เมื่อถึงเพนท์เฮ้าส์หญิงสาวก็รีบเปิดประตูรถและวิ่งขึ้นห้องนอนทันที เพื่อหนีหน้าชายหนุ่ม เพราะตอนนี้เธอไม่อยากคุยและมองหน้าเขาเป็นอย่างมาก
ปัง!!!
เธอปิดประตูห้องนอนอย่างเสียงดัง และคลุกตัวอยู่หลังโซฟาในห้องนอนภายในห้องมืดๆ โดยมีเพียงแสงไฟด้านนอกสลัวๆ ที่สาดส่องเข้ามา เธอร้องไห้ออกมาด้วยความน้อยใจที่ชายหนุ่มเอาแต่ด่าทอและต่อว่าเธอ แถมยังทำร้ายคนอื่นไม่มีเหตุผลอีก
แกร๊ก!! แอ๊ดดดดด!!
หญิงสาวได้ยินเสียงเปิดประตูก็ตกใจอีกครั้ง เสียงหัวใจของเธอเต้นรัวดังกลองเพล ‘นี่เขาใช้กุญแจสำรองไขเข้ามาทำไมกัน??’
“ลุกขึ้นมานั่งคุยกันดีดีนะพลอยใส” ชายหนุ่มยืนกอดอกมองมาที่เธอที่นั่งซ่อนเขาอยู่หลังโซฟา
“...”
“ถ้าวันนี้ไม่พูดกันให้รู้เรื่อง อย่าหวังว่าต่อไปนี้จะได้ออกไปไหนอีก”
“ฮึก ฉันไม่อยากคุยกับนาย และนายมีสิทธิ์อะไรมาสั่งหรือห้ามฉัน”
เธอเงยหน้าขึ้นมาตะโกนต่อว่าชายหนุ่ม
พรึ่บ!!!
“ว๊ายยยยย!!”
จู่ๆ ร่างบางที่นั่งอยู่ข้างโซฟาก็ลอยขึ้นเหนือพื้นไม่ทันได้ตั้งตัว และเมื่อเธอได้สติก็ปรากฏว่าตอนนี้เธอได้นั่งอยู่บนขาแกร่งของเรียวตะที่นั่งอยู่บนโซฟาเสียแล้ว โดยมีมือหนารั้งเอวเอาไว้ไม่ให้เธอขยับตัวไปไหน
“นี่นาย ปล่อยฉันนะ จะทำอะไรของนาย” หญิงสาวพยายามดิ้นออกจากตัวชายหนุ่มแต่ก็ไม่เป็นผล เหมือนยิ่งดิ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรัดเธอแน่นมากขึ้นเท่านั้น แถมตอนนี้ชุดเดรสของเธอที่เป็นเดรสกระโปรงก็ร่นขึ้นมาจนไม่สามารถปิดบังด้านล่างของเธอได้เลย มีเพียงแพนตี้ตัวจิ๋วที่มันช่วยปกปิดเอาไว้ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เธอทั้งโกรธทั้งอาย ถ้าเขาเปิดไฟในห้อง เธอคงอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีเลยล่ะ
“หยุดดิ้นได้แล้วพลอยใส” ชายหนุ่มพูดทุ่มด้วยน้าเสียงต่ำออกมา
“นายก็ปล่อยฉันลงสิ”
“พูดกันให้รู้เรื่องก่อนแล้วฉันจะปล่อยเธอไป”
“ไม่ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคนนิสัยเถื่อนๆ กับนาย”
“...”
