แชร์

ตอนที่8 ขายดีเกินเหตุ

ผู้เขียน: เฉินม่านอิ๋ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-02 22:14:14

พอนั่งลงแล้วก็ไม่สามารถรับออเดอร์ได้อีก กลิ่นหอมของข้าวผัดลอยมาแล้ว ทั้งกลิ่นเนื้อ กลิ่นปลา หอมขนาดนี้ ใครจะไปมีแรงกดรับออเดอร์กันล่ะ 

คุณลูกค้าทั้งหลาย ขออภัยด้วยนะครับ ตอนนี้พวกเราขอ “สัญญาณหลุด” ชั่วคราว

กลุ่มหนุ่มๆ พนักงานส่งของได้แต่ก้มหน้าก้มตากินข้าว พร้อมกับแอบขอโทษลูกค้าในใจ กินไปได้ครึ่งจานถึงค่อยเริ่มกดรับออเดอร์อีกที พอดีกับที่เชฟทำอาหารเสร็จ แต่ละคนพากันหยิบอาหารแล้วออกไปส่ง

หน้าร้านตอนนี้มีกลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ หนึ่งในนั้นยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายไปทางป้ายหน้าร้าน แล้วถามคนในสาย

“ลั่วลั่ว ร้านนี้ใช่ไหม?”

เสียงปลายสายตอบกลับมา “ใช่เลยเฟยอี้ อย่าลืมนะ ต้องพา ‘ท็อปไอดอล’ กลับมาให้ฉันด้วยล่ะ!”

“โอเค เดี๋ยวจะพาท็อปไอดอลกลับไปให้เธอเอง”

เฟยอี้วางสายแล้วหันไปบอกเพื่อนๆ ว่าใช่ร้านนี้แน่นอน จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างใน เพื่อนของเธอเคยมาทานข้าวเย็นที่ร้านนี้ กลับไปถึงบ้านก็เล่าใหญ่เลยว่าร้านนี้ดีแค่ไหน รสชาติสีสันอาหารเป็นยังไง บอกว่านี่คืออาหารที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา

เพราะแบบนั้น เฟยอี้ถึงกับต้องลุกไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากินตอนดึกเพราะหิว แต่พอเห็นรูปอาหารแล้วก็ยังอยากกินอยู่ดี วันนี้เลยรีบใช้เวลาพักเที่ยงแวะมาให้ได้ แต่น่าเสียดายที่ทีมของลั่วลั่วต้องถ่ายทำถึงเย็น เธออยู่ฝ่ายแต่งหน้าเลยออกมาก่อนไม่ได้ ต้องรอให้ถ่ายเสร็จถึงจะว่าง

กลุ่มเฟยอี้พอเดินเข้ามาเห็นบรรยากาศในสวนใต้ร่มไม้ โต๊ะเก้าอี้ไม้ กับบ้านทรงเก่าแบบเรียบง่ายก็รู้สึกชอบมาก แต่น่าเสียดายโต๊ะด้านนอกเต็มหมดแล้ว เลยต้องย้ายเข้าไปนั่งในห้องข้างใน ซึ่งก็จัดตกแต่งไว้อย่างสวยงามไม่แพ้กัน

เพื่อนที่มาด้วยกันเปิดบานประตูไม้หลายบานออก แล้วใช้ไม้ยันประตูไว้ ก่อนจะหันไปมองบรรยากาศในลาน หน้าร้านที่เต็มไปด้วยความคึกคักและเสียงกินข้าว

โต๊ะที่อยู่ใกล้เธอ ทุกคนกำลังกินไปยิ้มไป สีหน้าดูมีความสุขกันถ้วนหน้า นั่งอยู่ในห้องแล้วมองออกไปเห็นวิวลานด้านนอก ก็ให้ความรู้สึกเพลินตาเพลินใจไปอีกแบบ

“ร้านนี้แปลกดีเนอะ บรรยากาศเงียบจนน่าแปลก มีแต่เสียงตะเกียบกับช้อนกระทบชาม ลูกค้าก็เงียบๆ เหมือนกัน ทุกคนดูตั้งใจแค่กินอย่างเดียว ไม่ค่อยคุยกันเลย”

