การแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรัก เมื่อครบกำหนดเวลาก็แยกย้าย แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่จรดปลายปากกาเซ็นชื่อลงในใบหย่า เธอจะได้ของแถมติดท้องมาถึงสองชีวิต ++++++++++++++++++++ อัคนีพารถเข้ามาจอดที่หน้าสำนักงานเขต อรอมลยังนั่งร้องไห้มาตลอดทาง สิ่งที่เกิดขึ้นมันเลวร้ายที่สุด เกินกว่าที่เธอจะรับไหว อัคนีร้ายกาจและเย็นชาเกินไปแล้ว เขายังมีหัวใจอยู่ไหม “ลงมา” เสียงเรียกของชายหนุ่ม ปลุกหญิงสาวให้ออกจากภวังค์ความคิด ตากลมโตมองหน้าเขา ก่อนจะมองเลยไปยังสำนักงานเขตที่อยู่ด้านหลังเขา “มาที่นี่ทำไม” ถามพร้อมกับปาดน้ำตาออกจากแก้ม มองหน้าเขาด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ “อยากจดทะเบียนสมรสไม่ใช่เหรอ” อัคนีถามพร้อมกับมองหน้าเธอ คำตอบของเขาทำให้หญิงสาวยิ้มเย้ยหยันให้ตัวเอง แบบนี้เขาเรียกว่าตบหัวแล้วลูบหลังใช่ไหม ก่อนหน้านี้เขาปฏิเสธเธอไปแล้ว และเธอก็ไม่ต้องการมันอีก เธอไม่อยากเอาชนะใครอีกแล้ว “ไม่จำเป็น ฉันไม่อยากจด จะเอาฉันไปไว้ที่ไหนก็เชิญ” ตาแดงก่ำมองหน้าชายหนุ่ม ก่อนจะหลับตาลงเมื่อน้ำตามันพากันไหลลงมาอีกครั้ง
View Moreงานเลี้ยงโรงแรมหรูระดับห้าดาว ทันทีที่หญิงสาวรูปร่าง
สูงโปร่ง เกล้าผมสูงในชุดราตรีสีชมพูอมม่วงปรากฏตัว ก็ทำให้กลุ่มคนที่กำลังสนทนากันอย่างออกรสต้องหยุดชะงัก เมื่อใบหน้าสวยรูปไข่ฉีกยิ้มทักทายคนรู้จัก อวดฟันขาวสะอาดดุจไข่มุกเนื้อดีนั่น ทำให้ผู้พบเห็นต่างก็หลงเสน่ห์ไปตามๆกัน
“ไม่ยักรู้ว่าหนูเอยมางานนี้ด้วย” คุณพิมพ์แขเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น เมื่อหันไปเห็นร่างระหงที่กำลังก้าวเข้ามาในงาน น้ำเสียงกับท่าทางยินดีจนออกนอกหน้านั่น ก็ทำให้ ‘อัคนี’ ต้องหันไปมองตามสายตาของนาง เพราะอยากเห็นหน้าคนที่ทำให้
วงสนทนาหยุดลงอย่างกะทันหัน ตาคู่คมจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าสวยหวานที่กำลังยิ้มให้คนรู้จัก จึงอดสงสัยไม่ได้ว่า ‘หนูเอย’ ของคุณพิมพ์แขเป็นใครกัน
“เออ...เธอเป็นใครเหรอครับ”
“คุณอัคคงไม่เคยเห็นหน้าเธอสินะ นี่แหละค่ะทายาทของอมรพันธ์กรุ๊ป เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของประเทศไงคะ” คำตอบของคุณพิมพ์แขทำให้อัคนีสงสัยไปกันใหญ่ เขาก็คุ้นเคยกับอมรพันธ์กรุ๊ปเป็นอย่างดีแต่ทำไมถึงไม่รู้จักหรือเคยเห็นหน้าเธอ
