“เจียงเฟิ่งหัว…ข้าไม่มีทางแพ้หรอก ข้าคือฮองเฮา” ปากนางยังตะโกนเรียกชื่อนางอยู่ แต่นางอ่อนแรงมากเหลือเกิน ไม่มีใครได้ยิน“ท่านอ๋อง จะจัดการซูถิงหว่านอย่างไรเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวถามเขา“เอานางไปขังไว้ในเรือนถานเซียง ห้ามปล่อยนางออกมาอีกตลอดไป” เซี่ยซางกำชับ คนสกุลซูกล้าหักหลังเขา เขาก็จะค่อย ๆ จัดการ เขายังจะกักบริเวณซูถิงหว่านตลอดไปอีกด้วยเมื่อคนพาตัวซูถิงหว่านไปแล้ว เซี่ยซางก็กุมมือเจียงเฟิ่งหัวไว้ “หรวนหร่วน ข้าขอโทษ ข้าสะเพร่าไปเอง”“ท่านอ๋องก็ถูกบีบจนไม่มีทางเลือกจึงได้…” เจียงเฟิ่งหัวอยากจะพูดแต่หยุดไว้ “หมอหญิงเย่จะจัดการอย่างไร ถึงอย่างไรตอนนี้นางก็เป็นผู้หญิงของท่านอ๋องแล้ว เมื่อครู่สถานการณ์ฉุกเฉิน หม่อมฉันถือวิสาสะรับปากนางว่าจะรับนางเข้าจวนอย่างสมเกียรติ ให้นางมีตำแหน่ง”สายตาเซี่ยซางเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด คนที่เขารักคือเจียงเฟิ่งหัว แต่กลับออกนอกลู่นอกทางไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่น เย่ซู่ซู่ก็อยู่ที่นั่นพอดี จึงไม่อาจตัดความเป็นไปได้ว่าเย่ซู่ซู่มีเจตนา เขากอดเจียงเฟิ่งหัวไว้ ขอโทษจากใจจริง “ข้าขอโทษ ไม่ว่าในจวนนี้จะมีใคร ข้าก็จะรักเพียงเจ้าคนเดียวตลอดไป ข้าสาบาน”เจียงเฟิ่
เซี่ยซางออกมาแล้ว ก็ถีบเข้าที่ตัวซูถิงหว่านเต็มแรง แล้วก็สั่งให้คนมัดตัวซูถิงหว่านและส่งไปที่จวนเหิงอ๋องอย่างลับ ๆเจียงเฟิ่งหัวเข้าไปจัดการเก็บกวาดทำความสะอาดให้เย่ซู่ซู่ด้วยตัวเอง แม้นางไม่ยินดี แต่ว่าจิตสำนึกของนางบอกนางว่า นี่เป็นความเคารพที่พึงมีต่อเย่ซู่ซู่ไม่ว่าวันนี้เย่ซู่ซู่มีเจตนาอย่างไร นางก็จะใจดีด้วยเพียงครั้งเดียว คราวหน้าหากนางกล้าก่อเรื่องวุ่นวายอีกนางจะไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้นแล้วนางนำเสื้อผ้าสะอาดและเสื้อคลุมไปคลุมให้นางเมื่อนางเห็นรอยเลือดของเย่ซู่ซู่ที่หยดลงบนผ้าปูเตียง นางก็ได้แต่รู้สึกว่าบาดตาบาดใจ จากนี้ไปจะมีของแบบนี้ส่งมาให้นางตรวจสอบมากยิ่งขึ้น นางต้องทำความเคยชินไว้เซี่ยซางลงมือหนักไปหน่อย จนถึงขั้นรุนแรง บนตัวเย่ซู่ซู่มีรอยฟกช้ำดำเขียวอยู่หลายจุด เหมือนถูกหยิก ดูแล้วนางต้องทนทรมานไม่น้อย ครั้งแรกของผู้หญิงนั้นเจ็บมาก โดยเฉพาะกับชายที่ไม่รู้จักทะนุถนอมผู้หญิง“เจ้ายังเดินได้อยู่ไหม? ให้คนมาประคองเจ้าไหม” เจียงเฟิ่งหัวกล่าว“ไม่ต้องหรอกเพคะ ขอบพระทัยพระชายาที่ทรงเป็นห่วง” ต่อให้นางเจ็บปานใดนางก็ทนได้ เพราะว่าในที่สุดนางก็ได้แต่งกับเหิงอ๋องสมดั่งใจปรา