“แต่รู้สึกไหม? แค่ก้าวเท้าเข้ามาในร้านก็รู้สึกใจเบาขึ้นเฉยเลย เหมือนเวลาที่นี่เดินช้าลง ลมยังพัดเบาๆ จนรู้สึกแปลกใจเลยล่ะ”

ถังเหยากำลังผัดข้าวอยู่ก็เห็นว่าออเดอร์ในแอปเด้งรัวๆ หันไปดูซี่โครงวัวตุ๋นซอสเหลืออยู่นิดเดียว เลยบอกให้ หยางอิงปิดเมนูในแอปไปก่อน แล้วก็เตือนว่าไก่เสฉวนเหลือแค่สิบกว่าส่วน รีบปิดไว้เลยก่อนที่จะหมด

วันนี้ลูกค้าเยอะเป็นพิเศษ ทำให้ของที่เตรียมไว้เริ่มไม่พอแล้ว ดูท่าไม่ทันถึงเวลาพักเที่ยงก็น่าจะขายหมดแล้วแน่ๆ 

ถิงถิงเพิ่งไปช่วยเพื่อนในกองถ่ายทำธุระเล็กน้อย กลับมากะจะหยิบโทรศัพท์มาสั่งอาหารสักหน่อย แต่ดันเจอเรื่องประหลาด ในเมนูของร้านตระกูลถัง ขึ้นสถานะ เต็ม เกือบหมดแล้ว ไม่มีอะไรให้สั่งเลย 

ฮะ? ซี่โครงวัวตุ๋นซอสหมดไปแล้ว ไก่ก็เหลือแค่ 2 ที่ โชคดีที่มือไวพอ กดใส่ตะกร้าได้ทันเวลา ต้องสั่งเต้าหู้สูตรพิเศษเพิ่มอีกสามที่ ซุปก็เหลือแค่ 3 ถ้วย รีบสั่งให้หมดไปเลย พอกดจ่ายเงินเสร็จแล้วลองออกจากหน้าแอปแล้วเข้าใหม่ ร้านก็ขึ้นว่า “อาหารหมด ไม่รับออเดอร์” แล้ว

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!!!

ถิงถิงยังงุนงงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นผู้กำกับเฉินเดินตรงมาจากฝั่งตรงข้าม ปรากฏว่าผู้กำกับอยากให้เธอช่วยสั่ง ซี่โครงวัวตุ๋นไวน์แดง ให้สองที่ ของเขากับผู้กำกับซ่ง เพราะวันนี้ทั้งคู่ต้องถ่ายทำจนไม่ได้ออกไปไหน

แต่ไก่เผ็ดเสฉวนยังเหลือแค่สองที่ ส่วนซี่โครงวัวตุ๋นนั้นหายไปจากเมนูนานแล้ว ถิงถิงเลยได้แต่บอกความจริงให้ผู้กำกับฟัง

พอผู้กำกับเฉินได้ยินว่าของหมดก็เสียดายสุดๆ วันนี้กองถ่ายไม่มีเวลาพักนาน เลยต้องสั่งมากินที่กอง เขายังจำรสชาติของซี่โครงตุ๋นได้ไม่ลืม ตั้งใจจะกินต่ออีกมื้อตอนเที่ยงแท้ๆ ไม่คิดเลยว่าเพิ่งจะบ่ายโมงก็หมดแล้ว สุดท้ายก็ต้องกินรวมกับทีม แล้วค่อยแวะร้านตระกูลถังใหม่ตอนเย็น

ถังเหยายุ่งจนถึงเกือบบ่ายสองกว่าจะได้พัก ลูกค้าหมดแล้วถึงค่อยได้ปิดร้านขึ้นป้าย “อาหารหมด” ไม่อย่างนั้นเกรงว่าจะยังไม่ได้หยุดพักเลย จริงๆ แล้วเธอเขียนไว้ตั้งแต่ต้นว่ารับลูกค้ารอบเที่ยงถึงบ่ายโมง กับรอบเย็นตั้งแต่สองทุ่ม แต่คนที่มายืนต่อแถวด้านหลังมักไม่เห็นป้าย พอถึงคิวพวกเขา…เธอก็ใจอ่อนไม่กล้าปฏิเสธให้กลับ

