ซินเยว่สะดุ้งสุดตัวรีบสูดอากาศเข้าปอดเพราะก่อนหน้านี้คล้ายนางจะขาดอากาศหายใจ
"คุณหนูท่านยังไม่ตายคุณหนูของบ่าวข้าดีใจเหลือเกิน"
ซินเยว่มองดวงตาบวมปูดจากการร้องไห้อย่างหนักของฮุ่ย หลิงนางทั้งสงสารทั้งขบขัน
"คุณหนูเจ็บตรงไหนหรือไม่ ท่านอย่าพึ่งขยับให้บ่าวไปตามท่านหมอมารักษานะเจ้าคะ"
พูดจบฮุ่ยหลิงก็กำลังจะผละจากไปแต่ซินเยว่ดึงแขนนางเอาไว้ก่อน
"ไม่เป็นไรข้าไม่เจ็บที่ใดเลย"
"แต่บ่าวเห็นคุณหนูกระอักเลือดออกมาเยอะมากเลยนะเจ้าคะ"
ฮุ่ยหลิงยังคงรู้สึกไม่สบายใจเรื่องอาการของนาง ซินเยว่ขยับตัวให้ฮุ่ยหลิงดูเพื่อให้นางสบายใจ
"คุณหนูฮูหยินไปที่เรือนหลักนะเจ้าคะฮูหยินจะต้องไปเเก้แค้นให้คุณหนูอย่างแน่นอน"
ซินเยว่พยักหน้า
"เกิดเรื่องกับข้าขนาดนี้แต่กลับไม่มีใครมาดูสักคนใจดำกันจริงๆ คนตระกูลนี้"
นางพูดเสียงเย็นชา
"ฮุ่ยหลิงข้าคิดว่าคงถึงเวลาที่เราจะต้องออกไปจากที่นี่แล้วล่ะ"
ฮุ่ยหลิงมองนายสาวตาเป็นประกาย
"ไปเรือนหลักกันเถอะ"
ซินเยว่ลุกขึ้นเดินนำหน้าฮุ่ยหลิงไป
"คุณหนูท่านไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนหรือเจ้าคะตัวท่านมีแต่เลือด"
ซินเยว่ก้มลงมองร่างของตนที่ชุ่มไปด้วยเลือด
"ไม่เป็นไรแบบนี้เเหละดีจะได้มีข้ออ้างตัดขาดจากตระกูลหยางพวกเขาจะได้ปฏิเสธไม่ได้"
เซวี่ยฟังเฟยยืนดวงตาแดงก่ำอยู่กลางโถงรับรองเรือนหลักนางชี้หน้าหยางจิ่งเทียนด้วยนิ้วอันสั่นเทา
"เจ้าคนใจดำหยางจิ่งเทียนบุตรสาวของเจ้านอนตายอยู่กลางลานแต่เจ้าไม่คิดจะไปดูดำดูดีนางสักนิด จิตใจของเจ้าทำด้วยอะไรเจ้าไม่เคยไยดีเราแม่ลูกข้าไม่เคยต่อว่าเจ้าเลยสักครั้ง แต่นี่พวกเจ้าถึงกับคิดฆ่านางพวกเจ้ามันอำมหิตเดรัจฉานมาเกิด "
"เจ้า"
หยางจิ่งเทียนลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธเขา ไม่เคยเห็นเซวี่ยฟังเฟยเอ่ยคำหยาบด่าทอเช่นนี้มาก่อน แต่ก่อนนางเป็นคนอ่อนหวานไม่เคยพูดจาหยาบคายแม้จะถูกต่อว่าก็ไม่เคยเถียงสักครั้งทำเพียงก้มหน้ารับไม่เคยมีปากเสียงกับผู้ใด
ก่อนแต่งงานหยางจิ่งเทียนเป็นแค่เพียงรองแม่ทัพเล็กๆ เท่านั้น ส่วนเซวี่ยฟังเฟยเป็นถึงบุตรสาวที่เกิดจากฮูหยินเอกของอัครเสนาบดี ทั้งที่นางสามารถแต่งเข้าวังหลังได้ เเต่นางกลับเลือกเขาเพียงเพราะนางตกหลุมรักรองแม่ทัพหนุ่มแรกพบ ดังนั้นนางจึงไม่ยอมเข้าคัดเลือกสนมในวังทำให้อัครเสนาบดีเซวี่ยไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ตั้งแต่นั้นมานางจึงเลิกติดต่อบ้านเดิมไม่ไปมาหาสู่อีกต่อไป นายท่านผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าหยางนั้นรักและเมตตาเซวี่ยฟังเฟยมากเพราะนางเอาใจใส่ดูแลทั้งสองคนเป็นอย่างดีเรื่องเรือนหลังไม่เคยมีปัญหานางล้วนมีเมตตากับบ่าวไพร่