“ลูกสาวคุณอมรเหรอครับ”
“ค่ะลูกสาวคนโต”
“ออ...ครับ” อัคนีรับคำแบบงงๆ แต่ก็ไม่แปลกใจอะไรขึ้นชื่อว่าอมรพันธ์กรุ๊ป ใครก็อยากรู้จักหรือผูกมิตรด้วยกันทั้งนั้น แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของอมรพันธ์นั้น มาจากฝีมือของใคร เรื่องนี้เขาไม่เคยแพร่งพรายให้ใครรู้ ว่าแท้จริงแล้วอมรพันธ์ก็เหลือแต่เปลือก ที่ยังอยู่มาได้ทุกวันนี้ก็เพราะชื่อเสียงที่สะสมมา บวกกับความสามารถในการบริหารงานของเขา คุณอมรจึงยังเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสายตาของคนอื่น แต่แท้จริงแล้วเขาต่างหากที่เป็นผู้มีสิทธิ์ขาดในนั้นแต่เพียงผู้เดียวมานานแล้ว
“สนใจเหรอคะ” คำหยอกเย้าของสตรีสูงวัยทำให้อัคนียิ้มมุมปาก เมื่อถูกจับได้ว่ามองเธออยู่
“เปล่าครับแค่สงสัย เธอเป็นลูกสาวคุณอมรแต่ผมกลับไม่เคยเห็น ผมคิดว่าคุณอมรมีลูกสาวคนเดียวซะอีก”
“หนูอรอุมาเป็นลูกภรรยาใหม่ค่ะ คุณอัคไม่ได้อยู่เมืองไทย เลยไม่ทราบสิคะว่าคุณอมรมีภรรยาสองคนแม่หนูเอยเป็นภรรยาคนแรก หนูเอยเธอไม่ได้อยู่กับคุณอมรหรอกค่ะ ตั้งแต่ที่คุณแม่เธอเสียเธอก็ย้ายไปอยู่กับคุณพรรณีย์ พี่สาวคุณอมร
น่ะค่ะ คุณอัคเลยไม่เคยเห็นเธอ”
“ออ...เป็นแบบนี้นี่เอง” อัคนีรับคำก่อนจะยกแก้วเหล้าในมือขึ้นจิบเพื่อกลบเกลื่อน ในวงการไฮโซใครๆต่างก็รู้ว่าคุณพิมพ์แขมีอาชีพเป็นแม่สื่อ นางมักจะจับคู่ให้คนที่ชอบพอกัน มีหรือที่นางจะดูท่าทางของเขาไม่ออก
“ถ้าคุณอัคไม่สนใจพี่ขอนะคะ ลูกชายท่านประมุขยังโสด ท่านฝากให้พี่ช่วยมองหาคนที่เหมาะสมมาเป็นสะใภ้ คุณอัคว่าหนูเอยเป็นไงคะ”
“ออ...เรื่องนี้ผมไม่มีความเห็นหรอกครับ เชิญคุณพิมพ์เถอะครับเธอมานั่นแล้ว” ปฏิเสธคำถามของคุณพิมพ์แขอย่างสุภาพ พร้อมกับผายมือให้นางอย่างมีมารยาท เมื่อหนูเอยของนางกำลังผ่านมาทางนี้พอดี ตาคู่คมลอบมองดวงหน้าหวาน ยิ่งใกล้ก็ยิ่งเห็นชัดว่าเธอสวยมากจริงๆ แต่จะสวยเพราะอะไรนั้นก็คงไม่ต้องเดา คลินิกศัลยกรรมโผล่ขึ้นเป็นดอกเห็ด แค่มีเงินก็สวยได้ตามต้องการ
“หนูเอยจำป้าได้ไหมคะ” คุณพิมพ์แขยิ้มให้ชายหนุ่ม ก่อนจะหันไปทักทายคนที่เดินผ่านมา เท้าบางหยุดชะงักเมื่อถูกเรียกเอาไว้ ใบหน้าสวยพยักให้คนที่ยืนฝั่งตรงข้ามส่งสัญญาณให้ฝ่ายนั้นรอก่อน เพราะต้องหยุดเดินเมื่อถูกขวางหน้าเอาไว้
