แชร์

บทที่ 10

ผู้เขียน: จุ้ยหลิงซู
"คิดจะไปเนินจันทร์เด่นค้นหาตัวยาสิบชนิดไม่น่าจะเป็นไปได้เสียแล้ว"

ฟู่จาวหนิงส่ายหัวถอนหายใจ

"ผิดแผน ผิดแผน"

นางคิดไม่ถึงเลยว่าการเลือกอ๋องเจวี้ยน พอแต่งงานด้วยแล้วจะเจอเรื่องยุ่งยากขนาดนี้ แต่ว่าพอคิดไปถึงผู้เฒ่าฟู่ นางก็ตั้งสติใหม่ขึ้นมา

ก็แค่หาตัวยาเองไม่ใช่หรือ?

ต่อให้ไม่มีเงื่อนไขนี้ นางก็ยังต้องออกไปหายาอยู่ดี สถานการณ์ตระกูลฟู่ตอนนี้ลำบากยากแค้นมาก ที่บ้านไม่เหลือเงินอีกแล้ว คิดจะซื้อยามาก็สิ้นเปลือง ถ้าหากเขาจันทร์ลับฟ้าทางนั้นมีตัวยา นางไปขุดมาไม่ต้องใช้เงินไม่ดีกว่าหรือ?

พอคิดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็ใจเย็นลงมา

"ลูกชิ้นนี้อร่อยดีจัง"

หงจั๋วกับเฝิ่นซิงเห็นว่านางดูใจเย็นขนาดนี้ ก็กลับกังวลแทนนางขึ้นมา ตอนนี้ดูแล้วเหมือนพระชายาคนนี้จะไม่มีมาด ไม่น่ากลัว ในใจพวกนางจึงคาดหวังให้ฟู่จาวหนิงสามารถนั่งในตำแหน่งพระชายานี้ได้อย่างมั่นคง

ส่วนโถงพิธีมงคลทางนั้น องค์จักรพรรดิยังคิดจะถามคำถามอ๋องเจวี้ยนอีกสักหน่อย แต่ไทเฮากลับมึนหัวขึ้นเสียแล้ว

"องค์จักรพรรดิ ฮองเฮา พวกเรากลับวังกันเถิด อายวนเร่งร้อนแต่งงาน ไม่มีอะไรจะเลี้ยงด้วย" ไทเฮาดูเหมือนไม่อยากจะอยู่ต่อแล้ว

"นี่."

องค์จักรพรรดิรู้สึกเหมือนงานแต่งงานใหญ่ของอ๋องเจวี้ยนมีบทแค่นี้เองหรือ พวกเขาแค่มาเดินผ่านฉากแค่นี้ ในใจรู้สึกเสียใจเล็กๆ

"องค์จักรพรรดิ" ฮองเฮายืนขึ้นมา "ไทเฮาพูดถูกแล้ว พวกเราอยู่ที่นี่ทุกคนคงจะทำตัวกันไม่ถูก สู้กลับกันก่อนดีกว่า หลังจากนี้สามวัน ใครจะรู้ว่าคนที่ผ่านประตูในวันนี้จะเป็นพระชายาหรืออนุภรรยา? แล้วถ้าคุณหนูฟู่ต้องกลายเป็นอนุภรรยาไปจริงๆ เช่นนั้นการรับเจ้าสาวของอ๋องเจวี้ยน พวกเราทั้งหมดก็มาร่วมงานแล้ว จะไม่ยุติธรรมกับพระชายาที่แท้จริงภายหลังเอานะ"

พูดจบประโยคนี้ ฮองเฮาก็หัวเราะเย็นชาในใจขึ้นมา

นางตัดสินไปแล้วว่าฟู่จาวหนิงไม่มีทางทำภารกิจนั้นสำเร็จ

ฟู่จาวหนิงถ้าไม่ตายในเขาจันทร์ลับฟ้า ก็ทำได้แค่ไปเป็นอนุภรรยาเท่านั้น!

