|PART 12|
ความผิดหวังของหม่าอี้ วันรุ่งขึ้น เซียวอวี่กลับมายังเรือนปิงเจี๋ย ด้วยความเป็นห่วงน้องชายจึงเข้าไปดูในห้องของเหอไป๋เหยียนก็พบเซียวเยว่นั่งขอบตาคล้ำอยู่ข้างเตียง "เยว่หลาง ทำไมนายถึงมีสภาพแบบนี้ล่ะ" เขาถามด้วยความตกใจ "ทั้งหมดก็เพราะน้องสะใภ้นายนะสิ" เซียวเยว่เล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนเขาขับรถพาเหอไป๋เหยียนไปตลาดค้าส่งผลไม้ เพราะไม่ใช่ฤดูกาลทำให้หาลูกพลับสดได้ยาก ร้านที่มีลูกพลับก็ช้ำดูไม่น่าทาน แต่ก็ซื้อกลับมาปอกให้เหอไป๋เหยียนได้ทาน "แต่มันไม่ใช่แค่นี้นะสิ" เซียวเยว่เล่าต่อไปอีกว่าหลังกินอิ่มเหอไป๋เหยียนได้ไล่ให้เขาออกไปจากห้อง ครั้นพอเซียวเยว่ออกไปก็ฟูมฟายไม่ยอมให้ไป เป็นแบบนี้อยู่ทั้งคืน "คงเป็นอาการของคนท้องละมั้ง สักพักคงจะดีขึ้นเอง" เซียวอวี่ปลอบใจ พลางมองไปบนเตียงก็พบงูขาวนอนขดตัวอยู่บนนั้น ปกติงูเวลาตั้งท้องจะใช้เวลาประมาณสองถึงสามเดือน จำนวนของไข่ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ และพวกมันจะไม่มีความอยากอาหารเพราะพื้นที่ภายในร่างกายนั้นไม่อำนวย แต่สำหรับเผ่าพันธุ์ของเหอไป๋เหยียนนั้นแตกต่างออกไป เขาเป็นเหมือนกับเซียวหลางและเสวี่ยเทียนที่ตัวเมียสามารถออกลูกได้ครั้งละไม่เกินสองตัว หากมากกว่านั้นก็ยากที่จะมีชีวิตรอด ในโลกของมนุษย์พวกเขาถึงได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว และเหอไป๋เหยียนที่ถูกนำมาทดลองจนกลายพันธุ์นั้นแตกต่างออกไปอีก ทุกคนสงสัยว่าเขาจะคลอดลูกออกมาเป็นไข่หรือเป็นหมาป่า จากการวิเคราะห์ของเซียวหลาง เหอไป๋เหยียนมีแนวโน้มว่าจะคลอดลูกออกมามีร่างกายเป็นมนุษย์ครึ่งสัตว์เหมือนกับเซียวอวี่และเซียวเยว่ เหอไป๋เหยียนยังคงใช้เวลาทั้งวันไปกับการนอน หลังได้ทานลูกพลับสดไปแล้วกว่าสิบกิโลกรัมเขาก็ไม่มีความอยากอีก และอาการติดกลิ่นหมาป่าหนุ่มก็หายไปด้วย "ฉันอยากไปหาซิ่วซิ่วที่เหว่ยหลาง นายพาฉันไปหน่อยสิ" เหอไป๋เหยียนพูดขึ้นขณะนอนเหยียดกายอยู่บนโซฟาในร่างของมนุษย์ พอได้ฟังเซียวเยว่ถึงกับขมวดคิ้ว ไปเหว่ยหลางก็ต้องเจอกับหม่าอี้อาชาหนุ่มกลายพันธุ์นะสิ เขาไม่ยอมหรอก แต่เหอไป๋เหยียนบอกว่าจะให้ซิ่วซิ่วตรวจร่างกายให้ "ถ้านายอยากตรวจร่างกาย ฉันตามฉินหลิงให้ก็ได้นะ" เซียวเยว่เสนอ "ไม่ใช่แค่นั้น ฉันอยากกลับไปเยี่ยมเพื่อน ๆ ที่นั่นด้วย" ลำพังไปเที่ยวหาเพื่อนเซียวเยว่ไม่ติดอะไร จะติดก็แค่หม่าอี้เท่านั้น ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ขัดใจเหอไป๋เหยียน ยอมขับรถพาไปแต่โดยดี ตั้งแต่ออกจากเรือนปิงเจี๋ยเซียวเยว่ก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกจับตามอง จึงสำรวจไปรอบตัวก็ไม่พบความผิดปกติใด ๆ หรือเขาจะคิดมากไปเองนะ ครั้นพอขับรถต่อมาได้ระยะหนึ่งเขาได้สังเกตเห็นว่ามีคนกำลังทะเลาะกันอยู่ข้างทาง ถนนสายนี้เป็นถนนส่วนบุคคลและแทบจะไม่มีรถขับผ่าน ใครกันที่มามีเรื่องกันอยู่แถวนี้ เซียวเยว่ชะลอความเร็วของรถลงเพราะรู้สึกว่าคนที่กำลังมีเรื่องนั้นดูคุ้นตาเสียเหลือเกิน พอมองให้ดีก็พบว่าเป็นวังหมิงหยวนและที่น่าตกใจก็คือวังหมิงหยวนกำลังถูกสัตว์กลายพันธุ์ทำร้ายอยู่ "สัตว์กลายพันธุ์นี่นา พวกมันมาอยู่แถวนี้ได้ยังไงกัน!" เซียวเยว่จอดรถเพื่อไปช่วยวังหมิงหยวน ก่อนลงจากรถได้กำชับเหอไป๋เหยียนว่าให้อยู่แต่ข้างใน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามลงมาเด็ดขาด "เข้าใจแล้ว นายเองก็ระวังตัวด้วยล่ะ" หลังเหอไป๋เหยียนรับคำหมาป่าหนุ่มก็รีบลงจากรถ วังหมิงหยวนที่กำลังเพลี่ยงพล้ำเห็นเข้าก็ร้องเรียกให้ช่วยทันที สัตว์กลายพันธุ์ที่ทำร้ายวังหมิงหยวนนั้นเกิดจากการตัดต่อพันธุกรรมของสัตว์หลายชนิด ที่เด่นชัดที่สุดก็คือหมาใน และในร่างของมนุษย์พวกมันดูปราดเปรียวแม้จะมีรูปร่างผอมเกร็ง แต่คมเขี้ยวที่เผยออกมาขณะแสยะยิ้มกลับมีลักษณะคล้ายกับไฮยีน่าที่เซียวเยว่เคยเห็นเมื่อตอนยังเป็นเด็กและอาศัยอยู่บนเกาะกลางมหาสมุทร เหอไป๋เหยียนมองดูการต่อสู้อยู่ภายในรถ สัตว์กลายพันธุ์ตัวนี้ดุร้ายและแข็งแกร่งกว่าที่เคยเจอ แต่เพราะมีวังหมิงหยวนอยู่ตรงนั้นด้วยทำให้เซียวเยว่ใช้พลังของหมาป่าได้ไม่เต็มที่ เพราะมัวแต่มองเซียวเยว่ ทำให้เหอไป๋เหยียนไม่ทันระวังตัว จึงไม่สังเกตเห็นสัตว์กลายพันธุ์อีกตัวหนึ่งที่ปรากฏตัวขึ้นข้างรถยนต์ มันได้เปิดประตูรถและเข้ามาฉุดตัวเหอไป๋เหยียนเพื่อพาไปขึ้นรถยนต์อีกคันหนึ่งที่ขับมาจอดเทียบด้วยความเร็ว "แกจะทำอะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!!" ดวงตาสีมรกตเป็นประกายขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว ร่างกายท่อนล่างของเหอไป๋เหยียนกลายเป็นหางของอสรพิษเกล็ดเงินและฟาดใส่สัตว์กลายพันธุ์ดุร้ายอย่างแรง จนมันกระเด็นตกหน้าผาไป พวกที่อยู่ในรถเห็นท่าไม่ดีจึงเปิดประตูลงมาเพื่อช่วยกันจับเหอไป๋เหยียน ส่วนสัตว์ร้ายตัวที่กระเด็นตกหน้าผาไปนั้นตอนนี้มันกำลังปีนขึ้นมาด้านบนอย่างรวดเร็ว เหอไป๋เหยียนโดนรุมเข้าจับตัว เขาต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเองและลูกน้อยในครรภ์สุดชีวิต ร่างกายที่ไม่แข็งแรงทำให้สู้จำนวนที่มากกว่าไม่ได้ ทั้งที่ก่อนหน้าต่อให้มากันทั้งฝูงก็สามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย "ไป๋เหยียน!!" เซียวเยว่เรียกชื่อไป๋เหยียนเสียงดัง เมื่อสัตว์กลายพันธุ์ตัวหนึ่งได้คืนร่างเป็นงูยักษ์และรัดร่างของเหอไป๋เหยียนไว้แน่น "นะ..