“จำได้ค่ะ คุณป้าสบายดีนะคะ” ทักทายอย่างเป็นกันเอง ใครจะจำไม่ได้ก็เมื่อสองวันก่อนคุณพิมพ์แขเพิ่งไปทานข้าวกลางวันที่บ้านป้าของเธอ
“ป้าขอรบกวนเวลาหนูเอยสักครู่นะคะ” เอ่ยอย่างเกรงใจ เมื่ออยากจะคุยเรื่องนัดครั้งต่อไป ครั้งหน้านางจะพาคุณตุลลา
ลูกชายของคุณประมุขไปด้วย จะได้ไม่พลาดโอกาส
“ได้ค่ะ คุณป้ามีอะไรให้เอยรับใช้คะ”
“อุ้ยต๊าย! พูดอะไรแบบนั้นคะ วันก่อนคุณพี่ชวนป้าไปทานข้าวกลางวันด้วยกันน่ะค่ะ หนูเอยว่างวันไหนคะ” อัคนีแทบจะหลุดหัวเราะออกมา เมื่อคุณพิมพ์แขแสดงได้ไม่เนียน จะไปทานข้าวตามคำเชิญของป้า แต่กลับมาถามหลานว่าว่างวันไหน เด็กสามขวบก็คิดเป็น
“ช่วงนี้ร้านยังไม่เสร็จ เอยอยู่บ้านทุกวันค่ะ คุณป้าว่างวันไหนก็เชิญค่ะ เอยขอตัวก่อนนะคะพอดีเอยเจอเพื่อนค่ะ” อรอมลเอ่ยขอตัว เมื่อรู้สึกอึดอัดกับสายตาของคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง
คุณพิมพ์แข เธอแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักกับเขามาก่อน แต่ทำไมเขาถึงใช้สายตาแบบนั้นมองเธอ เสียมารยาทที่สุด
“ออเดี๋ยวค่ะ หนูเอยคะนี่คุณอัคนีค่ะ คุณอัคคะนี่หนูเอยอรอมล คุณอัคนีเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่นาน หนูเอยคงไม่คุ้นหน้า รู้จักกันไว้สิคะเผื่อมีเรื่องต้องช่วยเหลือกัน คุณอัคเป็นหุ้นส่วนกับคุณพ่อของหนูเอยค่ะ” สิ้นเสียงแนะนำตาสองคู่ก็
สบกัน อัคนีแน่ใจว่าสายตาที่เธอมองมาที่เขานั้น ไม่ใช่สายตาของคนที่เป็นมิตรอย่างแน่นอน เกิดอะไรขึ้นทำไมเธอถึงมองเขา
แบบนี้
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” อัคนีเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายก่อน พร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้า อรอมลมองมือของเขาเพียงนิด ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ แล้วเอ่ยทักทายตามมารยาท แต่น้ำเสียงที่ใช้กลับเย็นชาจนคนฟังจับได้ว่า เธอไม่อยากรู้จักกับเขาเลยสักนิด
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“เช่นกันครับ” ชายหนุ่มชักมือกลับ เมื่อเธอปฏิบัติสิ่งที่ตรงข้ามกัน
“เอยขอตัวก่อนนะคะคุณป้า” ทันทีที่กล่าวกับคุณ
พิมพ์แขจบ ร่างระหงก็เดินจากไปแม้แต่หางตาก็ไม่มองอัคนี
