บ้านไพศาลภิรมย์รักษ์ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทางหน้าบ้านหันไปทางถนน เปิดรั้วเข้ามาจะพบกับสวนสวยงามทั้งสองข้างทาง น้ำพุใหญ่ตกแต่งตามยุโรปนิยม สวนของคุณหญิงแก้วตายาวไปถึงข้างบ้านทางขวามือจรดศาลาริมน้ำ มีแปลงดอกกุหลาบสูงเท่าเอวส่งกลิ่นหอมฟุ้ง
ทางซ้ายของบ้านเป็นลานหญ้า เดินเรื่อยเข้าไปถึงส่วนหลังบ้านใหญ่เป็นราวตากผ้าสำหรับเจ้านาย สวนของคุณหญิงแก้วตาก็หยุดอยู่ส่วนนี้ เดินอีกครู่จะเห็นหลังคาของเรือนพักสาวใช้ หน้าเรือนมีเตียงไม้หลังหนึ่งเอาไว้นั่งเล่น มีแปลงคุณนายตื่นสายประดับบริเวณ เยื้องขึ้นมาหน่อยเป็นรั้วตาข่ายกั้นบรรดาพืชสวนครัว ถัดจากเรือนสาวใช้เป็นเพียงลานเล็กที่เอาไว้ตากผ้า เดินลึกเข้าไปผ่านต้นมะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงสามฤดู ที่อยู่ทางขวามือและกอต้นกล้วยทางซ้ายมือจะพบกับเรือนไม้ชั้นเดียวทอดยาวแบ่งห้องเป็นสัดส่วน “ถึงแล้วครับ…พี่ครามพออยู่ได้ไหม” ฉัตรเกล้าหยุดเท้าที่หน้าเรือนไม้ หันไปถามฟ้าครามอย่างระมัดระวังพอสมควร เจ้าของชื่อหันมองรอบด้านเล็กน้อย ลมเอื่อย ๆ พัดผ่านทำเส้นผมดำสนิทปลิวไสว คุณหนูคนเล็กของบ้านมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย มุมหน้าด้านข้างที่แสนสมบูรณ์แบบของบุรุษด้วยกันมีเสน่ห์มากมายถึงเพียงนี้ จังหวะที่พี่เขาหันมายังสบตาด้วยแวบหนึ่ง ฉัตรเกล้าชะงักและหันหลบโดยทันที “ข้าอยู่ได้” บอกเสียงเรียบ คนถามพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะมองหาไหมและพลับพลึงที่ให้มาเตรียมห้องก่อนหน้า “ได้ห้องซ้ายสุดเลยด้วย ไปครับพี่คราม” “อ้าวคุณฉัตร” ไหมเป็นคนแรกที่เห็นการมาถึงของฉัตรเกล้า เจ้าหล่อนทักเขาครั้งหนึ่ง สายตามองไปยังด้านหลังของคุณชายเล็ก อยู่ ๆ สาวเจ้าก็หน้าแดงซ่านขึ้นมา “…ทำความสะอาดถึงไหนแล้วล่ะ” ฉัตรเกล้าถาม มองข้ามอาการกระมิดกระเมี้ยนของเธออย่างจงใจ “ระเรียบร้อยแล้วค่ะคุณฉัตร” สาวใช้วัยสาวตอบกลับ เธออายุย่างยี่สิบปี ถือว่าเด็กที่สุดในบรรดาสาวใช้รุ่นเดียวกัน “อืม” เจ้านายพยักหน้ารับ พลับพลึงที่ได้ยินเสียงคุยรีบเดินออกมาจากมุมหนึ่งของห้อง หล่อนใส่เสื้อตัวเล็กรัดรูปกับผ้าซิ่นเขิน ๆ ดูแล้วช่างเป็นคนมั่นใจกล้าแสดงออก ไม่หวั่นต่อสิ่งใด เธอมีอายุมากกว่าไหมสองปีและกำลังส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มไปทางด้านหลังของฉัตรเกล้าด้วยอีกคน “พี่ครามมาอยู่ใหม่ มีอะไรก็ถามฉันได้นะจ๊ะ ฉันอยู่เรือนทางโน้น…พี่เรียกหาฉันได้ทุกเวลาเลยจ้ะ” พูดไปก็ยิ้มไป แต่สื่อความนัยไม่น้อย “…” ฟ้าครามไม่ได้แสดงท่าทีใดตอบรับ ไม่แม้แต่จะมองเธอ ตาคมทำเพียงหลุบต่ำราวพื้นกระเบื้องมีสิ่งใดให้เขาสนใจมากกว่า “อะฮืม! ขอบคุณทั้งสองมาก เสร็จแล้วก็ไปทำงานอย่างอื่นเถอะ” ฉัตรเกล้ากระแอมขึ้น