คำโปรอย‘สัญญาถ้ารักษาไม่ได้ก็อย่าหาทำ เพราะผมจำและ จะเอาคืนทุกเม็ด’ รักแรกพบในวัยที่ไม่เหมาะสมที่ทำให้นางเอกต้องใช้คำหวานปฏิเสธความต้องการของอีกฝ่าย ตามมาด้วยสัญญารักที่เธอเองไม่อาจจะรักษามันได้ ส่วนเขาคือราชสีห์ที่โดนกระต่ายน้อยขนฟูหลอกให้รัก หัวใจของเขาบอบช้ำแค่ไหนไม่มีใครรู้…จนกระทั่งโลกใบเล็กใบนี้เหวี่ยงพวกเขาให้มาเจอกันอีกครั้ง เรื่องวุ่น ๆ ออกแนววีน ๆ จึงเกิดขึ้น นิยายขายขำของพระเอกปากจัดคลั่งรัก คิดเองเออเองเก่ง ส่วนนางเอกของเราเก่งทุกอย่าง ถ้าจะแพ้ก็แพ้ทางให้กับคนคลั่งรักคนเดียว
Voir plusเปิดเรื่อง
“ไม่ทราบว่าข้าวปุ้นผิดอะไรทำงานไม่ดีตรงไหนคะ” เสียงเอ่ยถามเบาที่เดาว่าเขาได้ยิน แต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจมากกว่า ริมฝีปากกระจับเบะออกอยากร้องไห้ แต่จำต้องกล้ำกลืนเอาไว้เพราะไม่อยากให้เขาเห็นความอ่อนแอก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตาเก็บกระดาษที่กระจายอยู่ทั่วพื้นพรม แสบร้อนมือแค่ไหนก็ไม่อาจเทียบได้กับหัวใจที่ปวดร้าว ผู้เป็นใหญ่ในห้องไม่รู้เหมือนกันว่าเธอผิดอะไร ส่วนแฟ้มงานกองโตเท่าภูเขาเขาก็ไม่ได้ต้องการมันเลย ต้นกล้าลุกจากเก้าอี้ จับข้อมือเล็กกระชากอย่างแรงจนเรือนร่างเล็กที่นั่งเก็บของอยู่ด้านล่างถลาเข้ามาในอ้อมกอดตามที่เจ้าตัวตั้งใจ “คนอย่างเธอคงไม่รู้ความผิดของตัวเองสินะ ผมจะบอกให้ว่าคุณผิดตรงไหน” พูดเสร็จเขาก็ก้มใบหน้าลงหวังจูบระบายแค้น หรือไม่ก็ระบายความคิดถึงซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจ การจู่โจมอย่างรวดเร็วทำให้อีกฝ่ายตกใจ จึงต่อสู้ตามสัญชาตญาณ “โอ๊ย!” ต้นกล้าแผดร้องเมื่อกรงเล็บของเลขานุการข่วนเข้าที่คอ โชคดีที่หลบทันไม่อย่างนั้นใบหน้าหล่อเหลาของเขาคงเป็นรอย สีแดงบนคอของเจ้านายทำให้คนที่พยายามป้องกันตัวตกใจพอสมควร “เดี๋ยวนี้ร้ายถึงขนาดทำร้ายพี่แล้วเหรอ” แววตาสีถ่านดูดุ ก็ไม่ได้ทำให้เธอกลัวเท่ากับการถูกเขาระดมจูบไปทั่วอย่างป่าเถื่อน ด้วยเหตุนี้เธอจึงดิ้นสุดกำลังพร้อมกับส่งเสียงร้อง “หยุด! ฉันบอกให้หยุด! อื้อ…” ทว่าก็ไม่เป็นผลเมื่อปากหยักได้รูปของอีกฝ่ายรีบปิดกล่องเสียงและบดจูบริมฝีปากเธออย่างเลือดเย็น การถูกปฏิเสธไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่าเธอมีค่าเลยสักนิด ก็แค่มายาของนังผู้หญิงแพศยาคนหนึ่ง ยิ่งคิดต้นกล้าก็ยิ่งทวีความรุนแรงตอบสนองเธอ เอาให้สาสมกับความแค้นที่อัดแน่นในอก ความเจ็บปวดนี้กระตุ้นบ่อน้ำตาของผู้ที่อ่อนแอกว่าให้ไหลซึม พอสบโอกาสข้าวปุ้นก็ฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าคมคายหวังเรียกสติ เพียะ! สันกรามคมสะบัดไปตามแรงตบ แสบร้อนจนต้องระบายอารมณ์โกรธด้วยการจับเรือนร่างเบาบางทุ่มลงบนโซฟา “โอ๊ย เจ็บ” 1 เดอะแก๊งแห่งโชคอนันต์ สามปีก่อน ณ ตึกสีขาวขนาดห้าชั้นที่อุตส่าห์ท้าลม บ่มแดดสู้กับฝนยาวนานเกือบยี่สิบปี เพราะมีการซ่อมบำรุงอยู่เป็นประจำกาลเวลาอันยาวนานนี้จึงไม่อาจทำลายคุณภาพของตึกได้ โชคอนันต์ คือบริษัทแปรรูปผลไม้ทุกชนิด ที่ตั้งโอ่อ่าอยู่บนพื้นที่สิบไร่ในตำบลแห่งหนึ่งทางภาคเหนือตอนใต้ แรกเริ่มคือการแปรรูปผลไม้ในสวนกินกันเองในครอบครัว พอผลไม้มีจำนวนมากก็เริ่มจัดกระเซ้าเป็นของฝากให้กับเพื่อนฝูงตามเทศกาลต่าง ๆ ไม่เว้นแม้แต่ผู้คนที่แวะมาเยี่ยมเยือน เมื่อได้รับคำชมมากกว่าคำติเตียน จากผลไม้แปรรูปก้นครัวก็ได้กลายเป็นโรงงานขนาดย่อม จวบจนทุกวันนี้เติบใหญ่มีพนักงานมากมายมากกว่าห้าร้อยคน ขณะนี้เป็นยุคของการแข่งขันโชคอนันต์จึงอยากท้าทายตัวเองด้วยการขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แม้จะเติบใหญ่แค่ไหนเจ้าของธุรกิจก็ยังคงปกครองลูกน้องเสมือนคนในครอบครัว สถานที่แห่งนี้จึงอบอวลไปด้วยความสุขและรอยยิ้มของพนักงาน บ่ายวันศุกร์ในแผนกการตลาดปกติจะเป็นวันรีบเร่งของทุกคน เพราะต้องการทำงานให้เสร็จก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ ทว่าวันนี้กลับคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีงานเลี้ยงส่ง นาย วสุ เดชไพศาล คนหนุ่มไฟแรงมีผลงานโดดเด่นจนผู้บริหารเลือกให้ไปศึกษางานในประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลาหนึ่งปี หน้ากระจกบานใหญ่ภายในห้องน้ำหญิงชั้นเดียวกันกับแผนกการตลาด สี่สาวยืนเรียงหน้ากระดาน ต่างคนต่างจับจ้องใบหน้าของตนในกระจก เขมิกา วรรักษ์ หรือข้าวปุ้น เลขานุการมือฉมัง สวย อึด ถึก