“มีอะไรจะต้องคิดไม่ได้อีกหรือ ข้ายึดติดกับตำแหน่งพระชายา ก็รังแต่จะทำให้ตนเองเจ็บปวดมากขึ้น ข้าวัยเพียงยี่สิบสอง เซี่ยอวี้หากไม่ตบตีข้าก็ด่าทอต่อว่าข้า อนุในจวนมีมากมายเป็นฝูงแล้ว บัดนี้มีเข้าจวนเพิ่มอีกสองคน ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะจบสิ้น” นางค่อย ๆ ระบายความในใจของนางออกมา “หลายเดือนที่ผ่านมานี้ ข้าหมกมุ่นกับงานในวังและงานของศาลาการกุศลตลอด ทำให้ข้าเริ่มมีความหวังกับชีวิตใหม่มากขึ้น ข้าคิดว่าแม้ข้าจะไม่ได้เป็นพระชายาอวี้อ๋องแล้ว แต่ข้าก็ยังสามารถมีชีวิตที่ดีได้” หลัวจื่อฉยงพูดอย่างช้า ๆ นางถูกเซี่ยอวี้ทำร้าย คนสกุลหลัวเองก็สงสารนางสุดหัวใจ แต่กระนั้นเซี่ยอวี้ก็เป็นท่านอ๋อง พวกเขามิอาจล่วงเกิน ทำได้เพียงแค่หลบเลี่ยงเท่านั้น เพราะเหตุนี้คนสกุลหลัวเองก็สนับสนุนให้นางหย่าสามีเช่นกัน “ฝ่าบาทตรัสว่าจะพระราชทานรางวัลให้ข้า แต่ข้าไม่ต้องการรางวัลอะไร ขอเพียงฮ่องเต้เป็นคนออกหน้าให้ข้าได้หย่าขาดกับเซี่ยอวี้ก็เพียงพอแล้ว” นางผุดยิ้มน้อย ๆ พลางเอ่ยต่อว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าหมายความว่าอะไร? หมายความว่าข้าหลัวจื่อฉยงไม่ต้องการเซี่ยอวี้อีกแล้ว มิใช่เป็นเขาที่ขอหย่ากับข้า แบบนั้นท่านพ่อท่านแม่ข้าจะต้
ซูเซวี่ยนคำนวณไว้แล้วว่าเจียงเฟิ่งหัวที่กำลังตั้งครรภ์ไม่สามารถถอนพิษให้เขาได้แน่ ๆ จึงจงใจเรียกเย่ซู่ซู่มา หวังจะบีบให้เจียงเฟิ่งหัวต้องเลือก ช่างเป็นคนเจ้าเล่ห์หน้าซื่อใจเหี้ยมเสียจริง กล้าใช้ลูกไม้ต่ำช้าสกปรกเช่นนี้ ซูเซวี่ยนคิดว่านางจะอึดอัดทุกข์ใจเพราะเรื่องพรรค์นี้แน่ ถึงจะยอมปล่อยให้เซี่ยซางและซูถิงหว่านจะหลับนอนด้วยกันแล้วมันเป็นเช่นไรหรือ แน่นอนว่าอยู่ต่อหน้าเซี่ยซางเจียงเฟิ่งหัวต้องแสดงท่าทีเดือดดาลสุดชีวิตออกมา นางตะคอกด้วยเสียงโกรธกริ้ว “ซูถิงหว่าน เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ?” “ใช่ ข้าบ้าไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นบุรุษของข้า แต่เจ้ากลับแย่งเขาไปจากข้า บัดนี้เจ้ารีบถอยออกไปให้เร็วเสียเถิด ให้ข้าช่วยท่านอ๋องถอนพิษ มิเช่นนั้นเลือดลมของเขาจะเดือดปะทุและตายไปในที่สุด เจียงเฟิ่งหัว เจ้าคงมิได้คิดจะทำร้ายท่านอ๋องกระมัง” เจียงเฟิ่งหัวทั้งอึดอัดและปวดใจยิ่งนัก “ท่านอ๋อง คงไม่…” “ให้ตายข้าก็ไม่มีวันจะแตะต้องนาง ให้นางไสหัวไป” เซี่ยซางอยากจะบีบคอซูถิงหว่านให้ตาย นางดุร้ายอำมหิตถึงเพียงนี้ได้อย่างไร เขามองนางผิดไปจริง ๆ ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้ “พวกเราไปกัน หรวนหร่วน
