Share

บทที่ 2

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
เห็นสระเลือดอยู่มิไกลเบื้องหน้า!

ฉินเหยี่ยนพูดด้วยความมิเชื่อ “เลือดพวกนี้ หรือว่าเป็นของคนพี่สี่?”

คนสนิทคนหนึ่งโบกมือแล้วสั่งคนที่อยู่ข้างหลังว่า “ไปสำรวจบริเวณรอบ ๆ เดี๋ยวนี้!”

เหล่าบรรดาองครักษ์แยกย้าย!

หลังจากนั้นมินานพวกเขาก็รีบวิ่งกลับ แต่ละคนส่ายหัวแล้วพูดว่า “องค์ชาย นอกจากที่นี่แล้วไม่มีร่องรอยเลือดที่อื่นเลยพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วและพึมพำ “เป็นไปได้อย่างไร? หรือว่าพวกเขาทั้งหมดถูกไอ้สารเลวฉินซูนั่นฆ่าตายหมดแล้ว?”

“องค์ชาย พวกที่ท่านอ๋องซิ่นส่งมาล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น องค์รัชทายาทมัวเมาในสุราเคล้านารีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่มีกำลังพอที่จะฆ่าคนพวกนั้นได้ กระหม่อมจึงมั่นใจว่า ต้องมียอดฝีมือคอยแอบช่วยเหลืออยู่เป็นแน่ มิเช่นนั้น องค์รัชทายาทย่อมมิอาจอยู่รอดปล่อยภัยได้แน่พ่ะย่ะค่ะ!”

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ฉินเหยี่ยนก็พยักหน้าช้า ๆ “ตัวข้าก็สงสัยอยู่ว่า เหตุใดฉินซูถึงกล้าฆ่าเฉินฉวิน ที่แท้เขาอาศัยความช่วยเหลือจากยอดฝีมือในเงามืด เดิมทีข้าวางแผนที่จะรอให้คนของอ๋องซิ่นฆ่าฉินซูแล้วคอยจับมือสังหารเหล่านั้น ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!”

“เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรดีหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“ไปกันเถอะ แม้ว่าฉินซูจะผ่านด่านนี้ไป แต่พี่สามก็ได้ดำเนินการไปแล้ว เรามารอดูการแสดงกันดีกว่า”

จากนั้นทั้งกลุ่มก็ลงจากภูเขาตามไป

……

ครึ่งชั่วยามต่อมา

ฉินซูกลับไปยังตำหนักบูรพา

ในเวลานี้ ลึกเข้าไปในตำหนักบูรพา หน้าห้องบรรทมของฉินซู

มีร่างหญิงงามยืนอยู่

นางสวมอาภรณ์ฝ่ายในสีเขียวอ่อน และรูปร่างของนางก็สง่างามได้สัดส่วน!

บนใบหน้าที่งดงามน่าทึ่งนั้น ใบหน้ามีความสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นดวงตากลมโต หัวตาเรียว หางตาชี้ขึ้น คิ้วโค้งเรียวดั่งใบหลิว ริมฝีปากแดงอมชมพู และฟันขาวสะอาด

มุมปากมีรอยยิ้มบาง ๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และงดงาม

ชื่อของนางคือหลินชิงเหยา นางเป็นบุตรีของหลินซี ซึ่งเป็นเสนาบดีกรมพระคลัง นางเป็นคนรักขององค์ชายสาม อ๋องฉี ทั้งสองมีใจให้กัน

เพียงแต่ด้วยสถานะของนางที่ตอนนี้มาปรากฏตัวในห้องบรรทมองค์รัชทายาทเป็นเรื่องที่น่าสงสัยมิน้อย

ทันใดนั้น ขันทีน้อยก็วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก

“คุณหนูหลิน แย่แล้ว ท่านอ๋องฉีถูกองค์จักรพรรดิเรียกตัวเรียกตัวเข้าเฝ้าด่วน เขาสั่งให้ข้าน้อยมาแจ้งให้ท่านทราบว่าแผนการถูกยกเลิก ท่านควรออกไปทางประตูหลังให้เร็วที่สุดขอรับ”

หลินชิงเหยาตกตะลึงและอุทานขึ้น “ว่ากระไรนะ?! เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?"