ทน ทำได้ทุกอย่างทุกสถานการณ์ มีตำนานเล่าว่าตอนมารดาของเธอตั้งท้อง อาหารที่โปรดปรานที่สุดคือขนมจีนน้ำยา พอท่านคลอดเธอออกมาเลยตั้งชื่อให้ว่า ‘ข้าวปุ้น’ เป็นภาษาอีสานใช้เรียกเส้นขนมจีน เธอชอบชื่อนี้มากเพราะคิดว่ามันน่ารักดี เธอชอบให้คนเรียกชื่อเล่นของเธอมากกว่าชื่อจริง เพราะรู้สึกถึงความใกล้ชิดและเป็นกันเองดี และทุกครั้งที่ได้ยินก็จะทำให้เธอระลึกถึงมารดา ซ้ายมือของเธอคือส้ม เป็นคนพูดจาสุภาพ มีนิสัยขี้อายและขี้เกรงใจ ส้มทำหน้าที่วิเคราะห์การตลาดสี่ภาค แม้เธอจะเป็นคนคิดและทำอะไรช้าเพราะต้องการความชัวร์ แต่ส้มก็ไม่ได้เป็นคนอืดอาดจนน่ารำคาญ แถมส้มยังมีจุดเด่นที่คนในกลุ่มต้องยอมแพ้นั่นคือความจำดีเป็นเลิศ ถัดจากส้มไปคือแตงกวา เป็นคนดูแลการตลาดออนไลน์ทั้งหมด แม้แตงกวาจะเป็นคนพูดจาโผงผางคล้ายนักเลงคุมบ่อน ใจใหญ่ใจโตไม่ยอมคน แต่เธอก็เป็นคนที่รักเพื่อนพ้องและความยุติธรรมมากที่สุด รั้งท้ายสุดคืออรุณ อยู่แผนกบัญชี นอกจากอรุณจะเก่งเรื่องตัวเลขแล้วยังกินทุกอย่างที่จัดอยู่ในหมวดหมู่ของอาหาร นั่นจึงทำให้เธอมีรูปร่างอวบกว่าเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ส้ม แตงกวา และอรุณเป็นคนท้องถิ่น จึงมีผิวขาว หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราตามลักษณะของคนทางภาคเหนือ ทั้งสามคนเรียนหนังสือมาด้วยกันแต่เด็ก พอพวกเธอเรียนจบก็ได้งานทำที่โชคอนันต์ รวมคร่าว ๆ แล้วก็น่าจะห้าปี ข้าวปุ้นจัดว่าเป็นสมาชิกใหม่ในกลุ่ม แม้จะรู้จักกันแค่ปีเศษ ๆ แต่ก็สนิทสนมกับทั้งสามคนไม่ต่างจากเพื่อนซี้ คงเป็นเพราะวัยที่ไล่เลี่ยกัน นั่นก็คือยี่สิบสามปี สถานะโสดสนิท ส่วนความจริงใจ ห่วงใย และหวังดี เธอคิดว่าไม่ว่าความสัมพันธ์จะอยู่ในรูปแบบไหนก็ควรมีให้แก่กัน จำได้ว่าตอนที่เธอเริ่มงานเป็นผู้ช่วยในวันแรก หมายถึงช่วยงานทุก ๆ คนในแผนก ก็อาศัยแค่ความมุ่งมั่น ขยัน หมั่นเรียนรู้ งานเล็กงานใหญ่ใครสั่งมาหากเธอทำไม่ได้ก็ไม่เคยพูดปฏิเสธ มีแต่จะพยายามศึกษาและทำให้สำเร็จ ตรงจุดนี้แหละที่เธอคิดว่าได้ใจของทั้งสามสาว วันหนึ่งตำแหน่งเลขานุการการตลาดว่าง ถ้าว่ากันตามจริงโชคอนันต์ต้องการคนที่จบปริญญาตรี มีประสบการณ์ในการทำงานอย่างน้อยหนึ่งปี