“ฮื้อออ อะ อ๊ะ พี่ผี บะ... เบากับฉันหน่อย อื้ออออ” เสียงหวานครางสูงในลำคอเมื่อความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย เนื่องจากไม่ประสานี่จึงเป็นสัมผัสแปลกใหม่ แต่ร่างกายกลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยราวกับเธอเคยร่วมรักกับชายตรงหน้าเมื่อยังมีชีวิตมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
แต่ถ้าจะอัดกันเอาๆ เหมือนลูกบาสแบบนี้ ถ้าไม่ติดว่าเป็นผีนะจะไปรีวิวติดลบในพันติ๊ปให้รู้กันทั่วเลย ผู้ชายยุคกรุงศรีมันรุนแรงกับผู้หญิงทุกคนเลยไหมเนี่ย
“มิคณามือเลยสักนิด มึงมีฤทธิ์เดชเพียงแค่นี้ อย่าได้หวังจักทำให้กูพึงใจได้เลย” เสียงหนั่นเนื้อกระทบกันดังก้องในโสตประสาท พร้อมกับเสียงทุ้มเยือกเย็นที่ส่อแววปรามาสไม่จบไม่สิ้น “มิลองไปเขาโรงรับทำชำเราบุรุษไปเป็นโสเภณีดูหรือไร เผื่อจักมีกลเม็ดพิชิตใจชายได้มากกว่านี้”
โรงรับทำชำเราบุรุษ? โสเภณี?
อ้อ ไอ้ผีหน้าหล่อนี่มันกำลังประชดว่าเธอเด็ดไม่เท่าน้องหรี่ตัวจริงอยู่นี่หว่า
“พะ... พูดแบบนี้ต่อยกันดีกว่า อะ อ๊า!” สิ้นประโยคนั้นความอุ่นร้อนก็โอบล้อมภายในท้องน้อยเมื่อชายร่างแกร่งเหนือตัวเสร็จสมดั่งใจหมาย ผีหนุ่มไม่ได้แสดงท่าทางอดกลั้นใดๆ เนื่องจากเมื่อตายเป็นผีแล้วมันไม่มีความรู้สึกถึงจุดสุดยอดจนหลั่งได้หรอก ที่ทำอยู่ก็ทำด้วยเศษเสี้ยวความคะนึงหาที่หลงเหลืออยู่ลึกๆ เท่านั้น
หรือถ้าให้พูดได้ตรงใจนัก ก็เพราะว่าวิธีเสพสมกับหญิงสาวเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการเสกของสกปรกเข้าสู่ร่างกายหล่อนนั่นเอง
ที่อุ่นวาบอยู่ในท้องของนาง นั่นก็คือเลือดจากศพของเขา ที่ปล่อยออกมาจากบาดแผลจนคับคั่งมดลูกหล่อน ไม่ต้องถามหาถึงเชื้อไขอสุจิหรอก ตายไปแล้วจะมีได้อย่างไร ที่พวยพุ่งเข้ากายนาง มีเพียงของสกปรกที่เขาต้องการควบคุมเท่านั้น
ไม่ได้หลั่งไวเพราะเสียดเสียวจนทานทนไม่ได้ แต่มันคือการหลั่งเลือดต่างหาก
เท่านี้ในมดลูกนางก็จะเต็มไปด้วยเลือดของศพ และเศษป่นกระดูกผีตายโหงในนั้น
ฝ่ามือหนาล้วงลึกเข้าไปในอุ้งปากนาง ปล่อยเศษเล็บและผงดินป่าช้าเข้าไปในคอ หญิงสาวเบิกตาโพลง คิดว่าชายตรงหน้าพยายามให้กลืนน้ำอสุจิของเขา
“อะ... อั่ก ค่อก” รสชาติห่วยแตกเหมือนโคลนเลย คงคิดดีแล้วที่ตอนโม๊คให้เขาไม่เลียน้ำใสๆ ที่ปริ่มตรงปลายหัวเข้าไป ถ้ารสชาติอสุจิผู้ชายจะรสชาติแย่ขนาดนี้ รู้งี้ไม่อมให้เปลืองขี้ปาก