นั่นมันงูอนาคอนด้านี่นา มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน!" วังหมิงหยวนร้องขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเห็นงูยักษ์ที่มีลำตัวขนาดมหึมาปรากฏอยู่เบื้องหน้า มันไม่ใช่สัตว์ที่จะพบเจอได้ในเมืองเฉินเซิน ที่สำคัญก่อนหน้าเขายังเห็นว่ามันมีร่างกายเป็นคนธรรมดาอยู่เลย "หมิงหยวน นายช่วยเหลือตัวเองไปก่อนนะ" "ดะ..เดี๋ยวสิ นายจะไปไหนล่ะ เสี่ยวเยว่!!" เซียวเยว่บอกกับวังหมิงหยวนและทิ้งให้ต่อสู้กับหมาในกลายพันธุ์ในร่างของมนุษย์เพียงลำพัง ส่วนเขากระโจนด้วยท่วงท่าของหมาป่าเพื่อเข้าไปช่วยเหลือเหอไป๋เหยียน กรงเล็บหมาป่าตะปบเข้าที่กลางลำตัวของงูยักษ์ เพียงครั้งเดียวก็ขาดเป็นท่อน จากนั้นมันจึงได้คลายร่างของเหอไป๋เหยียนที่รัดไว้ออก แต่ก็มีงูยักษ์อีกตัวเข้ามารับร่างของเหอไป๋เหยียนไป "หน็อย..บังอาจแตะต้องลูกกับเมียฉันเหรอ!" เซียวเยว่กัดฟันกรอดก่อนกางกรงเล็บออกอีกครั้ง หมายจะฉีกร่างของงูยักษ์ให้เป็นท่อนกลับถูกพรรคพวกของมันเข้ามาขวางไว้ งูกลายพันธุ์เหล่านี้มีวิวัฒนาการกว่าแต่ก่อน แต่ยังแข็งแกร่งไม่เท่ากับเหอไป๋เหยียนในยามปกติ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรของราชาปิศาจหมาป่าที่มีผู้ให้กำเนิดเป็นมนุษย์และเกิดการกลายพันธุ์ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ มีหรือที่สัตว์กลายพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์เหล่านี้จะมีความสามารถทัดเทียมได้ เพียงแค่กรงเล็บจากมือทั้งสองก็สามารถหั่นร่างงูยักษ์ที่เข้ามาบีบรัดจนขาดเป็นท่อนได้ งูยักษ์ตัวที่รัดเหอไป๋เหยียนเห็นท่าไม่ดีจึงกระโดดหนีลงหน้าผาไปอย่างรวดเร็ว เซียวเยว่จึงกระโจนตามลงไป "เสี่ยวเยว่!!" วังหมิงหยวนเห็นเซียวเยว่ตกหน้าผาก็ตกใจ หน้าผาสูงขนาดนี้เพื่อนรักของเขาคงไม่รอดแน่ ก่อนฉุกคิดขึ้นได้ว่าแทนที่จะห่วงคนอื่นตอนนี้เขาควรห่วงตัวเองมากกว่า เพราะหมาในกลายพันธุ์ในร่างมนุษย์กำลังพุ่งเข้ามาจู่โจมเขา วังหมิงหยวนมองซ้ายมองขวาและพบท่อนไม้ตกอยู่ใกล้ ๆ จึงรีบไปคว้ามากำไว้ในมือและฟาดใส่มันไม่ยั้ง ทางด้านเซียวเยว่ที่พุ่งลงสู่ก้นเหวด้วยความเร็วและมองเห็นงูยักษ์ที่รัดร่างของเหอไป๋เหยียนอยู่ไม่ไกลจึงดีดตัวลงไปเพื่อให้ตามทัน งูยักษ์กลายพันธุ์เห็นท่าไม่ดีจึงสะบัดร่างของเหอไป๋เหยียนทิ้งและพุ่งเข้าฉกเซียวเยว่แทน ร่างของเหอไป๋เหยียนดิ่งลงก้นเหวอย่างรวดเร็วและลึกลงไปเรื่อย ๆ ระหว่างนั้นภาพความทรงจำที่หายไปได้ปรากฏขึ้นภายในหัวอย่างไม่ปะติดปะต่อ เขาปวดศีรษะอย่างรุนแรงเมื่อพยายามนึกถึงมัน ภาพสุดท้ายที่ปรากฏคือใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาของลูกหมาป่าตัวน้อย ก่อนที่ร่างของเขาจะกระแทกเข้ากับแผ่นหินอย่างแรง "ไป๋เหยียน!!" หัวใจของหมาป่าหนุ่มกระตุกวูบเมื่อเห็นเหอไป๋เหยียนนอนแน่นิ่งอยู่บนผาหิน ก่อนตกมาถึงจุดนี้ร่างของเหอไป๋เหยียนกระแทกถูกของแข็งมาไม่น้อย เสื้อผ้าสีขาวถูกหินบาดจนขาดวิ่นและถูกย้อมด้วยเลือดสีแดงสด "ทำใจดี ๆ ไว้นะ ฉันจะพานายไปหาหลิงหลิงเดี๋ยวนี้" เซียวเยว่ประคองและอุ้มร่างของเหอไป๋เหยียนขึ้นด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ร่างอรชรอ่อนปวกเปียกราวไร้กระดูก หวนให้นึกถึงเรื่องราวบนเกาะตอนที่เหอไป๋เหยียนตกลงมาจากเครื่องบินอพยพ ไม่!! ฉันจะไม่ยอมให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก เซียวเยว่ใช้ความสามารถของหมาป่ากระโจนขึ้นจากก้นเหว ไม่นานก็มาถึงด้านบนและพบเซียวอวี่กับวังหมิงหยวนกำลังชะเง้อมองลงมา "เกิดอะไรขึ้นกับคุณอาไป๋เหยียน!" เซียวอวี่ถามขึ้นเมื่อเห็นร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดของเหอไป๋เหยียนในอ้อมแขนของเซียวเยว่ "เอาไว้ฉันจะเล่าให้ฟังทีหลัง อวี่หลาง นายช่วยโทรตามหลิงหลิงให้ฉันที" เซียวเยว่ไม่มีเวลาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เขาอุ้มเหอไป๋เหยียนขึ้นรถและขอให้เซียวอวี่โทรตามฉินหลิงมาที่เรือนปิงเจี๋ยเป็นการด่วน ครั้นพอมาถึงเรือนปิงเจี๋ย ร่างของเหอไป๋เหยียนก็ถูกวางลงบนเตียง เสื้อสีขาวถูกถอดจากร่างอรชรที่สรีระบางส่วนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น "พวกนายออกไปรอข้างนอกก่อน ถ้าหลิงหลิงมาถึงให้พาเข้ามาทันทีเลยนะ" เซียวเยว่บอกกับเซียวอวี่และวังหมิงหยวนที่ตามมาด้วย พลางใช้ผ้าปิดช่วงหน้าอกของเหอไป๋เหยียนไว้ ร่างกายของเหอไป๋เหยียนกำลังเปลี่ยนแปลงเพื่อรองรับการตั้งครรภ์ สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ภายในร่างกายของเขากำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ หน้าอกของเหอไป๋เหยียนที่เคยแบนราบตอนนี้ตั้งเต้าขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะขยายขึ้นอีก แต่จะมีขนาดเท่ากับจางหลิวซิงเมื่อตอนคลอดเจ้าแฝดหรือไม่ต้องดูกันอีกที ฉินหลิงมาถึงเรือนปิงเจี๋ยพร้อมกับเซียวหลางและจางหลิวซิง โดยมีหม่าอี้และซิ่วซิ่วตามหลังมาติด ๆ ฉินหลิงให้ทุกคนรออยู่ด้านนอก โดยเขาและซิ่วซิ่วเข้าไปดูอาการของเหอไป๋เหยียน ซิ่วซิ่วเป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่มีความสามารถในการรักษา เธอเดินทางจากเกาะมาอาศัยอยู่ที่เหว่ยหลางพร้อมกับหม่าอี้ ในฐานะคู่หมั้นของเซียวหลาง ในขณะที่ฉินหลิงและซิ่วซิ่วทำการตรวจรักษาเหอไป๋เหยียนอยู่ภายในห้อง ด้านนอกเซียวเยว่และหม่าอี้กำลังปะทะคารมกันอย่างดุเดือด หม่าอี้ต่อว่าเซียวเยว่ว่าไม่มีความสามารถดูแลเหอไป๋เหยียนจนทำให้บาดเจ็บสาหัส "ถ้าตอนนั้นเป็นนายที่อยู่ในเหตุการณ์ เรื่องมันอาจเลวร้ายกว่านี้ก็ได้!!" หมาป่าหนุ่มต่อว่ากลับไปอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาสีทองที่เป็นประกายสดใสแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงด้วยความโกรธ "ทั้งสองคนใจเย็นก่อนเถอะ ตอนนี้หลิงหลิงกับซิ่วซิ่วกำลังรักษาไป๋เหยียนอยู่ คงไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก" จางหลิวซิงพยายามห้ามทั้งสองไม่ให้มีเรื่อง หันมองเซียวหลางที่นั่งนิ่งและมีสีหน้าเคร่งเครียดเพื่อขอความช่วยเหลือ ส่วนเซียวอวี่กับวังหมิงหยวนไม่กล้าทำอะไรเพราะสัมผัสได้ถึงพลังงานสีดำที่แผ่ออกมาจากร่างของเซียวหลาง ทั้งเซียวเยว่และหม่าอี้ต่างไม่มีใครยอมถอย พวกเขากำลังโกรธจนหน้ามืดทำให้ไม่ได้ยินเสียงห้ามของจางหลิวซิง จากแค่โต้เถียงในที่สุดก็มีการปะทะกันเกิดขึ้น ทีแรกพวกเขาเพียงแค่ชกต่อยแลกหมัดกันธรรมดา เมื่อตัดสินไม่ได้จึงใช้สัญชาตญาณของสัตว์เข้าห้ำหั่นกัน และแน่นอนว่าฝีมือสัตว์นักล่าอย่างหมาป่ายังไงก็เหนือกว่าอาชาศึกหลายขุม ข้าวของภายในห้องพังพินาศไปหลายอย่างเซียวหลางก็ยังคงนิ่งเฉย กระทั่งโถกระเบื้องเคลือบโบราณอายุไม่ต่ำกว่าห้าร้อยปีตกลงกระแทกพื้นจนแตกกระจาย และมีเศษกระเบื้องกระเด็นมาทางจางหลิวซิง เพียงเท่านี้ก็เกิดคลื่นพลังงานที่รุนแรงขึ้น ซัดทุกสิ่งอย่างภายในห้องพังราบเป็นหน้ากลอง แม้แต่คนที่อยู่ในห้องก็กระเด็นไปคนละทิศละทาง ยกเว้นจางหลิวซิง "เวลาเช่นนี้พวกเจ้ายังจะยังทะเลาะกันอีกหรือ!!" น้ำเสียงเสียงเกรี้ยวกราดดังก้องกังวาน ดวงตาสีแดงเพลิงมองเซียวเยว่และหม่าอี้กร้าว ภายในวงแขนมีร่างของจางหลิวซิงอยู่ในนั้น ความน่าเกรงขามของราชาหมาป่าทำให้วังหมิงหยวนถึงกับสั่นไปทั้งตัว แม้แต่เซียวเยว่กับหม่าอี้ยังต้องเชื่อฟัง ถ้าไม่มีจางหลิวซิงอยู่ในห้องด้วย เรือนปิงเจี๋ยคงเสียหายไปมากกว่านี้แล้ว ไม่แปลกใจว่าทำไมศูนย์วิจัยที่ทันสมัยที่สุดจึงถูกทำลายล้างอย่างง่ายดาย ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงกับพลังอันร้ายกาจของปิศาจหมาป่า ฉินหลิงก็ออกจากห้องมาพร้อมกับซิ่วซิ่ว พวกเขาพอเห็นสภาพที่ยับเยินเบื้องหน้าก็ถึงกับตกใจ "กะ..เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?" เซียวอวี่หันมาสบตากับวังหมิงหยวนโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะพาฉินหลิงไปยังห้องรับรองแขกแห่งใหม่ของเรือนปิงเจี๋ย "ไป๋เหยียนอาการเป็นยังไงบ้างครับ?" จางหลิวซิงเสิร์ฟน้ำชาให้ฉินหลิงและซิ่วซิ่วพลางไถ่ถามถึงอาการของเหอไป๋เหยียน โดยเซียวเยว่และหม่าอี้นั้นตั้งใจฟังเป็นพิเศษ "คุณอาไป๋เหยียนและเด็กในท้องปลอดภัยดีครับ" "ว่าไงนะ! เด็กในท้องอะไรกัน!" หม่าอี้ลุกยืนและพูดแทรกขึ้นด้วยความตกใจเมื่อได้ยินว่าเด็กในท้องของเหอไป๋เหยียนปลอดภัย ท้อง! เหอไป๋เหยียนตั้งท้องเมื่อไหร่กัน และใครกันที่เป็นคนทำ ระ..หรือว่า.. หม่าอี้หันขวับและจ้องหน้าเซียวเยว่ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ มือหนากำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ภาพความฝันที่เขาเคยวาดไว้หากได้แต่งงานกับไป๋เหยียนและมีลูกชายหญิงที่น่ารักทั้งสองคนเกิดรอยร้าวขึ้นก่อนแตกละเอียดลงต่อหน้า "แก! ฝีมือแกใช่มั้ย!" หมาอี้เก็บอาการไม่อยู่ถามเสียงลั่น เขาโกรธเซียวเยว่มาก มากจนรู้สึกว่าไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ "เรื่องทั้งหมดมันเกิดเพราะนายไม่ใช่หรือไง หม่าอี้" เซียวหลางพูดขึ้น หากหม่าอี้ไม่รีบร้อนคิดรวบหัวรวบหางเหอไป๋เหยียนด้วยการวางยาปลุก ใจเย็นกว่านี้รอให้เหอไป๋เหยียนหายดีแล้วค่อยสานความสัมพันธ์ เขายังมีโอกาสที่เหอไป๋เหยียนจะเห็นใจ "แต่คุณก็ไม่เห็นจะต้องให้ไอ้เด็กนี่พาตัวไป๋เหยียนไป!!" "แล้วนายจะให้ฉันส่งไอ้งูบ้าให้นายแทนหรือไง!! อย่าลืมสิหม่าอี้ว่าลูกชายของฉันกับเหอไป๋เหยียนมีความสัมพันธ์กันยังไง และอีกอย่าง