หลังจากหยางจิ่งเทียนแต่งเซวี่ยฟังเฟยได้เพียงหนึ่งเดือนเขาก็ต้องออกเดินทางไปจัดการสัตว์อสูรที่เข้ามาอาละวาดที่ชายแดนตามราชโองการของฮ่องเต้ ผ่านไปสามเดือนเมื่อหยางจิ่งเทียนกลับมาก็ได้พา มู่เซี่ยอี่กลับมาด้วยและแต่งให้นางเข้ามาเป็นภรรยารอง เซวี่ยฟังเฟยไม่เคยห้ามหรือโกรธเคืองเมื่อหยางจิ่งเทียนแต่งอนุเข้าจวนเพราะนางเข้าใจดีของการมีสามภรรยาสี่อนุ
นางได้เเต่ยิ้มรับอย่างขมขื่นอยู่ในใจเพราะนางรักเขามาก จนกระทั่งหยางซินเยว่เจ็ดขวบ นางเข้ารับการทดสอบแล้วพบว่าไร้พลังปราณนั่นยิ่งทำให้เขาหมางเมินต่อนางมากกว่าเดิม
ก่อนวันที่นายท่านผู้เฒ่าหยางจะจากไปได้มอบแหวนหยกที่สลักตัวอักษรหยางไว้ด้านในให้กับเซวี่ยฟังเฟย นายท่านผู้เฒ่าบอกว่าแหวนวงนี้ตกทอดมาในตระกูลหยางให้นางเก็บไว้ให้ซินเยว่
"ท่านแม่!!!!”
เซวี่ยฟังเฟยหันมองตามเสียงเรียกของบุตรสาว ราวกับสวรรค์บันดาลน้ำทิพย์มาชโลมหัวใจของนาง
"เยว่เอ๋อของแม่เจ้ายังไม่ตายขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณจริงๆ"
นางร้องไห้ด้วยความดีใจ ฮุ่ยหลิงพยุงร่างซินเยว่ที่อาบไปด้วยเลือดเดินเข้ามาในห้องโถง ซินเยว่มองไปรอบๆ นางค่อยๆ มองพวกเขาทีละคนเริ่มจากมู่เซี่ยอี่ฮูหยินรอง บุตรสาวของนางหยางหลันฮวา และบุตรชายหยางซีซวน อนุสามเหยียนเหมยฟาง อนุสี่หลิวอี้หลิน แล้วสายตาซินเยว่ก็มาหยุดที่หยางหลันฮวา
"น้องรองคงเสียใจที่ข้ายังไม่ตาย"
ซินเยว่มองนางด้วยสาวตาเย็นเยียบจนยากจะอ่านออก หยาง หลันฮวาถลึงตาใส่นาง "สวะอย่างเจ้ากล้าจ้องหน้าข้าตั้งแต่เมื่อใด ก่อนหน้านี้ข้าคงตีเจ้าเบาเกินไปสินะ"
ก่อนที่หยางหลันฮวาจะพูดอะไรออกไปอีกมู่เซี่ยอี่ก็รีบดึงมือนางเอาไว้และส่งสายตาเตือนให้นางเงียบ
"ข้าบาดเจ็บสาหัสสองครั้งในรอบหนึ่งเดือนโดยฝีมือหยางหลัน ฮวา แต่นางไม่เคยถูกลงโทษเลยสักครั้ง บ่าวไพร่ในเรื่องไม่เคยเคารพ หรือมองว่าท่านแม่เป็นฮูหยินใหญ่ของจวนสกุลหยาง ข้าวต้มที่ใสจนเห็นก้นถ้วยถ้าหากไม่ทำงานก็อย่าหวังว่าพวกข้าจะได้กิน หลายปีมานี้ช่างลำบากเหลือเกินก่อนมาที่นี่หยางหลันฮวาทำร้ายข้าเกือบตายแต่พวกท่านกลับทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ท่านแม่ข้ากลัวเหลือเกินกลัวว่าครั้งหน้าลูกคนนี้มิอาจฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว"
พูดจบซินเยว่ก็ก้มหน้าแสร้งตัวสั่นร้องไห้เบาๆ เซวี่ยฟังเฟยเมื่อเห็นซินเยว่ร้องไห้นางก็รีบเข้าไปกอดปลอบบุตรสาว จากนั้นจึงหันมาหาหยางจิ่งเทียนดวงตาของนางวาวโรจน์ดั่งเช่นราชสีห์หวงถิ่น เซวี่ยฟังเฟยได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดตั้งแต่นางเห็นร่างโชกเลือดของ ซินเยว่นอนหายใจรวยริน ระหว่างนางกับหยางจิ่งเทียนได้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
"ข้าต้องการหย่าแล้วออกไปจากที่นี่ข้าจะพาเยว่เอ๋อกับฮุ่ยหลิงไปด้วย ข้าอยากให้ท่านเขียนหนังสือตัดขาดเราสองแม่ลูกต่อไปภายหน้าไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก "
"เจ้า"
หยางจิ่งเทียนไม่คิดว่านางจะกล้าเอ่ยตัดขาดกับเขา
"ชักจะกำแหงเกินไปแล้ว"
หยางจิ่งเทียนใช้พลังปราณตบโต๊ะไม้เนื้อดีจนแตกกระจุย
"หยางจิ่งเที่ยนเจ้าไม่เขียนหนังสือหย่าให้ข้าไม่เป็นไรแต่ต่อจากนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะอยู่ในจวนตระกูลหยางได้อย่างสงบสุข สิ่งที่เจ้ากับบุตรสาวสุดที่รักของเจ้าทำกับข้าแม่ลูกมาตลอดหลายปีข้าจะเอาคืนให้หมด คนทั้งเมืองหลวงจะต้องได้รับรู้เรื่องเน่าเฟะของนางดูซิว่าถ้านางเสื่อมเสียชื่อเสียงยังจะมีคนอยากแต่งให้นางอีกหรือไม่"
หยางหลันฮวาลุกขึ้นทันทีเมื่อเซวี่ยฟังเฟยเอ่ยถึงนาง
"ท่านพ่อไม่ได้นะข้า..."
“หุบปาก”
ยังไม่ทันที่หยางหลันฮว่าจะพูดจบหยางจิ่งเทียนก็ตะคอกนางเสียงดัง
"เซวี่ยฟังเฟยเจ้าคิดจะขู่ข้าหรือ"
“หึ แล้วแต่เจ้าจะคิด”
ซินเยว่ยืนมองงิ้วโรงนี้อยู่เงียบๆ โดยไม่เอ่ยปากสักคำ
"ฟ่งหยวนเอากระดาษพู่กันมาข้าจะเขียนหนังสือตัดขาดให้พวกนาง"
หยางจิ่งเทียนตะโกนสั่งพ่อบ้านด้วยความโกรธ ฟ่งหยวนรีบนำกระดาษพู่กันและหมึกมาให้หยางจิ่งเทียนอย่างรวดเร็วเพราะหวาดกลัวในโทสะของเขา
หยางจิ่งเทียนเขียนหนังสือหย่าให้เซวี่ยฟังเฟยและหนังสือตัดขาดจากหยางซินเยว่ทั้งสองฝ่ายลงชื่อประทับลายนิ้วมือเป็นอันเสร็จสิ้น
"เจ้าอย่าหวังว่าจะได้อะไรไปจากข้า"
หยางจิ่งเทียนเอ่ยขึ้นเมื่อเซวี่ยฟังเฟยซินเยว่เเละฮุ่ยหลิงกำลังจะเดินออกไปจากโถงรับรอง นางเเค่นเสียงหึ!ออกมาทีหนึ่งแล้วเดินจากไป
ทั้งสามคนไม่เอาอะไรติดตัวมาเลยพวกนางเดินออกจากจวนไปแค่เสื้อผ้าติดตัว ซินเยว่หยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูด้านนอกจวนหันหน้าไปทางห้องโถงรับรองเรือนหลัก ก้มคำนับสามทีให้แก่ชายผู้ให้กำเนิดร่างนี้
ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาต่างซุบซิบนินทาพวกนางและตระกูล หยางแต่นางมิได้สนใจ เดินมุ่งหน้าออกจากเมืองหลวงทันที
