ทั้งคู่ยืนยิ้มให้กันอยู่หน้าคณะแพทย์ ที่เริ่มเปิดไฟเพราะค่ำแล้ว หมอติณณ์ยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา เขาคิดว่าควรจะเริ่มต้นอะไรดี ๆ ในเมื่อเริ่มคบกันอย่างเป็นทางการแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นไปหาข้าวเย็นกินกันก่อนดีกว่าไหม ยี่หวาชอบกินอะไร”
“อย่าถามตอนนี้สิคะ คิดว่าหวาจะกินข้าวลงเหรอ พี่ก็พูดแปลก ๆ”
“ขนาดนั้นเลย งั้นพี่เลือกก็แล้วกัน ไปกันเถอะ พี่จอดรถอยู่ทางโน้น เดินไปหน่อย”
“ค่ะ”
ยี่หวาดีใจจนไม่อยากกินอะไรเลย สุดท้ายเขาก็เลือกพาเธอไปร้านอาหารใกล้ ๆ มหาลัย แต่ที่นั่นเงียบและเป็นกันเอง ร้านเล็ก ๆ ที่หวากับเพื่อน ๆ คงไม่คิดจะมา เพราะทุกคนนั่งกินแบบผู้ดีมาก ไม่คุยกันเสียงดัง แต่พวกเธอที่ชอบไปแต่ร้านเหล้า และร้านส้มตำข้างทาง ร้านนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่กับพวกเรียนวิศวะอย่างเธอ
“อร่อยไหม”
“อร่อยมากเลยค่ะ ไม่รู้เลยว่าร้านนี้จะทำอาหารอร่อย ปกติไม่เคยเข้าเลย เพราะไม่ขายเหล้า”
“ดื่มด้วยเหรอ”
“ดื่มไม่เก่งหรอกค่ะ เน้นคุยไปเรื่อยมากกว่า”
“แบบนี้นี่เอง ลองชิมสิ อันนี้อร่อยนะ”
หลังจากนั้น ทั้งมหาลัยก็รู้ว่าติณณ์คบกับยี่หวา ทุกคนที่รู้แม้แต่เพื่อนของเขา ก็แทบจะไม่เชื่อว่า ติณณ์ภพจะเลือกคบกับเด็กวิศวะอย่างยี่หวา แต่หลังจากนั้น ชีวิตของเขาก็เรียบง่ายและสงบสุขขึ้น อย่างที่ยี่หวาเคยพูดจริง ๆ
บ่ายวันนั้น / โรงพยาบาล
ยี่หวาดูแลงานจนจบ และกำลังจะกลับบ้าน แม่ของเธอ ก็โทรเข้ามาก่อนที่เธอจะเดินออกไปที่ลิฟต์
“แม่คะวันนี้เหนื่อยมากเลย ทำไมแม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ก็รู้ค่ะว่าแม่เป็นห่วง แต่ตอนนี้หวากำลังสนุกกับงาน ยังไม่พร้อมจะดูตัว อะไรนะ! นัดไว้แล้ว แม่! ทำแบบนี้อีกแล้วนะ”
ยี่หวารู้สึกเหนื่อยมาก กับการที่แม่ของเธอ ชอบสรรหาคนมาดูตัวและจับคู่ให้เธอ ยี่หวาไม่อยากขัดใจแม่ ทุกครั้งเธอก็ไปตามนัด และปฏิเสธไปทุกคน ในใจของเธอยังไม่มีใครเข้ามาแทนที่เขาได้
“ก็ได้ค่ะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะคะ ที่ไหนคะ ร้านอาหารในโรงแรม... ก็ได้ค่ะ ครั้งหน้าไม่ต้องนัดใครให้แล้วนะ แค่ทำงานก็เหนื่อยจะตายแล้ว”
เธอเดินออกไปเพื่อเรียกรถแท็กซี่ เพื่อไปที่นัดหมายดูตัว ตามที่แม่ของเธอจัดการเอาไว้ให้ ไม่ไปก็คงจะทำให้แม่เสียหน้า ดังนั้นเธอจึงต้องไป และปฏิเสธให้จบ ๆ ไป