นายทำให้ไอ้งูบ้ามีความสุขไม่ได้หรอก!!" คำพูดของเซียวหลางทำหม่าอี้พูดไม่ออก แม้จะเจ็บใจแต่มันก็เป็นเช่นนั้นจริง ไม่อย่างนั้นเหอไป๋เหยียนจะปฏิเสธคำขอแต่งงานเขาถึงห้าครั้งเชียวเหรอ เป็นคู่หมั้นกันมาห้าปีกลับได้แค่จับมืออีกฝ่ายเท่านั้น หม่าอี้เก็บความผิดหวังไว้ภายในใจ เขาไม่อยากรู้อาการของเด็กในท้องของเหอไป๋เหยียน รู้เพียงว่าเหอไป๋เหยียนปลอดภัยก็พอแล้ว หม่าอี้ทนอยู่ต่อไม่ไหวจึงขอตัวกลับเหว่ยหลางโดยขอให้เซียวหลางไปส่งซิ่วซิ่วแทน หม่าอี้ขับรถออกจากเรือนปิงเจี๋ยด้วยความรู้สึกที่สับสน เขาไม่มีสมาธิพอจะสนใจสิ่งที่อยู่รอบตัว จนเมื่อหางตาได้ไปสะดุดเข้ากับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างทาง ทีแรกว่าจะไม่สนใจแต่เกิดเปลี่ยนใจจึงได้ถอยรถกลับไปจอดเทียบ "ขึ้นมาสิ" เขาบอกกับชายหนุ่มคนนั้น|PART 1| บทนำ ศูนย์วิจัยทางชีววิทยาขนาดใหญ่ได้ถูกลักลอบสร้างขึ้นบนเกาะแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ และถูกค้นพบโดยองค์กรลับแห่งหนึ่ง เกาะแห่งนี้มีสภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนทำให้ยากต่อการค้นหา พวกเขาจึงใช้สถานที่แห่งนี้ทำการทดลองถอดรหัสและปลูกถ่ายพันธุกรรมของมนุษย์ที่มีระดับมันสมองและความสามารถที่แตกต่างกันให้กับสัตว์หลากหลายสายพันธุ์จากทั่วโลกที่ลักลอบจับมาอย่างผิดกฎหมาย ไม่ใช่เพียงแค่สัตว์เท่านั้นที่ถูกจับมาทดลอง แม้แต่มนุษย์ด้วยกันเองก็ไม่ยกเว้น โดยเฉพาะมนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษ วัตถุประสงค์ของการทดลองก็เพื่อใช้สำหรับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ การทดลองได้ดำเนินมาหลายปี จนในวันที่สัตว์กลายพันธุ์ระดับพิเศษตัวหนึ่งที่มนุษย์ไม่สามารถควบคุมมันได้ลืมตาตื่นขึ้นและหลุดจากการคุมขัง สิ่งแรกที่มันทำคือการฆ่าล้างทุกชีวิตที่อยู่บนเกาะนั้น ไม่เว้นแม้แต่สัตว์กลายพันธุ์ด้วยกันเอง เพื่อเอาชีวิตรอดพวกเขาจึงได้พากันอพยพออกจากเกาะโดยเครื่องบินลำเลียงที่มีการเตรียมไว้ล่วงหน้าเผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ขึ้น อย่างไรก็ตามแม้พวกเขาจะออกจากเกาะไปแล้
|PART 2|ดวงตาสีแดงในบึงน้ำ'เฉินเซิน' เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงนับพันกิโลเมตร พื้นที่โดยรอบเป็นภูเขาและมีป่าสนหนาทึบโอบล้อมไว้ ถึงอย่างนั้นกลับมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีทัดเทียมกับเมืองใหญ่ ดึงดูดบรรดาเหล่านักลงทุนผู้แสวงหาผลประโยชน์ให้มาเยือนยังที่แห่งนี้นอกจากเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูแล้วด้านการศึกษาก็ยังขึ้นชื่อ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเฉินไห่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเฉินเซินมหาวิทยาลัยเฉินไห่เป็นศูนย์รวมอัจฉริยะแขนงต่าง ๆ ของประเทศไว้มากมาย โดยพวกเขาเหล่านั้นล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานกับศูนย์วิจัยด้านชีววิทยาของเมืองเฉินเซินหลังเรียนจบ นอกจากจะได้รับทุนในการทำวิจัยแล้ว ค่าตอบแทนบุคลากรของที่นี่นั้นยังสูงลิ่วเลยทีเดียวลำพังสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเฉินไห่นั้นก็กินพื้นที่กว่าห้าร้อยไร่ บริเวณด้านหลังเป็นป่าสนหนาทึบและมีบึงน้ำขนาดใหญ่ไหลผ่าน ซึ่งบึงน้ำแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับแม่น้ำสายหลักของเมืองเฉินเซินอีกด้วยและบริเวณบึงน้ำนั้นอยู่ห่างไกลจากตึกหลักด้านหน้าอย่างมาก ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ โดยรอบยังเป็นป่าทึบซึ่งไม่ปลอดภัยสำหรับนักศึกษา
|PART 3|วังหมิงหยวนรถยนต์หรูขับเข้ามาจอดเทียบยังฟุตบาทข้างกำแพงของมหาวิทยาลัยเฉินไห่ ไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยนั้นมิใช่มนุษย์และมีร่างเดิมเป็นอาชาหนุ่มขนสีขาวที่แสนสง่างาม ที่เหว่ยหลางเขามีหน้าที่ขับรถรับส่งคนของสกุลเซียว"เย็นนี้ให้ผมมารับไหมครับ" ชายหนุ่มชุดขาวถามขึ้น"ไม่ต้อง วันนี้ฉันจะไปพบท่านพ่อที่บ้านสกุลหลิว"เซียวเยว่ลูกหมาป่าบอกกับอาชาหนุ่มในร่างมนุษย์ก่อนก้าวลงจากรถ เพียงแค่ปลายเท้าแตะถึงพื้นและยืนเต็มความสูงเท่านั้นก็ดึงดูดสายตาของนักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นมารวมไว้ที่ตนอย่างไม่ตั้งใจ'คนอะไร รูปหล่อราวกับไม่ใช่คนบนโลกนี้ ถ้าได้ใกล้ชิดสักครั้ง ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิตเลย'นั่นคือเสียงที่ลอยมาเข้าหูของเซียวเยว่ ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีถ้อยคำกล่าวสรรเสริญถึงตัวเขาตามมาอีกมากมาย ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้เซียวเยว่รู้สึกว่าตนเองนั้นสูงส่งกว่ามนุษย์ผู้อื่นสักนิด สัตว์กลายพันธุ์อย่างพวกเขาต้องการเพียงการยอมรับและปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมเท่านั้นภายในมหาวิทยาลัยเฉินไห่เวลานี้ค่อนข้างเงียบสงบเพราะนักศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในห้องเรียนกันแล้ว เซียวเยว่มองนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่ายังมีเ