“ไมตรีจิต ท่านอ๋องยังมีไมตรีจิตต่อหม่อมฉันอีกหรือ? นับแต่หม่อมฉันกลับมาจากเขตชายแดน ท่านไม่ยอมแตะเนื้อต้องตัวหม่อมฉันมาตลอด ถึงขั้นไม่อยากจะสนทนากับหม่อมฉันสักประโยคด้วยซ้ำ เพราะอะไรหรือ? บัดนี้หม่อมฉันรู้ความจริงแล้ว ที่แท้ท่านอ๋องก็รังเกียจที่หม่อมฉันสกปรก” “ท่านเชื่อคำพูดของเย่ซู่ซู่ ไม่ว่าข้าจะอธิบายอย่างไรท่านก็ไม่ยอมเชื่อว่าข้าบริสุทธิ์ ที่แท้ก็เป็นเพราะท่านอ๋องไม่รักข้าแล้ว เช่นนั้นคำปฏิญาณรักตราบนิจนิรันดร์ที่พวกเราเคยสาบานด้วยกันคืออะไร ท่านลืมไปหมดแล้วหรือ?” ซูถิงหว่านไม่ยอมรับความจริงว่าเขาเปลี่ยนใจไปแล้ว “ข้าเคยให้โอกาสเจ้าแล้ว ข้าจะส่งเจ้ากลับเรือนสกุลซู” เดิมทีเซี่ยซางคิดว่าจะปล่อยให้ซูถิงหว่านอยู่ที่จวนอ๋องต่อไปคงไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ต้องเลี้ยงดูสตรีเพิ่มอีกคน เขาดูแลไหว แต่หากว่านางยังคงก่อเรื่องสร้างปัญหาให้เขาอีกแบบนี้คงปล่อยให้อยู่ในจวนต่อไปไม่ได้แล้ว “เจ้าหมายความว่าอะไร คิดจะไล่ข้าออกไปอีกแล้วหรือ?” ซูถิงหว่านเหมือนสูญสิ้นทุกสิ่งจนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแล้ว “เซี่ยซางเจ้ารู้หรือไม่ว่าวันข้างหน้าเจ้าจะได้เป็นฮ่องเต้ แล้วเจ้าจะแต่งตั้งข้าขึ้นเป็นฮองเฮา ส่วนเจียงเฟิ่
“อืม ข้ารู้แล้ว พวกเขาเดินไปที่ใดหรือ ท่านพาข้าไปได้หรือไม่” นางดึงพระชายาอวี้อ๋องไว้เพิ่มปลอดภัยขึ้นอีกหน่อย กระทั่งเจียงเฟิ่งหัวออกไปแล้ว ซูเซวี่ยนยังคงอยู่ภายในโถงจัดงานเลี้ยง เพื่อรอชมเรื่องสนุกครึกครื้นต่อจากนี้ หวานหว่านกลายเป็นหมากไร้ประโยชน์แล้ว สกุลซูมิได้คาดหวังให้นางเกาะเกี่ยวบารมีของเหิงอ๋องอีกแล้ว บัดนี้เขาอยากจะดูให้รู้ว่าระหว่างเจียงเฟิ่งหัวและเซี่ยซางจะมีความรักหนักแน่นมันคงดุจทองคำสักเท่าใดกัน ซูถิงหว่านเองก็คิดไม่ถึงว่านางจะเป็นแค่หมากตัวหนึ่งในมือของพี่ใหญ่เหมือนกัน ...... ขณะเดียวกัน อีกฟากหนึ่ง ซูถิงหว่านพาเซี่ยซางออกมานอกโถงจัดเลี้ยงแล้ว เพราะมีคนช่วยเบนความสนใจนางจึงพาเซี่ยซางออกมายังตำหนักข้างที่ไม่มีคนได้สำเร็จ ภายในที่แห่งนี้ถูกจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว ซูถิงหว่านเอนตัวพิงบนไหล่ของเซี่ยซาง “ท่านอ๋อง หวานหว่านจะรักท่านอย่างสุดหัวใจเพคะ” เห็นเซี่ยซางแก้มแดงระเรื่อ คล้ายว่าเมาหนักจนนอนทรุดตัวล้มนอนบนเตียง เห็นเซี่ยซางที่เมามายจนไม่มีสติรับรู้เรื่องราวแบบนี้ ซูถิงหว่านนึกเศร้าอยู่ในใจ “หากท่านอ๋องดีกับหวานหว่านตลอดไป หวานหว่านก็จะดีใจมาก แต่สุดท้ายมัน