ร้านอาหาร
“ง่่วงชะมัดเลย เมื่อไหร่จะมาเนี่ย กาแฟแก้วที่สองแล้วนะ”
เธอนั่งรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง คู่ดูตัวของเธอเหมือนว่าจะยังไม่มา
“อีกสิบนาทีถ้าไม่มา ฉันจะกลับบ้านแล้วนะ”
ไม่นานหลังจากที่เธอพึมพำกับมือถือ เพราะนั่งไถฟีดข่าวไปเรื่อย ผู้ชายสวมชุดสูทสีดำ ก็เดินเข้ามาหาเธอทันที
“สวัสดีครับ คุณชื่อยี่หวาหรือเปล่า”
“ใช่ค่ะ”
เธอเงยหน้าขึ้นไปมองคู่ดูตัวของเธอ เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ ที่น่าจะอายุพอ ๆ กับหมอติณณ์ แต่สีหน้าดูเจ้าชู้มากกว่า เขายื่นมือมาให้เธอ
“ผมชื่อศุภนัท จะเรียกว่า “นัท” ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณนัท เชิญนั่งก่อนสิคะ”
เธอนั่งคุยกับเขาอยู่พักใหญ่ มีเพียงสองคำถามแรกที่เขาถามเธอว่าอายุเท่าไหร่ และทำงานอะไรอยู่ หลังจากนั้นเธอก็นั่งฟังเขาร่ายยาวเกี่ยวกับโปรไฟล์ที่หรูเลิศของตัวเอง จนเธอเกือบหลับ
“จริงสิครับน้องยี่หวา พี่ว่าเราควรจะแลกเบอร์กันสักหน่อยดีไหม เอาไว้ครั้งหน้า เวลาพี่จะนัดออกงานจะได้สะดวก”
“เอ่อ คือว่าฉันไม่ค่อยใช้มือถือเท่าไหร่ แล้วก็ไม่ค่อยชอบออกงานสังคม เรื่องนี้คงจะช่วยคุณนัทไม่ได้”
เธอเปลี่ยนคำเรียกจาก พี่ เป็น คุณ แทน เพราะไม่นึกอยากจะสนิทกับเขามากนัก ถึงจะเป็นนักธุรกิจ แต่ความเจ้าชู้ของเขา ก็ทำให้เธอไม่อยากสานต่อ แต่ไม่คิดว่าเขาจะตื๊อเก่งกว่าที่คิด
“ไม่เป็นไร เอาไว้ติดต่อกันเรื่องอื่น บริษัทพี่อาจจะมีโครงการปรับเปลี่ยนระบบไอทีเร็ว ๆ นี้ โชคดีที่รู้จักยี่หวา”
“ค่ะ ก็ได้ค่ะ”
สุดท้ายเธอก็ต้องแลกเบอร์กับเขาไป ตั้งแต่เธอนั่งอยู่กับเขา มือถือของศุภนัทก็ดังไม่หยุด เธอคิดว่าไม่น่าจะใช่เรื่องงาน
“ไหน ๆ วันนี้ก็ออกมาแล้ว เราไปดูหนังกันสักเรื่องดีไหมครับ”
“วันนี้ฉันไม่ค่อยสะดวกน่ะค่ะ อีกอย่างพึ่งจะเลิกงานด้วย”
“ไม่เอาน่า ไหน ๆ ก็ออกมาแล้ว ไปด้วยกันเถอะครับ จะได้ทานข้าวเย็นด้วย”
“คือว่า…"
“ยี่หวา!”
ยี่หวาหันไปมองตามเสียงเรียกทันที เมื่อมีคนเรียกเธอ ไม่ว่าจะเป็นใครในตอนนี้ เธอก็รู้สึกขอบคุณมาก ๆ แต่เมื่อหันไป กลับตกใจมากกว่าเดิม เพราะไม่คิดว่าจะเป็น.... หมอติณณ์
“รอนานไหม พี่พึ่งจะออกจากห้องผ่าตัด เอ่อ… แล้วนี่ใครเหรอ”
ศุภนัทตกใจเมื่อเห็นติณณ์ภพ เดินเข้ามาโอบรอบเอวของยี่หวา
“คุณคือ…”
“อ้อ ขอโทษครับผมหมอติณณ์ภพ เป็นแฟนของยี่หวาครับ”
“อะไรนะ นี่คุณมีแฟนแล้วเหรอ!”
