กู้เฉิงเหยียนกำลังจะแต่งงานกับรักแรก เจียงหร่านที่อยู่กับเขามาเจ็ดปีกลับไม่ตีโพยตีพาย แล้วยังช่วยจัดงานแต่งให้พวกเขาอย่างยิ่งใหญ่ด้วย วันที่เขาจัดพิธีมงคลสมรส เจียงหร่านก็สวมชุดเจ้าสาวเช่นกัน บนถนนอันกว้างใหญ่ รถแต่งงานสองคันแล่นสวนกัน ตอนที่เจ้าสาวทั้งสองแลกช่อดอกไม้กัน กู้เฉิงเหยียนได้ยินเสียงเจียงหร่านบอกว่า “ขอให้มีความสุขนะ!” กู้เฉิงเหยียนไล่ตามอยู่ไกลหลายสิบกิโลเมตร ถึงได้ตามรถแต่งงานของเจียงหร่านทัน เขาดึงเจียงหร่านเอาไว้แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น “เจียงหร่าน เธอเป็นของฉัน” ผู้ชายคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถแต่งงานแล้วดึงเจียงหร่านเข้าไปกอด “ถ้าเธอเป็นของคุณ แล้วผมล่ะเป็นใคร?”
view moreคนพูดกันว่ากิน ๆ เที่ยว ๆ เป็นอะไรที่ผ่อนคลายที่สุดแล้ว แต่ความรู้สึกของเจียงหร่านกลับเหนื่อยล้าหลังจากเธอกับเจียวคังกลับมาจากสวนเกษตรป่าดอกท้อก็หลับไป ซึ่งหลับนานถึงสี่ชั่วโมงเต็ม ๆ สุดท้ายก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์อีกอย่างก็เป็นเบอร์ของเจียวคังโทรมา“ฮัลโหล…” นอนนานเกินไปหน่อย เสียงของเจียงหร่านจึงฟังดูอ่อนแรง“พี่หลับอยู่เหรอ?” เจียวคังฟังออก“อืม กลับมาก็หลับเลย ทำไมเหรอ?” เจียงหร่านพลิกตัวถึงพบว่าร่างกายอ่อนปวกเปียกไปหมดอาการแบบนี้ไม่ปกติ เธอเองก็รู้สึกได้“ไม่มีอะไร เมื่อกี้เพิ่งได้รับข่าวว่าวันนี้สามีของพี่ก็ไปสถานที่ที่เราไปเหมือนกัน แต่เขามาแล้วก็ไป เรื่องนี้…ตอนแรกก็ไม่มีอะไรหรอก แต่กลัวว่าจะทำให้เข้าใจผิด ก็เลยบอกพี่ไว้” เจียวคังกลัวว่าเจียงหร่านจะมีปัญหาเธอตอบอ้อออกมา จากนั้นก็ถามว่า “ทางนายมีปัญหาเหรอ?”“ไม่มี ผมเป็นห่วงว่าทางพี่จะมีมากกว่า” เจียวคังพูดออกไปตรง ๆ“นายไม่มี ฉันก็ยิ่งจะไม่มี” เจียงหร่านลูบหน้าผากของตัวเองที่เหมือนจะร้อนเล็กน้อย“งั้นก็ดี แต่ว่าพี่ไม่ปกติจริง ๆ นะ ไม่สบายหรือเปล่า ให้ผมพาพี่ไปโรงพยาบาลไหม?” เจียวคังถามอย่างห่วงใยเจียง
คำพูดสุดท้าย ฟู่เจาหยางไม่ได้พูดออกไป แต่อย่างอื่นพูดออกไปหมดแล้ว“เขาต้องการภูเขานั้นเพียงเพื่อเจียงหร่านจริงเหรอ?” กู้เฉิงเหยียนพึมพำเสียงเบา ฟู่เจาหยางมองนาฬิกาทรายที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของกู้เฉิงเหยียน ทรายเม็ดละเอียดค่อย ๆ ไหลลง ดูเชื่องช้า แต่สุดท้ายก็ไหลลงทีละเล็กทีละน้อยจนหมด กู้เฉิงเหยียนเองก็ค่อย ๆ สูญเสียเจียงหร่านไปแบบนี้เหมือนกันเขาเป็นคนนอกยังเข้าใจ แต่กู้เฉิงเหยียนเหมือนจะไม่เข้าใจอะไรเลย เอาแต่คิดว่าที่เจียงหร่านถอดใจเป็นเพราะการแต่งงานในครั้งนั้น กลับไม่รู้เลยว่านั่นเป็นเพียงฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เธอหมดรักเขา“ไม่รู้ แต่ฟังจากความหมายแล้ว” ฟู่เจาหยางเงยหน้ามองกู้เฉิงเหยียนที่ดูเซื่องซึมไปทั้งตัว “เขาแย่งมาเพื่อเจียงหร่าน แล้วนายจะปล่อยมือเพื่อเธอไม่ได้เหรอ?”