อนุภรรยาคนหนึ่ง แต่ยังคิดจะให้ฮองเฮามาอยู่ที่นี่เพื่ออวยพรนาง? ใครจะไปให้เกียรติกัน

องค์จักรพรรดิพอฟังนางพูดเช่นนี้ ก็ลุกขึ้นยืนด้วย

"ที่ฮองเฮาพูดมาก็มีเหตุผล อายวน เช่นนั้นข้าจะกลับวังก่อนแล้ว"

อ๋องเจวี้ยนโค้งเอวเล็กน้อย "กลับดีดี"

องค์จักรพรรดิขมวดคิ้ว

มาพูดว่ากลับดีดีกับเขาได้อย่างไรกัน?

ทำไมไม่พูดอะไรอย่างคารวะองค์จักรพรรดิที่ดูเป็นทางการหน่อย?

อายวนตั้งแต่เล็กไม่ได้ชุบเลี้ยงในวัง เป็นเรื่องผิดจริงๆ สินะ

ไทเฮาองค์จักรพรรดิฮองเฮาทั้งสามคนไปได้ แต่แขกเหรื่อที่มาอวยพรยังไม่กล้ากลับไป

ถ้าไม่ใช่ฮองเฮาที่เพิ่งนึกเงื่อนไขนั้นออก องค์จักรพรรดิกับไทเฮาคงจะอยู่ที่นี่เพื่อให้หน้ากับอ๋องเจวี้ยนแล้ว เพราะอะไรกัน?

เพราะในมืออ๋องเจวี้ยนมีป้ายทองเลี่ยงความตาย กระบี่ซ่างฟาง ตราประทับแคว้นเจาที่ไท่ซ่างหวงแหกกฎส่งมอบให้มา และสุดท้ายตราประทับแคว้นเจานี้ก็มีอำนาจมากที่สุด กระทั่งองค์จักรพรรดิเองก็ยังต้องกริ่งเกรง เพราะตราประทับแคว้นเจาสามารถสังการองค์รักษ์เงามังกรแห่งราชวงศ์ได้โดยตรง

นี่เป็นทหารลับกองหนึ่งที่ทรงพลานุภาพที่สุดในราชวงศ์แคว้นเจา

นอกจากอ๋องเจวี้ยนจะทำเรื่องอย่างคบค้าศัตรูทรยศแคว้น หรือมีโทษหนักหนาต่อราชวงศ์ มีหลักฐานแน่นหนา องค์จักรพรรดิจึงจะสามารถริบตราประทับแคว้นเจากลับ

มิเช่นนั้น อ๋องเจวี้ยนที่มีตราประทับนี้อยู่ ก็เหมือนกับมีกระบี่พาดแขวนไว้บนคอจักรพรรดินั่นเอง

เหล่าแขกเหรื่อเวลานี้ก็ดูชาญฉลาดมาก ทยอยกันเดินเข้าไปอวยพร

"ขอให้พิธีมงคลท่านอ๋องเจวี้ยน ยืนยาวนับร้อยปี"

"วันนี้เป็นฤกษ์งาม ขออวยพรท่านอ๋องเจวี้ยน"

"อ๋องเจวี้ยนช่างดูสีหน้าเบิกบาน คนเราจะแจ่มใจปรีดาในช่วงเวลาแห่งความสุขจริงๆ"

"อวยพรท่านอ๋องเจวี้ยนมีทายาทไวไว"

ไม่ว่าสามวันถัดจากนี้ฟู่จาวหนิงจะหาตัวยากลับมาได้สิบชนิดหรือไม่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องสนใจ ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเขาก็กราบไหว้ฟ้าดินในพิธีไปแล้ว ก่อนหน้าที่อ๋องเจวี้ยนจะพูดอะไร ฟู่จาวหนิงก็คือพระชายาอ๋องเจวี้ยน

ซ่งหยวนหลินไม่อยากออกไป แต่พอได้ยินคนเหล่านี้เข้ามาอวยพรกันเซ็งแซ่ นางก็รู้สึกไม่ยินดีนัก

"เชอะ รอก่อนเถอะ ฟู่จาวหนิงแค่อนุภรรยาก็ยังไม่คู่ควร!"

