[จาก
: HR ซาเรน่ากรุ๊ป]เรื่อง
: แจ้งผลการสัมภาษณ์งานเรียนแจ้งให้คุณลลิน
พิชญธิดาทราบว่าท่านผ่านการพิจารณาเบื้องต้นและได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานเป็นพนักงานทดลองงานของบริษัทในตำแหน่งผู้ช่วยฝ่ายบริหารเริ่มงานวันพรุ่งนี้เวลา 08:00 น.“ได้งานแล้ว!!!”
[ระบบหญิง] “กรี๊ดดดดดดด~ ลูกสาวฉันได้งานแล้ววววว~ ปังมากแม่!”
[ระบบชาย] “คุณได้รับเงินโบนัสจากภารกิจสมัครงานและสัมภาษณ์สำเร็จ +5,000 บาท ได้รับโอกาสเข้าสู่ระบบงานภารกิจลำดับถัดไป”
“โอ๊ย! หัวใจฉันเต้นแรงจะตายอยู่แล้ว!”
ฉันเปิดแอปธนาคารดูยอดเงินในบัญชี พอหักดอกเบี้ยไปเหลือแค่ประมาณสามพัน แต่สำหรับคนที่ติดลบมาทั้งวันทั้งคืนแบบฉัน นี่มันคือเงินล้านชัด ๆ!
ฉันรีบลุกขึ้นจากเตียง จัดเสื้อผ้า เตรียมชุดสำหรับวันพรุ่งนี้ แน่นอนว่ามีแต่เสื้อเชิ้ตมือสองกับกระโปรงเรียบ ๆ ที่ดูยังไงก็เหมือนพนักงานทดลองงานที่ยังไม่มีเงินมากนัก ซึ่งจริง ๆ มันก็คือฉันนั่นแหละ
“พรุ่งนี้ขออย่าได้พลาดนะลลิน...”
ฉันภาวนาเงียบ ๆ ก่อนจะหลับตาลง และหลับไปพร้อมรอยยิ้มจาง ๆ ที่หายากในชีวิตช่วงหลัง ๆ มานี้
เช้าวันใหม่ที่สดใส เออ สดใสแหละมั้ง
ฉันยืนอยู่หน้ากระจก ลมหายใจสั้น ๆ หน้าซีดนิด ๆ ทั้งที่กำลังแต่งหน้า
[ระบบหญิง] “วันนี้ภารกิจย่อยพิเศษนะจ๊ะ~ ‘จับแขน จับหน้าอก จับหน้าท้องบอสให้ได้!’ ถ้าทำสำเร็จ ได้เงินเพิ่มอีก 2,000!”
“เฮ้ย! เดี๋ยวดิ!?”
[ระบบชาย] “การสัมผัสที่ไม่เหมาะสมอาจถูกหักเงินสองเท่า หากทำไม่สำเร็จหรือถูกจับได้ โปรดใช้วิจารณญาณ”
“ใช้วิจารณญาณบ้าบออะไรกันวะ!”
แต่สุดท้ายคนไม่มีทางเลือกอย่างฉันก็จำใจต้องเดินออกจากห้องและไปยังบริษัทซาเรน่า กรุ๊ปในเวลา 7 โมงเช้า เพราะฉันไม่กล้าเสี่ยงให้ระบบกู้เงินให้อีกแล้ว!
ฉันยืนหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของบริษัทซาเรน่า กรุ๊ป มือจับสายกระเป๋าแน่นจนเหงื่อซึม ฝ่ามือชื้นเย็นไปหมด
“ดิฉันมาเริ่มงานวันแรกค่ะ ชื่อลลิน พิชญธิดา”
เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์มองฉันด้วยสายตาเรียบเฉย ยิ้มสุภาพเล็กน้อยก่อนจะยื่นบัตรพนักงานทดลองงานให้
“เชิญขึ้นไปที่ชั้น 32 นะคะ ฝ่ายบริหารอยู่ด้านในสุด คุณจะพบผู้จัดการแผนกก่อน แล้วค่อยเข้าพบผู้บริหารระดับสูงนะคะ”
ฉันกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง แล้วพยักหน้ารับ “ขอบคุณค่ะ”
ชั้น 32 งั้นเหรอ…?