“นายมันเอาแต่ใจ และเห็นแก่ตัว พรุ่งนี้เช้าฉันจะย้ายออกจากกที่นี่”
“ไม่มีทาง ถ้าฉันไม่ได้สั่งเธอไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“นายไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน เราเป็นแค่เพื่อนกัน”
“หึ เธอลืมไปแล้วเหรอว่าพ่อกับแม่ของเธอ ให้ฉันดูแลเธอ”
“ฉันโตแล้ว ไม่ต้องการมาให้ใครดูแล”
“อวดเก่ง”
“ใช่ ฉันอวดเก่ง และต่อไปนี้ห้ามยุ่งกับพี่ไรอันด้วย”
“ที่ฉันพูดก่อนหน้านี้ คือไม่ได้ฟังกันเลยใช่ไหม” เขาเค้นน้ำเสียงต่ำลงเมื่อหญิงสาวพูดถึงไรอันอีกครั้ง
ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาและต่อสายไปยังลูกน้องเขาทันที
“เซย์จิ มึงจัดการไอ้หมอนั่นซะ”
“กรี๊ดดด ไม่นะ อย่าทำอะไรพี่ไรอันนะ” หญิงสาวกรีดร้องออกมาทั้งน้ำตา และรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก เมื่อเธอเผลอขัดคำสั่งชายหนุ่ม ถึงเขาจะรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ แต่ทว่าความเป็นผู้นำ ความเก่ง เพอร์เฟค ทุกอย่างเธอนั้นสู้เขาไม่ได้เลย เมื่อเทียบกับเขา เธอเป็นเพียงแค่หญิงสาวธรรมดาทั่วไปเพียงเท่านั้น
“เธอ กำลังทำให้ฉันหงุดหงิด”
“ฮึก ฉันขอโทษ นายอย่าให้ลูกน้องนายไปทำร้ายพี่ไรอันเลยนะ” หญิงสาวร้องไห้ออกมาและยกมือไหว้ขอโทษเขา ในขณะที่เธอกำลังนั่งคร่อมอยู่บนตักแกร่ง
“อ้อนวอนฉันเพื่อมันอย่างนั้นเหรอ??”
“เรียวตะ พลอยใสขอโทษนะ ต่อไปนี้พลอยใสจะเป็นเด็กดี เชื่อฟังคำสั่งเรียวตะทุกอย่างเลย ปล่อยพี่ไรอันไปเถอะนะ” หญิงสาวพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบชายหนุ่ม เพื่อให้เขานั้นใจอ่อน
“ถ้าเธออยากให้มันรอด ก็อ้อนวอนฉันสิ”
“เรียวตะอยากให้พลอยใสทำอะไร” เธอถามออกมา เพราะเวลาโกรธเขามักจะมีข้อต่อรองเสมอๆ อย่างเช่นต้องไปดูหนังเป็นเพื่อนเขา หรือไปทานข้าวกับเขาที่ข้างนอก หรือไม่ก็ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเขา แต่ทว่าครั้งนี้มันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดหรือเตรียมใจไว้เลยแม้แต่น้อย
“จูบฉัน”
“ตะ แต่เราจูบกันไม่ได้”
“ทำไม ก็เธอรักฉันไม่ใช่เหรอ??”
“นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้เป็นเพื่อนกัน จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
“เธอไม่รักฉันแล้ว??” เรียวตะพูดทวนคำถามออกมา
“ชะ ใช่ฉันไม่ได้รักนายแล้ว หัวใจของฉันไม่มีไว้ให้นาย ตั้งแต่วันที่นายปฏิเสธฉันไปในวันนั้นแล้วล่ะ”
“หึ งั้นก็จูบกันโดยไม่ต้องรักกัน”
“ฉันทำไม่ได้”
“ทำไม??”
