป็นสถานที่ใดเจ้าไม่รู้หรือ”

“รู้เจ้าค่ะ”

“รู้แล้วเหตุใดยังดื้อจะไปอีก  ไม่ได้!  เจ้าเลือกไปที่อื่นเถิด”  จิ่นหรงเอ่ยเสียงแข็ง  อย่างไรเขาก็ไม่มีทางพานางไปที่นั่นแน่

ทว่าชายาตัวน้อยกลับยกมือขึ้นมาลูบแผงอกเขา แล้วเอ่ยด้วยเสียงหวานที่ชวนขนลุก “ท่านพี่… ท่านพี่พาน้องไปนะเจ้าคะ  น้องสามารถทำให้คนร้ายปริปากพูดได้  น้องสามารถสะกดจิตเขาได้เจ้าค่ะ  ท่านพี่จิ่น  พาน้องไปนะเจ้าคะ  นะนะ”  

ใบหน้างามอยู่ห่างแค่ปลายคางเขานี่เอง เหล่าคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างรถม้าต่างก็พากันกลืนน้ำลาย และยืนมองราวกับกำลังลุ้นว่าใครกันจะเป็นผู้ชนะในการเดิมพันครานี้

“ก็… ก็ได้  ข้าเห็นว่าเจ้ามีวิธีทำให้มันปริปากหรอกนะ”

“ท่านพี่ใจดีที่สุด”  ตันหยางไม่ว่าเปล่า  แต่ยังเขย็งเท้าขึ้นมาจุมพิตตรงริมฝีปากเขาด้วย “อี้ฟานไปคุกหลวง”

“ขะ…ขอรับ”  องครักษ์หนุ่มรับคำ ก่อนจะขยับเข้ามาสะกิดผู้เป็นนายที่ยังคงยืนนิ่งตัวแข็งทื่อไม่ยอมขยับ ไม่รู้ว่ายังหายใจอยู่หรือไม่ “ฮะ…ฮูหยินขึ้นรถม้าไปแล้วขอรับคุณชาย”

“ท่านพี่เร็ว ๆ” ตันหยางยังเปิดม่านออกมาเรียก

“ดะ… ได้น้องหญิง”  รีบรับคำแล้วขึ้นรถม้าทันที

มู่เฟิงจึงเดินมายกมือขึ้นแตะไหล่อี้ฟาน  ก่อนจะเอ่ยกับอีกฝ่ายว่า  “รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าเจ้าควรเลือกฝั่งไหน”

องครักษ์หนุ่มรุ่นน้องจึงพยักหน้าให้  ก่อนจะเดินตามรถม้าที่กำลังเคลื่อนออกไป  ด้านจินเฉิงก็เดินเข้ามาสบทบ เพื่อพูดคุยกันตามประสา ทว่าสายตาของพวกเขายังคงระวังภัยตลอด

ส่วนผู้เป็นนายนั้นกลับนั่งนิ่งไม่ไหวติง  ต่างจากชายาตัวน้อยที่เอาแต่มองออกไปด้านนอกอย่างสนใจ

“ต่อไปอย่าได้ทำประเจิดประเจ้อเช่นนี้อีก  ประเดี๋ยวมีคนมาเห็นจะเอาไปนินทาหาว่าเป็นหญิงไม่รู้จักอาย”

ตันหยางหันกลับมาพร้อมขมวดคิ้ว “ทำอันใดเพคะ”

“ก็… ก็ที่เจ้าทำตรงนี้ไง”  นิ้วเรียวชี้มุมปากตน

ตันหยางเม้มปากกลั้นขำทันที  จึงถูกผู้เป็นสามีตำหนิอีก

“หยุดการกระทำของเจ้านะมู่ตันหยาง”

“เพคะ”  ถึงจะตอบรับ  แต่นางก็ยังอมยิ้ม

“สตรีดื้อรัน”

“ท่านพี่ ไยถึงชอบดุน้องเจ้าคะ” ตันหยางแสร้งเอ่ยคำหวานพร้อมกับหันหนี  แต่ก็เผยเสี้ยวหน้าบูดบึ้งให้เขาเห็น  

นางอยากรู้ว่าองค์รัชทายาทจะทำเช่นไร  หากนางแสดงท่าทางเช่นนี้ออกมา  และสิ่งที่นางไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น  

เมื่อผู้เป็นสามีขยับเข้ามานั่งตรงหน้า  จากนั้นเขาก็รั้งนางเข้ามากอดดื้อ ๆ ตามมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนรู้สึกผิด

“ข้าไม่ได้ตั้งใจ” มือเรียวใหญ่ยกขึ้นมาลูบไหล่นางอย่างอ่อนโยน  ตันหยางก็ได้แต่นั่งนิ่งปล่อยให้เขาปลอบประโลมตนอยู่เช่นนั้น  นางไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขยื้อนหรือกระดุกกระดิกตัว