“เที่ยงนี้คนเยอะจริงๆ แฮะ แบบนี้คงต้องหาคนมาช่วยเพิ่มแล้วล่ะ เราทำอาหารทันก็จริง แต่งานเก็บล้างใช้เวลามาก กลัวลูกค้าจะต้องรอนาน”

ถังเหยาก็เริ่มคิดเรื่องนี้ขึ้นมาเหมือนกัน หลังจบช่วงเที่ยงไม่คิดเลยว่าลูกค้าจะมากันแน่นขนาดนี้ เรียกว่าเต็มตั้งแต่ในห้องจนถึงหน้าระเบียง ส่วนลานหน้าร้านไม่ต้องพูดถึง โต๊ะนั่งหมดทุกตัวตลอดเวลา ปล่อยให้หยางอิงวิ่งไปวิ่งมาแค่คนเดียวก็ดูจะไม่ไหวจริงๆ

กำลังคิดว่าจะหาคนมาช่วยเพิ่มอยู่พอดี ก็ได้ยินเสียงลุงหวังที่กำลังนั่งจิบชาพูด “ถ้าหนูถังเหยาไม่รังเกียจ ลุงอยากลองช่วยทำงานนี้ดู ถ้าหนูโอเคลุงก็จะทำ แต่ถ้าไม่เหมาะก็ถือว่าลุงไม่ได้พูดก็ได้นะ”

“ลุงหวังพูดแบบนี้ได้ยังไงกัน ถ้าลุงช่วยหนูดีใจมากเลยค่ะ ลุงพูดออกมาแล้ว ทีนี้ก็อย่าเรียกหนูว่าคุณถังเหยาอีกเลย เรียกเสี่ยวเหยาก็พอแล้วค่ะ”

ถังเหยาไม่ได้แกล้งยิ้มหรือทำเป็นดีใจ แต่เธอดีใจจริงๆ ที่ลุงหวังเสนอตัวมาช่วย เพราะเมื่อคนเราเริ่มอยากทำอะไรบางอย่าง แปลว่าใจเปิดรับสิ่งใหม่ และเดินไปในทางที่ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของลุงหวังก็ยังแข็งแรง กระฉับกระเฉง งานในร้านเองก็ไม่ได้หนักหนาอะไร เธอจึงไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียวที่จะตอบตกลง

ลุงหวังมองสองสาววัยรุ่นเดินออกไปอย่างร่าเริง ความคิดที่อยากช่วยก็เพิ่งจะเกิดขึ้นหมาดๆ 

เมื่อกลางวันขณะที่ลุงนั่งอยู่ลานหลังบ้าน มองผ่านหน้าต่างเห็น ถังเหยายุ่งจนแทบไม่ได้หยุดมือ แต่ก็ยังยิ้มและพูดคุยกับหยางอิงอย่างมีชีวิตชีวา ยังมีเวลาหันมาถามลุงอีกว่า “หิวไหม อยากกินอะไรก่อนไหมคะ?”

มองผ่านแผ่นไม้กันสายตา เห็นลูกค้าต่างนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย หรือเห็นสีหน้าตื่นเต้นของแขกที่เพิ่งก้าวเข้ามาในร้าน ลุงก็รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าชีวิตนี้ยังมีอะไรดีๆ รออยู่อีกมาก หรือจะพูดให้ชัดกว่านั้นก็คือ ลุงหวังยังอยากอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ต่อไปอีก

แม้ตอนเย็นวันนี้ถังเหยาจะตั้งใจทำอาหารเพิ่ม แต่ลูกค้าก็ยังหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด สุดท้ายเธอก็ต้องปิดแอปสั่งอาหารเร็วกว่าที่วางแผนไว้ เฉินผิงกับกลุ่มไรเดอร์ยังรู้สึกโชคดีอยู่เลยที่มากินช่วงเที่ยง ไม่อย่างนั้นคงได้แค่ยืนดมกลิ่นหอมที่ลอยออกมาจากครัวหน้าร้านแน่นอน