ชั้นเดียวกันกับเมื่อวานเลยนี่หว่า
ฉันยืนอยู่ในลิฟต์ที่เคลื่อนตัวขึ้นด้วยความเร็วสูง รู้สึกเหมือนกำลังจะไปแตะขอบฟ้า แล้วก็อยากร้องไห้ในใจ
“จับแขน จับอก จับหน้าท้อง…”
เสียงของภารกิจในหัวมันลอยวนอยู่แบบนั้นตั้งแต่เช้า ฉันพยายามทำเป็นไม่สนใจ แต่มันก็ทำไม่ได้เลยจริง ๆ!
“ลลิน ตั้งสติดิ!” ฉันพูดกับตัวเอง
ติ๊ง!
เสียงลิฟต์ดังขึ้น ฉันก้าวออกมายืนตรงหน้าประตูบานใหญ่สลักโลโก้บริษัทสีทอง ฝ่ามือสั่นเล็กน้อย แต่ก็ยกขึ้นเคาะเบา ๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เชิญค่ะ” เสียงหวานจากข้างในตอบกลับ
ฉันเปิดประตูเข้าไป พบกับผู้หญิงคนหนึ่งในชุดสูทสีกรมท่า ผมยาวถูกรวบเรียบ ผิวขาวจัดจนแทบสะท้อนแสง
“คุณลลินใช่ไหมคะ? ฉันชื่อพรรณราย เป็นผู้จัดการแผนกนี้ค่ะ เชิญนั่งเลย”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
“ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่างานของคุณจะไม่ใช่แค่ช่วยคัดเอกสารหรือซื้อกาแฟนะคะ ตำแหน่งนี้คือ ‘ผู้ช่วยฝ่ายบริหาร’ ดังนั้นคุณจะต้องรายงานตรงกับท่านประธานในบางวัน และทำงานใกล้ชิดกับท่านมาก”
ใกล้ชิดเหรอ…
โอ้พระเจ้า! ฉันอยากจะกลิ้งลงไปกองที่พื้นแล้วเอาตัวมุดดินไปซะ!
[ระบบหญิง] “ใกล้ชิดสิจ๊ะลูก! เข้าเป้าสามจุดให้ได้ภายในวันนี้นะ! บู้ม!”
“เอ่อ...เข้าใจค่ะ”
“ดีค่ะ งั้นฉันจะพาไปแนะนำตัวกับท่านประธานก่อนเลยนะคะ ตอนนี้ท่านอยู่ในห้องพอดี”
ฉันเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ นี่ต้องเจอเขาอีกแล้วเหรอ -_-
[ระบบชาย] “โปรดจำไว้ว่า ถ้าทำภารกิจล้มเหลว จะถูกหักเงินจำนวนสองเท่าจากโบนัสที่ได้”
โอ๊ยยย!