ดวงตาสวยได้แต่กระพริบถี่อยู่ในอ้อมกอดเขา  ใจดวงน้อยเต้นรัวกว่าครั้งไหน ๆ นางก็แค่อยากหยอกเขาเล่น  ใครจะไปคิดว่าเขาจะพุ่งเข้ามาโอบกอดเช่นนี้กันเล่า  

ภายในรถม้ายังคงนิ่งเงียบ  มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่แว่วมาให้ยิน  รวมถึงเสียงหัวใจของรัชทายาทที่เต้นแรงเหลือเกิน  ทำเอาผู้ที่แนบหูอยู่กับอกเขาถึงกับเม้มปากด้วยความเขินอาย  ‘เขาคงไม่ได้กำลังตื่นเต้นอยู่หรอกนะ’

 

 

 

 

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   19. ตามทุกที่

    สองเค่อต่อมา [ครึ่งชั่วโมง]มู่หลิงก็ปรากฏตัวในห้องผู้เป็นนาย“พวกเจ้าออกไปเถิด มีแค่คนของข้าก็พอแล้ว” ตันหยางเอ่ยบอกนางกำนัลทั้งสอง เมื่อประตูปิดลงนายบ่าวก็เดินมาที่โต๊ะ“พระชายาจะทำอันใดหรือเพคะ”“ข้าสงสัยว่าคนที่เลี้ยงนกน่าจะเป็นสนมผิง”“สนมผิง” มู่หลิงเอ่ยเสียงแผ่ว “จะเป็นไปได้เช่นไรเพคะ”“เมื่อกลางวันข้าได้กลิ่นสาปบนตัวของนางกำนัลที่อยู่ข้างกายสนมผิง ข้าจึงแสร้งขอตามนางไปที่ตำหนักเพื่อดูโรงเพาะสมุนไพร นึกไม่ถึงว่าจะได้พบกับสิ่งผิดปกติหลายอย่าง เรือนเก่าด้านหลังน่าจะเป็นที่เลี้ยงนก แต่นางรอบคอบมาก แขวนกระดิ่งไว้ทั่วตำหนักเชียว คงคิดเอามากลบเสียงของพวกมันกระมัง แต่เผอิญกลิ่นสาปมันรุนแรงเกินไป แม้จะใช้กลิ่นดอกไม้รวมถึงพืชสมุนไพรในตำหนักมากลบ มันก็ยังลอยเล็ดลอดมาให้สัมผัสพบเจอเข้าจนได้ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน”“ทราบแล้วเพคะ” มู่หลิงตอบรับ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกว่า“แล้วพระชายาจะไม่แจ้งให้รัชทายาทรู้หรือเพคะ”“แจ้งสิ แต่ต้องหลังจากเราหาหลักฐานที่แน่ชัดได้ก่อน ยามนี้เขาก็คงวุ่นวายอยู่เหมือนกัน” ช่วงหลังน้ำเสียงนางแผ่วลง“มีเรื่องหนึ่ง หม่อมฉันไม่รู้ควรทูลหรือไม

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   18. สืบเองง่ายกว่า

    นับจากวันนั้นทั้งคู่ก็เหมือนจะห่างกันมากขึ้น จิ่นหรงออกจากตำหนักเช้ากว่าจะกลับก็มืดค่ำ วนเวียนเช่นนี้มานานกว่าห้าวันแล้ว ซึ่งตันหยางรู้ดีว่าเขากำลังยุ่งกับงาน นางจึงไม่เข้าไปวุ่นวายอะไร แต่ก็ยังมีแอบไปสืบข่าวที่ตำหนักใหม่ไทเฮาอยู่บ้างอย่างเช่นวันนี้นางก็กำลังจูงพระหัตถ์ไทเฮาเดินเล่นอยู่ในสวน มีข้ารับใช้เดินตามอีกหกคน นางจึงคอยสังเกตุท่าทางคนเหล่านี้ แม้ว่าทั้งหมดจะเป็นคนที่ตนเคยช่วยชีวิตไว้ก็ตาม“หยางเอ๋อร์ ย่าได้ยินว่าเจ้ากับรัชทายาทยังไม่เข้าหอกันอีกหรือ เป็นเช่นนี้แล้วเมื่อไหร่ย่าจะได้อุ้มเหลนกันล่ะ” คนแก่เอ่ยมาทีก็ทำให้คนที่เดินประคองต้องหยุดชะงักตันหยางยิ้มแห้งก่อนจะตอบเสียงแผ่ว “เสด็จพี่ทรงงานหนัก หม่อมฉันจึงไม่อยากรบกวนเขาเพคะ”คนแก่จึงหันมาหาพร้อมกุมมือแล้วเอ่ยว่า “เป็นสามีภรรยากัน ใช้คำว่ารบกวนไม่ได้นะ สิ่งที่เจ้าควรทำคือต้องรีบมีทายาทสืบสกุลให้เชื้อสายเรา รากฐานบ้านเมืองจะได้มั่นคง”“เพคะ เอาไว้หม่อมฉันจะหาโอกาสเหมาะ รีบทำเหลนให้เสด็จย่าเพคะ” ตันหยางเอ่ยเอาใจคนแก่“ดี! ต้องอย่างนี้สิ” ไทเฮายิ้มชอบใจ ก่อนจะพากันเดินชมสวนต่อ ตันหยางก็ได้แต่ฉีกยิ้มซ้ายทีขวา