อีกเลย
“คุณอัคพูดเองนะคะว่าไม่สนใจเธอ พี่ก็เลยแนะนำให้รู้จักกัน” คำพูดของสตรีสูงวัยทำให้อัคนีต้องขมวดคิ้ว
“ยังไงครับ”
“เธอไม่ค่อยถูกกับคุณพ่อสักเท่าไหร่ พอรู้ว่าคุณอัคเป็นหุ้นส่วนกับคุณอมร ก็อย่างที่เห็นค่ะเธอก็จะไม่สนใจคุณอัคอีกเลย ทีนี้ต่อให้คุณอัคกลับคำเปลี่ยนใจมาจีบเธอ เธอก็จะไม่มองคุณอัคค่ะ คุณอัคพูดเองนะคะว่าไม่สน พี่ก็แค่ป้องกันเอาไว้ คนนี้พี่จริงจังค่ะ ฮ่าๆๆๆ” พูดจบคุณพิมพ์แขก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ผิดกับคู่สนทนาที่ยืนขบกรามนิ่ง ในหัวขบคิดอะไรบางอย่าง คุณพิมพ์แขรู้จักเขาน้อยเกินไปจริงๆ สมัยนี้การทำให้ใครอีกคนตกมาเป็นของเรา มันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก
ไอ้วิธีของคุณพิมพ์แขน่ะโบราณคร่ำครึ มีไว้ใช้กับพวกมากพิธี
แต่สำหรับเขาถ้าพอใจก็แค่ลากขึ้นเตียง
“คุณพิมพ์ฉลาดแบบนี้นี่เอง ท่านประมุขถึงไว้วางใจ”
“พี่เห็นว่าหนุ่มสาวเขาเหมาะสมกันค่ะ”
“ออ...ขอให้สำเร็จนะครับ” เหล้าในมือถูกสาดลงคอรวดเดียวหมดแก้ว เมื่อกล่าวคำอวยพรจบ ตอนแรกอัคนีก็ไม่ได้สนใจอะไรเธอมากมาย เพียงแค่รู้สึกถูกใจตามประสาผู้ชาย แต่พอเห็นสายตาเกลียดชังในดวงตาคู่นั้น ก็ทำให้เขาอยากเอาชนะ หนูเอยของคุณพิมพ์แขอายุเท่าไหร่กัน ทำไมถึงแยกแยะไม่เป็น เขาเป็นหุ้นส่วนกับคนที่เธอเกลียด แล้วเธอก็พาลมาเกลียดเขาไปด้วย โตแล้วต้องแยกแยะบ้างว่าอะไรควรไม่ควร จะมาเหมารวมแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน เหตุผลข้อนี้นี่เองที่ทำให้เขากลับมาสนใจเธอ ถ้าไม่มีใครสอนเรื่องมารยาท เขานี่แหละจะเป็นคนสอนเธอเอง คิดแล้วก็โมโหที่เธอปฏิเสธการทักทายแบบสากลของเขา เขาไม่กระชากเธอมาจูบต่อหน้าคนในงานก็บุญแล้ว ผู้หญิงคนนั้นรู้จักเขาน้อยไปจริงๆ หนูเอย อรอมล
"คุณอัค!" อรอมลหวีดร้องเมื่อถูกผลักให้ล้มลงบนที่นอน แขนแกร่งสอดเข้าใต้ข้อพับ ก่อนจะลากเธอมาที่ขอบเตียง ร่างสูงคุกเข่าลง มือหนากระชากผ้าชิ้นน้อย ที่ปิดบังดอกไม้งามจนขาดติดมือ ก่อนจะขว้างไปให้พ้นทาง ดันขาเรียวไปจนชิดหน้าอกจนส่วนนั้นแบะอ้าท้าทายสายตาของเขา ลิ้นร้อนแตะลงไปบนตุ่มไตเม็ดเล็ก คนตัวเล็กสะดุ้งเมื่อความอุ่นชื้นสัมผัสกับจุดที่เสียวกระสัน ลิ้นร้ายสะบัดเลียลงบนใจกลางความเป็นหญิง