ซ่งหยวนหลินกัดฟันเหี้ยมเกรียม กระทืบเท้าเบียดตัวเข้าไปอยู่ข้างกายอ๋องเจวี้ยน

"ท่านพี่หลันยวน ข้าไม่รู้ว่าท่านถูกฟู่จาวหนิงทำให้ลุ่มหลงขนาดนี้ได้อย่างไร แต่ว่าท่านต้องตั้งสติเสียหน่อยนะ คืนนี้ห้ามเข้าหอกับ..."

นางยังไม่ทันพูดจบ อ๋องเจวี้ยนก็ตัดบทนางขึ้นมา

"ซ่งหยวนหลิน"

เสียงนางเย็นเฉียบ "ข้าไม่เคยอนุญาตให้เจ้าเรียกข้าเช่นนี้ เจ้าต้องเรียกข้าว่าอ๋องเจวี้ยนเช่นเดียวกับคนอื่น ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ให้เรียกท่านอ๋อง ความสัมพันธ์พวกเราไม่ได้สนิทชิดเชื้อขนาดนั้น"

"ท่านพี่หลันยวน"

ซ่งหยวนหลินมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ

"ชิงอี โยนนางออกไปด้วย" อ๋องเจวี้ยนพอเห็นว่านางยังไม่ยอมแก้ไข จึงไม่คิดจะเสวนากับนางอีก ตะโกนเรียกชิงอีทันที

ชิงอีเดินเข้ามาทันควัน ยื่นมือจะคว้าตัวซ่งหยวนหลิน

ซ่งหยวนหลินทั้งรนทั้งโกรธ แต่พอเห็นท่าทีของอ๋องเจวี้ยนก็เหมือนไม่มีความเมตตาจิตเลย เขาคิดจะให้ชิงอีโยนนางออกไปจริงๆ!

"ข้าไปเองได้"

เพื่อรักษาหน้าตาสุดท้ายของตนเองไว้ ซ่งหยวนหลินจึงกระทืบเท้าหนักๆ หมุนตัวออกจากจวนอ๋องอย่างโกรธเคือง

หลังออกประตูมา ซ่งหยวนหลินก็หันหน้ากลับไปมองประตูใหญ่จวนอ๋องเจวี้ยน กัดฟันกรอด เอ่ยขึ้นอย่างเหี้ยมเกรียม "ฟู่จาวหนิง ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า! คอยดูเถอะ ข้าจะให้เจ้าตายอยู่บนเขาจันทร์ลับฟ้า!"

ตายอย่างน่าเวทนาไปเลย!

ก่อนหน้านี้ท่านพี่หลันยวนแม้จะไม่ค่อยสนใจนางนัก แต่ก็ไม่เคยไม่ไว้นางเช่นวันนี้มาก่อน แถมยังจะให้ทหารโยนนางออกมาอีกด้วย!

ท่านพี่หลันยวนไร้น้ำใจเสียจริง นี่เป็นเพราะฟู่จาวหนิงแน่

ซ่งหยวนหลินหมุนตัวจากไปอย่างเคืองๆ นางจะกลับไปจัดการทันที สามวันถัดจากนี้ จะต้องให้ฟู่จาวหนิงได้พบกับประสบการณ์เลวร้ายที่ยากจะลืมเลือน จากนั้นค่อยให้นางตายไป

แขกเหรื่อพอเห็นอ๋องเจวี้ยนไร้น้ำใจเย็นชาต่อซ่งหยวนหลิน ในใจก็ตึงเครียด

ผู้ดูแลรีบเดินเข้ามา "ท่านอ๋อง อาหารมงคลเตรียมเสร็จแล้ว"

"เชิญแขกเหรื่อทานอาหารเถอะ" อ๋องเจวี้ยนเอ่ยขึ้น

"ขอเชิญแขกทุกท่านร่วมรับประทานอาหาร วันนี้มีอาหารและเครื่องดื่มชั้นดี พวกเราจวนอ๋องเจวี้ยนจัดเตรียมสุราเลิศตระกูลอวิ๋นไว้ ทุกท่านลองชิมกันเสียหน่อย"