ส่วนเธอจบแค่ ปวส. ประสบการณ์ศูนย์ โชคดีที่เธอสะสมความดีเอาไว้ บวกกับสามสาวช่วยพูดสาธยายความขยันของเธอให้นายฟัง สุดท้ายเธอก็ได้ครอบครองเก้าอี้เลขานุการที่คิดว่ามันอยู่ไกลเกินเอื้อม โครกคราก! เสียงดังสนั่นจากท้องของคนที่กระเพาะ ใหญ่ที่สุด “โอ๊ย นังข้าวปุ้น สวยอยู่แล้วจะวาดคิ้ววาดปากอะไรนักหนา” เสียงถามจากอรุณทำให้คนที่มีเวลาน้อยไม่ยอมตอบ ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาวาดขอบปากของตนให้เสร็จ แตงกวาเลยพูดแซะขณะจัดแต่งทรงผม “หิวละสิ คิดจะเร่งกรุณาดูสภาพเพื่อนของแกหน่อยนะนังอรุณ หัวฟูมากค่ะ ไม่ทราบว่าคุณเลขาฯ ทำงานหรือโดน จิ๊กโก๋ลากเข้าหลืบกันแน่ สารภาพมาสิ” คนถูกถามเม้มริมฝีปากไปมา แกล้งโอ้เอ้ให้คนรำคาญใจเล่นด้วยการใช้นิ้วเกลี่ยเนื้อครีมสีชมพูปนสีพีชบนกลีบปากของตน เมื่อเห็นว่าเนียนจนทั่วแล้วจึงเริ่มพูด “ถ้าโดนลากจริง ๆ ก็ดีอะสิ ถึงฟูก็ฟูแบบได้ท่องแดนเนรมิต ใครบ้างจะไม่ชอบ จริงป้ะ” “ค่า…ปากดีไปเถอะแม่เลขาฯ คนสวย ว่าแต่หัวฟูเนี่ยฟูด้วยเรื่องอะไรยะ อย่าบอกนะว่าไปแอบท่องแดนเนรมิตกับ คุณวสุ” แตงกวาลากเสียงยาวปรายหางตามองเพื่อนเล็กน้อย“ไอ้คนฉวยโอกาส” เสียงจากริมฝีปากกระจับที่ทำให้คนฟังหน้าชา พาลนึกถึงข้อความของเธอ ‘ฉันเกลียดนาย’ ทว่าเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะแก้ไขได้ ทุกอย่างถูกกำหนดตั้งแต่ท่านเรียกตัวเขาเข้าไปพบแล้ว“ผู้กองข้าวโอ๊ตต้องทำอะไรสักอย่างนะผมว่า ในข่าวเบลอหน้าให้ก็จริง แต่เบอร์ห้องกับแฟลตตำรวจชัดเจนแบบนี้ฝ่ายหญิงเขาเสียหาย ผมไม่อยากเสียเพื่อน ไม่ต้องการให้วงการสีกากีที่ประชาชนเคารพดูแย่ไปกว่านี้”ตอนนั้นเขานิ่งเงียบ หากปฏิเสธออกไปก็ดูจะไม่เป็นลูกผู้ชาย เพราะหลักฐานในโลกโซเชียลมัดแน่นว่าเขากับเธอจูบกัน พากันเข้าบ้านตอนดึกและออกจากบ้านเกือบเที่ยง โดยที่เขาเองแทบไม่รู้เลยว่าทุกฝีก้าวอยู่ในสายตาของนักข่าว“ครับผมจะแต่งงานกับเธอเอง”“ดีมากไอ้โอ๊ต กล้าทำกล้ารับแบบนี้สิวะถึงเป็นลูกผู้ชาย เยี่ยม ๆ เดี๋ยวกูขอโทรบอกไอ้ศักดิ์ก่อน”สรรพนามที่ท่านเรียกเพื่อนสนิทต่อหน้าบอกเป็นนัย ๆ ว่านี้คือทางรอดเดียวสำหรับตำรวจไร้เส้นสายอย่างเขา ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าเขากำลังต้องมนตร์ของเธออยู่ หรือแค่รักในอาชีพ จนยอมเสียศักดิ์ศรีของตัวเอง…คำต่อว่าของบุตรสาวทำให้ช่อทิพย์หน้าเจื่อน สมศักดิ์ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ตามใจจนลูกกลาย