“ฉันจะจูบกับคนที่ฉันรักเท่านั้น”
“รักไอ้หมอนั้นอย่างนั้นเหรอ”
“ฉันรู้สึกดีกับเขา และฉันคิดว่าถ้าคบกับไรอันแล้วฉันมีความสุข”
“น้ำเน่า”
“หัวใจด้านชาอย่างนาย ไม่มีวันเข้าใจความรักหรอก ว่ามันสวยงามขนาดไหน”
“ฉันไม่แคร์ และตอนนี้ฉันสั่งให้เธอจูบฉัน”
“มะ ไม่ ฉันทำไม่ได้”
“ทำได้สิ ฉันสั่งเธอก็ต้องทำ ไม่งั้นไอ้หมอนั่นตาย”
“ระ เรียวตะ นายมันใจร้ายที่สุด ฮึก” เธอร้องไห้ออกมาอีกครั้ง และค่อยๆ ใช้มือเรียวทั้งสองของเธอยกขึ้นประคองใบหน้าของชายหนุ่มเอาไว้ หลังจากนั้นก็โน้มใบหน้าของเธออย่างกล้าๆ กลัวๆ เข้าไปหาเขา
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอนั้นคงจูบกับเขาอย่างง่ายดาย แต่ทว่าตั้งแต่ตอนนั้นที่เรียวตะปฏิเสธเธอ เธอก็ปฏิญาณตนเอาไว้ว่าจะไม่ชอบเรียวตะอีกต่อไป
แต่ทว่าตอนนี้เธอต้องทำตามคำสั่งของเขา เพื่อให้พี่ไรอันนั้นปลอดภัย เพราะมาเฟียอย่างเขานั้นพูดคำไหนคำนั้น
ริมฝีปากของเธอค่อยๆ โน้มประกบเข้ากับริมฝีปากของชายหนุ่มช้าๆ
เมื่อริมฝีปากชิดกันหญิงสาวก็ผละริมฝีปากออกทันที
จุ๊บ!!
“ฉันจูบนายแล้ว พอใจนายแล้วยัง”
“แบบนี้เขาไม่ได้เรียกว่าจูบ”
“ถ้าไม่เรียกว่าจูบเขาเรียกว่าอะไรล่ะ”
“จูบกันเขาทำแบบนี้” ชายหนุ่มพูดจบก็ดึงใบหน้าของหญิงสาวเข้ามาหาเขาทันที และประกบจูบเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนเธอนั้นไม่ทันได้ตั้งตัว
“อุบ อือออ”
หญิงสาวพยายามจะผละใบหน้าออกจากชายหนุ่มแต่ทว่าเธอไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย เขาจูบเธอและค่อยๆ ใช้ลิ้นแทรกเข้าไปในโพรงปากของเธอและสำรวจในโพรงปาก เนิ่นนานหลายนาทีจนเธอนั้นหายใจไม่ทัน จึงต้องเอามือทุบที่หน้าอกของเขา
ตุ่บ.. ตั่บ.. ตุ่บ.. ตั่บ..
“อึกก อือออ” เขาผละริมฝีปากออกจากเธอเพื่อให้เธอนั้นได้อากาศหายใจเข้าไปในปอด
และไม่นานเขาก็จู่โจมจูบเข้าไปที่ปากของเธออีกครั้ง
“อือ อือออออ อ่อย (ปล่อย) นะ อือออ”
“จุ๊บ อืออออ”
มือของเรียวตะ อีกข้างเริ่มเลื่อนสำรวจตามตัวของหญิงสาว และเลื่อนมาหยุดตรงหน้าอกและบีบคั้นไปที่หน้าอกของเธอเบาๆ และเริ่มลงน้ำหนักมือขึ้นเรื่อยๆ จนหญิงสาวเคลิ้มตาม และร้องเสียงครางออกมา
“อือออออ เอียวอะ (เรียวตะ)”