ใบหน้าติดหวานยกยิ้มก่อนจะเอ่ยปากให้สาวใช้ทั้งสองกลับไปทำงานอย่างอื่น “งานของพลับพลึงเสร็จหมดแล้วค่ะคุณฉัตร ว่าจะอยู่ช่วยพี่ครามเขาจัดห้องหับเสียหน่อย” เธอเอ่ยบอกเสียงหวาน “ของไหมก็เสร็จแล้วค่ะ นี่ก็จะบ่ายแล้ว ถะถ้าพี่ครามไม่ว่าอะไรให้ฉันยกข้าวมาให้ไหมจ๊ะ” ไหมตอบเจ้านาย ประโยคหลังรวบรวมความกล้าถามฟ้าคราม พลับพลึงสาวใช้รุ่นพี่หันมองหน้าเธอในทันที ส่วนคนตัวสูงก็ยังยืนนิ่งไม่ไหวติง หากไม่ได้ยินเสียงถอนหายใจเล็ก ๆ จากเขา ฉัตรเกล้าจะคิดว่าเป็นรูปปั้นแล้วเชียว แต่ดูเอาเถอะ ขนาดพ่อคุณผมยาวเห็นหน้าไม่ชัด เพียงแค่ยืนนิ่ง ๆ ก็มัดใจสาวน้อยไปเสียแล้วถึงสองคน เสน่ห์เหลือร้าย รูปงามกรามชัด เหล่าสตรีน้อยบอบบางราวบุปผามีหรือจะต้านทานองค์ภมรแกร่งกล้ามากฤทธิ์ได้ “ไม่ต้อง ผมว่าจะพาเขาไปที่ครัวอยู่” ฉัตรเกล้าปฏิเสธแทนคนสวนคนใหม่ “แล้ว…” “เหมือนป้านิดจะเรียกหา รีบไปสิ เดี๋ยวโดนดุเอานะ” และรีบบ่ายเบี่ยงให้พวกหล่อนไปที่อื่นโดยเอาหัวหน้าของหล่อนมาอ้าง “รับทราบค่ะคุณฉัตร” สาววัยสะพรั่งทั้งสองออกไป ทั้งห้องเหลือเพียงบุรุษสองคน ฟ้าครามกวาดสายตามองรอบ ๆ ห้องอย่างสำรวจ ในขณะที่ฉัตรเกล้าเดินไปหยิบจับนั่นนี่ดู ในห้องไม่ได้มีสิ่งของมากมายนัก มีเพียงเตียงนอนที่วางอยู่กลางห้อง ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเล็ก ๆ เอาไว้วางของ ในหัวของร่างโปร่งครุ่นคิดถึงสิ่งที่ขาดหายไปมากมาย “ยังขาดอีกหลายอย่างเลย” “…” “ว่าแต่พี่ครามมีเสื้อผ้ามาไหมครับ ผมไม่เห็นพี่ถืออะไรไว้ ไม่แน่ใจว่าเอาไปวางไว้ที่ไหนหรือเปล่า” ฉัตรเกล้าหันไปถาม “…คนที่ชื่อทิวาจะเอามาให้ทีหลัง” ฟ้าครามตอบ เป็นเสื้อผ้าเก่าที่คนนั้นเขาไม่ใช้แล้วนั่นแหละ บอกไว้ตอนออกจากคุก ไม่ต้องซื้อให้เปลืองสตางค์ มีอะไรให้ใส่ก็ใส่ไป “อ้อ…ถ้างั้นผมจะให้คนเตรียมพวกของใช้ให้แทนนะ” “ขอบคุณ” “ไปที่ครัวกันเถอะครับ บ่ายแล้ว” คุณหญิงแก้วตาสร้างศาลาเอาไว้ให้คนงานในบ้านทานข้าวโดยเฉพาะ ศาลาหลังนั้นตั้งอยู่ตรงข้ามกับราวตากผ้าตรงหลังบ้าน โดยทุกเช้าแม่ครัวนำโดยป้าสายจะเป็นคนตื่นมาทำอาหารให้ทั้งเจ้านายและของบ่าวด้วยกัน ช่วงสายพวกคนงานชายจะมายืนรอที่ศาลา สาว ๆ ก็จะยกหม้ออาหารมาวางเรียงให้คนงานตักไปกิน ฉัตรเกล้าอธิบายคร่าว ๆ ให้ฟ้าครามฟัง ซึ่งตอนที่เดินไปห้องพักก็สังเกตเห็นศาลาหลังหนึ่งทางขวามืออยู่แล้ว เมื่อมาถึงห้องครัวที่อยู่ส่วนหลังบ้าน คนที่เจอคือมะลิและศรีแพร มะลิเป็นน้องสาวของไม้ เธอมองเหยียดหยามฟ้าครามตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่ปิดบัง ฉัตรเกล้าพยายามส่งสายตาปรามแต่ไม่เพียงไม่ได้ผล ซ้ำร้ายตอนที่มะลิจะเดินออกจากห้องครัวยังจงใจชนฟ้าครามเข้าเต็มแรง “มะลิ…” คุณชายเล็กของบ้านเอ่ยชื่อเธอเสียงดุจนสาวเจ้าหันมามอง “ยืนเกะกะขวางทาง