ผู้ดูแลเชิญแขกทั้งหมดเคลื่อนย้ายไปยังโถงสวนดอกไม้

พอได้ยินชื่อสุราเลิศตระกูลอวิ๋น ทุกคนก็ตกตะลึงไป

"สุราชั้นเลิศของตระกูลอวิ๋น? นับตั้งแต่ที่ตระกูลอวิ๋นลมสลาย สุราเลิศตระกูลอวิ๋นหนึ่งไหก็ปั่นมูลค่ากันขึ้นไปถึงหมื่นตำลึงเลยนะ"

มีคนรักสุราเอ่ยขึ้นมาทันที

"หนึ่งไหหมื่นตำลึงนั้นถูกต้อง แต่ถึงราคาสูงก็ไม่มีในตลาด ไม่มีใครหาซื้อสุราเลิศตระกูลอวิ๋นได้เลย"

เรื่องนี้สำหรับคนที่ชื่นชอบการดื่มสุราและมีรสนิยมแล้ว ถือเป็นเรื่องที่เจ็บปวดอย่างมากเลยทีเดียว เทศกาลไหว้พระจันทร์หรือสิ้นปีของทุกปี ตอนที่ทุกคนดื่มสุรากันมากที่สุด ก็มักจะมีคนหิ้วสุราเลิศตระกูลอวิ๋นเข้ามา

ไม่คิดว่าวันนี้จวนอ๋องเจวี้ยนจะหยิบเอาสุราเลิศตระกูลอวิ๋นออกมา!

พอมาถึงงานจัดเลี้ยง ก็เห็นสายใช้ยกสุราออกมาสามไห พวกเขาก็ฮือฮาขึ้นมา

"ไม่ใช่แค่ไหนเดียว ไม่ใช่แค่ไหนเดียวด้วย!"

อ๋องเจวี้ยนพอลงมือก็หิ้วสุราเลิศตระกูลอวิ๋นเข้ามาถึงสามไห อู้ฟู่เสียเหลือเกิน!

สุราสามไหนี้ ทำให้บรรยากาศของงานเลี้ยงกระพือขึ้นทันที ทุกคนอารมณ์ครื้นเครงกันขึ้นมา คำอวยพรก็ยิ่งจริงใจมากขึ้นไปอีก

แต่ใครก็ไม่กล้าชนสุรากับอ๋องเจวี้ยน ไม่กล้าเตือนเรื่องสุรากับเขา ถึงอย่างไรทุกคนก็ล้วนรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนนั้นร่างกายอ่อนแอมากมาตั้งแต่เด็ก ถูกเลี้ยงอยู่ภายนอกมาหลายปี

"ส่งสุราให้ฟู่จาวหนิงชิมเสียหน่อยเถอะ ไหนๆ ก็เป็นพระชายาของข้าแล้ว แขกเหรื่อล้วนได้ดื่มสุราเลิศตระกูลอวิ๋นกันหมด นางอย่างน้อยก็ต้องได้รู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร" อ๋องเจวี้ยนคิดๆ

"เพคะ"

กาสุราเล็กใบหนึ่งถูกส่งไปยังห้องหอ

หงจั๋วรินให้ฟู่จาวหนึ่งแก้วหนึ่ง พอได้กลิ่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็ร้อง "เอ๊ะ" ขึ้นมา
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Boukong Doukaew
อ่านเกินเวลา หลอกกันไหมถ้าไม่ติดตามก่อไม่เพิ่มนิ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2581