“กลืนเข้าไปเสีย” เสียงทุ้มกดต่ำออกคำสั่ง ดวงตาสาวงามเหลือกขึ้นมองเขาทั้งน้ำตาที่ปริ่มจนดวงตาแดงก่ำ รสชาติเกินจะกินแบบนี้ยังจะมาบังคับให้กลืนอีก ไอ้ผีโรคจิต “กูบอกให้กลืน”
อึก
ด้วยไม่มีทางเลือกมากนัก นางสาวบียอมกลืนสิ่งที่คิดว่าเป็นน้ำกามลงไปในลำคอ มันไหลลงผ่านลำคอระหงจนลูกกระเดือกเล็กๆ ของหญิงสาวขยับขึ้นลง ผีขุนแสนคำฉีกยิ้มท่าทางพึงพอใจ ดูเหมือนว่าหญิงสาวที่นอนเปลือยอยู่บนฟูกจะไม่รู้อะไรเลยสินะ
ช้าๆ เดี๋ยวก็ได้ไม่ตายดีแล้ว
“มึงทำได้ดีมาก” ฝ่ายผีบีบคางมนไว้ เชยให้สบตาตนที่อยู่เหนือร่างทั้งที่ร่างกายสาวยังล่อนจ้อน “กลับไปสืบสาวราวเรื่องต่อในตอนตื่นเสีย ค้นหาชู้ทุกคนของเมียกู อย่าให้ใครล่วงรู้ว่าได้เจอกูอีก”
“...”
“แล้วคืนพรุ่ง... จงหลับใหลมาเสพสวาทกับกูในนิมิตแห่งความตายอีกคราเถิด บัวงาม”
ขนาดจะหงี่ยังเรียกชื่อผิดเป็นชื่อเมียเก่า ไอ้ผีขุนแสนคำ ไอ้ผีหน้าหล่อ!
เฮือก!
หญิงสาวตื่นขึ้นมาอีกในช่วงสายของวันต่อมา ฝ่ามือเล็กถูกกำแน่นด้วยฝ่ามือหยาบกร้านของใครสักคน นางสาวบีในร่างกายนางบัวงามปรือตาเบิกโพลง หยัดกายลุกขึ้นอย่างกะทันหัน กวาดสายตากลมโตมองไปยังร่างกายใหญ่โตที่แต่งกายราวกับทาสชายในเรือน ร่างกายกำยำที่ออกสีคล้ำลมแดดนั้นเต็มไปด้วยรอยบาดแผลเป็น ราวกับเคยผ่านการศึกหรือไม่ก็โดนเฆี่ยนตีมาอย่างหนักหน่วง ฝ่ามือเปื้อนดินนั้นกำลังกุมมือเล็กๆ ของหญิงสาว และหลับสนิทในท่าหมอบเอามือข้างหนึ่งขึ้นเอื้อมขึ้นมากุมมือนางอย่างเจียมตน
หมับ!
“แม่เจ้า!” ยังไม่ทันที่นางสาวบีจะชักมือกลับด้วยปฏิกิริยาป้องกันตัวอัตโนมัติ ทาสชายคนนั้นรีบฉวยจังหวะลืมตาตื่น พุ่งพรวดขึ้นมาบนฟูกนอนของหญิงสาว คร่อมทั้งร่างกายอ้อนแอ้นอรชรเอาไว้แทบทันที พร้อมกับยกนิ้วชี้หยาบใหญ่ขึ้นปิดริมฝีปากหยักเมื่อหล่อนสบถออกมาด้วยภาษาประหลาด
“เบาไว้ขอรับ คุณผู้หญิง... มิมีใครรู้ว่ากระผมแอบปีนเข้าเรือนท่าน”
“อึก...” ริมฝีปากเล็กเม้มกลีบปากแน่นเมื่อสัมผัสได้ถึงปลายสันจมูกโด่งและกลิ่นเหงื่อร้อน นี่เพิ่งเจอความอัศจรรย์ใจในฝันอันยาวนานมานะ ทันทีที่ลืมตาตื่นก็จะเจออีกเหรอ แล้วดูจากท่าทางที่กล้าขึ้นมาคร่อมลูกเจ้านายแบบนี้ “หรือนาย... จะเป็นชู้ของฉันงั้นเหรอ?”