[คิริน Part]
ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะ หยิบแฟ้มบางแฟ้มขึ้นมาอ่านก่อนจะได้ยินเสียงเคาะประตู
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามาได้”
ประตูเปิดออกช้า ๆ และผมก็เห็นเธออีกครั้ง
ลลินในชุดพนักงานที่ดูเรียบร้อย เดินเข้ามาพร้อมกับคุณพรรณรายด้วยท่าทางประหม่าเล็กน้อยแต่ยังพยายามเก็บอาการ
ผมนั่งพิงพนักเก้าอี้ มองเธอด้วยสายตานิ่ง ๆ แต่สมองมันกลับไม่สงบอย่างที่ควร
“ผู้หญิงในคืนนั้นของผม มาถึงที่นี่แล้วจริง ๆ”
“ท่านประธานคะ นี่ลลินค่ะ พนักงานทดลองงานของฝ่ายบริหาร”
ผมพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเรียบ ๆ “สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับ”
เธอก้มศีรษะทันที “ขะ…ขอบคุณค่ะ”
น้ำเสียงสั่น ๆ กับดวงตาเลิ่กลั่กทำให้ผมหลุดยิ้มเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะขำ แต่เพราะรู้ว่าเธอกำลังประหม่า
ผมชอบจับจังหวะคนอื่น และตอนนี้ ผมก็จับจังหวะเธอได้ทุกช็อต
[ลลิน Part]
เขานั่งอยู่ตรงนั้นจริง ๆ ด้วย พระเจ้าคิรินในชุดสูทสีเข้ม ดูดีจนฉันแทบอยากยื่นหน้าตัวเองไปกระแทกโต๊ะเขา สายตาของเขาเรียบนิ่ง แต่แฝงอะไรบางอย่างไว้ในนั้น เหมือนจะรู้ เหมือนจะจำ
[ระบบหญิง] “เอาล่ะสาวน้อย ถึงเวลาแล้ว! จุดแรก แขน! พุ่งตัวไปสัมผัสมันซะ!”
“บ้าบอ!!”
ฉันเผลอหลุดเสียงออกมาจริง ๆ จนคิรินและพี่พรรณรายเลิกคิ้วมองทันที
“ว่าไงนะครับ?”
“เอ่อ…ปะ เปล่าค่ะ! ดิฉันแค่ไอค่ะ!”
ไอ? อยู่ดี ๆ ก็ไอ?
โอ๊ยยยยย ลลิน!!! จะบ้าตายรายวัน!
[ระบบชาย] “คุณมีเวลาอีก 4 ชั่วโมงในการดำเนินภารกิจ กรุณาจัดลำดับก่อน-หลังให้ดี”
ฉันก้มหน้ามองปลายรองเท้าตัวเอง ไม่กล้าสบตาใครทั้งนั้น
“ทำภารกิจลับในบริษัทเนี่ยนะ แถมยังมีแต่ภารกิจอะไรก็ไม่รู้ บ้าไปแล้ว!”
“ระบบหญิง ทำไมอยู่ ๆ ถึงเตือนฉันว่าอันตรายกำลังจะมาถึงล่ะ มีอะไรรึเปล่า?”ฉันเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโน้ตบุ๊กที่กำลังกรอกข้อมูลประชุมอย่างขะมักเขม้น สายตาเบลอเล็กน้อยเพราะนั่งนานเกินไป แต่เสียงแจ้งเตือนของระบบทำให้ฉันตื่นเต็มตาในทันที....[ระบบหญิง] “ภัยอันตรายระดับ 4 กำลังเข้าใกล้บุคคลเป้าหมาย โปรดระวังและหาทางเตือนเขาโดยเร็วที่สุด ถ้าเป็นไปได้ อย่าให้เขาใช้รถคันประจำ”....