ไม่รู้จักที่ของตัวเอง” เธอมองเจ้านายแวบหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนหันไปพูดกระแทกเสียงกับร่างสูงที่ยังยืนนิ่ง ฉัตรเกล้าตกใจ ถึงจะรู้มาว่ามะลิได้รับอิทธิพลจากพี่ชายที่เป็นรองหัวหน้าคนงานมาไม่น้อยจึงได้มีพฤติกรรมอวดเบ่งอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าต่อหน้าเขาจะยังกล้าพูดขนาดนี้ ‘ให้ฉันสั่งสอนมันหน่อยไหมจ๊ะพ่อ…’ เสียงเย็น ๆ ของบริวารสาวสวยกระซิบข้างหู ใบบัวเกาะอยู่ด้านหลังของฟ้าคราม เล็บยาวแหลมเกลี่ยไปมาที่กรอบหน้าคม บ่งบอกว่าเจ้าหล่อนไม่ได้อยู่ในอารมณ์ปกติ ณ ตอนนี้ ในฐานะบริวารที่จงรักภักดี ใบบัวโมโหจนแทบอยากจะคลั่งเมื่อได้ยินและได้เห็นท่าทางดูถูกจากเด็กสาวนั่น มันกล้าดีอย่างไร “ถ้าผมไม่ได้ยินกับหูตัวเองคงไม่รู้ว่ามะลิจะก้าวร้าวขนาดนี้ ฟ้าครามเขาอายุมากกว่าเธอ ขอโทษเขาเสีย” ฉัตรเกล้าดุเธอเสียงเรียบ คิ้วเรียวขมวดมุ่น ไม่พอใจอย่างมาก “ทำไมมะลิต้องขอโทษคนชั่วแบบมันด้วยคะ” สาวใช้เชิดหน้า ร้องหึในลำคอก่อนจะถามกลับมาอย่างดื้อรั้น “มะลิ” ศรีแพรรีบเดินเข้ามาห้ามเพื่อนที่ถือดีกล้ามีปากเสียงกับเจ้านาย มะลิสะบัดแขนออก “หรือไม่จริง อดีตเสืออย่างมันจะกลับตัวกลับใจแน่หรือคะ ดีไม่ดีเราได้ตายกันหมดทั้งบ้านขึ้นมาจะทำยังไงค…” “ถ้าไม่พอใจก็ไปลาออก คุณแม่ก็บอกเธอแล้วนี่ หรือไม่กล้า ให้ฉันช่วยพูดดีไหม” ไม่รอให้หล่อนพูดจบ คุณชายเล็กของบ้านก็พูดขึ้นมาก่อน ฉัตรเกล้าจ้องตาดุ น้ำเสียงที่เปล่งออกไปยากนักที่จะได้ยิน “รีบขอโทษคุณฉัตรสิมะลิ” ศรีแพรเห็นท่าไม่ดีรีบบอก นี่คุณฉัตรเกล้านะ คุณชายเล็กที่คุณหญิงแก้วตาและคุณชนาโอบอุ้มอย่างกับไข่ในหิน ถ้าทำให้ท่านไม่พอใจ คำพูดเพียงนิดก็ตัดสินชีวิตภายหน้าของพวกเธอได้เลย “…ขอโทษค่ะ” มะลิกล่าวอย่างจำยอม “คนที่เธอควรขอโทษคือฟ้าคราม” หากแต่ฉัตรเกล้าไม่ได้ต้องการคำขอโทษจากหล่อน สตรีร่างบางหากแต่สัดส่วนชัดเจนกัดฟัน ทำราวอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูด เธอหันไปทางฟ้าครามแทน “…ขอโทษนะ ไอ้คนชั้นต่ำ” พูดประโยคแรกออกมา ส่วนประโยคหลังเธอกระซิบอย่างแน่ใจว่าฟ้าครามได้ยินแน่นอน ศรีแพรเองก็ได้ยิน สาวเจ้าตาโตตกใจกับคำพูดนั้น ครู่ต่อมาก็รีบเก็บอาการเพราะฉัตรเกล้าที่ยืนไกลออกไปน่าจะไม่ได้ยินด้วย “น้ำหน้าอย่างมึงรีบไสหัวออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียบ้าง อย่าให้กูต้องสั่งสอน บ้านผู้รากมากดีแบบนี้ไม่เหมาะกับสวะอย่างมึงหรอก” สาวใช้ยังกระซิบคำหยาบกร้าวรุนแรงต่อร่างสูง เธอแสยะยิ้มเย้ย ก่อนเดินสวนออกไป ส่วนศรีแพรก้มหน้างุดเพราะได้ยินทุกถ้อยคำ กลัวว่าจะเผลอแสดงอาการให้ฉัตรเกล้าจับสังเกตได้ ฟ้าครามยืนนิ่ง เหลือบมองเด็กสาวที่คงอายุน้อยกว่าเขาสิบกว่าปีอย่างเฉยชา หากดวงตาคมกล้าพิจารณาลึกซึ้ง