“ข้าน้อยมิทราบขอรับ คาดว่าคงมีเรื่องด่วน ก่อนที่องค์รัชทายาทจะเสด็จกลับมา กรุณาออกไปทางประตูหลังก่อนเถิดขอรับ”

“ได้!”

หลังจากที่หลินชิงเหยารู้สึกตัว นางก็หันหลังกลับเดินไปที่ประตูหลัง

แต่ทันใดนั้นเอง กลับมีร่างหนึ่งขวางทางนางไว้

เมื่อพวกเขาเห็นรูปร่างหน้าตาของบุคคลนั้นอย่างชัดเจน หลินชิงเหยาและขันทีน้อยก็ตกใจจนหน้าซีด!

ขันทีน้อยคุกเข่าลง เอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือว่า “องค์รัชทายาท คือ... คือ…”

ฉินซูยิ้มอย่างเย็นชา คว้าคอของอีกฝ่ายแล้วยกเขาขึ้น

“กินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา!”

ทันทีที่พูดจบ เขาก็หักคอของอีกฝ่ายและเหวี่ยงร่างนั้นออกไป

หลินชิงเหยาหวาดกลัว นางถอยหลังไปสองสามก้าวโดยมิรู้ตัว พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “องค์รัชทายาท พระองค์... พระองค์จะทรงทำอะไรเพคะ?”

ฉินซูยิ้มเจ้าเล่ห์และถามว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”

“หม่อมฉัน... เดิมทีหม่อมฉันมีบางสิ่งที่อยากทูลขอคำปรึกษากับองค์รัชทายาท แต่ตอนนี้หม่อมฉันมีเรื่องด่วน ต้องขอทูลลาไปก่อนเพคะ”

หลินชิงเหยาพูดเช่นนั้นก็เตรียมผละจากไป

“เจ้ามีอะไรจะถามข้าแต่กลับมายืนหน้าห้องบรรทมข้า เจ้าปิดบังอะไรไว้? ยังต้องให้ตัวข้าพูดอีกรึ?”

หลังจากที่ฉินซูพูดจบด้วยท่าทีขี้เล่น ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของเขาเพียงครั้งเดียวก็ดึงนางเข้ามาสู่ในอ้อมแขน

หลินชิงเหยาตกใจมากจนใบหน้าของนางซีดเผือด นางพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง

“องค์รัชทายาท ท่านโปรดอย่าทำเช่นนี้ หากอ๋องฉีรู้เข้า…”

ก่อนที่นางจะพูดจบ ฉินซูก็ตะคอกสวนไปอย่างเย็นชา “กล้าวางกับดักข้า ตัวข้าจะให้เขารู้ว่าการตัดสินใจของเขานั้นโง่เขลาเพียงใด!"

ฉินซูมิรอช้า อุ้มหลินชิงเหยาเดินตรงไปที่ห้องบรรทม

เมื่อมาถึงห้องบรรทม เขาก็โยนหลินชิงเหยาลงบนเตียงแล้วกระโดดขึ้นไปบนตัวนาง

หลินชิงเหยาตื่นตระหนก พูดอย่างรีบร้อนว่า “องค์รัชทายาท ท่านทรงทำเช่นนี้มิได้ หม่อมฉันยังมีเรื่องจะพูดอีก… อื้อ…”

ก่อนที่นางจะทันได้พูดจบ ฉินซูก็ประกบจูบกับปากของนาง

นางที่ยังมิเคยผ่านเรื่องเช่นนี้มาก่อน สมองพลันว่างเปล่าในทันที

จบแล้ว คราวนี้เนื้อเข้าปากเสือเป็นที่เรียบร้อย

กว่านางจะรู้สึกตัว ฉินซูก็เปลื้องอาภรณ์ของนางจนเปลือยเปล่า

ในเวลานี้ นางตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ อ้อนวอนว่า “องค์รัชทายาท ช้าก่อนเพคะ ท่านทำเช่นนี้มิได้!”

“หึหึ จุดประสงค์ในการมาที่นี่ของเจ้าก็เพราะต้องการให้ข้าทำเรื่องเช่นนี้ เพื่อให้อ๋องฉีจับได้คาหนังคาเขามิใช่รึ? ข้าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีแล้วเจ้ายังต้องการอะไรอีกรึ?!”