กู้เฉิงเหยียนเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งมองมา ครู่ต่อมาก็พยักหน้า “ถ้าเขาทำเพื่อเจียงหร่าน ฉันก็จะ…”“เฉิงเหยียน เจียงหร่านทิ้งนายไปแล้วก็จริง แต่เธอก็คงไม่อยากเห็นนายในสภาพน่าสิ้นหวังแบบนี้” เจ็ดปีที่ผ่านมา ฟู่เจาหยางกับเจียงหร่านค่อนข้างจะสนิทกันเบื้องหน้าเจียงหร่านดูเย็นชา แต่ในใจกลับอ่อนโยนและจิตใจดีอย่าง
“พี่ลู่เซียว” ฟู่เจาเจาวิ่งเข้ามาในชุดออกกำลังกายสีขาวมีชีวิตชีวาปีนี้เธอเพิ่งจะอายุสิบแปด เป็นช่วงวัยที่กำลังเต็มไปด้วยความสดใส“เจาเจายิ่งโตยิ่งสวยนะเนี่ย” อย่าเพิ่งเห็นว่าเมื่อกี้ลู่เซียวมีท่าทีหลีกเลี่ยงเธอ แต่พอฟู่เจาเจาเข้ามา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีเฮ่อเฉินโจวตั้งฉายาเสือสองหน้าให้ลู่เซียวก็เพราะเหตุนี้ อย่ามองแค่ว่าลู่เซียวดูต่ำตมเวลาอยู่กับเฮ่อเฉินโจว เวลาอยู่ข้างนอกก็เป็นถึงพี่เซียวผู้โด่งดังเชียวนะแก้มของฟู่เจาเจาแดงระเรื่อ สายตาที่มองลู่เซียวเป็นประกายวิ้ง ๆ สาวน้อยไม่เคยปกปิดความรู้สึกได้เลยสักนิด สายตานี้ทำเอาลู่เซียวทำตัวไม่ถูก เขากระแอมไอออกมา “ไม่เห็นพี่เฮ่อรองของเธอหรือไง?”“พี่รอง” ฟู่เจาเจาได้รับความรักจึงเติบโตมาอย่างดี เห็นใครก็เรียกว่าพี่เสียงอ่อนเสียงหวานเฮ่อเฉินโจวพยักหน้าเบา ๆ เป็นการตอบรับ ในตอนนี้เองฟู่เจาหยางก็เดินเข้ามา ภายใต้เสื้อลายสก็อตตัวโคร่งคือกางเกงยีนสีฟ้า ดูชิล ๆ สบาย ๆ “ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ไม่ไปสนุกตรงนั้นล่ะ?”ฟู่เจาหยางพูดถึงคนอีกกลุ่มที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งมาด้วยกันกับพวกลู่เซียว เพียงแต่ว่าท่านเฮ่อรองไม่ยอมไป ลู่เซียวจึงต้องอยู่ที
“ช่วงนี้อินฟลูเอนเซอร์คนนี้ว่างจังเลยนะ ไม่ดื่มกาแฟก็กินเนื้อย่าง”คนอย่างลู่เซียวน่ะค่อนข้างนิสัยเสียเลยล่ะ ขนาดเฮ่อเฉินโจวยังไม่พูดอะไร เขาก็ให้คนส่งรูปมาเรียบร้อย ขณะที่ดูก็พร่ำบ่นกับเฮ่อเฉินโจวที่นั่งเอนพิงบนเก้าอี้อยู่ตรงข้าม พวกเขาไม่ได้ไปสวนเกษตรป่าดอกท้อ จึงมาที่ท่าเรือดอกแพรแทน ไหน ๆ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในฤดูใบไม้ผลิก็คือการดื่มด่ำบรรยากาศดี ๆ ขาเรียวยาวของเฮ่อเฉินโจวเหยียดออกมาครึ่งหนึ่ง มีแว่นกันแดดสีดำพาดบนสันจมูก ดูไม่ออกว่าเขากำลังหลับ หรือว่ากำลังมองอะไร“อาโจว นายดูเนื้อนี่ย่างกำลังดีเลย ฉันเหมือนได้กลิ่นหอมผ่านจอด้วยซ้ำ” ลู่เซียวเห็นเขาไม่สนใจตัวเอง ก็ยื่นรูปมาเฮ่อเฉินโจวเอียงหน้าตวัดสายตามองตามท่าทางของเขา ในรูปเจียงหร่านกำลังถือเนื้อย่างเสียบไม้ไว้ในมือ ดูสบายผ่อนคลายอย่างมาก อีกสองรูปเป็นตอนที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน ไม่รู้ว่าพูดคุยอะไร เจียงหร่านถึงได้ยิ้มแย้มแบบนั้นลู่เซียวมองเฮ่อเฉินโจว ก่อนจะพูดอย่างลองเชิง “หาอะไรให้เขาทำดีไหม? ถ้าปล่อยให้ว่างนานคงคิดไม่ซื่อได้ง่าย…”เฮ่อเฉินโจวพยักหน้าเบา ๆ “ก็จริง”สองคำนี้ทำให้ลู่เซียวตื่นเต้นในชั่ววินาที “คราวหลังฉันจะ