“หา!? อันตรายอะไรอีก” ฉันแทบจะกระโดดลุกขึ้นยืนทั้งที่เพื่อนร่วมงานยังเต็มห้องฉันคว้าสมาร์ตโฟนแทบจะในทันที มือไม้สั่นไปหมด โทรศัพท์ถูกกดไปยังเบอร์ที่ตอนนี้ฉันจำได้ขึ้นใจเสียงรอสายดังอยู่สองครั้งก่อนจะมีเสียงเรียบนิ่งรับสาย“ว่าไง” น้ำเสียงของเขายังนิ่งเฉยเหมือนเดิม ไม่มีวี่แววว่ากำลังตกอยู่ในอันตรายเลยแม้แต่น้อย“บอสกำลังจะไปที่พบพันธมิตรใช่ไหมคะ? ที่ไหนคะ”“ใช่ มีอะไรเหรอ”“เอ่อ...บอสเอารถคันไหนไปคะ”“ก็คันที่เคยใช้ประจำ”“บอสเปลี่ยนรถคันใหม่ได้ไหมคะ”“ทำไม” เขาถามกลับมาด้วยน้ำเสียงสงสัยเต็มประดา“เอาเถอะค่ะ นะคะฉันขอร้องล่ะ” ฉันพูดอย่างรวดเร็ว ใจเต้นตุบตับเขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “อย่าบอกนะว่าเธอไปฟังมา
ในตอนนั้นเอง แผนการในหัวของฉันก็ผุดขึ้นทีละขั้น...หนึ่ง ฉันต้องยืนยันว่า Sable Lines มีเงาดำอยู่เบื้องหลังสอง ดูว่าใครเอาคำนี้เข้ามาใกล้ที่สุดสาม จัดฉากให้ความจริงเดินเข้ามาหาเขาเอง....เช้าวันต่อมา ภาคินกลับมาอีกครั้ง เขาวางแฟ้มเวอร์ชันแก้ไขข้อเสนอลงบนโต๊ะ คุณพรรณราย ผู้จัดการฝ่ายบริหารแวะมาเซ็นผ่านเอกสารบางอย่าง ฉันสังเกตเห็นมือภาคินที่จับโทรศัพท์ นิ้วโป้งเลื่อนไวผิดปกติ ล็อกหน้าจอแทบจะทันทีที่เราเหลือบมองระหว่างพักเบรก ฉันตั้งใจแกล้งทำแฟ้มหล่นหน้าลิฟต์“อุ๊ย!” กระดาษกระจัดกระจาย ภาคินก้มลงช่วยเก็บ“เดี๋ยวผมช่วย”“ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้ม เก็บกระดาษไปพลางดูรองเท้าหนังเขาไปพลาง ส้นรองเท้ามีรอยยางคล้ำนิดนึง คล้ายกับคราบที่พื้นลานท่าเรือ ไม่ใช่คราบทั่ว ๆ ไปที่จะเปื้อนรองเท้าตามปกติ ฉันเก็บก้อนข้อมูลเล็ก ๆ นี้ไว้ในหัวบ่ายนั้น ฉันขออนุญาตคิรินลงไปคลังเอกสารเพื่อไปเอาแฟ้มสัญญาโลจิสติกส์ปีก่อน แต่จริง ๆ แล้วฉันไปหา ฉากที่ต้องการโดยอ้างเรื่องเอกสารบังหน้า ฉันขอให้ฝ่ายไอทีช่วยดึงล็อกการเชื่อมต่อไวไฟสำหรับแขก ซึ่งโชว์ อุปกรณ์ไม่รู้จัก เชื่อมผ่านพร็อกซีชื่อ Sable-r เมื่อวานช่วงกลางดึก อุปกรณ์
[ลิลิน]บ่ายวันศุกร์ เมฆทึบเคลื่อนต่ำกว่าปกติ เงาของมันทอดยาวบนพื้นหินอ่อนหน้าห้องทำงานท่านประธาน ฉันวางแฟ้มที่จัดเรียงด้วยมือสั่นน้อย ๆ เพราะเมื่อคืนยังนอนไม่เต็มอิ่มตั้งแต่เหตุการณ์ที่ฟิลิปโดนทำร้าย ฉันจิบกาแฟดำแก้วที่สอง ขมจนคิ้วขมวด ก่อนเสียงสแกนเนอร์หน้าประตูจะดังติ๊ด พร้อมประตูผลักเข้าเบา