“เสี่ยวเป่าเจ้าต้องช่วยข้า”เสี่ยวเป่าเหมือนจะรู้ว่าเสี่ยวหงต้องการจะทำอะไร มันกระโดดไปที่นางแล้วคายแก่นพลังของมันวางไว้บนมือของเสี่ยวหง ซินเยว่ที่กำลังโรมรันอยู่กับไป๋ซวี่เฟิงไม่ทันเห็นสิ่งที่พวกเขากำลังทำ‘ฝากเจ้าดูแลนางด้วยนะแล้วอย่าลืมไปตามหาข้าเล่า’เสี่ยวหงพูดกับเสี่ยวเป่าที่ตัวหดเล็กลงกลายเป็นก้อนขนอีกครั้ง เสี่ยวหงใช้แก่นพลังของนางและเสี่ยวเป่าที่บำเพ็ญมายาวนานเพื่อผนึกร่างของไป๋ซวี่เฟิงเอาไว้จากนั้นนางระเบิดแก่นพลังของตนเพื่อทำลายดวงจิตของเขาก่อนที่นางจะหายไป เสี่ยวหงส่งกระแสจิตมาที่ซินเยว่‘แม้ว่าข้าจะตายไปแล้วเกิดใหม่อยู่ที่ใดข้าและเจ้าจะยังคงผูกพัน ในชาตินี้ข้าตายไปก่อนเมื่อถึงเวลาจุติอีกครั้งหวังว่าเจ้าจะตาหาข้าจนพบ’น้ำตาหยดสุดท้ายหลั่งออกมาจากดวงตาหงส์คู่งามของเสี่ยวหง ไป๋เยี่ยนหลงดึงร่างของซินเยว่ให้ออกห่างจากรัศมีแรงระเบิด ไป๋ซวี่เฟิงดินรนเพื่อให้หลุดจากการผนึกของเสี่ยวหงแต่เพราะมีแก่นพลังของเสี่ยวเป่าด้วยเขาจึงต้องสลายหายไปพร้อมกับนางท้องฟ้าที่เคยเเดงฉานกำลังมีฝนตกลงมาเหมือนท้องว่ากำลังหลั่งน้ำตาให้กับเสี่ยงหง ซินเยว่ร้องเรียกหาเสี่ยวหงทั้งน้ำตา เสียงร้องไห้ของนางดั
ชายชุดดำนับร้อยค่อยๆ เปิดเผยตัวแต่ละคนมีพลังขั้นเจี๋ยตันขึ้นไปทั้งนั้น ไป๋เยี่ยนหลงยังคงนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นเหมือนกับเขามิได้หวันเกรงให้กับคนของไป่ซวี่เฟิงเลยสักนิดด้านซินเยว่ยังคงหลับไม่ตื่นวนเวียนอยู่ในภาพฝันที่นางได้อยู่ร่วมกับคนตระกูลหยางอีกครั้ง นางรู้สึกมีความสุขเมื่อได้อยู่กับพวกเขาแต่ความรู้สึกลึกๆ เหมือนกำลังโหยหาบางสิ่งแต่นางไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร นางนั่งเหม่อลอยอยู่คนเดียวในศาลาใกล้สระบัวท่าทางของนางเหงาหงอยเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่ง“หลานรักปู่มีของที่ต้องการมอบให้เจ้า”ท่านปู่ของนางเดินเข้ามาในศาลา ซินเยว่หันมาสนใจ หยางตงฉวนท่านปู่ของนาง“นี่คือสิ่งที่จำกัดพลังของเจ้าเอาไว้ เมื่อถึงเวลาเจ้าจะต้องได้ใช้มันแน่”เขาได้มอบป้ายหยกรูปหงส์ให้นางถึงเวลาที่หลานจะต้องไปแล้ว อย่าลืมว่าพวกเราตระกูลหยางทุกคนอยู่ข้างหลานตลอดเวลาไม่เคยไปไหน”ซินเยว่พยักหน้า ครอบครัวของนางมายืนรอส่งนางที่หน้าประตูจวนทุกคนโบกมือให้นางทั้งยังอวยพรให้ซินเยว่ได้พบกับเขาผู้นั้น นางไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นหมายถึงอะไร ก่อนที่ซินเยว่จะฟื้นกลับมาร่างของนางเปล่งแสงสีแดงเปลวเพลิงค่อยก่อตัวเป็นรูปร่างเหมือนไข่