|PART 4|กัวเจ๋อข่าวว่ามีคนเสียชีวิตและหายสาบสูญไปบริเวณบึงน้ำแม้จะปิดไม่ให้คนภายนอกได้รับรู้ แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามหาทางจับตัวคนร้ายให้ได้ ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างยังคงมืดแปดด้านบนโต๊ะประชุมของผู้บริหารระดับสูง เหล่าตัวแทนของห้าสกุลต่างจับจ้องไปยังภาพฉายด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด พวกเขาไม่เข้าใจว่าบึงน้ำที่เงียบสงบและไร้ความเคลื่อนไหวมานาน จู่ ๆ ทำไมถึงมีคนมาเสียชีวิตบริเวณนี้ได้ ซ้ำยังหาศพไม่พบอีกต่างหากจากปากคำของผู้รอดชีวิตได้เล่าให้ฟังว่ามีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่อยู่ในบึงน้ำ และมันได้กัดกินร่างเพื่อนของเขาจนเลือดสาดกระเซ็นก่อนจะกลืนลงท้องไปเหล่าแพทย์ได้ฟังดังนั้นจึงได้จับเขาตรวจสมองอีกครั้งหนึ่งและสรุปผลออกมาว่าชายวัยรุ่นคนนี้เสพยาเกินขนาดและดื่มแอลอกฮอล์มากไปจนเกิดอาการประสาทหลอน จึงได้รับชายวัยรุ่นไว้รักษาตัวที่โรงพยายาลในเครือของมหาวิทยาลัยเฉินไห่หลังเหตุการณ์นั้น ทางมหาวิทยาลัยได้มีการคุมเข้มบริเวณบึงน้ำมากขึ้น ทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องวงจรปิด แต่ก็ยังมีคนไปเสียชีวิตบริเวณนั้นอย่
|PART 5|สิ่งที่อยู่ในใจของหม่าอี้เมื่อรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับจระเข้กลายพันธุ์จำนวนมากที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่ได้หันมาสบตากันครั้งหนึ่งก่อนพุ่งตัวแยกออกไปเพื่อจัดการกับจระเข้ดุร้ายในร่างกึ่งมนุษย์ โดยเน้นไปยังดวงตาและจมูกซึ่งเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดของพวกมันโดยธรรมชาติพวกเขาต้องไม่ปล่อยให้จระเข้กลายพันธุ์เหล่านี้รอดชีวิตไปได้แม้แต่ตัวเดียวเพราะพวกมันอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ เซียวอวี่และเซียวเยว่จัดการฆ่าจระเข้กลายพันธุ์ได้ทั้งหมด รอบบึงน้ำในตอนนี้จึงคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและศพของจระเข้กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด"ยอมแพ้ซะเถอะ ยังไงแกสู้พวกฉันไม่ได้หรอก" เซียวเยว่บอกกับกัวเจ๋อ เซียวอวี่และเซี่ยวเยว่ไม่มีความคิดที่จะฆ่ากัวเจ๋อ แต่กัวเจ๋อนั้นโหดร้ายเกินจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ ที่เหว่ยหลางแม้จะมีสัตว์กินเนื้อกลายพันธุ์อาศัยอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาเหล่านั้นสามารถยับยั้งสัญชาตญาณดิบได้ และปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสงบสุข"คิดจะฆ่าฉันมันไม่ง่ายนักหรอก"กัวเจ๋อกลายร่างเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่และมีผิวหนังที่แข็งแกร่งขนาดที่อาวุธทันสมัยยังไม่สามารถเจาะผ่านร่างของเขาได
|PART 6|เรือนปิงเจี๋ยร่างของเหอไป๋เหยียนบิดส่ายไปมาอย่างเร่าร้อนอยู่ภายใต้กายแกร่งของอาชาหนุ่มผิวสีเข้ม เลือดภายในกายสูบฉีดจนทำให้ผิวขาวราวหิมะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ เหอไป๋เหยียนยามนี้ไม่อาจต่อต้านแรงอารมณ์ที่มีต่ออาชาหนุ่มได้ ยอมที่จะให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาภายในช่องทางแห่งบุรุษเพศด้วยความเต็มใจ เพราะถึงอย่างไรสัตว์เลือดเย็นสองเพศเช่นเขาก็สามารถตอบสนองได้ทุกเพศอยู่แล้วหม่าอี้จดจ่อลำท่อนสืบพันธุ์ที่มีขนาดไม่ต่างจากตอนอยู่ในร่างเดิมเข้าที่ช่องทางสำหรับร่วมรัก เพียงออกแรงนิดหน่อยส่วนหัวที่มีขนาดใหญ่โตก็แทบจะผลุบเข้าไปด้านในโดยทันที ราวกับว่าถูกช่องทางนั้นดูดกลืนเข้าไปเสียเอง หม่าอี้ตั้งใจจะยัดเยียดสิ่งที่แข็งแกร่งและร้อนแรงที่สุดเข้าไปในร่างของเหอไป๋เหยียนเพื่อหลอมรวมสองร่างให้เป็นหนึ่งเดียว อีกไม่ช้าเหอไป๋เหยียนก็จะกลายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์สักที"อ๊ะ!!""ไป๋เหยียน คุณเป็นอะไรไป!!"ยังไม่ทันที่หม่าอี้จะกดดันลำท่อนร้อนเข้าสู่ภายในได้สำเร็จเหอไปเหยียนก็เกิดอาการชักเกร็งขึ้นมาเสียก่อน ตามร่างกายปรากฎเกล็ดสีเงินคล้ายอัญมณีขึ้น หม่าอี้สัมผัสร่างอรชรและถูกถีบกระเด็นออกมา เขาตกใจมากแต่