“อ่า…พี่ต้นกล้า”ข้าวปุ้นมองสามีโยกเอวพลิ้ว แท่งร้อนจากที่ขยับเนิบ ๆ นาบ ๆ ก็ดุดันขึ้นจนเกิดเสียงหยาบโลนไม่น่าฟัง เธอชอบความฟิตของเขา ยิ่งเวลาพี่ต้นกล้าออกแรงยิ่งเห็นกล้ามเนื้อของเขาขึ้นมัดสวยงาม ใบหน้าคมเข้มก็ดูเซ็กซี่ยั่วยวนอารมณ์มากดีหน่อยที่เขาสร้างความมั่นคงและมั่นใจให้ ไม่เช่นนั้นเธอคงหึงเจ้าของเอวดุ สะโพกหวาน และมีแท่งร้อนสุดแสนจะอร่อยคนนี้จนไม่ได้หลับได้นอนเป็นแน่“อืม…เมียจ๋า…” ต้นกล้าเพิ่มความเร็วสะโพกสอบ ใช้มือดันขาเรียวไปข้างหน้า แล้วจ้องโพรงแสนรักกลืนกินความแข็งแกร่งของเขาอย่างพอใจ“อือ อย่ามองค่ะ ปุ้นอาย” ก็นี่มันกลางวันแสก ๆ ถึงเขาไม่อายแต่เธออายนี่ ฝันไปเถอะว่าเขาจะฟัง“อ๊าย… อื่อ…” เสียงหวีดร้องระบายอาการเสียดเสียวเมื่อโดนอีกฝ่ายกระทุ้ง แถมเขายังทรมานเธอเพิ่มด้วยการบดขยี้บนตุ่มทับทิบ ที่ทำเธอปั่นป่วนจนต้องดิ้นเร่า ความสุขที่อัดแน่นในกายเธอนี้ใกล้จะระเบิดเต็มทีคนตัวโตเร่งจังหวะอย่างรู้ใจ ยิ่งโพรงแคบรัดตอดตัวตนของเขามากเท่าไรเขายิ่งทวีคูณความเผ็ดร้อน ตอกแท่งร้ายใส่โพรงแคบอย่างใจต้องการไม่นานนักคุณพ่อนักรักกับคุณแม่เสียงพิณต่างก็ประสานมือพากันท่องทุ่งดอกลาเวนเดอร์ สอง
ตอนพิเศษ หนึ่งเดือนผ่านไปเช้าวันใหม่สำหรับคนไม่มีงานทำก็เป็นธรรมดาที่ไม่จำเป็นต้องรีบเร่ง เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นขยับตัวหลายครั้งพยายามที่จะตื่น ทว่าร่างกายกลับหนักอึ้ง เพราะตั้งแต่เป็นคุณแม่ป้ายแดงนอกจากจะนอนเก่งแล้ว ครอบครัวธนโภคินยังสปอยล์เธอด้วยอาหารชั้นดี จนทำให้ร่างกายที่ซูบผอมเริ่มมีน้ำมีนวลขึ้นมาบ้างแล้วข้าวปุ้นหลับตาพริ้ม อดพรายยิ้มไม่ได้เมื่อแก้มนุ่มสัมผัสกับเพชรเม็ดงาม ที่พาลให้เธอนึกไปถึงคนให้ที่คุยอวดอยู่หลายวันว่าเป็นเพชรน้ำดีที่สุดจากจังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น‘พี่อยากให้ปุ้นรู้สึกมั่นคงห้ามทิ้งพี่นะ’ คิดถึงตรงนี้หัวใจของเธอก็พองโตกับเงินในบัญชีธนาคาร ที่ตัวเธอเองคิดว่าชาตินี้ไม่น่าจะมีปัญญาหาได้ จึงทำเรื่องเอาสมบัติของแม่ออกมาจากธนาคาร ต่อมาก็ซื้อลิปสติกฝากเดอะแก๊งตามที่เคยให้คำมั่นสัญญากันไว้โครกคราก! กลิ่นหอมของอาหารที่ลอยมาตามลมทำให้คนท้องต้องขยับลุก เพราะเจ้าตัวเล็กของเธอกินอาหารตรงเวลา“คุณพ่อทำอะไรให้ทานค่ะวันนี้” เสียงทักใสของคนที่ยื่นอยู่ด้านข้างทำให้พ่อครัวประจำบ้านโน้มหน้าไปหอมแก้มนุ่ม“ใกล้เสร็จแล้วครับผม” ต้นกล้าวางอุปกรณ์ครัวลงบนเคาน์เตอร์ รีบโอบลำตัวข
“เป็นอะไรคะ บอกพี่หน่อยได้ไหม หึ” คนถามพูดยังไม่จบประโยคอีกฝ่ายก็ถลาตัวเข้ามากอด ข้าวปุ้นเงยหน้าขึ้นปลดปล่อยความรู้สึกผิดให้ไหลพรากไปกับน้ำตา เอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเทาปนสะอื้น “พี่ต้นกล้าโกรธปุ้นไหม”ต้นกล้าโอบภรรยาสาวให้นั่งลงบนเก้าอี้เด็ก ส่วนเขานั่งชันเข่าจับคางเล็กเบา ๆ ขยับไปมาอย่างเอ็นดู“พี่จะโกรธปุ้นเรื่องอะไร ไหนบอกพี่สิ”“ก็พี่ต้นกล้าทำงานอย่างหนักแต่ปุ้นคิดว่าพี่ต้นกล้ากับมัดหมี่ อื่อ…อื่อ…วันนั้น วันที่แม่ของนายช่างป่วยปุ้นโทรหาพี่ แต่เป็นมัดหมี่รับสายบอกว่าพี่ต้นกล้านอนอยู่ข้าง ๆ ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น แล้วมัดหมี่อะใส่แต่เสื้อกล้าม อื่อ…อื่อ…ตอนปลุกยังเอานมถูแขนโชว์ปุ้นด้วย เดี๋ยว ดูนี่สิ โพสต์แบบนี้ด้วย ปุ้นเลยคิดว่าพี่ต้นกล้าไม่รักปุ้นแล้ว” ปากกระจับบิดเบี้ยวพูดฟ้องไม่ต่างจากเด็กสามขวบ คว้ามือถือโชว์โพสต์มหาภัย ร้องไห้สะอึกสะอื้นปาดน้ำตาระรัวขณะส่ายนมเลียนแบบท่าทางของอีกคนพูดถึงตรงนี้ความน้อยเนื้อต่ำใจของเธอก็ปะทุขึ้นอีกจนต้องสะอึกสะอื้นหนักยิ่งกว่าเก่า สิ่งนี้ทำให้คนฟังเข้าใจทุกอย่าง ต้นกล้าปลอบใจอีกฝ่ายด้วยการจูบซับน้ำตาทุกหยดบนใบหน้าอ่อนเยาว์ ชูสามนิ้วสบตาพูดอย่างจริงจัง
32 ทาสรักเมื่อความเงียบมาเยือนบวกกับความเย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศในรถตู้ ดวงตาของคนท้องจากที่ปรือก็หลับไปในที่สุดช่อผกาสั่งให้รถจอดอีกครั้งเพื่อที่จะได้เปลี่ยนที่นั่งกับบุตรชาย ต้นกล้าทะนุถนอมโอบเรือนร่างเล็กที่หลับสนิทให้นอนทับลงบนตัวอยู่ในท่าสบาย