3 ปีผ่านไป…หลังจากคำมั่นสัญญาที่ชายหนุ่มให้ประกาศออกมา ตั้งแต่นั้นมา เขาก็ไม่เคยทำให้เธอเสียใจอีกเลย และยังมีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ วัน ตอนนี้มาร์คอฟได้ย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ของหญิงสาวแล้ว เหตุเพราะคุณพ่อของเธออายุค่อนข้างมาก เธอจึงอยากจะดูแลพ่อของเธอให้ดี และตอนนี้ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็เปรียบเสมือนเจ้าหญิงภายในบ้าน ทั้งพ่อ พี่ชาย สามีของเธอ พากันประคบประหงมเธอเป็นอย่างดี และตอนนี้เจ้าลูกชายคนโปรดของเธอที่มีอายุครบสองขวบก็เป็นที่รักของทุกคนภายในบ้าน รวมถึงเหล่าบอดี้การ์ดอีกด้วย“ม่ามี๊ครับ ลูคัสหิวนม ขอหม่ำหม่ำหน่อยครับ” เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาลูกคนแรกของเธอ พยายามปืนป่ายขึ้นมาบนตัวเธอในขณะที่เธอกำลังนอนหลับอยู่ในตอนเช้า“อืมม แต่หนูเพิ่งกินไปเองนะครับ” “หิว หิวอีก” เด็กน้อยลูคัส ใช้มือเปิดเสื้อโชว์หน้าอกของเธอก่อนที่กำลังจะอ้าปากก้มดูดน้ำนมจากเต้าของเธอ“หยุดเลย เจ้าตัวแสบ อันนี้คือของป่าปี๊” มาร์คอฟที่กำลังนอนกอดหญิงสาวก็ลุกขึ้นมาจับเจ้าตัวเล็กออกจากภรรยาของเขาของเขาทันที“ฮืออออ โผม จะ นมม่ามี๊” “ไม่ได้ อันนี้ของป่าปี๊ ป่าปี๊หวง ของตัวเองอยู่ในตู้เย็นไปให้ลุงครามหาให้กิน”“ไม่
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นยังโบสถ์ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาหญิงสาวสวมใส่ชุดเจ้าสาวลายลูกไม้แขนยาว กระโปรงบอลกาวน์ รวบผมประดับด้วยมงกุฏดอกไม้สีขาวอยู่บนศีรษะ ในมือถือดอกไม้สีขาวช่อพอดีมือ เดินควงแขนผู้เป็นพ่อเดินเข้าไปยังในโบสถ์ ท่ามกลางสายตาคนมาร่วมงามแสดงความยินดี เธอเดินเข้าไปอย่างช้าๆ และสง่าผ่าเผย ก็พบกับมาร์คอฟส่วมชุดทักซิโด้สีดำยืนรอเธออยู่ด้านในวันนี้ชายหนุ่มหล่อเป็นพิเศษ หลังจากวันนั้นเขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยได้รับความช่วยเหลือจากคุณวินัยและคราม พาเขามายืนหยัดและมีสง่าขึ้นอีกครั้งภายในเวลาอันสั้นเพียงหนึ่งเดือน ชายหนุ่มได้แต่ขอบคุณและซาบซึ้งในน้ำใจของครอบครับหญิงสาวที่มีต่อเขา และตอนนี้เขาก็มีความสุขมากๆ เขาจะไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว ธุรกิจต่างๆ กลับมาฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว และมีหญิงสาวที่เขารักคอยให้กำลังใจอยู่ไม่ห่างชายหนุ่มยืนมองดูหญิงสาวด้วยความหลงใหล่ วันนี้เธอสวยมากๆ จนเขาไม่อยากจะละสายตาจากเธอเลย เขาอยากจะขอบคุณพระเจ้า ในที่สุดในวันนี้เขากำลังจะมีเธอเคียงข้างกายพร้อมกับเจ้าก้อนเล็กๆ ที่อยู่ในท้องของเธอคุณวินัยพาหญิงสาวเข้ามาส่งชายหน