ก่อนจะห่อเกร็งแล้วสอดแทรกเข้าไปในช่องทางรักที่คับแน่น ชักเข้าชักออกเป็นจังหวะ แล้วเปลี่ยนมาสลับเลียวนไปทั่วบริเวณ ละเล็งซ้ำๆลงบนตุ่มเม็ดเล็ก ร่างบางบิดเกร็ง เมื่อความเสียวซ่านเข้าเล่นงาน ยามเมื่อนิ้วร้ายค่อยๆสอดแทรกเข้ามาในช่องทางรัก อัคนีโจมตีเธอทุกทาง เขาต้องการให้เธอขาดใจตายใช่ไหม "อ่ะๆๆคุณอัคเอยเสียว" ปล่อยเสียงครางออกมาอย่างลืมอาย สะโพกเล็กเกร็งขึ้นขยับรับลิ้นและนิ้วมือของเขา ชายหนุ่มอมยิ้มเมื่อน้ำรักสีใสไหลทะลักลงมาอาบนิ้วจนชุ่มฉ่ำ เมื่อส่งเธอไปจนสุดทาง ด้วยปากและนิ้วของเขา ลิ้นร้อนตวัดเลียดูดกลืนน้ำหวานอย่างไม่รังเกียจ ชักนิ้วออกจากช่องทางรัก จับความเป็นชายใหญ่โตมาจ่อที่ร่องรักคับแน่น
“แอ๊ะ(แอ๊ะ)” เสียงร้องของลูกที่ดังขึ้นกลางดึก ทำให้คนที่เพิ่งจะเคลิ้มหลับสะดุ้งสุดตัว เมื่อเสียงนี้เปรียบเสมือนนาฬิกาปลุกชั้นดี ที่ได้ยินตอนไหนต้องรีบตื่นตอนนั้น “นอนต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวเอยดูลูกเอง” คนตัวเล็กที่นั่งพิงหัวเตียงบอกกับเขา เมื่ออัคนีลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย “ไม่เป็นไรครับ ผมไหว” คนไหวส่ายหัวไปมาเมื่อคนตัวเล็กในเปลยังร้องไม่หยุด อรอมลจะไหวได้ยังไงเพราะตอนนี้สองหนุ่มแผดเสียงร้องพร้อมกัน ร่างสูงช้อนลูกคนเล็กขึ้นมาจากเปล เมื่อคนเป็นแม่คว้าลูกคนโตไปก่อน เท่ากับว่าตอนนี้พี่โอบจะได้ดื่มนมจากเต้า แต่น้องเอื้อจะได้ดื่มนมจากขวด ที่แม่เตรียมเอาไว้แทน "ตอนก่อนนอนพี่โอบก็ดูดเต้าแล้วไม่ใช่เหรอ" ถามเมื่ออุ้มลูกคนเล็กมานั่งดูแม่ป้อนนมคนโต "ก่อนนอนเอยป้อนน้องเอื้อค่ะ" อรอมลตอบสามี เมื่อเขาเข้าใจว่าเธอจำลูกผิดคน "หืม...ผมว่าพี่โอบนะ" "ไม่ใช่ค่ะ คุณอัคจำลูกผิดคนแล้ว เอยป้อนน้องเอื้อค่ะ"อรอมลบอกเมื่ออัคนียังสงสัยไม่หาย อัคนีอยากให้ลูกได้ดื่มนมจากแม่เท่าเทียมกัน เพราะสงสารถ้าใครคนหนึ่งต้องดูดขวดตลอดเวลา ถึงจะเป็นน้ำนมแม่เหมือนกั
อรอมลอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาล 1 อาทิตย์ หมอเห็นว่าแข็งแรงทั้งแม่และลูก ก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ โดยมีคุณพ่อทำหน้าที่เป็นคนขับรถ คุณพ่อคุณแม่มือใหม่เพิ่งรู้ตอนนี้ ว่าการเลี้ยงลูกไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ท่าทางกินอิ่มนอนหลับที่เห็นนั้น