และเมื่อเปิดร้านไปได้สักพัก ก็แน่นตั้งแต่สนามหน้าร้านยันทางเดิน ระเบียงด้านนอกก็เต็มหมด ห้องด้านในยังพอมีโต๊ะว่างอยู่แค่สองโต๊ะเท่านั้น แค่วันเดียว ร้าน “ตระกูลถัง” กลายเป็นคนละเรื่องไปเลย เหมือนลูกค้าทุกคนได้ยินข่าวแล้วรีบแห่กันมาอย่างไงอย่างนั้น

ของอร่อยกลายเป็นกระแสชั่วข้ามวัน

อีดิทไปหิวไปมีอยู่จริง!!!!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ร้านนี้มีรักไม่รับปาปารัสซี่   ตอนที่40 ลมหายใจที่แขวนอยู่บนเส้นระเบิด

    ถังเหยากวาดตามองระยะห่างระหว่างจุดที่ยามยืนอยู่กับเต็นท์ ก่อนจะพูดขึ้นเรียบๆ“ภายในสามสิบวินาที...พวกคุณจัดการได้กี่คนคะ?”กู้จื่ออวี่ที่ได้ยินคำถามนั้นก็เข้าใจทันที ว่าเธอกำลังวางแผนอะไร ถังเหยาต้องการจะยิงจากระยะไกลเพื่อเก็บศัตรูให้หมดในคราวเดียว แต่การจะทำแบบนั้นได้ มือไม่ใช่แค่ต้องเร็ว...แต่ต้องแม่นยำอย่างถึงที่สุด เพราะถ้าเกิดพลาด หรือปล่อยให้พวกนั้นมีโอกาสโต้กลับ ทุกอย่างจะกลายเป็นหายนะทันที“ผมคาดว่าประมาณ 4 คน”“ผมน่าจะ 3 คน”“อืม ถ้างั้นเรามาพยายามฆ่าทั้งหมดในครั้งเดียวเลยนะคะ”ถังเหยาทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างมั่นคง พานท้ายปืนพาดแนบกับไหล่ เธอก้มหน้าเล็กน้อยแล้วแนบตาเข้ากับกล้องเล็ง ปลายนิ้วแตะไกปืนอย่างนิ่งสงบ ลมหายใจเธอชะงักอยู่ชั่วขณะ รอจังหวะเหมาะสมแล้วยิงกระสุนนัดแรก ทั้งสามคนต่างก็กำจัดศัตรูได้สำเร็จ ต้าอว

  • ร้านนี้มีรักไม่รับปาปารัสซี่   ตอนที่39 ความเงียบที่ปลิดชีพ

    สถานการณ์ในสนามรบเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ผู้ชมก็พลอยรู้สึกตึงเครียดไ ปตามทุกย่างก้าวของผู้เข้าแข่งขัน ทันใดนั้น เสียงประกาศจากลำโพงก็ดังขึ้น:“เซี่ยอวิ๋นซูตายแล้ว”ภาพจากกล้องฝั่งเธอฉายชัดทุกจังหวะกู้จื่ออวี่กำลังติดต่อกับถังเหยาทางวิทยุสื่อสาร นัดให้รวมกลุ่มกันที่จุดนัดพบ การกระจายตัวแบบนี้มันอันตรายเกินไป ทั้งสองคนเลยเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังตำแหน่งเป้าหมาย ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงฝีเท้าพร้อมกับเสียงปืนดังขึ้น จึงรีบส่งสัญญาณให้เซี่ยอวิ๋นซูหาที่หลบซ่อน แต่เธอกลับไม่ทำตามคำสั่ง กลับกันเธอก้าวออกมาบังทิศทางกระสุนที่พุ่งตรงมาหาเขาและในวินาทีนั้นกู้จื่ออวี่เบี่ยงตัวหลบได้พอดีเรื่องมันควรจะจบลงแค่นั้น ถ้าเธอฟังคำสั่งเงียบๆ ก็จะไม่มีใครเป็นอะไร แต่สุดท้าย เธอกลับเลือกกระโดดออกมาช่วย แล้วต้องแลกด้วย “ชีวิต” ของตัวเองเซี่ยอวิ๋นซูถอดหมวกออ