ซินเยว่นั่งมองภาพของการต่อสู้ของตระกูลหยางจนจบ นางค่อยๆ ออกเดินไปท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาจนกระทั่งถึงหน้าประตูจวนของตระกูลเจียว ซินเยว่สะบัดมือหนึ่งครั้งประตูบานใหญ่สองบานแตกกระจุยไม่เหลือชินดี“เจียวเมิ่งออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้ วันนี้ข้าหยางซินเยว่จะไม่ยอมปล่อยพวกเจ้าไปแม้แต่คนเดียว”ซินเยว่ยืนถือกริชอยู่ท่ามกลางสายฝนดวงตาของนางแดงก่ำไปด้วยความคั่งแค้น พลังของนางทำให้องครักษ์ที่เฝ้าประตูต้องถอยห่างเพราะแรงกดดันและความร้อนที่แผ่ออกมา เสี่ยวเป่าในร่างสัตว์อยู่ตัวยักษ์คำรามเสียงดังก้องฟ้า องครักษ์ขั้นเจี๋ยตันถึงกับกระอักเลือดออกมาองครักษ์ของตระกูลเจียวออกมาล้อมซินเยว่เอาไว้ ทุกคนล้วนระดับขั้นเจี๋ยตันขึ้นไปแต่สายตาของนางไม่มีความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย เจียวมิ่งเดินออกมาพร้อมองครักษ์ที่คอยกางร่มให้เขามองมาที่ซินเยว่ด้วยความสงสัยตอนนี้ใบหน้าของนางได้ถูตี้ซางพรางเอาไว้ทำให้มองเห็นเป็นผู้อื่น“แม่นางน้อยเจ้าบุกมาทำลายประตูจวนตระกูลเจียวเช่นนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยหรือซินเยว่หัวเราะออกมาอย่างไม่ไว้หน้าเขา“เจ้าเฒ่าสารพัดพิษ”นางสบถด่าเจียวเมิ่งออกไปอย่างสะใจ“นา
“ทะ... ท่านจ้าวผู้ครองนครได้โปรด....”ลี่ผิงยังไม่ทันที่จะเอ่ยจบประโยคร่างของนางก็กระเด็นออกไปไกลหลายจั้ง นางพยายามพยุงร่างที่บอบช้ำของตนหมอบคลานมาเบื้องหน้าของไป๋เยี่ยนหลง ลี่ผิงเห็นสายตาที่แสนอำมหิตของเขานางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ“โปรดเมตตาหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว”ไป๋เยี่ยนหลงไม่สนใจลี่ผิงอีกต่อไป เขาอยากรีบกลับไปอยู่กับสตรีแสนซุกซนที่เอาแต่บ่นทำปากขมุบขมิบน่ารักอยู่ด้านในแล้ว“ทำลายตันเถียนส่งไปส่วนลึกของหุบเขาทมิฬ”สิ้นคำของไป่เยี่ยนหลงลี่ผิงก็กรีดร้องขอความเมตตาแต่คนของไป๋เยี่ยนหลงก็เข้ามาลากนางออกไปจากตรงนั้น เยี่ยจื่อส่ายหน้าด้วยความจนใจพลางมองร่างของลี่ผิงที่กำลังถูกลากออกไป แค่ถูกส่งไปยังส่วนลึกของหุบเขาทมิฬโอกาสรอดของนางก็แทบไม่มีแล้ว นี่นายท่านยังให้ทำลายตันเถียนของนางอีกชีวิตนี้ของลี่ผิงไม่มีทางรอดกลับมาอย่างแน่นอน เมื่อจัดการตัวต้นเรื่องเสร็จแล้วจากนั้นไป่เยี่ยนหลงก็หันมาจัดการคนที่มาจากแผ่นดินชิวหลิง“ทำลายตันเถียนแล้วส่งกลับไปที่แคว้นฉิง ป่าวประกาศการกระทำของพวกเขาให้คนแผ่นดินชิวหลิงได้รู้ให้ทั่ว”สิ้นคำไป่เยี่ยนหลงก็ลุกออกไปจากท้องพระโรงทันที ที่ไป๋เยี่ยนหล