    ฟู่จาวหนิงยกนิ้วโป้งให้กับเซียวหลันยวน"ตอนนี้ท่านมีความรู้เรื่องแพทย์บ้างแล้วนี่นา มองออกด้วยว่าเป็นตำรับยาบำรุงครรภ์""สามปีก่อนตำรับยาที่เจ้าใช้ข้าเคยเห็นอยู่ แน่นอนว่าต้องจำได้สิ"เซียวหลันยวนเองก็ไม่ได้เรียนแพทย์มา เพียงแต่ตอนนั้นตำรับยาที่ฟู่จาวหนิงกินเขาเองก็ได้อ่านอย่างละเอียดอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนั้นเขายังคอยมองดูของที่นางกินเข้าปากอย่างระมัดระวังด้วย ดังนั้นจึงจำวัตถุดิบยาที่เกี่ยวข้องได้กระทั่งของที่สตรีมีครรภ์ไม่ควรกินไม่ควรแตะต้องเขาก็ยังจำเอาไว้ดังนั้นตอนนี้พอเขาเห็นตำรับยานี้ก็สามารถมองออกได้ทันที"หนิงหนิง เจ้า..."สายตาของเซียวหลันยวนเหลือบมองลงไปบนท้องนางตามสัญชาตญาณ กลั้นหายใจ รู้สึกตึงเครียดหน่อยๆก่อนหน้านี้เดิมทีเขายังคิดว่า จาวหนิงตั้งครรภ์แค่ครั้งเดียวก็พอ จะลูกชายหรือลูกสาวก็ได้ถึงอย่างไรการคลอดเด็กสำหรับหญิงสาวแล้ว ถือเป็นเรื่องที่เหมือนเดินผ่านประตูผีเลยทีเดียวฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้ก็เคยคิดว่าตนเองจะตั้งครรภ์แค่ครั้งเดียวพอแต่ว่า น่าจะเพราะเด็กสองคนในครรภ์ที่แล้วว่าง่ายเกินไป ไม่ดื้อไม่ซนเกินไป คลอดออกมาได้ง่ายเสียขนาดนั้น จึงทำให้นางตอนนี้กัง

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2580

    เซียวหลันยวนวางชามชาลง แล้วจึงเหยียบขึ้นเส้นทางกลับเมืองหลวงอีกครั้งพอเข้าเมือง ความเจริญรุ่งเรืองและความคึกคักก็พุ่งเข้ามาทันทีในเมืองดอกไม้บานสะพรั่ง ประชาชนและพ่อค้าที่สัญจรไปมา ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่นี่มาสองปีหรือว่าเพิ่งจะเข้ามา ก็อดไม่ได้ที่จะต้องมองไปรอบๆ เนื่องจากถูกทิวทัศน์อันงดงามของเมืองหลวงและร้านรวงต่างๆ รายรอบดึงดูดและข้างถนนก็ยังมีร้านรวงอีกไม่น้อย วางขายของกระจุกกระจิกต่างๆ ของเหล่านี้พ่อค้าที่มาจากภายนอกก็ชอบไปเดินชม เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาไปสถานที่อื่นแล้วยังไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยความสดใหม่พ่อค้าที่มายังตงฉิงช่วงนี้ ยังมีบางส่วนที่พาครอบครัวมาด้วย น่าจะเพราะพอกลับไปเล่า เหล่าภรรยาและลูกก็รู้สึกสนใจต่อตงฉิงอย่างมาก ดังนั้นคนที่มีฐานะหน่อยจึงพาครอบครัวมาด้วยด้วยเหตุนี้ บนถนนเมืองหลวง จึงสามารถมองเห็นคนต่างถิ่นที่พาครอบครัวเข้ามาด้วย"องค์จักรพรรดิกลับเมืองแล้ว"ขณะที่รถม้าของเซียวหลันยวนแล่นไปตามถนนใหญ่ ประชาชนสองฝั่งทางถนนกับเหล่าพ่อค้าก็มองเข้ามา ในสายตาล้วนเป็นความภาคภูมิใจ สีหน้าล้วนแสดงถึงความเลื่อมใสศรัทธา"นั่นคืออ๋องเจวี้ยนหรือ?" ข้างทางม