|PART 7|อาการของหลิวอิงใจกลางเมืองเฉินเซินนั้นเป็นย่านธุรกิจขนาดใหญ่ ตึกสูงจำนวนไม่น้อยปลูกสร้างอยู่ที่นี่ แต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้นธุรกิจของสกุลหลิวที่ครอบครองพื้นที่ย่านนี้ไปถึงครึ่งหนึ่งที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการค้าแล้วยังเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงและแหล่งอบายมุขขนาดใหญ่ที่ผู้คนมากมายทั้งในและต่างเมืองต่างพากันเข้ามาเพื่อแสวงหาความร่ำรวยเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งมีเพียงธุรกิจสีเทาและธุรกิจมืดเหล่านี้เท่านั้นที่สกุลหลิวเป็นรองสี่ตระกูลใหญ่แม้จะทำงานกับสกุลหลิวมาหลายปีแต่จางหลิวซิงก็ยังไม่ชินกับสายตาของคนที่นี่สักที หลังทุกคนรับรู้ถึงฐานะและความสัมพันธ์ของเขากับหลิวอิงทายาทคนปัจจุบันแล้ว เขาก็ยังตกเป็นที่พูดถึงของคนที่นี่ไม่เลิกในวันทำงาน ขณะที่จางหลิวซิงมารอรับตัวแทนของเหว่ยหลางกรุ๊ปอยู่ด้านล่างยังคงมีเสียงซุบซิบดังมาเข้าหูให้ได้ยินว่าเขาไม่ใช่ลูกเลี้ยงของเจ้าบ้านสกุลหลิวแต่เป็นนายบำเรอที่มีลูกติดถึงสองคนของหลิวอิง เช่นนั้นจางหลิวซิงก็ยังคงยืนนิ่งปล่อยให้พวกเขาพูดกันไปย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนได้มีพนักงานคนหนึ่งพูดถึงเขาในลักษณะเช่นนี้และรู้ถึงหูของหลิวอิงเข้า หลิวอิงโกรธมาก
|PART 8|เทศกาลโคมลอยแห่งเฉินเซิน"คุณอาหนิงหลงมาทำอะไรที่นี่หรือครับ?"เซียวอวี่ถามขึ้นเมื่อเห็นหวงหนิงหลงเดินสวนออกมาจากในลิฟต์เพราะมัวแต่เหม่อทำให้หวงหนิงหลงเผลอใช้ลิฟต์ทั่วไปแทนที่จะใช้ลิฟต์แยกเพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับคนรู้จักที่นี่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเก็บสีหน้าให้เป็นปกติได้ และอีกฝ่ายยังเป็นเซียวอวี่เขาจึงไม่มีอะไรให้กังวล"อามาทำธุระนิดหน่อย แล้วเธอล่ะ""คุณพ่อให้ผมมาดูงานแทนครับ บอกว่าคุณอาหลิวอิงมีแผนจะร่วมลงทุนวิจัยกับที่นี่"เซียวอวี่บอกกับหวงหนิงหลง พวกเขาคุยกันได้ไม่เท่าไรก็มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยออกมาต้อนรับเซียวอวี่ เห็นดังนั้นหวงหนิงหลงจึงขอตัวกลับ เพราะถึงอย่างไรการร่วมทุนครั้งนี้หลิวอิงและเซียวหลางยังต้องปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง"สวัสดีครับคุณเซียว เชิญทางนี้เลยครับ"เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิจัยได้พาเซียวอวี่ไปพบกับผู้ที่มีหน้าที่ดูแลศูนย์วิจัยทั้งหมดของเฉินเซินเพื่อแนะนำให้เขารู้จัก ทันทีที่พบหน้าคนที่รออยู่ในห้องหัวใจของเซียวอวี่ก็เต้นแรงขึ้น"คุณเซียวครับผมขอแนะนำ นี่คุณฉินเทียนกับคุณฉินหลิงที่จะมาทำงานร่วมกับคุณเซียวครับ"เซียวอวี่ไม่ได้สนใจชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าที
|PART 12|ความผิดหวังของหม่าอี้วันรุ่งขึ้น เซียวอวี่กลับมายังเรือนปิงเจี๋ย ด้วยความเป็นห่วงน้องชายจึงเข้าไปดูในห้องของเหอไป๋เหยียนก็พบเซียวเยว่นั่งขอบตาคล้ำอยู่ข้างเตียง"เยว่หลาง ทำไมนายถึงมีสภาพแบบนี้ล่ะ" เขาถามด้วยความตกใจ"ทั้งหมดก็เพราะน้องสะใภ้นายนะสิ"เซียวเยว่เล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนเขาขับรถพาเหอไป๋เหยียนไปตลาดค้าส่งผลไม้ เพราะไม่ใช่ฤดูกาลทำให้หาลูกพลับสดได้ยาก ร้านที่มีลูกพลับก็ช้ำดูไม่น่าทาน แต่ก็ซื้อกลับมาปอกให้เหอไป๋เหยียนได้ทาน"แต่มันไม่ใช่แค่นี้นะสิ"เซียวเยว่เล่าต่อไปอีกว่าหลังกินอิ่มเหอไป๋เหยียนได้ไล่ให้เขาออกไปจากห้อง ครั้นพอเซียวเยว่ออกไปก็ฟูมฟายไม่ยอมให้ไป เป็นแบบนี้อยู่ทั้งคืน"คงเป็นอาการของคนท้องละมั้ง สักพักคงจะดีขึ้นเอง" เซียวอวี่ปลอบใจ พลางมองไปบนเตียงก็พบงูขาวนอนขดตัวอยู่บนนั้นปกติงูเวลาตั้งท้องจะใช้เวลาประมาณสองถึงสามเดือน จำนวนของไข่ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ และพวกมันจะไม่มีความอยากอาหารเพราะพื้นที่ภายในร่างกายนั้นไม่อำนวยแต่สำหรับเผ่าพันธุ์ของเหอไป๋เหยียนนั้นแตกต่างออกไป เขาเป็นเหมือนกับเซียวหลางและเสวี่ยเทียนที่ตัวเมียสามารถออกลูกได้ครั้งละไม่เกินสองตัว หากมา
|PART 11|การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโรงพยาบาลเฉินเซินแม้จะเป็นเพียงโรงพยาบาลประจำเมืองแต่ก็เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีอุปกรณ์และเครื่องมือทันสมัย ทั้งยังมีทีมแพทย์มากฝีมือที่ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานของรัฐ ผู้คนต่างเมืองเมื่อเจ็บป่วยด้วยโรคที่หาสาเหตุไม่ได้ต่างก็มุ่งตรงมายังโรงพยาบาลแห่งนี้กันทั้งนั้น และแน่นอนกว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของที่ก็คือสกุลหลิวโดยมีสกุลซุนเป็นผู้ดำเนินการ"เชิญทางนี้เลยครับคุณชายหลิว"เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลนำทางหลิวอิงและหวงหนิงหลงไปยังห้องตรวจพิเศษ แม้ไม่ใช่การตรวจครั้งแรก แต่หลิวอิงกลับไม่ชินกับวิธีการและอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจของที่นี่สักทีเมื่อเข้าไปภายในห้องเปลี่ยนชุด หลิวอิงได้ถอดเสื้อผ้าที่สวมอยู่ออกจนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า จากนั้นจึงหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับไว้ ออกมานอกห้องก็พบหวงหนิงหลงและทีมแพทย์ยืนรอเพื่อนำทางเขาไปยังห้องตรวจหลิวอิงถอดเสื้อคลุมออกเมื่ออยู่ภายในห้องตรวจพิเศษและส่งให้กับหวงหนิงหลง จากนั้นได้ไปนั่งบนเก้าอี้เพื่อรับการตรวจ เขารู้สึกถึงสายตาที่เปลี่ยนไปของทีมแพทย์ มันทำให้เขาขนลุกและขยะแขยงอย่างบอกไม่ถูก ดีที่มีหวงหนิงหลงอยู่ในห้องด้