อะไรทำให้สาวใช้ไม่เกรงกลัวแม้จะอยู่ต่อหน้าเจ้านายเช่นนี้? ‘คิก…คิก’ เสียงหัวเราะของหญิงสาวดังที่ข้างหูฟ้าคราม มันใสกังวานราวมีความสุข แต่ที่จริงแล้วคืออาการของใบบัวที่กำลังโกรธเป็นอย่างมาก ผีสาวคลี่ยิ้ม ปากบางสีแดงสดมีเลือดข้นไหลออกมา เธอรอคำสั่งจากเจ้านาย เมื่อไร้วี่แววใบบัวจึงเป็นฝ่ายผละออกไป ไม่สนบทลงโทษที่จะได้รับหลังจากนี้ด้วยซ้ำ ‘คิก เด็กอวดดีต้องโดนสั่งสอน‘ พ่อเสือใหญ่รับรู้ได้ทันทีว่าบริวารจะทำอะไร เขารีบหันหลังกลับไปทางประตู ปากหยักสวยพึมพำเรียกใบบัวกลับมา ในขณะที่มะลิพึ่งก้าวพ้นประตูไปหมาด ๆ กำลังเดินลงบันไดเพื่อไปเรือนนอนของตน สายลมวูบหนึ่งพัดมาปะทะหน้า ร่างโปร่งแสงของใบบัวชนเข้าอย่างจังกับร่างเล็กของสตรีแรกแย้ม “อึก…” มะลิชะงักอย่างแรง ลมหายใจสะดุด รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผ่านร่างของเธอไป ขนอ่อนลุกชันไปทั้งร่าง รู้สึกวูบโหวงราวภายในร่างกายไร้อวัยวะ “นับวันจะยิ่งเสียนิสัย ขอโทษอีกครั้งแทนมะลิด้วยนะคะคุณฉัตร” ศรีแพรพูดกับฉัตรเกล้า สาวงามโค้งกายอย่างนอบน้อมก่อนจะรีบเดินตามมะลิไป “มะลิ? เป็นอะไร” เขย่าแขนเพื่อนที่ยืนนิ่งเหม่อลอย “หา...อ้อ เปล่านี่ ไปเถอะ ไม่อยากหายใจร่วมกับคนคุก” ได้สติกลับมาเดี๋ยวนั้น แม้จะแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองอยู่บ้างแต่เธอเลือกที่จะเมินเฉย จนทั้งสองสาวเดินจากไป ‘คิก…’ ทิ้งไว้เพียงร่างบอบบางในชุดยาวสีขาวที่ยืนอยู่ในจุดเดียวกันกับมะลิก่อนหน้านี้ ฟ้าครามจ้องมองบริวารของตน ตาคมเข้มขึ้นระดับหนึ่งจนเหล่าบริวารเสียววาบไปทั่วร่าง มือหนาเสยผมที่ปรกหน้าขึ้น เปิดเผยใบหน้าราวพระเอกหนังดัง ในขณะที่ใบบัวช้อนสายตามองพ่อของเธอราวเด็กน้อยที่เพียงเล่นซุกซนจนต้องโดนดุ “อย่าถือสามะลิเลยนะครับพี่คราม เดี๋ยวผมจะให้ป้าสายอบรมเธอเสียหน่อย” ฉัตรเกล้าเห็นท่าทางของร่างสูงจึงรีบเดินเข้ามาใกล้ มือขาวแตะที่ข้อศอกอีกฝ่ายเบา ๆ ฟ้าครามละสายตาจากบริวารสาว หันมามองคุณหนูของเขา ฉัตรเกล้าชะงัก ใบหน้าหล่อเหลาสะดุดตาไม่น้อยเลยพ่อคุณ ดวงตาคมกล้า รูปหน้าคมคาย หุ่นดึงดูดน่าสัมผัส ลักษณะดีเช่นนี้เชียว ในอดีตจะเคยถูกเหล่าบุปผาเอนกายเข้าหาเพียงใดหนอ “ไม่เป็นไร ที่เธอว่าก็ความจริง ข้ารู้ตัวดี คุณหนูไม่ต้องไปตำหนิเธอหรอก” ฟ้าครามพูด อัยที่จริงก็ไม่ผิดไปจากที่เด็กสาวคนนั้นว่าสักนิด เขามันต่ำช้า เลวทราม ไม่แปลกที่จะถูกรังเกียจเหยียดหยาม ฟ้าครามมีชีวิตอยู่เพื่อจดจำและสำนึกผิดในทุกขณะจิต จะปฏิบัติกับเขาอย่างไร เขาก็ไม่ถือโทษทั้งนั้น ‘ทรมานงั้นรึ ให้กูช่วยมึงสิ หลับไปเสีย เดี๋ยวกูใช้ชีวิตแทนเอง ฮี่ฮี่ฮี่’ เสียงในหัวของสตรีตนเดิมเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า สายรยางค์สีดำลักษณะเรียวรีคล้ายลิ้นของอะไรบางอย่างลอยในอากาศจากด้านหลังของฟ้าครามพุ่งไปใกล้ฉัตรเกล้า