เป็นคำถามโง่ๆ แต่ทาสชายคนนั้นกลับเบิกตากว้างราวกับเจอคำพูดแปลกหู ก่อนที่จะฉีกยิ้มกว้างราวกับดีอกดีใจเสียปานนั้น
“กระผมดีใจเหลือเกินที่อย่างน้อยครั้งนี้ท่านก็ยังนับกระผมว่าเป็นชายชู้ของท่าน”
“...”
“ก็กระผมเป็นเพียงแค่ของเล่นของคุณผู้หญิงมิใช่หรือขอรับ?”
ถึงกับอุทานในใจว่า เชี่ยอะไรเนี่ย
นางบัวงามนี่แม่งโคตรจะมั่วและทั่วถึงเลยนี่หว่า ขนาดทาสชายก็ยังเอา!
แต่เอาเป็นของเล่น นี่มันเสือผู้ชายในยุคกรุงศรีชัดๆ
“นับว่าเป็นชู้ของท่านคนหนึ่ง?” แต่เมื่อปลาเล็กงับเหยื่อ ยอมปล่อยไก่ออกมาคำโตแบบนี้ มีหรือที่เธอจะไม่ฮุบปลาตัวนั้นเอาไว้เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง อย่างน้อยก็ควรรู้ข้อมูลแรกที่ว่าชายชู้ของนางบัวงามมีมากกว่าหนึ่ง หรือสอง หรือสาม!? “หมายความว่าฉันไม่ได้มีนายเป็นชู้คนเดียวเหรอ?”
“กระผมมิรู้ดอกขอรับ เมื่อคุณผู้หญิงออกคำสั่ง กระผมก็แค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น” ทาสชายกำยำตรงหน้ายังคร่อมอยู่บนร่างกายยามตื่นของหญิงสาวที่ตนหลงรักหัวปักหัวปำ เขาไม่ได้ฉลาดนัก แต่ในเรือนนี้ก็รอดพ้นหูตาเป็นมิได้ แต่ก็พูดออกมากลายๆ ว่านางคงมีชู้คนอื่นอีก ที่วันนี้ปีนขึ้นเรือนมา ก็เพียงคะนึงหาอยากเจอหน้านวลนางเท่านั้น
แต่ดูท่าทางจะล้ำเส้นหล่อนมากไปหน่อย หญิงสาวที่นอนใต้ร่างเลยทำตาเขียวปั๊ดใส่เช่นนี้
“แล้วมาคร่อมทำไม อยากโดนตบเหรอจ๊ะ?” นางสาวบีผู้ไม่คิดคดทรยศต่อเซ็กซ์แรกและผู้ชายคนแรกอย่างขุนแสนคำเลือกที่จะโพล่งขึ้นมา... ก็เปล่า จริงๆ แล้วถ้าอยากมีชีวิตรอด ก็ไม่ควรเอาร่างกายอีหญิงใจทรามนี่ไปเกลือกกลั้วกับใครอ่ะนะ ถึงจะเป็นอดีตคนเคยกอดเคยนอนด้วยกันก็ตาม
ไม่งั้นไอ้ผีขุนแสนคำคงเอาเธอตาย!
ไม่ได้บ้าผู้ชายเหมือนคนที่มาสิงร่าง แต่ก็แอบเสียดายนิดหน่อย ทาสชายบ้านนี้งานดีเป็นบ้า
หุ่นหนากล้ามกำยำ... ยิ่งกว่าไอ้ผีหน้าหล่อนั่นนิดนึง ถึงจะเตี้ยไปหน่อย แต่หน้าตาคมคายดูไม่เลวทีเดียว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเปล่งประกายดูธรรมชาติ ผิวสีแทนเหมือนคนทำงานออกแดดออกกำลังทุกวัน ถือว่างานดี สายพิทบูล เหมาะสำหรับเอามาเป็นของเล่นแก้เหงาจริงๆ
นางบัวงาม... หล่อนใช้บุญกีได้คุ้มมาก ขอนับถือเป็นปรมาจารย์
แต่... ไม่ใช่เวลานี้สิ!