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   17. คนขี้งอน

    หลังจากชายาตนกลับมาพูดดีด้วย จิ่นหรงก็เริ่มหันมาหารือกับขุนนางทั้งสามต่อ “วันพรุ่งข้าจะให้หัวหน้าองครักษ์จินอู่ตรวจสอบว่าตำหนักใดเลี้ยงนก รวมถึงคนที่มีบาดแผลขีดข่วน คาดว่าไม่เกินสามวันคงได้ความ เพราะช่วงนี้ในวังตรวจตราเข้มงวดขึ้น เราก็อาศัยเรื่องนี้ตรวจหนอนบ่อนไส้เสียเลย”“มันคงนึกไม่ถึงว่าเราจะสืบรู้การวางแผนของพวกมัน ไม่แน่ยามนี้อาจกำลังติดต่อวางแผนการใหม่อีกก็ได้” อินหลางเอ่ย“เป็นเช่นนั้นก็ดี หากเราหาตัวผู้สมรู้ร่วมคิดในวังได้ เราจะได้ซ้อนแผนพวกมันเสียเลย” จิ่นหรงยกยิ้ม ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีก “ท่านอา ส่งคนสืบหาตัวซูเหวินอี้ที ข้าอยากรู้ว่ามันกบดานอยู่ที่ใด และอีกเรื่อง ข้าไม่อยากให้ข่าวลือบ้า ๆ นั่นแพร่ไปถึงพระกัณฑ์เสด็จอา เกรงว่าพระองค์จะทรงร้อนพระทัยจนอยู่ไม่เป็นสุข แค่แก้ปัญหาภัยแล้วมันก็หนักหนาพอแล้ว ข้าไม่อยากให้เสด็จอากังวลพระทัยเพราะเรื่องนี้อีก”“กระหม่อมจะรีบทำตามรับสั่งพ่ะย่ะค่ะ” อินหลางรับคำ“ประเดี๋ยวเพคะ รัชทายาทอยากได้คนสืบข่าว เช่นนั้นให้คนของสำนักมู่ตานช่วยอีกแรงนะเพคะ เรามีคนอยู่ทั่วทุกมุมเมือง ให้พวกเขาช่วยสืบและขจัดข่าวลือตามเมืองต่าง ๆ น่าจะง่ายกว่า

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   16.ใครเป็นใหญ่

    หลังจากนั้นคนร้ายก็ถูกพาตัวกลับไปขังตามเดิม และยังคงคุมเข้มเพื่อไม่ให้สองคนนี้คิดสั้นปลิดชีพตน เพราะต้องเอาทั้งคู่ไว้เป็นพยานเอาผิดซูเหวินอี้ก่อนภายในห้องรับรองของคุกหลวง…กลุ่มขุนนางยังคงหารือกันต่อ แม้จะมีคำสั่งออกมาบ้างแล้ว ทว่าคนที่ออกไปทำงานก็ล้วนแต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาระดับล่าง เพราะจิ่นหรงไม่อยากให้เรื่องมันกระโตกกระตาก “นึกไม่ถึงว่ามันจะใช้พ่อค้าธรรมดามาลอบสังหารคนในวัง ความคิดช่างแยบยลนัก ใช้ชาวบ้านที่เคยขายโคมทุกปีมาทำเรื่องชั่วแทน ชั่วช้านัก!” ใต้เท้าเจิ้นเอ่ยถึงสิ่งที่ได้ฟังเมื่อครู่ “มันคงวางแผนไว้นานแล้ว จึงได้อาศัยช่วงเวลาทดลองโคมไฟของเหล่าพ่อค้าที่ทำกันเป็นประจำ พวกมันใช้วิธีนี้หลอกล่อสายตาผู้คน และยังใส่พิษไว้ในโคม เมื่อมันถูกความร้อนมันก็แพร่กระจายตกเป็นละอองลงมาทำให้คนที่สูดดมเข้าไปหมดแรง ช่างเจ้าแผนการนัก” อินหลางเอ่ยอย่างแค้นใจ“ถึงว่า คนในตำหนักรอบบริเวณ รวมถึงด้านนอกตามระยะเส้นทางของโคม ผู้คนถึงได้นอนเกลื่อนเต็มทาง เอ๋! แล้วเหตุใดโคมถึงมาตกแต่ที่ตำหนักไทเฮาล่ะเจ้าคะ ตำหนักอื่นได้ยินว่าไม่เสียหายมิใช่หรือ” ตันหยางมองหน้าทุกคนสลับกันไปมา