หลังจากที่ฉินซูพูดจบ เขาก็จูบนางอีกครั้ง มือไม้ซุกซนไปทั่ว

หลินชิงเหยาพยายามต่อต้านอย่างสิ้นหวังแต่ก็มิเป็นผล

ภายใต้การรุกรานของฉินซู ความปรารถนาในใจนางก็ถูกกระตุ้นขึ้น นางค่อย ๆ หยุดต่อต้าน และจากนั้นก็เริ่มตอบสนองเขาแทนเสียด้วย

เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินซูก็มิลังเลอีก ตรงเข้าประเด็นหลักทันที!

ประมาณสามในสี่ของชั่วยามต่อมา ฉินซูนอนลงบนเตียงด้วยสีหน้าพึงพอใจ มือใหญ่ของเขาลูบไล้แผ่นหลังนุ่มนวลและเรียบเนียนดั่งหยกของหลินชิงเหยาอย่างคิดมิตก

หลินชิงเหยานอนเหงื่อชุ่มอยู่ในอ้อมแขนของฉินซู ใบหน้าสวยของนางแดงระเรื่อ สีหน้าที่แสดงซับซ้อนอย่างยิ่ง

เดิมทีตามแผนการของอ๋องฉี นางมาที่นี่เพื่อจัดฉากให้ฉินซูตกหลุมพราง จะได้โค่นเขาลงโดยเร็วที่สุด

ไหนเลยจะคิดว่าตอนนี้กลับกลายเป็นฉินซูที่กำชัย

สิ่งที่ทำให้นางสับสนมากยิ่งขึ้นก็คือ ทักษะอันน่าอัศจรรย์เมื่อครู่ของฉินซู มันทำให้นางได้ลิ้มรสในความสุขสมของการเป็นสตรีอย่างลึกซึ้ง

ความรู้สึกที่ยากจะต้านทาน ทำให้นางหลงใหลจนถอนตัวมิขึ้น

นางมิเสียใจเลยที่ได้มอบความบริสุทธิ์นี้ให้กับฉินซู

เมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของนาง ฉินซูจึงพูดอย่างใจเย็น “อย่ามาเล่นละครต่อหน้าข้า ตอนนี้เจ้าก็กลับไปรายงานกับอ๋องฉีได้แล้ว”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลินชิงเหยาก็รู้สึกเจ็บปวดในใจอย่างอธิบายมิถูก หยาดน้ำตาไหลริน

แม้ว่าเดิมทีนางจะถูกบังคับ ทว่าต่อมานางก็ตอบสนองด้วยความเต็มใจ แล้วไฉนตอนนี้เขาจึงพูดออกมาอย่างไร้ความปรานีเช่นนี้!

ครู่หนึ่งหลินชิงเหยารู้สึกถึงความคับข้องใจอย่างท่วมท้น

แต่ในใจของฉินซูนั้นมิรู้สึกอะไรเลย ยังคงมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเย็นชา

หลินชิงเหยามองฉินซูด้วยสีหน้าขุ่นเคือง จากนั้นจึงสวมอาภรณ์อย่างเงียบ ๆ แล้วลงจากเตียงไป

ก่อนออกไป นางหยุดฝีเท้ามองย้อนกลับไปที่ฉินซู

ในใจที่แตกสลาย มีความเกลียดชังปะปนอยู่ด้วย

“ฉินซู ข้าเกลียดท่าน!”

หลังจากพูดอย่างนั้นนางก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป

ฉินซูมิสนใจ บุตรีคนเดียวของเสนาบดีกรมพระคลัง ย่อมมิสามารถก่อปัญหาอะไรใหญ่โตได้

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเห็นได้ว่า หลินชิงเหยารู้สึกสั่นไหวในใจแล้ว เพียงรอเวลา นางก็จะตีตัวออกหากจากอ๋องฉีเอง

หลังจากสวมอาภรณ์เสร็จเขาก็เดินออกจากห้องบรรทมไปด้วย

ในเวลานี้ มีขันทีน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามา หลังจากเห็นร่างของขันทีน้อยอีกคนหนึ่งอยู่บนพื้น ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวลงอย่างมาก!

ฉินซูเหลือบมองเขาแล้วถามเบา ๆ “มีอะไร?”