เอาเป็นว่ารู้แล้วว่าข้อมูลแรกคือนางบัวงามมีทั้งชู้... และของเล่นจ้ำจี้ในเรือนนี้ ก็คือชู้มากกว่าหนึ่ง สุดจริงอะไรจริง
“เช่นนั้นข้าก็วางใจ” เขาตอบเพียงเเค่นั้น พลางคลี่ยิ้มบางซ่อนความไม่พึงใจภายใต้รอยยิ้มนั้นไว้ “ข้าได้จัดเรือนรับรองไว้ให้แล้ว ขุนอิน เจ้าพำนักอยู่ที่นี่สักเดือนหนึ่งเถิด จักพอมีเพลาอยู่กับข้าได้หรือไม่่?” ขุนอินยิ้มน้อยๆ เมื่อร่างชายวัยกลางคนชักชวน ดวงตาภายใต้เเว่นกรอบหนาเปี่ยมด้วยไมตรีจิตที่จริงใจ “ครานี้สนามรบหาได้คึกคักไม่ ข้าไม่มีภาระอันใดดอก ข้าจักอยู่เป็นเพื่อนเอ็งเอง จักมิปล่อยให้เอ็งเผชิญความลำบากนี้โดยลำพังเป็นอันขาด” นางสาวบีเผลอประทับใจกับความสัมพันธ์ของชายทั้งสองจนสายตาวาววับเป็นประกาย อย่างน้อยเเม้ไม่มีใครจริงใจกับขุนเเสนคำเลยเเม้เเต่เมียตนเอง เเต่เขาก็ยังมีมิตรเเท้ที่หาได้ยากยิ่งในช่วงเวลานี้อยู่ หญิงสาวฉีกยิ้มบาง ดูเต็มไปด้วยอารมณที่ดีนักหนา โดยที่ไม่เข้าใจตนเองเลยจริงๆ ว่าทำไมถึงต้องดีใจไปกับเรื่องดีๆ ของเขา ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าภาพเหล่านั้นกำลังอยุ่ในสายตาของหมอหนุ่มในทุกอิริยาบถของเธอ “งั้นข้าขอตัวก่อน เสร็จธุระเเล้ว” ขุนอินโพล่งขึ้นมาด้วยรอยยิ้มบาง ซุกซ่อนความรู้สุกบางอย่างไว้ใต้พรมเเห่งความคิด ขุนเเสนคำในร่างพระยาสิงขรจึงฝากฝังให้ข้าไทประจำเรือนรับรองพาชายหนุ่มไ
“เขา... จะไม่ตายใช่หรือเปล่าจ๊ะ?” เธอถามเสียงแผ่ว ขุนอินยังคงสับสนไม่รู้ว่าหล่อนรู้เรื่องชายผู้นี้ที่บาดเจ็บอยู่ในเรือนได้อย่างไร เขายังคงสับสนหลายๆ อย่างเพราะรู้จักขุนเเสนคำมานาน รวมถึงรู้จักบัวงามในฐานะเมียของเพื่อน เเต่ในตอนนี้หล่อนจับพลัดจับผลูมาเป็นเมียของผู้ที่เราทั้งสองเคารพรัก เเละดูเหมือนท่านจะไว้วางใจในตัวนางให้รู้เรื่องราวทุกอย่างเสียงด้วย ขุนอินเหลือบมองหล่อนเพียงแวบหนึ่ง ก่อนจะรีบก้มหน้ากลับลง “ถ้านี่มิใช่กระสุนอาคมเจาะเนื้อหนัง ก็ตอบได้ทันทีว่าไม่... หากแต่ตอนนี้กระผมตอบไม่ได้” พระยาสิงขรเม้มปากแน่น “กระสุนนี้เป็นกระสุนที่ข้าได้มาเพื่อกำจัดผู้มีอวิชาฟันเเทงมิเข้า” ขุนอินไม่ตอบอะไรเมื่อเขาอธิบาย ชายหนุ่มเพียงหยิบเอาใบยาฝานบางแช่น้ำสมุนไพรที่มีกลิ่นฉุนจากดีปลี ขมิ้นอ้อย และรากขันทองพยาบาท ค่อยๆ วางแนบบริเวณแผล แล้วปิดทับด้วยผ้าขาวสะอาด เขาหยิบแหนบเล็กจากปลอก มีปลายงอนคมเหมือนงาช้าง แล้วล้วงลึกลงไปในแผลที่เป็นรูโดนกระสุนฝังในร่างกายของมัน ร่างของไอ้เหล็กกระตุกเบาๆ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด รวมถึงนางสาวบีที่เเสดงสีหน้าเหยเกเพราะเป็นการรักษาสดๆ ต่อหน้าโดยที่ไร