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2579

    หยกตงฉิงขายออกไปครึ่งปีแล้ว และค่อยๆ มีชื่อเสียงขึ้นมาในแต่ละแคว้น อีกทั้งด้วยเหตุผลอีกหลายประการ ปัจจุบันปริมาณยังไม่มากพอ ดังนั้นราคาจึงถูกปั่นจนสูงลิบฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเสวียนทั้งสองคนหารือถึงความร่วมมือกับพ่อค้าใหญ่ในแคว้นต่างๆ ในนี้มีคำสั่งซื้ออยู่ไม่น้อยเลย แค่เหมืองหยกของตงฉิงแห่งนี้ ก็สามารถนำกำไรมหาศาลมาให้ตงฉิงได้แล้วเพราะการปรากฏตัวของหยกตงฉิง จึงดึงดูดพ่อค้าจำนวนมากหันมาสนใจตงฉิงมากขึ้นและตงฉิงตอนนี้ถ้าจะเข้ามาต้องได้ใบรับรองที่ด่านชิงอวี้ก่อน ด่านชิงอวี้นี้ เฉิงอวิ๋นเจี้ยนนำคนเข้าไปประจำการอยู่พวกเขามีสายลับอยู่ พอพบว่าคนที่จะเข้าตงฉิงมีพิรุธ ก็จะส่งข่าวไปที่ตงฉิงอย่างรวดเร็ว และหอเมืองของตงฉิงก็จะเตรียมปืนใหญ่พิทักษ์แคว้นขึ้นทันทีพวกของเซียวหลันยวนในช่วงสองปีที่ตระเตรียมเรื่องเหล่านี้ หลายครั้งที่ทำงานหนักจนลืมกินลืมนอน ยุ่งกันมากๆแต่ก็อาจเป็นเพราะต่างฝ่ายต่างยุ่ง จึงไม่มีมีเวลาอยู่ด้วยกันบ่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ยินเรื่องราวของอีกฝ่ายจากปากของคนอื่น ความสัมพันธ์ระหว่างเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงกลับมีแนวโน้วที่ดีขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะตอนที่ได้ยินประชาชนหรือข้าร

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2578

    ความหมายที่ว่าเซียวหลันยวนไม่ได้ตรงไปตรงมานักก็คือ สองปีนี้อันที่จริงเขาก็ส่งสายลับไปหาเรื่องแคว้นต่างๆ อยู่เนืองๆคนพวกนั้นจะทำทุกวิถีทางเพื่อส่งข้อมูลผิดพลาดให้กับจักรพรรดิของแต่ละแคว้น หรือไม่ก็สร้างความขัดแย้งและปัญหาบางอย่างในหมู่ขุนนางพวกเขา เพื่อให้พวกเขาไม่หันมาสนใจตงฉิงมากนักกระทั่งยังทำให้พวกเขาคิดว่า ตงฉิงทางนี้เกิดภัยธรรมชาติขึ้นอีกครั้ง ต่อให้พวกเขามาแย่งชิงไปก็ไม่คุ้ม ไม่ค่อยได้รับประโยชน์เท่าไรตอนนี้ในเมืองหลวงแคว้นต่างๆ พอได้ยินชื่อตงฉิง ก็มีข่าวลวงผิดพลาดสับสนวุ่นวายอยู่ไม่น้อยเลยเซียวหลันยวนไม่สนใจสักนิดว่าตงฉิงตอนนี้จะมีชื่อเสียงดีหรือไม่ดี เพราะตอนนี้สำหรับพวกเขาแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือช่วงชิงเวลาที่เพียงพอมาทำให้ตงฉิงขยับขยายอย่างแข็งแกร่งขึ้นมา"แต่เหมือนข้าจะเห็นว่าช่วงนี้ในเมืองหลวงมีคนหน้าใหม่ไม่น้อยเลยนะ" อันชิงเอ่ยขึ้น"มีคนที่ดูเหมือนพวกพ่อค้าเข้ามาไม่น้อยเลย" องค์หญิงหนานฉือเองก็พูดขึ้นมาฟู่จาวหนิงยิ้มๆ "แน่นอน เรื่องอย่างหาเงินหากำไร พวกพ่อค้ามักจะมีความรู้สึกไวอยู่เสมอ ขณะที่พวกเราส่งข่าวลวงไปทางแคว้นต่างๆ พวกนั้น ก็จะแอบส่งข่าวปกติให้กับพ่อค