แน่นอนว่าคุณชายเล็กไม่เห็น เขายังแตะแขนของฟ้าครามค้างเอาไว้ และจ้องมองเพียงใบหน้าคมคายอย่างตกในภวังค์ ‘อย่าหาว่ากูไม่เตือน’ ฟ้าครามตอบกลับไปในตอนที่สายรยางค์สีดำกำลังจะต้องใบหน้าขาวนวล จิตสังหารแรงกล้าสายหนึ่งวูบขึ้นกะทันหัน พลันสายรยางค์นั้นแข็งทื่อไม่อาจขยับ ก่อนมันจะหายไป ‘ฮี่ฮี่ฮี่’ ทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะชอบใจของบางอย่างในกาย มือเรียวขาวยื่นมาตรงหน้า กำลังจะสัมผัสผิวแก้มของฟ้าคราม หมับ “อะ…” “มีอะไรงั้นรึคุณหนู” ร่างสูงคว้าข้อมือนั้นได้ก่อนอย่างรวดเร็ว ราวเป็นปฏิกิริยาตอบโต้ที่เป็นไปเองของร่างกาย ฉัตรเกล้าที่ยื่นมือออกไปอย่างไม่รู้ตัว ในใจคิดเพียงหวังอยากสัมผัสใบหน้าคมสักครั้ง ไม่นึกว่ามือของตนจะยื่นไปไวเพียงนี้ “อ้อ…คะคือ...อ่า ผมของพี่น่ะ ยาวเกินไปหรือเปล่าครับ ผมพาไปตัดได้นะ รู้จักช่างฝีมือดีอยู่คนหนึ่ง ที่บ้านไปใช้บริการบ่อย ๆ น่ะครับ” ข้ออ้าง เป็นข้ออ้างที่มีมูลอยู่บ้างเพราะผมของฟ้าครามยาวเกินไปจริง ๆ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าตัดเอง” ศีรษะเป็นของสูง ยิ่งกับคนเล่นของ มีวิชาอาคมมากมาย จึงยิ่งไม่อาจให้ใครแตะต้องได้ง่าย ๆ ฉัตรเกล้าพยักหน้ารับ หลุบตามองมือแกร่งที่กอบกุมข้อมือของตนไว้อยู่ ข้อมือของลูกผู้ดีดูเล็กไปถนัดตาเมื่ออยู่ในกำมือของฟ้าคราม “ข้าขอโทษ” ฟ้าครามมองตามสายตาของเจ้านายที่เลื่อนไปมองข้อมือของตนก็รีบปล่อยในทันที พร้อมกับเอ่ยขอโทษไปด้วย “อื้อ พี่ครามหิวหรือยัง ปกติแล้วตอนเที่ยงอาหารจะถูกยกไปวางไว้ที่ศาลาแต่ตอนนี้บ่ายแล้วพวกคนงานเลยเอามาเก็บไว้ในครัว น่าจะมีอะไรเหลืออยู่นะ” ฉัตรเกล้าเดินไปเปิดหม้อที่วางอยู่ตรงโต๊ะตรงกลางห้องครัว หากเคยได้ยินว่าพวกมีของมีครูกินของเหลือจากคนอื่นไม่ได้ นั่นก็ใช่ แต่กับฟ้าคราม บางทีเขาไม่อาจเลือกได้เท่าใดนัก ด้วยชีวิตเคยผกผันมามาก ของเหลือ ของที่คนอื่นไม่กิน ของทิ้งแล้ว เพื่อประทังชีวิต ฟ้าครามเคยกินมาหมดทั้งสิ้นในตอนที่ถูกไล่ออกจากวัด เร่ร่อนเป็นเด็กกำพร้าไร้ที่พึ่งอยู่นานกว่าเสือแหวนจะเก็บไปเลี้ยงในรังเสือ “ไม่มีเลย คนบ้านนี้กินข้าวเก่งเสียจริง” “ข้ายังไม่ค่อยหิว” ฟ้าครามบอกแม้จะไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้วก็ตาม “รอผมที่นี่ ผมจะไปเรียกให้คนมาทำให้” ฉัตรเกล้าไม่สนใจประโยคนั้น ร่างโปร่งกำลังจะเดินเข้าไปในตัวบ้านใหญ่เพื่อดูว่าบรรดาแม่ครัวอยู่ที่ไหน หากแต่เสียงหนึ่งกลับรั้งเขาไว้ก่อน “เดี๋ยวศรีแพรทำให้ค่ะคุณฉัตร” ศรีแพรเดินกลับมาจากเรือนนอน สตรีร่างเพรียวบางใส่ผ้าถุงยาวกรอมข้อเท้าเล็กบอกอย่างนอบน้อม “ฝากด้วยนะครับ” ฉัตรเกลาหันกลับมา เขายิ้มให้หล่อนก่อนจะพูดออกไป ฟ้าครามมองตามรอยยิ้มสวยเงียบ ๆ “รสมือฉันไม่รู้ว่าจะถูกปากพี่หรือเปล่านะจ๊ะ หากไม่ชอบพี่ติเตียนฉันได้เลยจ้ะ ฉันจะได้ปรับปรุง” “ข้าไม่เลือกกิน ทำอะไรมาก็กินได้หมดนั่นแหละ” ฟ้าครามหันไปมองศรีแพรแล้วตอบเธอ เป็นครั้งแรกเลยที่ร่างสูงพูดกับสตรีในบ้านหลังนี้ “พี่…” ฉัตรเกล้ากำลังจะเอ่ยเรียก “คุณฉัตรครับ คุณท่านเรียกหาครับ” แต่ถูกเสียงของทิวาดังแทรกมาก่อน “…คุณพ่ออยู่ไหน” “ห้องทำงานครับ” คุณชายเล็กพยักหน้ารับ หันไปทางคนสวน รู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องปล่อยให้ฟ้าครามอยู่กับศรีแพรเพียงสองคน “ผมต้องไปหาคุณพ่อ พี่ครามทานข้าวในนี้ไปก่อนนะครับ ส่วนเรื่องงาน…” “เดี๋ยวศรีแพรพาไปหาพี่ไม้เองค่ะคุณฉัตร” “อ้อ…ดีเลย ขอบใจนะ” ฉัตรเกล้ามองหน้าฟ้าคราม ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างสุดท้ายก็ไม่พูด TBCเมื่อคืนจบที่ฟ้าครามเดินไปส่งฉัตรเกล้าถึงประตูด้านหลังของบ้านใหญ่ เขากลับมาที่ห้อง จัดการอาบน้ำและเข้านอนทันทีอย่างคนไม่มีอะไรให้ทำตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง จัดการตัวเองเรียบร้อยก็ออกมาพร้อมผ้าขนหนูพันช่วงล่างเอาไว้ ทั่วตัวมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่ราคาแพงที่ฉัตรเกล้าซื้อมาให้เมื่อวาน ร่างสูงสง่ายืนอยู่หน้ากระจก สายตามองร่างกายแข็งแกร่งของตนเองที่เต็มไปด้วยรอยสักเพราะเมื่อวานใส่เสื้อแขนยาว ลายสักอักขระมากมายทั่วร่างจึงไม่ปรากฏสู่สายตาของผู้ใด‘พ่อจ้ะ’ เสียงของเด็กชายตัวเล็กเรียก เด็กคนนั้นปรากฏกายขึ้นบนเตียง สะท้อนในกระจกให้เขาเห็น ฟ้าครามเหลือบสายตามองทองดีในขณะที่เขาก็จัดการใส่เสื้อผ้าให้ตัวเอง‘ที่พ่อให้ฉันไปสืบ พอจะได้ความมาอยู่บ้างจ้ะ‘“อืม”‘นังผีผู้หญิงคนนั้นมันชื่อหวานจ้ะ พึ่งตายไปเมื่อปีก่อน ส่วนอีกคนก็พ่อมันนั่นแหละชื่อว่าโชค เหมือนว่ามันจะมีปัญหากับคนในบ้านมั้งจ้ะ เลยโดนเขาฆ่าทิ้ง’ ทองดีนั่งห้อยขาลงกับเตียง พูดเจื้อยแจ้วตามที่ได้ไปไล่ตามผีเจ้าที่ นางไม้ หรือแม้กระทั่งสัมภเวสีก็ไม่เว้นโดนเขาไล่ถามแต่ข้อมูลที่ได้มีเพียงคร่าว ๆ เท่านั้น พวกเขาดูหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงอย่างสังเกตได้
“คุณพ่อเรียกหาฉัตรหรือครับ” ฉัตรเกล้าเดินเข้ามาในห้องทำงานของบิดา ภายในมีแม่ของเขานั่งอยู่ด้านขวามือของพ่อและพี่ปกเกล้ายืนกอดอกพิงตู้เก็บใบประกาศนียบัตรและเหรียญรางวัลต่าง ๆ ของครอบครัวอยู่คุณชนาละมือที่กอดเอวภรรยาออก ตบพื้นที่ข้างตัวสองสามที“ใช่ มานั่งข้างพ่อสิลูก” เอ่ยเรียกลูกชายคนเล็กเสียงนุ่มปกเกล้าอดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก เสียงอ่อนโยนนั่นล่าสุดที่ใช้คุยกับเขาก็เกือบสิบปีได้แล้วกระมัง มองแก้วตาผู้เป็นมารดาเคียงข้างชนาราวหงส์คู่มังกรยิ่งรู้สึกหงุดหงิด อึดอัดในอกแทบจะระเบิดออกมา“อยู่พร้อมหน้าเชียว