เมื่อหญิงสาวจากไป เขาก็นั่งอยู่ภายในห้องเงียบๆ คนเดียว เขานั่งต่อบุหรี่ในห้องมวนแล้วมวนเล่า เพื่อหวังว่าจะลดความเครียดได้ แต่ทว่ามันก็ไม่ได้ผล เขารู้สึกแย่เอามากๆ ณ ตอนนี้เขาแทบไม่เหลืออะไรเลย และยังไม่มีกำลังใจที่จะทำมันด้วย ไม่รู้จะเริ่มต้นใหม่ไปเพื่ออะไร การแต่งงานของทั้งสองตระกูลระหว่างเขากับอันนา มีการสัญญาระหว่างผู้ใหญ่ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเขาก็รับรู้ตั้งแต่เด็ก เขาก็เลี่ยงและปฏิเสธมาตลอด และเมื่อถึงเวลาเขาพยายามที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะไม่ต้องแต่งงานกับอันนา เพราะเขาไม่ได้รักหล่อน การที่จะต้องแต่งงานกับหล่อนเขาก็เหมือนคนไร้ชีวิตและไม่มีความสุข เขามีความสุขและรักเพียงน้ำแข็งเท่านั้น ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าหลังจากเสียทรัพย์สินต่างๆ ในการยกเลิกการแต่งงานทั้งสองตระกูลจะกลับไปเมืองไทยและทำธุรกิจเล็กๆ ดูแลน้ำแข็ง แต่ทว่าตอนนี้เธอนั้นอยู่ไกลเกินเอื้อมเสียเหลือเกิน เขาไม่เหมาะที่จะเป็นผู้ชายของเธอเลย ทรัพย์สินของเขาในตอนนี้กำลังโอนให้กับตระกูลของอันนาห้าสิบเปอร์เซ็นต์และหุ้นส่วนใหญ่ๆ ของเขาก็ต่างพากันถอนหุ้นออกจากบริษัทไปกัน เหตุผลเพราะว่าเขาไม่ยอมแต่งงานสร้างสัมพันธ์ทางธุรกิจกับตระกูลของ
แกร๊ก !!แอ๊ดดดด!!“กูบอกให้พวกมึงออกไปให้พ้นหน้ากู” หญิงสาวเปิดประตูห้องที่คุ้นเคยเข้าไป ก็ได้ยินเสียงตะโกนออกมาจากห้องน้ำ เมื่อเธอเดินเข้าไปก็ตกใจ เพราะภาพตรงหน้าคือชายหนุ่มกอดชักโครก ทรุดตัวลงอย่างหมดแรงและใบหน้าอิดโรย ร่างกายซูบผอม ใบหน้าของเขาที่ดูดีและเคยเกลี้ยงเกลา บัดนี้มีนวดเครารกรุงรัง บ่งบอกว่าเขานั้นไม่ได้ดูแลตัวเองเลยแม้แต่น้อยเธอยืนมองดูเขาอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร เมื่อชายหนุ่มรู้สึกว่ามีคนเข้ามาในห้องก็หันหน้ากลับมาต่อว่าอีกครั้ง“กูบอกให้พวกมึงออกไป อยากตายหรือไง...น้ำแข็ง” เขาหันมาก็พบว่าหญิงสาวยืนอยู่ต่อหน้าเขา ทำให้สิ่งที่กำลังด่าลูกน้องของตัวเอง ต้องกลืนคำลงไป ก่อนจะพูดชื่อของเธอออกมาอย่างแผ่วเบา“เธอมาที่นี่ทำไม” เขาถามพร้อมกับพยุงตัวเองออกมาจากโถ้ชักโครก แต่เขาก็ล้มเซไปจนหญิงสาวรีบเขาไปประคองร่างเอาไว้“คุณมาร์คอฟ ระวังค่ะ” “ปล่อยฉัน ฉันเดินเองได้ ““อย่าดื้อสิคะ ไปนั่งพักก่อนนะคะ” เธอพูดพร้อมพยุงเข้าไปนั่งลงบนเตียงนอน ซึ่งเขาก็พยายามขัดขืน แต่เมื่อเธอมองด้วยสายตาเขม็งเขาก็ทำตามอย่างว่าง่าย“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะคะ ทำไมไม่ดูแลตัวเองเลย” เธอพูดออกมา“ทำไม ฉันมัน