ๆ“ไม่ได้เจอกันนานคุณลิลิน”ผู้ชายร่างสูงโปร่งในสูทเทาเข้มก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเนี้ยบ เขาชื่อ “ภาคิน” เพื่อนสนิทของคิริน คนที่ฉันเห็นบ่อยครั้งเวลาเรื่องสำคัญมาก ๆ เท่านั้น“สวัสดีค่ะ คุณภาคิน” ฉันยิ้มตามมารยาท “นัดบอสไว้เหรอคะ”“ระดับผมไม่ต้องนัดก็ได้ บอสคุณอนุญาตอยู่แล้ว”เขาหัวเราะเบา ๆ แบบคนกันเอง แต่แววตาลึก ๆ มีบางอย่างวูบผ่านเร็วมาก ฉันแยกไม่ออกว่าเป็นความกังวลหรือความตื่นเต้นไม่นาน คิรินออกมาจากห้องด้านใน เขาสวมเสื้อเชิ้ตขาวพับแขน ท่าทางเหมือนคนตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง “สายไปห้านาที”“รถติด” ภาคินยักไหล่ “แต่ฉันเอาของดีมาด้วย”เขาวางแฟ้มสีดำลงบนโต๊ะกาแฟ ฉันขยับถาดเครื่องดื่มให้อัตโนมัติแล้วถอยไปครึ่งก้าว เพื่อเปิดทางให้พวกเขานั่งตรงกัน ชั่วครู่ห้องก็มีเพียงเสียงกระดาษพลิกกับเสียงนาฬิกา
[ลิลิน]ฉันยืนอยู่ตรงหน้าประตู แทบไม่กล้ามองเขาตรง ๆ แต่ก็ต้องเงยหน้าในที่สุด สบเข้ากับดวงตาคมที่ฉันรู้จักดี วันนี้มันไม่ได้เย็นชาเหมือนทุกที แต่กลับเหมือนกำลังกังวล“เธอเงียบทั้งวัน ไม่ออกมากินอะไรเลย เป็นอะไรรึเปล่า” เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้น นิ่งแต่เต็มไปด้วยน้ำหนักฉันเม้มปากแน่น ไม่อยากบอกว่าฉันเอาแต่คิดถึงเขาจนหัวแทบระเบิด จะบอกยังไงดีล่ะว่า ฉันกำลังตกหลุมรักเขาจริง ๆ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ควร?“ก็แค่...เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ” ฉันโกหกออกไป....[ระบบชาย] “คำโกหกถูกตรวจจับ แต่เพื่อเลี่ยงการขัดแย้ง ขอปล่อยผ่านหนึ่งครั้ง”[ระบบหญิง] “ลูกสาว~ เขามองด้วยสายตาห่วงใยแบบนี้แล้ว บอกตรง ๆ ไปเลยสิ !”....ฉันทำเป็นไม่สนใจระบบ หันไปมองด้านข้างแทนเพื่อหลบสายตาคมคู่นั้น แต่เขากลับก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นอีกหนึ่งก้าว....[คิริน]ผมยืนมองคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า วันนี้ไม่เหมือนทุกที เธอเงียบเกินไปจนผิดปกติ ไม่พูดไม่จาเหมือนเดิม มันผิดปกติจนผมอดไม่ได้ที่จะกังวล ทั้งวันเธอเอาแต่อยู่ในห้อง ไม่ออกมากินข้าวกินปลา ไม่แม้แต่จะออกมาคุยเล่นกับพวกแม่ป้าเหมือนทุกครั้ง“เหนื่อย? แค่เหนื่อยเนี่ยนะ ถึงกับต้อง