“ฮัดเช้ย!”เจียงหร่านจามออกมาเจียวคังหันมามอง “หนาวหรือว่าแพ้เกสรดอกไม้?”“มีคนกำลังนินทาฉัน” เจียงหร่านนั่งลงใต้ร่มกันแดดแล้วดื่มน้ำอัดลม ในหัวมีแต่รูปในอินสตาแกรมของฉินเจิงโผล่มาไม่หยุด “นายว่าถ้าการฆ่าคนผิดกฎหมาย แล้วการทารุณสัตว์ผิดกฎหมายไหม?”เจียวคังเหลือบมองเนื้ออมน้ำมันบนเตาย่าง “ไม่เคยได้ยินว่ากินเนื้อสัตว์ผิดกฎหมายนะ”เขาไม่เข้าใจความหมายของเจียงหร่าน เธอก็ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ เพียงพูดว่า “ทำไมทำได้ลงคอ?”“กุ้งก็มีชีวิตของกุ้ง ปลาก็มีชีวิตของปลา ภารกิจของพวกมันคือการสละชีวิตมาเป็นอาหารอันโอชะ” เจียวคังพูดไปคนละทางกับเจียงหร่านเจียงหร่านสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ บังคับให้ตัวเองสลัดภาพที่ไม่ควรใส่ใจออกไปจากหัว หันมาถามเรื่องที่ตัวเองสนใจแทน “เรื่องสร้อยคอว่ายังไงบ้าง?”“มันเป็นของตระกูลโจว ถ้าจะพูดให้ถูกคือเป็นของโจวฉือ” เจียวคังพลิกเนื้อบนเตาพลางเหลือบมองเจียงหร่าน “วันนั้นเขาเล่นเกมเก่งมาก ถ่ายแล้วรีบลบออกทันที” เจียงหร่านมองข้ามความสอดรู้สอดเห็นในดวงตาของเจียวคัง “แล้วตอนนี้สร้อยคออยู่ที่ไหน?”“เท่าที่ได้ยินมาเหมือนจะไม่ได้อยู่ในมือของโจวฉือตั้งแต่คืนนั้น ส่วนอยู่ที่ไห
คนที่นั่งหลับตาอยู่บนเบาะหลังมาตลอดทางลืมตาขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน แล้วปรายตามองรถคันที่คุ้นเคยนอกหน้าต่าง ก่อนจะหมุนแหวนบนนิ้วมือเล่นตาชั้นเดียวของลู่เซียวหันไปมองเฮ่อเฉินโจวพร้อมกับอมยิ้ม “สวยจริง ๆ ยิ่งมองยิ่งสวย…”คำพูดนี้ไม่รู้ว่าหมายถึงรถ หรือหมายถึงหน้าของใครบางคนกันแน่ตอนที่เฮ่อเฉินโจวหมุนแหวนบนนิ้วมือเป็นครั้งที่สามก็พูดขึ้นมาว่า “ที่นี่มีที่ให้กินข้าวด้วยเหรอ?”“ที่นี่คือจุดเช็คอินยอดฮิตที่กำลังดังในตอนนี้เลยนะ มาที่นี่ก็ต้อง…” ลู่เซียวพูดได้เพียงครึ่งก็หยุดพูด เขาหันไปมองเฮ่อเฉินโจวที่กำลังพิงเบาะอย่างสบาย ๆ “เฮ่อรอง คงไม่ใช่หรอกมั้ง?”“อืม” เฮ่อเฉินโจวตอบกลับเพียงหนึ่งคำลู่เซียวกระสับกระส่าย ตกใจจนปากเหวอกว่าปกติ “ไปไหม? ไม่ไปดูหน่อยเหรอ?”“ดูอะไร?” น้ำเสียงของเฮ่อเฉินโจวเรียบนิ่งแม้ว่าเขาจะเป็นแบบนี้เสมอมา แต่ท่าทางในตอนนี้ไม่ปกติอย่างมาก“ก็ไปดูว่าเจ้าของรถคัลลิแนนซีรีส์สองคันนี้นัดกับใครไว้น่ะสิ แถมยังเลือกสถานที่มีดอกท้อบานสะพรั่งสุดแสนโรแมนติกแบบนี้อีก” คำพูดของลู่เซียวเต็มไปด้วยความสอดรู้สอดเห็นและแซวเล่นเฮ่อเฉินโจวเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะกวาดสายตามองสี
Mga Comments