  • ร้านนี้มีรักไม่รับปาปารัสซี่   ตอนที่38 กระสุนนัดเดียว เปลี่ยนภาพจำทั้งสนาม

    ลูกปืนของตงเจียวถึงแม้จะเบี่ยงเป้าหมายไป แต่กลับมีคนถูกยิงจริงๆ แถมไม่ใช่คนที่เธอเล็งไว้ด้วยซ้ำ!จังหวะที่บีบไกปืน ถังเหยากลับตอบสนองเร็วเหลือเชื่อ! กระสุนเพิ่งตกลงพื้นข้างตัว เธอก็พลิกตัวหลบไปทางขวาอย่างช่ำชอง พร้อมยกปืนยิงสวนกลับไปทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว"ปัง!"การตอบโต้ของถังเหยารวดเร็วและเฉียบขาดมาก จนแม้แต่กลุ่มของห่าวอี้ยังตั้งตัวไม่ทัน ยืนเหวอกันไปเป็นแถวตงเจียวก็ไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าอีกฝ่ายไม่มีทักษะอะไร จนกระทั่งเสียงเตือนในหูฟังบอกว่า “คุณตายแล้ว” พร้อมกับคราบแดงบนหน้าอกซ้ายเครื่องหมายโดนยิงเข้าจังๆเธอจึงจำใจ “นั่งลง” ยอมรับชะตา...เล่นบทศพต่อไป“ผู้เล่น ตงเจียว ตกรอบ!”เสียงจากลำโพงสนามดังลั่น ทำให้ทุกคนตื่นจากภวังค์ เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเวลาแค่ไม่ถึงหนึ่งนาที กลับเปลี่ยนเกมทั้งตาไปหมด ห่าวอี้ได้สติรีบลากเ

  • ร้านนี้มีรักไม่รับปาปารัสซี่   ตอนที่37 สไนเปอร์ไร้เงา

    แม้ว่าเผิงเหนียนจะเคยอยู่บ้านเดียวกับกู้จื่ออวี่มาก่อน แต่ตอนนั้นทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาก อีกทั้งนิสัยของเธอก็ค่อนข้างขี้อาย จึงไม่จำเป็นต้องแกล้งแสดงอาการเขินเมื่อเจอกันครั้งแรก เพราะมันเผยออกมาโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แถมเธอยังกลัวแฟนคลับของกู้จื่ออวี่กับห่าวอี้อยู่ไม่น้อย จึงพยายามยืนห่างจากทั้งสองคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สองคู่ถูกจับมารวมเป็นกลุ่มเดียวกัน ส่วนกลุ่มที่มีสามคนก็ยังคงเดิมภารกิจแรกของวันคือให้เตรียมมื้อกลางวันกันเอง เมื่อแขกรับเชิญได้ยินแบบนั้น สีหน้าทุกคนก็เหมือนจะหมดคำพูด ในป่าจะหาอะไรกินได้ล่ะ? จะให้หาของกินจากใบไม้หรือไง? โชคยังดีที่แต่ละคนแอบพกขนมเล็กๆ น้อยๆ มาด้วย จึงไม่ถึงกับต้องทนหิวในมื้อกลางวันทว่าหลังมื้อนั้นเสบียงทั้งหมดก็เกือบหมดเกลี้ยง เหมือนรายการจงใจวางกับดัก ทำทีให้เตรียมเองแต่สุดท้ายกลายเป็นถูก "ปล้น" ไปซะหมดแล้วมื้อเย็นล่ะ? จะเอาอะไรกิน?หลังจากกินข้าวเสร็จ ทุกคนได้พักช่วงสั้นๆ ตอนกลางวั