มีอะไรหรือเปล่าครับ” ฉัตรเกล้าเดินไปนั่งข้างบิดาก่อนจะเอ่ยปากถาม“ก็แค่อยากคุยกับลูกน่ะ ว่าจะเอายังไงหลังเรียนจบ”“พ่อเขาไม่ได้จะรบเร้าหรือรีบเร่งอะไรนะฉัตร เรามีความเห็นตรงกันอยากให้ลูกพักก่อน” คุณหญิงแก้วตาว่ายิ้ม ๆ“ความจริงแล้วก็ว่าจะพักสักเดือนน่ะครับ แล้วค่อยทำงาน”“เดือนเดียวจะไปพออะไรเล่า พักปีนึงเลย เที่ยวสนุกให้เต็มที่ หลังจากนั้นค่อยมาช่วยงานเอกสารให้พ่อ หรือจะลองมาเป็นเลขาพ่อก็ได้ พ่อจะให้ทิวาสอนงาน”“เป็นเลขาหรือครับ” ฉัตรเกล้าเลิกคิ้ว“ไม่สนงั้นหรือ”“…”“ถ้าอยากทำก็ค่อยทำ เรี
บ้านไพศาลภิรมย์รักษ์ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทางหน้าบ้านหันไปทางถนน เปิดรั้วเข้ามาจะพบกับสวนสวยงามทั้งสองข้างทาง น้ำพุใหญ่ตกแต่งตามยุโรปนิยม สวนของคุณหญิงแก้วตายาวไปถึงข้างบ้านทางขวามือจรดศาลาริมน้ำ มีแปลงดอกกุหลาบสูงเท่าเอวส่งกลิ่นหอมฟุ้งทางซ้ายของบ้านเป็นลานหญ้า เดินเรื่อยเข้าไปถึงส่วนหลังบ้านใหญ่เป็นราวตากผ้าสำหรับเจ้านาย สวนของคุณหญิงแก้วตาก็หยุดอยู่ส่วนนี้ เดินอีกครู่จะเห็นหลังคาของเรือนพักสาวใช้ หน้าเรือนมีเตียงไม้หลังหนึ่งเอาไว้นั่งเล่น มีแปลงคุณนายตื่นสายประดับบริเวณ เยื้องขึ้นมาหน่อยเป็นรั้วตาข่ายกั้นบรรดาพืชสวนครัว ถัดจากเรือนสาวใช้เป็นเพียงลานเล็กที่เอาไว้ตากผ้าเดินลึกเข้าไปผ่านต้นมะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงสามฤดู ที่อยู่ทางขวามือและกอต้นกล้วยทางซ้ายมือจะพบกับเรือนไม้ชั้นเดียวทอดยาวแบ่งห้องเป็นสัดส่วน“ถึงแล้วครับ…พี่ครามพออยู่ได้ไหม” ฉัตรเกล้าหยุดเท้าที่หน้าเรือนไม้ หันไปถามฟ้าครามอย่างระมัดระวังพอสมควรเจ้าของชื่อหันมองรอบด้านเล็กน้อย ลมเอื่อย ๆ พัดผ่านทำเส้นผมดำสนิทปลิวไสว คุณหนูคนเล็กของบ้านมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย มุมหน้าด้านข้างที่แสนสมบูรณ์แบบข
เมื่อมารดาเดินเลี่ยงไปพร้อมกับสา สาวรับใช้คนสนิทของเธอ ฉัตรเกล้าจึงหันมาคุยกับคนที่เหลือ“ในเมื่อเขาจะเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้านเรา ก็ต้องต้อนรับและปฏิบัติกับเขาให้ดี ไหมกับพลับพลึงไปเตรียมห้องให้ฟ้าครามเขาเสียหน่อย” ฉัตรเกล้าเอ่ยเสียงเป็นจริงเป็นจัง“…ค่ะคุณฉัตร” ไหมและพลับพลึงโค้งกายรับคำ นางทั้งสองลอบมองคนงานใหม่ที่ทั้งตัวสูงใหญ่และหน่วยก้านดีไม่น้อย แม้เห็นหน้าไม่ชัดแต่สันกรามคมชัดที่ไม่ได้โดนผมเผ้าปิดบังนั่นก็พอจะเดาออกว่าคงหล่อใช่ย่อยชื่นชมบุรุษก่อนจะพากันหัวเราะคิกเดินออกไปทำตามคำสั่งชื่อฟ้าครามใช่ไหมนะ ชื่อเพราะเหลือเกิน“ทุกคนแยกย้ายได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมบอกกฎระเบียบของที่นี่ให้เขาทราบเอง” ฉัตรเกล้าเห็นท่าทางของเจ้าหล่อนทั้งสองชัดเจน คิ้วเรียวอดไม่ได้ที่จะขมวด สาวใช้คนอื่นที่อยู่ในวัยละอ่อนก็พลอยลอบมองฟ้าครามไปด้วยเขาจึงรีบบอกให้ทุกคนออกไป เมื่อเหลือกันอยู่สองคน ความเงียบเข้าปกคลุมบริเวณภายในบ้านจนแทบได้ยินเสียงหายใจ ฉัตรเกล้าเงยหน้ามองร่างสูง ก่อนจะยิ้มและผายมือเชื้อเชิญให้เดินตาม“เชิญทางนี้ครับ” คนตัวเล็กกว่าเดินนำไปทางห้องนั่งเล่นในตัวบ้าน ตัวเขานั่งลงที่โซฟาเนื้อน