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2577

    หนึ่งปีต่อมา ทุกด้านของตงฉิงก็เข้าที่เข้าทางแล้วและตอนนี้เอง จักรพรรดิและเหล่าขุนนางของแคว้นอื่นจึงเพิ่งได้ยินข่าวที่มากขึ้นของตงฉิงอันที่จริงครึ่งปีก่อนพวกเขาเองก็ได้ยินมาแล้วแต่ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้ใส่ใจนัก รู้สึกว่าอ๋องเจวี้ยนเซียวหลันยวนแค่ถูกจักรพรรดิเจาบีบจนไม่มีทางเลือก ดังนั้นจึงต้องหาทางรอดในสถานการณ์สิ้นหวังก่อนหน้านี้แต่ละแคว้นก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ส่งคนออกไปสำรวจซากปรักหักพังของตงฉิง ซึ่งมีทั้งที่หาไม่พบ มีทั้งหาพบบ้างบางส่วน จากนั้นก็ได้พบว่ามันเป็นเมืองร้างที่ "ตาย" ไปในกระแสประวัติศาสตร์แล้วต้องใช้แรงคนและทรัพยากรมหาศาลเลยทีเดียว แล้วพวกเขาเองก็มีแผ่นดินของตนเองอยู่แล้ว จึงไม่ได้ไปทุ่มเทเสาะหาต่อเท่าไรนักดังนั้นในใจคนมากมาย ตงฉิงก็เป็นเช่นนั้น เจอกับซากปรักหักพังแล้วทำไมล่ะ? เมื่อไม่มีคน ทั้งหมดก็สูญเปล่าจะให้พวกเขาส่งคนมากมายเข้ามา ก็น่าจะต้องเหน็ดเหนื่อยทั้งกายใจ ไม่รู้ว่าจะต้องลงทุนเงินทองอีกเท่าไรจึงจะสร้างให้ดีขึ้นได้ทุกคนแม้จะสนใจต่อทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ในอดีตของตงฉิง แต่ถ้าจะต้องบุกเบิกก็ไม่มีความสนใจกันแล้วดังนั้น ต่อให้รู้ว่าเซียวหลันยวนพาคนไปที่ตงฉิ

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 2576

    สามเดือนต่อมา ตงฉิงฟื้นฟูแคว้นราชวงศ์ตงฉิงเซียวหลันยวนขึ้นเป็นจักรพรรดิ มีนามว่าจักรพรรดิหมิงหนึ่งเดือนต่อมา จักรพรรดิหมิงสถาปนาฟู่จาวหนิงขึ้นเป็นฮองเฮา เซียวหลิงอี้ลูกชายคนโตขึ้นเป็นองค์รัชทายาทซืออวี๋ชิงจวินเป็นราชครูแคว้น เสิ่นเสวียนเป็นเสนาบดีซ้าย อันเหนียนเป็นเสนาบดีขวาฟู่จิ้นเชินขึ้นเป็นพระสัสสุระแห่งราชวงศ์ฟู่จาวเฟยถูกแต่งตั้งเป็นขุนพลเฟยหู่ จงเจี้ยนเป็นผู้บัญชาการราชองครักษ์ถังอู๋เจวี้ยนไม่ต้องการเป็นข้าราชการ ถังอู๋เยว่เข้าร่วมสำนักหมอหลวง แต่เพียงแค่ดูแลการรับแพทย์มาชั่วคราวเท่านั้น เพราะตอนนี้สำนักหมอหลวงยังมีแค่คนไม่กี่คนส่วนต่งฮ่วนจือศิษย์พี่รองฟู่จาวหนิงก็พาคนเข้ามาหลายคน แนะนำให้เข้าไปยังสำนักหมอหลวงองค์หญิงหนานฉือกับอันชิงทั้งสองคนเปิดสำนักศึกษาหญิงขึ้นแห่งหนึ่ง มีชื่อว่าสำนักศึกษาอวิ๋นจานหน่วยตีอาวุธของตงฉิงปัจจุบันถือว่าสำคัญอย่างยิ่งยวด ถังอู๋เจวี้ยนเองก็มีตำแหน่งอยู่ในนี้ คอยช่วยงานชั่วคราวฮองเฮาฟู่จาวหนิง ในช่วงนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความรอบรู้และพรสวรรค์หลากหลายของนาง นางแทบจะกลายเป็นคนที่มีความสามารถในทุกที่ สำนักหมอหลวงมักเชิญนางไปสอน หน่วยตีอา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status