วันหยุดที่ไม่ได้หยุดทั้งหัวใจและสมองเต็มไปด้วยความคิดฟุ้งซ่านฉันปิดม่านทึบจนแสงเช้าหลุดเข้ามาได้แค่ริ้วเล็ก ๆ ห้องทั้งห้องเงียบสนิทจนได้ยินเสียงนาฬิกาเดินเป็นจังหวะ ตึก…ตัก…ตึก…ตัก จังหวะซ้ำ ๆ ตอกย้ำจังหวะหัวใจของฉันเองที่ดันวิ่งแข่งไม่รู้จักเหนื่อยตั้งแต่เมื่อคืนก่อนหน้าฉันนั่งกอดเข่าอยู่ปลายเตียง ผ้าห่มกอง ๆ เหมือนภูเขาเล็ก ๆ ข้างตัว มืออีกข้างค้างอยู่บนหน้าอกตรงตำแหน่งที่มันกำลังเต้นแรงที่สุด พยายามกดเบา ๆ ราวกับจะสั่งให้มันเงียบเดี๋ยวนี้ แต่หัวใจกลับดื้อ ไม่ยอมฟังภาพซ้อนทับวนกลับมาไม่ยอมจบ สายตาคมที่สั่นน้อย ๆ ตอนเขายอมเชื่อคำพูดฉันหลังฟิลิปถูกทำร้าย หลังข้อความขู่ หลังคำสั่งเลื่อนแผนการตอบโต้หลุดจากปากเขา เพราะฉันไปขอด้วยน้ำเสียงที่จริงใจที่สุดในชีวิตและอีกภาพที่ยิ่งไล่ไม่พ้นคือริมฝีปากนั้นจูบฉันอย่างยาวนานในคืนก่อนหน้า แขนแข็งแรงรั้งฉันไว้แนบอก ลมหายใจเราเกยกันจนฉันจำไม่ได้ว่าของใครเป็นของใครตอนนี้ระหว่างฉันกับเขามันไม่ใช่วันไนท์สแตนด์เหมือนครั้งแรกที่บ้าบอและสับสนอย่างตอนนั้นครั้งนี้มันต่างออกไป“บ้าเอ๊ย! ลิลิน”ฉันพึมพำกับตัวเอง เสียงเบาจนแทบไม่ใช่เสียง “บอกตัวเองมาตล
ฉันนั่งเงียบอยู่ในห้องรับรองของศูนย์แพทย์ ใบหน้าสะท้อนแสงไฟสีขาวหม่นจากเพดาน ความเหนื่อยล้ากับความกลัวตีกันอยู่ในอก ขณะเดียวกันมือถือในกระเป๋าก็สั่นเบา ๆครืด...ฉันหยิบออกมาอย่างงง ๆ จนหน้าจอสว่างขึ้น เป็นข้อความจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก“หยุดโครงการใหม่ของอคินธรักษ์ มิฉะนั้น คนของคุณจะไม่มีวันได้กลับบ้านอีก”หัวใจฉันหยุดเต้นไปวูบเดียว ก่อนจะเร่งรัวไม่เป็นจังหวะ มือเย็นเฉียบจนแทบทำโทรศัพท์หล่น....[ระบบชาย] “แจ้งเตือนภัย ข้อความนี้มีรหัสไอพีเปลี่ยนตำแหน่งทุกวินาที ต้นทางไม่สามารถตามได้ โปรดระวัง”....ฉันกำโทรศัพท์แน่น สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนรีบลุกไปหาคิริน เขายืนคุยกับธีร์อยู่ตรงมุมทางเดิน ดวงตาคมเข้มยังคงนิ่งแต่บรรยากาศรอบตัวคือแรงกดดันที่แทบทำให้คนยืนใกล้หายใจไม่ออก“บอสคะ...” ฉันเรียกเสียงสั่น ยื่นโทรศัพท์ให้ “มีข้อความส่งมาที่มือถือฉัน”เขาหันมามอง ฉันเห็นประกายบางอย่างในดวงตาเขามันมีทั้งความโกรธและเดือดดาลอยู่ในแววตานั้นเขาแย่งโทรศัพท์ไปจากมือฉัน อ่านเพียงแวบเดียวก่อนส่งต่อให้ธีร์“ไปตามหาต้นทางเดี๋ยวนี้”“ครับบอส” ธีร์รับไปทันทีฉันเผลอเอามือจับแขนเสื้อเขา“นี่หมายความว่า พวกนั