เมื่อพักรักษาตัวร่วมเดือนฉัตรเกล้ามีอาการดีขึ้นจนเกือบหายเป็นปกติ ยกเว้นเพียงอาการวิงเวียนศีรษะและไร้เรี่ยวแรงที่ยังหลงเหลืออยู่บ้าง เขาแทบไม่ได้ออกไปไหนเนื่องด้วยคุณหญิงแก้วตาขอเอาไว้ หรือหากมีเรื่องต้องออกก็ต้องมีคนของคุณพ่อติดตามไปด้วยราวกับเงากริ๊ง กริ๊งเสียงโทรศัพท์ยกหูที่ตั้งอยู่ส่วนห้องโถงใหญ่ดังขึ้นฉัตรเกล้ากำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่โซฟาผ้ากำมะหยี่ลุกขึ้นไปรับก่อนหน้าพลับพลึง สาวใช้คนหนึ่งจะเดินมาถึง ชายหนุ่มยกมือข้างหนึ่งห้ามหล่อนไว้ เจ้าหล่อนจึงโค้งกายให้แล้วเดินถอยไปทำอย่างอื่น“สวัสดีครับ บ้านไพศาลภิรมย์รักษ์ ฉัตรเกล้าพูดสายครับ” ฉัตรเกล้ากล่าวเสียงเรียบร้อยน่าฟัง[ดีครับคุณชาย] ได้ยินน้ำเสียงของบุรุษทะเล้นไม่น้อยยามตอบกลับ รู้ได้ทันทีว่าปลายสายคือใคร“เป็นอย่างไร ที่ฉันฝากถามไปน่ะ” เขามองข้ามน้ำเสียงกวน ๆ ของเพื่อนสนิทและถามในเรื่องที่อยากรู้มากที่สุดไปแทน[รับสายเพื่อนก็เข้าประเด็นเชียว รีบเสียจริง] บ่นอุบอิบด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจกลับมา“ค่าโทรไม่ใช่ถูกนะพิเชษฐ์” ฉัตรเกล้าเอ่ยดุเพื่อนสนิทที่เห็นกันมาแต่เล็กพิเชษฐ์ ยศฐกาล ลูกของนายตำรวจใหญ่แห่งกองปราบปรามในสำนักง
บทที่ ๒ : ดึงดูดอัปสรตลอดทั้งสามวันฉัตรเกล้าใช้เวลาช่วงเช้าจนถึงเย็นอยู่ที่โรงอาหารของเรือนจำแห่งเดิมไม่คิดไปไหน สองวันแรกนักโทษจากแดนสิบมากินข้าวที่โรงอาหารเพียงช่วงเที่ยงเท่านั้น แต่วันสุดท้ายพวกเขามาช่วงเย็นด้วยวันนี้ฉัตรเกล้าจึงได้เห็นหน้าเขาคนนั้นก่อนจะต้องจากกันความรู้สึกวูบวาบไร้ที่มาที่ไปยังคงเกิดขึ้นทุกครั้งที่ได้พบร่างสูงใหญ่“ขอบใจ” คำพูดที่เอื้อนเอ่ยให้ได้ยินเป็นประจำยามรับอาหารจากเขาตึก ตึก ตึกและเสียงหัวใจเต้นระรัวแทบทะลุออกจากอกของตนฉัตรเกล้า ไพศาลภิรมย์รักษ์ ไม่ใช่คนตัวเล็กบอบบางแม้ร่างกายจะแตกต่างจากเพศชายทั่วไป ด้วยส่วนสูง 175 เซนติเมตร ไม่ได้ผอมแห้งแบนราบ แต่ไม่ได้เจ้าเนื้อแต่อย่างใด เขาเป็นชายงามที่มีรูปร่างสมส่วนเลยทีเดียว หากแต่เมื่ออยู่ต่อหน้านักโทษแดนสิบคนนั้นกลับดูตัวเล็กไปถนัดตา คิดคร่าว ๆ คงสูงไม่ต่ำกว่า 190 เป็นแน่“เป็นอย่างไรบ้างตาฉัตร” เสียงทุ้มดูใจดีเอ่ยทักจากด้านหลัง“คุณพ่อ?” ฉัตรเกล้าละสายตาออกจากคนนั่งทานข้าวเงียบ ๆ หันไปมองตามเสียงของบิดาอย่างแปลกใจ“ดูทำหน้าเข้า ตกใจอะไรกัน” คุณชนายังคงมีรอยยิ้มใจดีประดับที่มุมปาก“มาได้อย่างไรครับ”“พ่อมาทำ