ขันทีน้อยสงบสติอารมณ์แล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “องค์รัชทายาท องค์จักรพรรดิมีพระบัญชาให้ท่านเสด็จไปเข้าเฝ้าเพื่อหารือเรื่องสำคัญโดยเร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย “เข้าใจแล้ว จัดการศพของเขาด้วย และเตือนทุกคนในตำหนักบูรพา ว่าใครก็ตามที่คิดจะทรยศข้าแม้แต่นิด จะต้องถูกฆ่าอย่างไร้ความปรานีโดยมิละเว้น!”

หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ขันทีน้อยตกใจมากจนเหงื่อไหลเย็น องค์รัชทายาทกลายเป็นคนที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร?

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 814

    แววตาของซ่างกวนอวิ๋นซีวูบไหวเล็กน้อย นางกล่าวว่า "ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะพูดตรง ๆ แล้วกัน เคล็ดวิชานี้เดิมทีก็สร้างขึ้นมาเพื่อสายเลือดแห่งร่างศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะ เหมาะที่สุดแล้วที่จะให้เจ้าฝึกฝน เหตุที่ข้าถ่ายทอดให้เจ้า ก็เพราะอยากคบเจ้าเป็นสหาย ภายภาคหน้าอาจจะมีเรื่องที่จำต้องพึ่งพาเจ้าก็เป็นได้"เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ ฉงชูโม่ก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผลมากขึ้น แต่ก็ยังรู้สึกฉงนใจอยู่บ้าง"ข้าในยามนี้อยู่เพียงระดับสวรรค์ขั้นต้น แม้จะมีสายเลือดอะไรที่ท่านว่านั้นอยู่ในกาย พลังของข้าก็มิอาจทะลวงขึ้นไปได้ในชั่วพริบตา ข้าจะมีความสามารถอะไรไปช่วยท่านได้เล่า""เรื่องของวันข้างหน้า ใครเล่าจะรู้ได้ ถือว่าข้าเดิมพันกับเจ้าครั้งหนึ่งก็แล้วกัน"ได้ยินเช่นนี้ฉงชูโม่ก็เงียบมิพูดอะไรอีก“จงตรึกตรองให้ดีเถิด อ้อ จริงสิ หากเจ้าหมายจะฝึกเคล็ดวิชานี้ให้สำเร็จ เจ้าจะต้องรักษาร่างบริสุทธิ์นี้ไว้ มิเช่นนั้น พลังของเจ้าจะหยุดอยู่ที่ระดับสวรรค์ตลอดไป และจะมิอาจก้าวหน้าได้แม้แต่น้อย”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ซ่างกวนอวิ๋นซีก็ป้ายอาญาสิทธิ์ออกมาจากอกเสื้อแล้วโยนใส่มือของฉงชูโม่“ป้ายนี้เจ้าจงเก็บไว้ให้ดี หากมีเรื่องจำ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 813

    หลังจากที่ซ่างกวนอวิ๋นซีฝึกตนเสร็จ นางก็มาที่หน้าต่างพลางยืดเส้นยืดสายขณะนั้นเอง นางชำเลืองมองไปยังคฤหาสน์ที่อยู่อีกฟากของคูเมืองจากระยะไกล!ที่หน้าลานเรือน ฉงชูโม่กำลังดูแลดอกไม้และต้นหญ้าอยู่ตรงนั้นซ่างกวนอวิ๋นซีหรี่ตามองนางครู่หนึ่ง ใบหน้าอันงดงามก็เผยสีหน้าตกใจอย่างเหลือเชื่อออกมาในทันที!จากนั้นร่างของนางพลันไหววูบ พริบตาเดียวก็หายไปจากที่เดิมแล้วที่ลานหน้าคฤหาสน์นั้นฉงชูโม่รู้สึกขึ้นมาทันทีว่ามีใครบางคนเข้ามา จึงเงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณทันใดนั้น ก็เห็นเงาร่างงามกำลังเดินเข้ามาช้า ๆ จากทางประตูสตรีผู้นี้งดงามปานล่มเมือง รูปร่างก็โดดเด่นน่าชื่นชม!ในวันที่หนาวจัดเช่นนี้ นางกลับสวมเพียงกระโปรงยาวสีแดงตัวเดียว ดูเหมือนจะมิรู้จักความหนาวเย็นจัดนั้นเลยฉงชูโม่หยุดมือพร้อมกับเผยสีหน้าประหลาดใจ นางเลิกคิ้วและถามว่า "ท่านเป็นเจ้าสำนักหอดารารักษ์ใช่หรือไม่?"ซ่างกวนอวิ๋นซีพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับพินิจพิจารณานางอย่างมิแสดงอารมณ์ใด "ฉินซูมิได้อยู่ที่นี่ ท่านคงมาเสียเที่ยวแล้ว"ฉงชูโม่มิได้สนใจนางมากนัก พูดจบก็ยังคงจัดการกับต้นกุหลาบสองสามต้นนั้นต่อไปแต่ซ่างกวนอวิ๋นซี

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 812

    มู่หรงเซี่ยวเทียนกล่าวต่อ “ประเด็นสำคัญที่สุดคือ แค่กำลังพลเพียงหมื่นนายเขาก็สามารถทำลายล้างแคว้นศัตรูลงได้ กลศึกทั้งบุ๋นและบู๊ของเขาเหนือกว่าคนธรรมดายิ่งนัก เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้นำที่เก่งกาจทั้งในสนามรบและการปกครอง! และที่สำคัญที่สุดคือ สถานะของเขายังสูงส่งมาก นับว่าเหมาะสมกับเจ้าอย่างยิ่ง!”เมื่อเห็นเขาพูดด้วยสีหน้าแย้มยิ้มยินดี ความอยากรู้อยากเห็นของมู่หรงอวิ๋นเจิงก็ถูกกระตุ้นขึ้น“เสด็จพ่อ ผู้ที่พระองค์ตรัสถึงคือผู้ใดหรือเพคะ? เขามีสามเศียรหกกร[footnoteRef:0]หรือเพคะ? มิเช่นนั้นเขาจะเก่งกาจปานนี้ได้อย่างไร?!” [0: สามเศียรหกกร อุปมาถึง เก่งกาจ มีความสามารถโดดเด่นเหนือคนทั่วไป] มู่หรงเซี่ยวเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “คนผู้นี้ก็คือ ฉินซู องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน!”มู่หรงอวิ๋นเจิงชะงักเล็กน้อย และอุทานด้วยความตกใจ “เสด็จพ่อ พระองค์ประสงค์ให้ลูกแต่งงานกับฉินซูหรือเพคะ”“เหตุใดเล่า เจ้ามิเต็มใจรึ?”“แต่ลูกได้ยินมาว่า รัชทายาทแห่งต้าเหยียนเป็นคนไร้ประโยชน์ รู้เพียงแต่หมกมุ่นกับสุรานารี...”“เฮ้อ ข่าวพวกนั้นก็แค่ข่าวลือเท่านั้น หากฉินซูเป็นพวกไร้ประโยชน์จริง ๆ เจ้าสำนักหอดาร

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 811

    “ก่อนที่จะอุทิศตนรับใช้อ๋องฉี กระหม่อมได้เดินทางท่องเที่ยวสำรวจในยุทธจักรอยู่เป็นนิจ จึงได้ผูกมิตรภาพกับเหล่าสหายมากหลายจากต้าเหยียน บางคนเป็นจอมยุทธ์พเนจรในยุทธภพ และบางคนก็เป็นผู้ทรงเกียรติจากตระกูลราชบัณฑิตที่มีชื่อเสียงในคราที่กระหม่อมตกทุกข์ได้ยาก พวกเขาทั้งหลายต่างยื่นไมตรีให้แก่กระหม่อม เพียงแต่องค์รัชทายาทผู้รอวันปลดผู้นั้นมีอำนาจยิ่งใหญ่เกินไป กระหม่อมมิอยากลากคนอื่นมาเดือดร้อนด้วย จึงจำใจต้องหนีมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูพูดโดยมิลังเลมู่หรงหัวได้ฟังคำพูดนั้น ก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าตนเลือกคนมิผิดจริง ๆ คนที่ดำรงอยู่ในยุทธภพได้อย่างเสรีเช่นนี้ จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไรกันเล่า!เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ปลอบใจว่า "ท่านหาได้ต้องกังวลไม่ พี่ฉินผู้นี้ ข้าเคยได้พบกับเขามาแล้ว เขาเป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมา มีอะไรก็พูดออกมาตรง ๆ มิเหมือนคนประเภทที่แค้นฝังหุ่นเยี่ยงนั้น!เขาเคยบอกกับข้าไว้ว่า เขามิเคยถือโทษท่านเลย อีกทั้งยังบอกด้วยว่า หากข้าตามหาท่านพบแล้วก็ให้รีบแจ้งเขา เขาจะได้มาทำความรู้จักกับท่านสักครั้ง"ใบหน้าของฉินซูเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เขาโบกมือปฏิเสธ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 810