|PART 10|ตั้งครรภ์เรือนปิงเจี๋ยหลังหม่าอี้กลับไปแล้วเซียวเยว่ได้โทรตามเซียวหลางให้มายังเรือนปิงเจี๋ยเป็นการด่วน เพราะจู่ ๆ เหอไป๋เหยียนเกิดมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ถึงขนาดลงไปดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมานก่อนจะหมดสติไป"เกิดอะไรขึ้นกับเจ้างูบ้ากัน!!"เซียวหลางมาถึงพร้อมกับจางหลิวซิงถามขึ้น พลางเข้าไปดูเหอไป๋เหยียนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดเซียวเยว่เล่าให้ฟังว่าขณะกำลังต่อสู้กับหม่าอี้ เหอไป๋เหยียนได้เข้ามาขวางจึงถูกหม่าอี้ดีดกระเด็น ทำให้ศีรษะและแผ่นหลังกระแทกเข้ากับกับเสาเรือนอย่างแรง แม้หัวไม่แตกแต่ก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่"ชีพจรของเขาสับสนมากเลย"เซียวหลางพอมีความรู้เรื่องการแพทย์เพราะได้รับพลาสม่าจากอู๋เจี๋ย อาชญากรอัจฉริยะที่เป็นถึงหมออันดับหนึ่งของเมืองเฉินเซิน เขาระบุไม่ได้ว่าอาการของเหอไป๋เหยียนเกิดจากอะไร บอกแต่เพียงว่าร่างกายของเหอไป๋เหยียนมีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิมทุกคนมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นเมื่อได้ฟังที่เซียวหลางพูด โดยเฉพาะเซียวเยว่ เขากังวลเรื่องอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดีของเหอไป๋เหยียนเมื่อครั้งตกจากเครื่องบินอพยพ แม้ร่างกายจะฟื้นฟูจนดีขึ้นแ
|PART 9|ผลกระทบจากฟีโรโมนกอริลลาตัวเมียกลายพันธุ์ในร่างของหญิงสาวหุ่นนักกีฬาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่อยู่สูงเหนือศีรษะของเหอไป๋เหยียน ในมือของมันถือหินก้อนใหญ่เอาไว้เพื่อรอให้เหอไป๋เหยียนมาอยู่ในจุดที่มันตั้งใจไว้ จากนั้นจึงโยนก้อนหินลงไป เหอไป๋เหยียนไม่ทันได้ระวังตัว พอแหงนหน้าขึ้นไปมองก็เห็นหินก้อนใหญ่กำลังหล่นลงมาด้วยความเร็ว คราแรกคิดว่าคงหลบไม่พ้น จู่ ๆ หินก้อนนั้นก็เปลี่ยนทิศทางไปอีกฝั่งโดยปลายเท้าของผู้ที่ติดตามมา"เป็นยังไงบ้าง นายบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" เซียวเยว่ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง"จะเป็นอะไรล่ะ ถ้านายมาช้ากว่านี้อีกนิด ฉันคงได้ไปนอนคุยกับไส้เดือนกลายพันธุ์ที่อยู่ใต้ดินแล้ว"เพราะกลิ่นฟีโรโมนของเหอไป๋เหยียนทำให้เซียวเยว่ตามหาตัวได้ไม่ยาก พอคิดแบบนี้ จึงรู้ว่าเครื่องติดตามที่สวมอยู่บนคอของเหอไป๋เหยียนกแทบไม่มีประโยชน์อะไร"ขอโทษที พอดีทางนั้นมีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย ตอนนี้อวี่หลางกำลังจัดการอยู่"บริเวณที่ใช้จัดงานโคมลอยมีเซียวอวี่จัดการเคลียร์พื้นที่ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง ส่วนเซียวเยว่แยกตัวมาตามเหอไป๋เหยียนโดยอาศัยกลิ่นฟีโรโมนที่ฟุ้งกระจายอยู่ภายในป่า เมื่อมาถึงก็พบลิงกอริลลา
|PART 8|เทศกาลโคมลอยแห่งเฉินเซิน"คุณอาหนิงหลงมาทำอะไรที่นี่หรือครับ?"เซียวอวี่ถามขึ้นเมื่อเห็นหวงหนิงหลงเดินสวนออกมาจากในลิฟต์เพราะมัวแต่เหม่อทำให้หวงหนิงหลงเผลอใช้ลิฟต์ทั่วไปแทนที่จะใช้ลิฟต์แยกเพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับคนรู้จักที่นี่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเก็บสีหน้าให้เป็นปกติได้ และอีกฝ่ายยังเป็นเซียวอวี่เขาจึงไม่มีอะไรให้กังวล"อามาทำธุระนิดหน่อย แล้วเธอล่ะ""คุณพ่อให้ผมมาดูงานแทนครับ บอกว่าคุณอาหลิวอิงมีแผนจะร่วมลงทุนวิจัยกับที่นี่"เซียวอวี่บอกกับหวงหนิงหลง พวกเขาคุยกันได้ไม่เท่าไรก็มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยออกมาต้อนรับเซียวอวี่ เห็นดังนั้นหวงหนิงหลงจึงขอตัวกลับ เพราะถึงอย่างไรการร่วมทุนครั้งนี้หลิวอิงและเซียวหลางยังต้องปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง"สวัสดีครับคุณเซียว เชิญทางนี้เลยครับ"เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิจัยได้พาเซียวอวี่ไปพบกับผู้ที่มีหน้าที่ดูแลศูนย์วิจัยทั้งหมดของเฉินเซินเพื่อแนะนำให้เขารู้จัก ทันทีที่พบหน้าคนที่รออยู่ในห้องหัวใจของเซียวอวี่ก็เต้นแรงขึ้น"คุณเซียวครับผมขอแนะนำ นี่คุณฉินเทียนกับคุณฉินหลิงที่จะมาทำงานร่วมกับคุณเซียวครับ"เซียวอวี่ไม่ได้สนใจชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าที