เกิดขึ้นแค่สองวันแรกเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นเด็กแฝดสองคนก็พากันแผลงฤทธิ์ใส่ จนคนเป็นแม่ไม่ได้นอนเลยสักคืน เพราะต้องลุกมาให้นมลูก โดยที่คุณพ่อก็ต้องตื่นมาอุ้มอีกคน เพื่อรอต่อคิวกินนมอีกข้าง บางครั้งอรอมลต้องปั๊มน้ำนมใส่ขวดเก็บเอาไว้ เพราะเวลาที่เจ้าแฝดหิวพร้อมกัน จะได้มีสำรองในขวดให้อีกคน "เหนื่อยไหม"เป็นอีกครั้งที่อัคนีถามภรรยา เมื่อช่วยกันกล่อมลูกจนหลับไปพร้อมกัน และเขาก็จะได้รอยยิ้มเป็นคำตอบ เพราะเธอไม่เคยบ่นว่าเหนื่อยเลยสักคำ "คุณอัคละคะเหนื่อยไหม"ถามเพราะว่าสามีก็ช่วยเธอไม่ห่างเช่นกัน "ไม่ครับผมมีความสุขที่สุด ที่ได้ช่วยเอยเลี้ยงลูก"คนปากหวานประจบเมีย ทั้งๆที่ตาจะหลับอยู่แล้ว "คุณอัคไปอาบน้ำสิคะเดี๋ยวเอยเฝ้าลูกเอง" "หลับแล้วคงไม่ตื่นแล้วแหละ อาบพร้อมกันได้ไหม"คำขอของสามีทำให้อรอมลอายจนหน้าแดง
อัคนีก้มมองคนในอ้อมแขน ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อนึกชื่อให้ลูกได้ อรอมลก็ยิ้มไปกับเขา เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสุขของเขา "คนพี่ผมจะตั้งชื่อเล่นว่าพี่โอบ ชื่อจริงว่าอธิ"พูดเมื่อมองหน้าลูกคนโตที่อยู่ในอ้อมแขนตัวเอง "ส่วนน้องผมตั้งชื่อเล่นว่าน้องเอื้อ ชื่อจริงว่าองศาเอยชอบไหมครับ"พูดกับลูกก่อนจะมองหน้าแม่ เมื่อถามความคิดเห็นของเธอ "พี่โอบ กับน้องเอื้อเหรอคะ" "ครับชอบไหม อธิกับองศา" "ชอบค่ะเพราะที่สุดเลย หนูชอบไหมคะพี่โอบ น้องเอื้อ"คนเป็นแม่ถามลูกๆ แต่ได้รอยยิ้มของพ่อเป็นคำตอบ เมื่ออัคนีดีใจที่ภรรยาชอบชื่อที่เขาตั้งให้ โอบกับเอื้อ สองชื่อนี้เหมาะกับลูกเขาที่สุดแล้ว เพราะว่าเขาและภรรยาก็มีชื่อเป็นอักษร อ.เช่นกัน อัคนีกับอรอมล เหมือนใครสักคนตั้งใจให้เขาและเธอมาคู่กันคิดเมื่อเผลอนึกย้อนไปไกล ถึงวันที่เห็นหน้าเธอครั้งแรก แม่ของลูกคือผู้หญิงที่ทำให้หัวใจเขาสั่นคลอนคนนั้นจริงๆ นาทีที่เธอฉีกยิ้มหวานให้ใครต่อใคร หัวใจเขาก็เต้นรัว แม้เขาจะได้แค่ใบหน้าบึ้งตึง กับสายตารังเกียจยาม เมื่อเธอมองมาที่เขาก็ตาม หนูเอยของคุณพิมพ์แข กลายมาเป็นหนูเอยขอ