  • ร้านนี้มีรักไม่รับปาปารัสซี่   ตอนที่36 เจ้าหญิงอุ้มเจ้าชาย

    บนหน้าจอไลฟ์ที่แต่เดิมแบ่งเป็น 7 ช่อง ตอนนี้ถูกรวมเหลือเพียง4 ช่องเท่านั้น ใบหน้าของเหล่าแขกรับเชิญส่วนใหญ่ก็ปรากฏให้เห็นชัด ยกเว้นห้องอันดับท้ายสุดของถังเหยา ที่ยังคงเห็นได้แค่เพียงเงาหลังของเธอเท่านั้นฝ่ายแอนตี้รีบออกตัวว่าใบหน้าของถังเหยาคงจะ “ระดับทั่วไป” จนต้องหลบกล้องตลอดเวลาเพื่อเลี่ยงคำด่า ขณะที่ชาวเหิงเตี้ยนรีบออกโรงปกป้อง ว่า จ้าของร้านตระกูลถังเป็นสาวน้อยหน้าตางดงามตัวจริงระหว่างที่สองฝ่ายกำลังเปิดศึกโต้เถียงกันแบบไม่มีใครยอมใคร คนที่เดินอยู่ด้านหน้าก็จู่ๆ หยุดกะทันหัน พอมองใกล้ๆ ก็พบว่าในอ้อมแขนของเธอมี “คนเพิ่มมาอีกหนึ่ง” เหล่าผู้ชมต่างงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น จึงรีบย้อนกลับไปดูภาพซ้ำในคลิปถังเหยากำลังเดินอยู่ตามปกติ อยู่ๆ เธอก็เงยหน้าขึ้นมอง และในวินาทีนั้นมีคนหนึ่งร่วงลงมาจากกิ่งไม้ตรงหน้า จึงรีบวิ่งเข้าไปทันเวลาและรับตัวเขาไว้ได้พอดี เหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ทำเอาทั้งทีมถ่ายทำและผู้ชมถึงกับนิ่งงันไปทั้งหน้าจอ

  • ร้านนี้มีรักไม่รับปาปารัสซี่   ตอนที่35 ภารกิจเอาตัวรอด

    ภายใต้บรรยากาศอันคึกคักและความคาดหวังจากผู้ชม หน้าจอไลฟ์สดปรากฏตัวเลขนับถอยหลัง1 นาที สนามรบระหว่างบ้านแฟนคลับทั้งหลายจึงยอมพับดาบเก็บกระบี่ชั่วคราว หันมาเตรียมใจพักผ่อนชั่วครู่ รอดูรายการก่อนแล้วค่อยเคลียร์กันต่อภายหลังภาพบนหน้าจอค่อยๆ เผยให้เห็นต้นไม้แน่นทึบ แสงแดดสาดผ่านพุ่มใบ เสียงนกร้องก้องไปทั่วขุนเขา ความคิดแรกของผู้ชมคือ ทีมโปรดักชันถ่ายทำในป่าจริงๆ อย่างนั้นหรือ? รายการนี้กล้าปล่อยบรรดาเซเลบดาราแถวหน้าเหล่านี้ ไปดิ้นรนเอาตัวรอดกลางป่าจริงๆ ใช่ไหม?จากนั้นหน้าจอถูกแบ่งออกเป็น 7 ช่องย่อย แสดงภาพของทั้ง7 คน ณ สถานที่ต่างกัน พร้อมคำอธิบายว่าในบรรดาทั้ง7 ใครมาถึงก่อนจะได้เข้าไปก่อน หากเจออีกคนก่อนจะได้จับกลุ่มกัน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ3 คนและ4 คนรายการให้ผู้เข้าร่วมแต่ละคนพกเป้มาหนึ่งใบ ของข้างในแล้วแต่จะเตรียม ใครมีแรงแบกไหวแค่ไหนก็พกมาเท่านั้น แต่ทุกคนก็พอรู้ว่าต้องเดินทางเยอะจึงเตรียมมาแค่พอใช้ยอดคนดูไหลเข้าร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status