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   15. สะกดจิต

    ต่อมา…รถม้าที่เคลื่อนมาตลอดทางก็หยุดลง ณ สถานที่ที่ไม่มีใครอยากก้าวเข้าไป หากไม่มีธุระคงไม่มีใครอยากเฉียดเข้ามาใกล้ เพราะเกรงสิ่งอัปมงคลจะติดตัวออกไปด้วยเมื่อรถม้าหยุด จิ่นหรงก็ขยับดันร่างอรชรที่เขากอดออกห่างตัว แล้วเอ่ยถามเสียงอ่อน “แน่ใจหรือว่าจะเข้าไป”“เพคะ” คนตัวเล็กตอบรับโดยไม่เงยหน้ามองเขา จึงถูกมือเรียวเชยคางขึ้นเพื่อให้ได้สบตากัน“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้มีท่าทางเขินอายเช่นนี้นี่”“ขะ… เขินอะไร อายอะไรเพคะ ไม่มี๊…”“ไยเจ้าต้องทำเสียงสูง” จิ่นหรงแสร้งเย้านาง“ไม่ได้เสียงสูงนะเจ้าคะ” ตันหยางรีบเถียงเพราะเกรงเขาจะจับได้ นางปัดมือเขาหนีก่อนจะรีบลุกออกมาจากรถม้า คนด้านหลังลุกตามพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า“ช้าก่อน ประเดี๋ยวข้าให้คนนำตัวคนร้ายออกมาให้เจ้าสอบสวนที่ห้องขังด้านนอก เจ้าไม่ต้องเข้าไปด้านใน”“เจ้าค่ะ” รับคำโดยไม่มองหน้าเขาอีกแล้ว ผู้เป็นสามีจึงอดที่จะยิ้มเอ็นดูนางไม่ได้ เพราะปกติตันหยางนางมักจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่กว่าเขาเสมอ สุขุม นิ่ง ราวกับคนไร้ใจทว่าเขาเพิ่งรู้วันนี้เองว่า แท้ที่จริงนางก็เหมือนสตรีทั่วไป ที่รู้จักเขินอาย และมีมุมออดอ้อนอันแสนน่ารักแฝงไว้ด้วย

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   14. ภรรยาแสนดี

    จิ่นหรงขบกรามแน่น เขานึกไม่ถึงจริง ๆ ว่ากู้อิงเถาจะกล้าเอ่ยวาจาบิดเบือนจากข้อเท็จจริงเหล่านี้ออกมา ทั้งที่เขาเองก็ย้ำนักย้ำหนาว่ามันคือการตอบแทนบุญคุณ มิได้มีเรื่องความรู้สึกใด ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องแม้แต่น้อยเรื่องที่เขาเคยพึงใจนาง ก็แค่เอ่ยถึงเรื่องเก่าก่อนในช่วงเวลาสั้น ๆ มายามนี้เขาไม่ได้รู้สึกอันใดกับนางแม้เพียงนิด ที่ยอมพบหน้าก็เพื่อต้องการตอบแทนบุญคุณให้มันจบสิ้นเท่านั้นเพราะเหตุนี้กระมัง มู่ตันหยางจึงได้เอ่ยว่าเขาไม่ทันคน “ข้าไม่ได้เอ่ยเช่นที่นางว่า” เขาหันมาหาชายาตน พร้อมกับมองลึกลงไปในดวงตาคู่สวย เพราะอยากรู้ว่านางจะเชื่อในสิ่งที่เขากล่าวหรือไม่ และสิ่งที่ตอบกลับมาก็ยังเป็นยิ้มอ่อนเช่นเคย“น้องเชื่อท่านพี่เจ้าค่ะ” เอ่ยจบร่างอรชรก็หันมาหาผู้ที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ก่อนจะยอบกายลงแล้วเอ่ยว่า “ถ้าเจ้ายังไม่หยุด ข้าจะไม่อยู่เฉยแล้วนะคุณหนูกู้” คำพูดไม่กี่ประโยค กลับทำให้ร่างของกู้อิงเถาหยุดชะงักทันที“ขะ… ข้า” แววตาอิงเถาดูหวาดกลัวไม่น้อย“หยุดความคิดของเจ้าเสีย แล้วอย่าได้พูดจาเลื่อนเปื้อนเช่นนี้อีก เพราะหากมีคราวหน้าข้าจะไม่เอาเจ้าไว้แน่”“ขะ…ข้า ข้าเปล่านะ”

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status