อรอมลถูกย้ายมาที่ห้องพักฟื้น เมื่อหมอผ่าคลอดให้เธอ ลูกของเธอแข็งแรงและปลอดภัย และที่น่ายินดีที่สุดก็คือเธอได้ลูกชาย คนที่ดีใจที่สุดคงไม่พ้นอัคนี เพราะในใจลึกๆเขาก็อยากได้ผู้ชายมาตลอด "เจ็บมากไหม" ถามคนบนเตียงเมื่อเห็นใบหน้าที่อิดโรยของเธอ "ไม่เลยค่ะ เอยดีใจที่สุดเลย ที่คุณอัคเดินได้แล้ว" ถึงแม้จะมีเรื่องลูกมาเบี่ยงเบน แต่อรอมลก็ยังไม่ลืมเรื่องขา เพราะเธอดีใจที่สุด "ผมอยากวิ่งเล่นกับลูกไงครับ เลยอยากเดินให้เร็วที่สุด"พูดพร้อมกับลอบถอนหายใจ เมื่อคนบนเตียงยิ้มให้เขา "ได้วิ่งสมใจแน่ค่ะ คุณอัคได้ลูกชาย" "ดีใจที่สุดเลยครับ" "เอยก็ดีใจค่ะ" "ขอบคุณนะครับที่ให้ของขวัญที่มีค่ากับผม" "เอยก็ขอบคุณนะคะที่คุณอัครักเอย" "รักสิครับ รักตั้งแต่แรกเห็น ผมบอกกับตัวเองว่าหนูเอยคือแม่ของลูกผม ตั้งแต่สบตากันครั้งแรก" "โกหก สบตาเอยแต่พาผู้หญิงไปทำแบบนั้นในห้องน้ำอี๋น่าเกลียด" "ได้ทำที่ไหนละ แม่สาวกระโปรงม่วงมาห้ามไว้เสียก่อน" "เลยค้างและมาลงกับเอย" "อืม...หนูเอยรู้
อัคนีรู้สึกตัวตื่นกลางดึกเมื่อคนที่นอนข้างๆขยับตัวลุกขึ้นนั่ง "หนูเอย"เสียงงัวเงียเรียกภรรยาเมื่อลืมตามาดูเธอ "เป็นอะไรครับ"ถามเมื่อเห็นเธอเริ่มบิดตัวไปมา "เอยเจ็บท้องค่ะ น่าจะคลอด" "คลอด!"คนที่นอนนิ่งดีดตัวลุกขึ้นนั่ง คำว่าคลอดที่ได้ยิน หมายความว่าลูกเขากำลังจะลืมตาดูโลก และจากที่รู้มาถ้าถึงกำหนดคลอดคนเป็นแม่จะเจ็บท้องมาก เขาจึงอยู่เฉยไม่ได้ต้องรีบพาเธอไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด อันที่จริงกำหนดที่หมอนัดผ่าคือสัปดาห์หน้า แต่คงจะคลาดเคลื่อน "รอแป๊บนะครับ หนูเอย"คนที่เปลือยท่อนบนวิ่งไปหยิบเสื้อในตู้ ก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ "คุณ...อัค"อรอมลมองคนที่กระโดดลงเตียง ด้วยหัวใจที่เต้นคร่อมจังหวะ มือบางยกขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นเสียง เมื่อเห็นอัคนีวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ เธอไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม อัคนีเดินได้แล้วร่างสูงที่ยืนแปรงฟันหน้ากระจกมองตัวเองตาค้าง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าทำอะไรลงไป เขาดีใจที่ลูกกำลังจะลืมตาดูโลกจนลืมไปว่า...ขา ตาคมเข้มกะพริบถี่ๆหัวใจร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่อยากจะคิดต่อเลยว่าอรอมลจะรู้สึกอย่างไร ที่เห็นเขาเดินได้แบบนี้
Comments