|PART 7|อาการของหลิวอิงใจกลางเมืองเฉินเซินนั้นเป็นย่านธุรกิจขนาดใหญ่ ตึกสูงจำนวนไม่น้อยปลูกสร้างอยู่ที่นี่ แต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้นธุรกิจของสกุลหลิวที่ครอบครองพื้นที่ย่านนี้ไปถึงครึ่งหนึ่งที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการค้าแล้วยังเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงและแหล่งอบายมุขขนาดใหญ่ที่ผู้คนมากมายทั้งในและต่างเมืองต่างพากันเข้ามาเพื่อแสวงหาความร่ำรวยเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งมีเพียงธุรกิจสีเทาและธุรกิจมืดเหล่านี้เท่านั้นที่สกุลหลิวเป็นรองสี่ตระกูลใหญ่แม้จะทำงานกับสกุลหลิวมาหลายปีแต่จางหลิวซิงก็ยังไม่ชินกับสายตาของคนที่นี่สักที หลังทุกคนรับรู้ถึงฐานะและความสัมพันธ์ของเขากับหลิวอิงทายาทคนปัจจุบันแล้ว เขาก็ยังตกเป็นที่พูดถึงของคนที่นี่ไม่เลิกในวันทำงาน ขณะที่จางหลิวซิงมารอรับตัวแทนของเหว่ยหลางกรุ๊ปอยู่ด้านล่างยังคงมีเสียงซุบซิบดังมาเข้าหูให้ได้ยินว่าเขาไม่ใช่ลูกเลี้ยงของเจ้าบ้านสกุลหลิวแต่เป็นนายบำเรอที่มีลูกติดถึงสองคนของหลิวอิง เช่นนั้นจางหลิวซิงก็ยังคงยืนนิ่งปล่อยให้พวกเขาพูดกันไปย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนได้มีพนักงานคนหนึ่งพูดถึงเขาในลักษณะเช่นนี้และรู้ถึงหูของหลิวอิงเข้า หลิวอิงโกรธมาก
|PART 6|เรือนปิงเจี๋ยร่างของเหอไป๋เหยียนบิดส่ายไปมาอย่างเร่าร้อนอยู่ภายใต้กายแกร่งของอาชาหนุ่มผิวสีเข้ม เลือดภายในกายสูบฉีดจนทำให้ผิวขาวราวหิมะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ เหอไป๋เหยียนยามนี้ไม่อาจต่อต้านแรงอารมณ์ที่มีต่ออาชาหนุ่มได้ ยอมที่จะให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาภายในช่องทางแห่งบุรุษเพศด้วยความเต็มใจ เพราะถึงอย่างไรสัตว์เลือดเย็นสองเพศเช่นเขาก็สามารถตอบสนองได้ทุกเพศอยู่แล้วหม่าอี้จดจ่อลำท่อนสืบพันธุ์ที่มีขนาดไม่ต่างจากตอนอยู่ในร่างเดิมเข้าที่ช่องทางสำหรับร่วมรัก เพียงออกแรงนิดหน่อยส่วนหัวที่มีขนาดใหญ่โตก็แทบจะผลุบเข้าไปด้านในโดยทันที ราวกับว่าถูกช่องทางนั้นดูดกลืนเข้าไปเสียเอง หม่าอี้ตั้งใจจะยัดเยียดสิ่งที่แข็งแกร่งและร้อนแรงที่สุดเข้าไปในร่างของเหอไป๋เหยียนเพื่อหลอมรวมสองร่างให้เป็นหนึ่งเดียว อีกไม่ช้าเหอไป๋เหยียนก็จะกลายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์สักที"อ๊ะ!!""ไป๋เหยียน คุณเป็นอะไรไป!!"ยังไม่ทันที่หม่าอี้จะกดดันลำท่อนร้อนเข้าสู่ภายในได้สำเร็จเหอไปเหยียนก็เกิดอาการชักเกร็งขึ้นมาเสียก่อน ตามร่างกายปรากฎเกล็ดสีเงินคล้ายอัญมณีขึ้น หม่าอี้สัมผัสร่างอรชรและถูกถีบกระเด็นออกมา เขาตกใจมากแต่
|PART 5|สิ่งที่อยู่ในใจของหม่าอี้เมื่อรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับจระเข้กลายพันธุ์จำนวนมากที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่ได้หันมาสบตากันครั้งหนึ่งก่อนพุ่งตัวแยกออกไปเพื่อจัดการกับจระเข้ดุร้ายในร่างกึ่งมนุษย์ โดยเน้นไปยังดวงตาและจมูกซึ่งเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดของพวกมันโดยธรรมชาติพวกเขาต้องไม่ปล่อยให้จระเข้กลายพันธุ์เหล่านี้รอดชีวิตไปได้แม้แต่ตัวเดียวเพราะพวกมันอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ เซียวอวี่และเซียวเยว่จัดการฆ่าจระเข้กลายพันธุ์ได้ทั้งหมด รอบบึงน้ำในตอนนี้จึงคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและศพของจระเข้กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด"ยอมแพ้ซะเถอะ ยังไงแกสู้พวกฉันไม่ได้หรอก" เซียวเยว่บอกกับกัวเจ๋อ เซียวอวี่และเซี่ยวเยว่ไม่มีความคิดที่จะฆ่ากัวเจ๋อ แต่กัวเจ๋อนั้นโหดร้ายเกินจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ ที่เหว่ยหลางแม้จะมีสัตว์กินเนื้อกลายพันธุ์อาศัยอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาเหล่านั้นสามารถยับยั้งสัญชาตญาณดิบได้ และปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสงบสุข"คิดจะฆ่าฉันมันไม่ง่ายนักหรอก"กัวเจ๋อกลายร่างเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่และมีผิวหนังที่แข็งแกร่งขนาดที่อาวุธทันสมัยยังไม่สามารถเจาะผ่านร่างของเขาได
|PART 4|กัวเจ๋อข่าวว่ามีคนเสียชีวิตและหายสาบสูญไปบริเวณบึงน้ำแม้จะปิดไม่ให้คนภายนอกได้รับรู้ แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามหาทางจับตัวคนร้ายให้ได้ ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างยังคงมืดแปดด้านบนโต๊ะประชุมของผู้บริหารระดับสูง เหล่าตัวแทนของห้าสกุลต่างจับจ้องไปยังภาพฉายด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด พวกเขาไม่เข้าใจว่าบึงน้ำที่เงียบสงบและไร้ความเคลื่อนไหวมานาน จู่ ๆ ทำไมถึงมีคนมาเสียชีวิตบริเวณนี้ได้ ซ้ำยังหาศพไม่พบอีกต่างหากจากปากคำของผู้รอดชีวิตได้เล่าให้ฟังว่ามีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่อยู่ในบึงน้ำ และมันได้กัดกินร่างเพื่อนของเขาจนเลือดสาดกระเซ็นก่อนจะกลืนลงท้องไปเหล่าแพทย์ได้ฟังดังนั้นจึงได้จับเขาตรวจสมองอีกครั้งหนึ่งและสรุปผลออกมาว่าชายวัยรุ่นคนนี้เสพยาเกินขนาดและดื่มแอลอกฮอล์มากไปจนเกิดอาการประสาทหลอน จึงได้รับชายวัยรุ่นไว้รักษาตัวที่โรงพยายาลในเครือของมหาวิทยาลัยเฉินไห่หลังเหตุการณ์นั้น ทางมหาวิทยาลัยได้มีการคุมเข้มบริเวณบึงน้ำมากขึ้น ทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องวงจรปิด แต่ก็ยังมีคนไปเสียชีวิตบริเวณนั้นอย่