ฉิงอิงหลางดันเจ้ามังกรตัวโตหัวมันเยิ้มไปด้วยน้ำหวานของสตรีใต้ร่างเขาทีเดียวจนสุดลำ เสียงของนางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ฉิงอิงกลางทนไม่ไหวอีกต่อไปเขาไม่มีเวลามาปลอบโยนนางเพราะเขาต้องทำให้นางเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์เสียก่อน องค์ชายสามแห่งแคว้นฉิงกระแทกเอวสอบเข้าใส่สตรีใต้ล่างอย่างไม่ยั้งผ่านไปเพียงไม่นานเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของนางก็เปลี่ยนเป็นเสียงร้องครวญครางอย่างเสียวซ่าน เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังพับพับตลอดเวลา ชายหญิงในห้องร้องครวญครางประสานกันดังแว่วออกมาด้วยความเสน่หารัญจวนอย่างไม่เกรงกลัวว่าใครจะมาได้ยินก่อนหน้าที่ฉิงอิงหลางจะมาถึงบ้านร้างนอกเมือง เงาสองร่างยืนตระกองกอดกันอยู่บนต้นไม้เหมือนเฝ้ารอใครบางคน และเพียงไม่นานฉิงอิงหลางที่อยู่ในชุดดำก็อุ้มร่างของสตรีหายเข้าไปในบ้านร้างจากนั้นเสียงครวญครางอย่างรัญจวนของทั้งสองก็ดังแว่วมาอย่างไม่ขาดสาย สตรีที่ยืนอยู่บนต้นไม้เมื่อได้ยินเสียงน่ารังเกียจของชายหญิงในบ้านร้าง ใบหน้างามของนางก็แดงซ่านลามไปถึงลำคอ ไป๋เยี่ยนหลงมองสตรีอันเป็นที่รักในอ้อมแขนด้วยสายตาเอ็นดู"ช่างน่าตายยิ่งนัก"เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นมาก็คือซินเยว่ตัวจริงที่อยู่ในร่างของไซซีย
ชายชุดดำอีกคนเอ่ยขึ้นเขาก้าวเข้าหาซินเยว่เพียงก้าวเดียวก็ถึงตัวของนางได้อย่างง่ายดาย ชายชุดดำใช้สันมือฟาดไปที่ต้นคอของซินเยว่อย่างไม่ออมมือนางสลบไปทันที แต่ก่อนที่ชายชุดดำทั้งสองจะทันได้เคลื่อนย้ายร่างของซินเยว่ที่สลบไม่ได้สติออกไปจากห้องนั้น ชายชุดดำผ้าปิดหน้าห้าคนกระโดดออกมาขวางเอาไว้ ผู้มาทีหลังไม่รั้งรอให้ชายชุดดำทั้งสองได้ตั้งตัวพวกเขาฟาดพลังปราณใส่ชายชุดดำทั้งสองทันทีชายชุดดำทั้งสองกระโดดหลบพลังที่ผู้มาทีหลังซัดมาที่พวกเขาได้อย่างหวุดหวิดแล้วภายในห้องก็เกิดการต่อสู้ขึ้น ชายชุดดำทั้งสองที่มาก่อนหน้าไม่มีโอกาสที่จะพาร่างของซินเยว่ออกไปจากห้องนั้น เพราะมัวแต่พัวพันอยู่กับการต่อสู้กับชายชุดดำที่มาทีหลังคนหนึ่งได้โอกาสจึงอุ้มร่างของซินเยว่แล้วกระโดดหายออกไปจากตรงนั้นทันที"พวกเจ้าเป็นใครเหตุใดจึงมาขัดขวางภารกิจของข้าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร"ชายชุดดำที่เหลืออยู่อีกสี่คนไม่มีใครตอบคำถามชายชุดดำทั้งสองที่มาก่อนเมื่อพวกเขาเห็นสหายอุ้มร่างของซินเยว่ออกไปแล้วพวกเขาทั้งสี่ก็แยกตัวกันหนีออกไปจากห้องนั้นทันทีชายชุดดำที่มาก่อนเมื่อเห็นว่าตนถูกชิงตัวเป้าหมายไปแล้วก็คิดจะติดตามไปเ