ปลายจมูกโด่งพรมหอมผมนุ่มสลวยของเมียรักตลอดเวลา เมื่อความหนาวมาเยือนเรือนร่างบอบบางก็เบียดลำตัวเข้าไปในวงแขนอบอุ่น ลากยาวจนกระทั่งถึงจุดหมาย“ถึงบ้านเราแล้วเดินไหวไหมคะ” เสียงกระซิบจากริมฝีปากอุ่น มอบจูบบางเบาบนหัวกระหม่อมขณะลูบไล้อ่อนโยนบนผิวละเอียด ปลุกคนหลับใหลให้ตื่นหญิงสาวผู้แง่งอนเมื่อรู้สึกตัวก็ดันตัวเองออกจากร่างกำยำ ทว่าก็ไม่ได้เป็นอย่างคิดเพราะถูกเขากอดแน่น จึงเงยหน้าทำตาดุใส่ อยากกัดปลายจมูกโด่งบนใบหน้าคมคายสักที อยากถามเรื่องคาใจในตอนนี้แต่ก็เกรงใจผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ด้านหลังและแล้วนัยน์ตาดำขลับที่จ้องดุก็อ่อนลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ใช่แค่พูดอ่อนโยนอย่างเดียว ทว่าแววตาของเขาก็อ่อนโยนเช่นกัน“ให้พี่อุ้มไหม”“ไม่ต้อง! ปล่อย!” เสียงดุเบาในลำคอ“อืม…เมียใครวะดุจัง” กระซิบพร้อมกับขโมยความหอมบนแก้มนุ่ม คนที่ยกมือจะทุบก็ลดกำปั้นลงส่
“พูดให้ผมฟังหน่อยว่าไปทำลายชีวิตของใครเข้าอีก”ข้าวเม่าเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แปลกใจพอสมควรที่หัวใจของเธอกำลังสั่นไปกับสายตาดุที่จ้องมองอย่างไม่ลดละ แน่นอนว่าสิ่งที่เธอทำไม่ว่าจะเป็นพี่ต้นกล้าหรือแม้แต่ป้าของเธอก็ต้องโกรธ แต่เขาอาจจะไม่ คิดได้ดังนั้นมือเรียวก็รีบคว้ากระเป๋าสะพายข้างใบขนาดเล็ก หยิบมือถือขึ้นมาเปิดรูปที่ทำให้คนมองหยุดหายใจไปชั่วขณะ เมื่อเห็นแตงกวาจูบกับชายอื่น“ฉันกลับไปเอารถแล้วถ่ายไว้”“แล้วยังไง”“ฉันปิดหน้าผู้หญิงแล้วส่งไปให้พี่ต้นกล้าน่ะ เขาคงคิดว่าเป็นน้องนายอะสิ”“ไม่คงล่ะครับ คิดแน่นอน ไม่รู้ว่าคุณตีบทนางเอกแตกได้ไงทั้งที่ทำตัวเหมือนพวกนางร้ายขี้อิจฉา”“นี่! ลากฉันมาเนี่ยจะช่วยหรือจะซ้ำเติมไม่ทราบ”“ผมเชื่อว่าคุณคงไม่ได้ตั้งใจ คุณก็แค่อยากให้เขาเจ็บเหมือนที่คุณเจ็บ ก็แค่นั้น” คำปลอบโยนแสนจะธรรมดาที่ทำให้คนฟังรู้สึกซึ้งใจ ด้วยว่าการทำงานในวงการบันเทิงหลายปีมานี้รายล้อมไปด้วยผู้คนที่หวังแต่ผลประโยชน์ หล่อหลอมให้เธอเป็นคนที่ไม่เชื่อใจใครง่าย ๆ และก็ไม่บ่อยนักที่จะมีคนเข้าใจและรับฟังเธอ“นายเชื่อฉันจริง ๆ นะ” เสียงบอกแผ่วเบาที่ทำให้หัวใจของคนฟังเต้นแรง…หลังจากที่ทั้ง
Commentaires