ณ โรงพยาบาลหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ ก็พบว่าตัวเองอยู่ภายในโรงพยาบาล มองดูรอบๆ ก็พบว่าพ่อและพี่ชายของเธอ รวมไปถึงเพื่อนสนิทของเธอนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง“คุณพ่อ พี่คราม พราว” “ตื่นแล้วเหรอน้ำแข็ง” พราวที่กำลังนั่งกดโทรศัพท์อยู่ก็เงยหน้าและรีบลุกขึ้นมาจากโซฟาเดินตรงเข้ามาหาเธอทันที รวมถึงพ่อและพี่ชายของเธอด้วย“แกเป็นยังไงบ้าง” “ฉันโอเคแล้ว”“แกไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว ฉันตกใจหมด” พราวยิ้มออกมาเศร้าๆ หลังจากนั้นทุกคนก็เข้าสู่ในความเงียบอีกครั้ง โดยใบหน้าของพ่อเธอและพี่ชายของเธอราวกับมีบางสิ่งที่กำลังเป็นกังวลอยู่ภายในใจ“คุณพ่อกับพี่คราม มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ” น้ำแข็งถามออกมาด้วยความสงสัย“น้ำแข็ง หนูรักเขามากไหมลูก” คุณวินัยถามเธอออกมาในขณะที่ทุกคนตกอยู่ใยความเงียบเมื่อเธอนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้ก่อนจะเป็นลมล้มลงไป ก็นึกขึ้นได้ว่ามาร์คอฟนั้นกำลังทุกข์ใจและตกอยู่ที่นั่งลำบาก เธอร้องไห้ฟูมฟายเพื่อขอให้พ่อแลละพี่ชายของเธอช่วยเหลือเขา เพราะเธอไม่อยากเห็นเขาตกอยู่ในสภาพแบบนี้“รักสิคะ หนูรักเขามากๆ เขาเป็นเหมือนแสงสว่างในความมืดมิดของหนู ในช่วงเวลาที่หนูไม่เหลือใคร เขาดู
สองเดือนผ่านไป...หลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนั้นมาร์คอฟก็หายไปจากชีวิตเธอเลย ไม่แม้แต่ส่งข้อความมา หรือโทรเหมือนครั้งก่อน[กลับมาเถอะน้ำแข็ง][วันนี้ฉันตกใจมากเลยรู้ไหม ที่เธอเป็นลูกสาวของคุณวินัย เธอแต่งตัวแบบนั้นทำไม ฉันบอกแล้วว่าเธอไม่ควรใส่ชุดอะไรแบบนั้น…เธอสวยเกินไป][เธอจะทิ้งฉันไปจริงๆ ใช่ไหม] [ทำไมเธอใจแข็งจัง][วันนี้ฉันนอนที่ห้องเธอด้วยล่ะ คิดถึงตัวนุ่มๆ ของเธอ][ฉันคิดถึงเธอแทบจะขาดใจแล้ว] [ได้โปรดกลัยมาอยู่กับฉันนะ พนิดา ใจฉันจะขาดแล้ว]“ฮึก” หญิงสาวนั่งมองดูข้อความในมือถือที่ชายหนุ่มส่งข้อความมาหาเธอ เธอไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่นั่งอ่านมันไปเรื่อยๆ อยู่อย่างนั้น น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาด้วยความคิดถึงครั้งนี้เธอไม่คิดว่าเขาจะห่างหายไปจากชีวิตของเธอจริงๆ เขาเงียบหายไปเลย เธอนั่งรถผ่านคฤหาสน์ของเขาก็เงียบสงัดไม่มีคนอยู่ ‘เขาคงกลับอยู่กับภรรยาของเขาที่เมืองมอสโคแล้วสินะ’“ขอบคุณความทรงจำดีดีที่คุณเคยมีให้น้ำแข็งนะคะ ถ้าวันนั้นคุณไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยปานนี้น้ำแข็งก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร แต่คุณใจร้ายกับน้ำแข็งมากไปเหลือเกิน มีว่าที่ภรรยาอยู่แล้วไม่ยอมบอกเธอเลยสักคำ ให้เธอตกหลุมรักจนหัว