“ว่ายังไงนะ หวาอยากจะเจอมีนางั้นเหรอ ทำไมล่ะ”“หวาก็แค่อยากถามเธอสักครั้ง ถึงแม้ว่าเรื่องจะเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ก็อยากรู้ว่า เธอทำแบบนั้นเพื่ออยากให้พี่สนใจแค่นั้นจริง ๆ เหรอ หรือว่าเธอแค่ไม่ชอบหน้าหวา และพยายามทำให้เราสองคนเลิกกัน”“เรื่องนี้พี่ผิดเอง ตอนนั้นพี่เป็นคนเห็นแก่ตัว ยอมรับว่าในตอนนั้นพี่อยากเรียนจบเกียรตินิยม และให้ความสำคัญกับการเรียนมาก จนปล่อยให้มีนา เข้ามาวุ่นวายในชีวิตมากเกินไป ทำให้ทะเลาะกับหวา แต่ว่า…”“หวาอยากไปงานนี้ค่ะพี่ติณณ์”“จริงเหรอ”“ค่ะ หวาไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะ เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก็ไม่ได้เกิดจากหวาตั้งแต่แรก ดังนั้นหวาอยากไปค่ะ”“แต่ว่าพี่เคยบอกกับมีนาว่า ไม่อยากเจอกับเธอ และทุกครั้งที่มีงานแบบนี้ ไม่อยากให้เธอมาเจอหน้าพี่อีก”ยี่หวาจับมือติณณ์ภพอย่างเข้าใจ เขาเองก็คงโกรธมากเหมือนกัน ถึงได้พูดกับมีนาไปแบบนั้น แต่สำหรับยี่หวา เธอก้าวข้ามเรื่องอดีตพวกนั้นมานานแล้ว การที่เธออยากเจอมีนาอีกครั้ง แค่อยากรู้ว่า อีกฝ่ายจะรู้สึกผิดกับเธอ และเขาบ้างหรือเปล่า ก็เท่านั้นเอง“หวาเข้าใจพี่ติณณ์นะคะ แต่เราไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนั้นก็ได้ เราสองคนไม่จำเป็นต้องหลบหน้าเธ
“แต่ว่านี่มัน…”“ถ้างั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน ลุงจะโอนให้หนู แต่มีข้อแม้ว่าจะมอบให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน หรือไม่ก็รอให้หนูกับเจ้าติณณ์มีทายาทก่อน แล้วจะยกหุ้นนี้ให้หลานคนแรก แบบนี้ดีมั้ยติณณ์”“ครับลุงภาส ผมไม่มีปัญหาครับ”ติณณ์ภพหันมามองหน้ายี่หวา เธอยิ้มแห้ง ๆ เป็นคำตอบ เขารู้ดีว่า คนอย่างยี่หวาซื้อไม่ได้ด้วยเงิน แต่ลุงของเขาก็บอกแล้วว่า จะมอบให้ก็ต่อเมื่อทั้งคู่มีทายาท เท่ากับว่าตอนนี้ ยี่หวาก็ไม่ต่างกับถูกมัดมือชกกลาย ๆ นั่นเองห้องของติณณ์ภพ“ลุงภาสแค่หวังดีนั่นแหละ ที่จริงลุงกลัวว่าพี่ จะตัดสินใจไปเมืองนอก และไม่อยู่ช่วยเขาที่โรงพยาบาลน่ะ”“อะไรนะคะ พี่ติณณ์คิดจะไปเมืองนอกด้วยเหรอคะ”ติณณ์ภพเดินมานั่งโซฟาในห้องข้าง ๆ ยี่หวาและดึงเธอเข้ามากอด“พี่ยอมรับว่าเคยคิดเอาไว้ แต่นั่นเป็นก่อนที่จะเจอหวา พี่ไม่คิดเลยนะว่า จู่ ๆ จะได้เจอหวาที่โรงพยาบาล ปกติพี่ไม่เคยเดินไปที่ตึกนั่นเลย เพราะไม่ได้สนใจเรื่องการทดสอบเครื่องมือแพทย์ แต่ว่าวันนั้น หมอธนิตขอให้ไปช่วยดู เพราะหมออีกคนไม่ว่าง พี่ก็เลยไปให้”“เพราะแบบนี้นี่เอง นี่ถ้าไม่เจอกันในวันนั้น พี่ติณณ์ก็จะไปเมืองนอกจริงเหรอคะ”“ใช่แล้วล่ะ ทางโรง