    มู่หรงหัวปลอบใจว่า "ท่านผู้อาวุโสจูเก๋อ สิ่งที่ตัวข้าพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริงทุกประการ อีกทั้งหากมีข้าอยู่ ก็ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องท่านแน่!""กระหม่อมหาได้เคยพบกับองค์ชายสามมาก่อนไม่ มิทราบว่าเหตุใดท่านจึงประสงค์จะเป็นที่พึ่งแก่กระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ?"มู่หรงหัวยิ้มและไม่พูดอะไร ส่วนชีเหวยก็เอ่ยปากอธิบายว่า "ท่านผู้อาวุโสจูเก๋อ ในเมื่อท่านได้รับความไว้วางใจจากอ๋องฉี ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าท่านมีความสามารถโดดเด่นเพียงใดองค์ชายของพวกเราทรงรักและให้ค่ากับผู้มีความสามารถมาโดยตลอด จึงมิอยากเห็นท่านผู้มีความสามารถเช่นนี้ต้องถูกคนของศาลต้าหลี่จับกุมตัวกลับแคว้นต้าเหยียนไป ดังนั้นจึงเสด็จมาพบท่านด้วยพระองค์เองขอรับ!หากท่านมิรังเกียจ เหตุใดมิอุทิศตนรับใช้องค์ชายของเราเพื่อแสดงวิสัยทัศน์และอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ของท่านดูเล่า?"เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ฉินซูก็มิได้แสดงท่าทีใด ๆ ในทันที หากแต่จงใจก้มหน้าลงครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆมู่หรงหัวเห็นดังนั้นก็มิได้เร่งเร้ากระไร และเพียงรออย่างเงียบ ๆผ่านไปครู่ใหญ่ ฉินซูก็กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย "พระองค์เสด็จมาด้วยพระองค์เอง กระหม่อมรู้สึกเป็นเกียรติอย่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 809

    “บ่าวเพิ่งได้รับรายงานข่าวว่า มีชายคนหนึ่งสวมงอบเข้าพักที่โรงเตี๊ยมเทียนหลงเมื่อหนึ่งเค่อก่อน รูปร่างหน้าตาของเขาคล้ายกับภาพวาดของท่านผู้อาวุโสจูเก๋อถึงเจ็ดแปดส่วนทีเดียวพ่ะย่ะค่ะ!”“ส่งคนไปจับตาดูให้ดี อีกเดี๋ยวข้าจะไปที่นั่น!”“น้อมรับพระบัญชา!”เมื่อบ่าวรับใช้ถอยออกไปแล้ว มู่หรงหัวก็กลับไปที่ห้องแล้วเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดา จากนั้นก็พาคนสองสามคนออกจากจวนมุ่งตรงไปยังโรงเตี๊ยมเทียนหลงหลังจากมาถึงโรงเตี๊ยมเทียนหลงแล้ว มู่หรงหัวก็สั่งว่า “พวกเจ้าคอยเฝ้าหน้าประตูไว้ อย่าให้คนที่มิเกี่ยวข้องเข้ามาได้ ชีเหวย เจ้าตามตัวข้าเข้าไป!”“ข้าน้อยน้อมรับพระบัญชา!”ทันทีที่มู่หรงหัวเข้าไป เถ้าแก่ก็เดินเข้ามาต้อนรับทันที!“คุณชาย มิทราบว่าท่านจะกินอาหารหรือพักค้างแรมหรือขอรับ?”มู่หรงหัวหยิบภาพเหมือนออกมาจากอกเสื้อแล้วถามว่า “คนผู้นี้อยู่ที่ใด?”“คนผู้นี้...” เถ้าแก่เหลือบมองภาพเหมือนผาดหนึ่ง จากนั้นก็ลังเลที่จะพูดออกมามู่หรงหัวชำเลืองมองชีเหวย อีกฝ่ายก็หยิบก้อนเงินหนึ่งก้อนออกมาจากอกทันที!ดวงตาของเถ้าแก่เป็นประกายขึ้นทันใด เขากล่าวพร้อมยิ้มประจบเอาใจ "คุณชาย คนผู้นี้อยู่ที่ห้องส่วนตัวชั้นส

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status