ยี่หวาถลึงตามองหน้าติณณ์ภพทันที แม้แต่หมอธนิตเอง ก็แทบไม่เชื่อหูตัวเอง ดูเหมือนว่าในห้องนี้ จะมีแค่ท่านผู้อำนวยการเท่านั้น ที่รู้ว่าติณณ์ภพเป็นใคร“พี่ติณณ์ นี่มันเรื่องอะไรกันคะ”เธอพยายามกัดฟัดถามเขารอดไรฟัน เพื่อไม่ให้ท่านประธาน ที่หันมามองหน้าทั้งคู่และยิ้มสงสัย เขาหันไปจับมือเธอ และแนะนำอย่างเป็นทางการ“ยี่หวา นี่คือคุณ “ภาสกร” ท่านประธานบอร์ดของโรงพยาบาล แล้วก็… เป็นลุงแท้ ๆ ของพี่ด้วย”ยี่หวาตั้งตัวไม่ติด และรีบยกมือไหว้ ภาสกร อีกครั้ง“สวัสดีค่ะ ขอโทษค่ะที่หวาไม่ทราบมาก่อน”“ไม่เป็นไรหรอกหนูยี่หวา ตามสบายเถอะไม่ต้องเกร็ง นี่แฟนแกที่เคยเล่าให้ลุงฟังสินะ”“ครับลุงภาส นี่ยี่หวา เธอเป็นแฟนผมครับ”“เอาล่ะ ๆ มีอะไรค่อยว่ากัน ไม่ต้องตกใจไปหรอก ในนี้ก็มีแต่คนกันเองทั้งนั้น อ้าวคุณหมอธนิต ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ นี่อย่าบอกนะว่าเจ้าติณณ์มันก็ไม่ได้บอกคุณ ว่ามันเป็นใครน่ะ”“เอ่อ… เรื่องนี้ผมเองก็พึ่งจะทราบเหมือนกันครับ”“ไม่แปลกหรอก ติณณ์มันไม่ค่อยชอบพูดเรื่องครอบครัว เอาล่ะไม่ต้องตกใจ”แต่มันจะง่ายที่ไหนกันล่ะ จู่ ๆ ยี่หวาก็พึ่งรู้ว่า แฟนหนุ่มของเธอ เป็นถึงหลานชาย ท่านประธานบอร์ดของโรงพยาบ
วัลลภถึงกับคอตก แต่ครั้งนี้เขาคงหาข้อแก้ตัวอะไรไม่ได้แล้วจริง ๆ เพราะก่อนหน้านั้น เขาเองก็ยอมรับว่า ใช้อำนาจเพื่อช่วยเหลือฟางไปหลายเรื่องเหมือนกัน แค่ไม่คิดว่าเรื่องคดีเล็ก ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในแผนก จะถูกขุดขึ้นมาด้วยในวันนี้“เรื่องนี้ผม…”“ตอนนี้ผมให้คุณมีทางเลือกอยู่สองทาง คือยอมขายหุ้นคืน เพื่อจะได้ไม่ต้องวุ่นวายไปถึงการประชุมบอร์ดในเดือนหน้า ถ้าหากไปถึงขั้นนั้น คุณคงรู้ใช่มั้ยว่า กรรมการบอร์ดบริหาร คงไม่ปล่อยคุณเอาไว้แน่ ๆ และหุ้น 5% ของคุณ ก็คงจะไม่มีมูลค่าอีกต่อไปเช่นกัน”“ท่านประธานครับ เรื่องนี้ผม…”"หรืออีกทางหนึ่ง ยอมขายหุ้นให้ผมคืนในราคาเดิม เงินปันผลในส่วนของคุณในปีนี้ ผมจะยังให้ครบถ้วนเหมือนเดิม แต่คุณต้องถอนตัวออกจากโรงพยาบาล ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก รวมถึงหน้าที่ของคุณในโรงพยาบาลนี้ด้วย แล้วผมจะไม่ติดแบล็กลิสต์คุณ ว่ายังไงคุณวัลลภ"วัลลภรู้ดีว่า นี่เป็นทางที่ถูกบังคับให้เลือก เขารู้ว่าพวกบอร์ดบริหารไม่มีทางเก็บคนไม่มีประโยชน์เอาไว้ และเขาที่ทำผิดอยู่หลายครั้ง ถ้าเรื่องนี้เข้าที่ประชุมจริง ๆ ก็คงไม่มีใครเข้าข้างเขา การเลือกทางที่สอง จะปลอดภัยกับเขามากที่สุด“ท่านประธาน
วัลลภและกัลยา นั่งตัวลีบอยู่ในห้อง ทั้งสองคนเงียบกริบ เมื่อหมอติณณ์ภพบอกว่า นำหลักฐานบางส่วนมาให้ท่านประธาน“เห็นบอกว่าคนที่ถูกจับ เป็นญาติของคุณเหรอ”ท่านประธานหันมามองหน้าคุณวัลลภ ที่นั่งอยู่ตรงข้าม“ครับท่านประธาน เรื่องนี้ผมรู้ดีว่ามันมีต้นสายปลายเหตุ ที่จริงเกิดจากเรื่องแค่เล็กน้อย ผมก็เลยอยากจะมาคุยเพื่อไกล่เกลี่ยดูก่อน”“ใช่ค่ะท่าน อีกอย่างการที่ตั้งกล้องแล้วแอบถ่ายแบบนี้ มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนะคะ ถ้าพวกคุณจะเอาเรื่องลูกฉัน เรื่องนี้ฉันก็จะฟ้องเช่นกัน”กัลยารีบพูดแทรกขึ้นมา หลังจากที่วัลลภพูดยังไม่ทันจบ ท่านประธานนั่งฟังทั้งสองฝ่าย“มีคลิปต้นเรื่องมั้ย ผมยังไม่เห็นสำนวนที่ส่งไปที่ตำรวจ”“มีครับท่านประธาน อยู่ที่ผมครับ ยี่หวา…”“ค่ะ”ยี่หวาต่อสัญญาณไม่นาน ภาพคลิปทั้งหมดที่เธอถ่ายเอาไว้ ก็ถูกโชว์ขึ้นที่จอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ในห้อง ผอ.ทันที คราวนี้คนที่ถึงกับพูดไม่ออกก็คือกัลยา เพราะแต่ละคลิป แสดงออกถึงความผิดอย่างตั้งใจโดยชัดเจน“นี่มัน…ตั้งใจจับผิดลูกสาวฉันชัด ๆ ดูสิคะ”“จับผิดเหรอ คุณป้าคะนี่เป็นสัญญาณภาพจากกล้องวงจรปิดในโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นภาพที่ไม่อาจเปิดเผยได้ก็จริง แต่ถ้าใค
“ได้สิ งั้นก็รีบไปกันเถอะ”หมอธนิตเองก็ไม่รู้ว่า หมอติณณ์มีแผนการอะไรอยู่ตอนนี้ เพราะเขาไม่ได้บอก ส่วนยี่หวาเองก็รู้แค่ในส่วนที่ต้องรู้เหมือนกัน แต่เธอเชื่อให้ติณณ์ภพ เลยไม่ถามเขา เมื่อทั้งสามคนขึ้นไปที่ห้องผู้อำนวยการ เขาก็ต้องแปลกใจ เพราะในห้องนั้น มีคุณวัลลภ และผู้หญิงอีกคน ที่พวกเขาไม่รู้จักนั่งอยู่ห้องผู้อำนวยการ แผนกศัลยกรรม“อ้าว พวกคุณมาพอดีเลย มานั่งก่อนสิ”หมอติณณ์ดึงตัวยี่หวาเอาไว้ ปล่อยให้ธนิตเดินเข้าไปก่อน และเขากับเธอจึงเดินตามไปทีหลัง เมื่อนั่งลงแล้ว ผู้อำนวยการถึงได้แนะนำให้ทุกคนรู้จัก“เอ่อ นี่คุณวัลลภ และคุณกัลยา เธอเป็น…”“ฉันเป็นแม่ของฟาง เธอนี่เองเหรอที่หาเรื่องลูกสาวฉัน จนต้องเข้าไปนอนคุกตั้งหลายวัน!”“กัลยา” ลุกขึ้นมาชี้หน้ายี่หวาด้วยความโกรธ วัลลภรีบดึงตัวเธอลงมาทันที“ใจเย็น ๆ ก่อน ฉันบอกแล้วไงว่า ค่อย ๆ คุย เอ่อ คุณหมอติณณ์ภพครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีว่ากัลยาน้องสาวผม พึ่งจะทราบข่าวและมาที่กรุงเทพ ก็เลย…”“คุณพาเธอมาในวันนี้ ด้วยเหตุผลอะไรครับคุณวัลลภ”“เอ่อ คือว่าผมแค่อยากจะมาตกลงกับคุณ แล้วก็คนไข้ของคุณ เรื่องหลานสาวของผม ว่าพอจะ…”“ลูกสาวฉันไม่ได้ทำผิด