ทั้งที่พ่อทำให้แม่ต้องตรอมใจถึงเพียงนั้น ยังจะกล้ามองเขาเป็นลูกที่น่าภูมิใจอีกหรือ? ตลกสิ้นดี เผยธาตุแท้ออกมาเถิด ให้เขาได้เห็น ให้ผู้คนทั้งพระนครได้เห็นว่าพ่อก็เป็นเพียงชายผู้มีจิตใจคับแคบ เห็นแก่ตัว มัวเมาในราคะและหลงเชื่อหญิงโง่เง่ามากกว่าคนในครอบครัว ดังที่เคยทำจนชื่อเสียงเสื่อมเสียไปทั้งเมือง พ่อไม่เคยนึกถึงเลยหรือ ว่าตระกูลเราต้องอับอายมากถึงเพียงไหน? เขาเกลียดนัก เกลียดความใจดีเเละเสแสร้งนั่น เกลียดแววตาภาคภูมิใจเวลาที่พ่อมองมาที่เขา ทั้งที่ไม่ต้องการ ใช่... เขาอยากเห็นสีหน้าแบบนี้แหละ หน้าตาเต็มไปด้วยความชิงชัง ริษยา รวมถึงพิษร้ายอย่างความหึงหวง สมแล้วกับหน้ากากของพระยาสิงขรผู้ยิ่งใหญ่ที่เบื้องหลังฟอนเฟะยิ่งกว่ากระไรดี ขอบคุณท่านจริงๆ เจ้าคุณพ่อ... ขอบคุณที่ในที่สุดก็เผยไส้ในให้ลูกได้เห็นเสียที ข้าจะได้ก้าวข้ามท่านโดยไร้ความลังเลอีกต่อไป หนึ่งวันผ่านไป ตกช่วงเย็นใกล้ฟ้ามืด ก็มีเสียงม้าดังเร่งฝีเท้าเข้ามาท่ามกลางความเงียบของเรือนใหญ่ของท่านพระยา บัวงามเปิดม่านเเพรอย่างตื่นเต้น เพราะทันทีที่ขุนเเสนคำส่งข้อความไปถึง ‘ขุนอินเวชะสรรพ์’ หรือหมอหลวงที่เป็นสหายเก่าของขุนเเสนคำ
มิ่งขวัญหลบตัวอยู่ภายในห้องตั้งเเต่ช่วงเวลาที่เกิดเรื่อง ไม่ยอมออกมาร่วมวงทานข้าวกลางวันกับผู้ใดในเรือน ก็แน่ล่ะ มันเล่นทำเรื่องงามหน้าเอาไว้ถึงขนาดนั้นนี่ นางบัวงามนั่งลงที่สำรับด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ข้อมือของหล่อนยังปรากฏรอยแดงให้เห็นชัดถนัดตา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนั้นไอ้เด็กเวรนั่นออกแรงฉุดยื้อเเรงเเค่ไหน และเมื่อถึงเวลาที่คิดว่ายอดหล้าน่าจะสำเร็จโทษความผิด กลับทำท่าทีหนีปัญหา ไม่คิดรับผิดรับชอบอะไรในสิ่งที่ทำเลยสักนิด ก็ขี้ขลาดตาขาวสมกับเป็นมันดี แม้สุดท้ายจะหลงเหลือมันเพียงคนเดียวในโลก บีก็ไม่ได้คิดที่จะแลแม้ปลายหางตา ผู้ชายที่ไหนพอโดนอ่อยเลยเพิ่งมาคลั่ง เเถมยังใช้วิธีคลั่งเเบบบังคับใจอีกฝ่าย นี่มันพฤติกรรมของเด็กน้อยชัดๆ คิดเเล้วยังหงุดหงิดหัวเสียไม่หาย ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่เข้าหาบัวงามในร่างนี้ด้วยเจตนาร้าย จะเป็นชายที่นางเคยคว้ามาโดยไร้ความคิด หรือแม้แต่ที่คิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้วก็ตาม สุดท้ายล้วนไม่เข้าท่าสักคน รวมถึงขุนแสนคำด้วย หลังจากที่เขาทรมานนายเหล็กอยู่แทบทั้งคืน ดูท่าชายผู้นั้นจะปากหนักไม่ยอมเอ่ยความใดถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังเลยสักนิด แววตาพร่าเลือนประหนึ่งคนที่พร้อมจะส
นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย นางสาวบียกมือเรียวสวยขึ้นกุมขมับ เมื่อเช้าวันต่อมามิ่งขวัญโผล่หัวมาพร้อมกับท่าทางราวกับคนไม่ได้หลับนอนมาทั้งคืน บุรุษหนุ่มหุ่นลีนโผล่หัวเข้ามาหน้าเรือนพระยาทั้งที่ยังสวมเสื้อตัวบางหลวมโพรก ผมเผ้ายุ่งเหยิง แววตาหวานเจือคลั่งจนไม่อาจปิดบังเอาไว้ได้ มิ่งขวัญกำลังยืนหอบหายใจอยู่ตรงหน้าหล่อน หน้าเเดงก่ำ เหงื่อผุดพราย หมอนี่เกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นอีกล่ะ? “ฉันคิดถึงหล่อนทั้งคืน... จนแทบจะบ้าคลั่งอยู่เเล้ว” ประโยคเเรกที่หลุดรอดออกมาจากเด็กวัยรุ่นทำเอานางบัวงามยกมือขึ้นทาบอก เเค่คืนเดียวที่ยั่วยวนไปเเบบไม่ได้ตั้งใจผสมอารมณ์เคืองขุ่น กลับได้ผลลัพธ์ที่บ้าบอยิ่งกว่า ร่างเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ กึ่งจะเชื่อว่าตนหลุดมาอยู่ในละครจักรๆ วงศ์ๆ สลับร่างฉับพลันกับหญิงในอดีตซึ่งดูเหมือนจะมีผู้ชายวนเวียนรอบกายไม่หยุดไม่หย่อน เเตกต่างจากก่อนจะตายที่เธอไม่มีใครมาขายขนมจีบให้เลยเเม้เเต่คนเดียว มันก็ดี เเต่ชักเริ่มรำคาญใจ “เจ้ามิ่งมาเรือนนี้แต่เช้าด้วยเหตุใดจ๊ะ” นางเอ่ยราวต้องการปัดรูปประโยคคลั่งไคล้ของเขาออกไปให้พ้นทาง เริ่มเว้นระยะห่างด้วยการถอยหนีอย่างกระอั่กกระอ่วน หากเเต่เด็กหนุ่ม
“พี่ เดี๋ยวฉันจัดการเองดีกว่า” บีเห็นว่าท่าไม่ดีจึงรีบโพล่งขึ้นมา ร่างเล็กยังเจ็บขาอยู่เเต่ก็ฝืนใจลุกขึ้น เซไปเล็กน้อยท่ามกลางสายตาที่สั่นไหวเพียงชั่วครู่จากเสี้ยวหน้าดุดัน รอยฝีเท้าเปล่าที่ย่ำลงพื้นไม้ของหล่อนนั้นซวนเซจากอาการบาดเจ็บ หากแต่หนักแน่นพอจะทำให้ความเงียบของเรือนที่มืดเเละสงบอย่างน่ากลัวแตกกระจาย เธอก้าวเข้ามาช้าๆ ดวงตาสบกับดวงตาเดือดดาลของชายพม่าผู้เคยมั่นใจในฝีมือของตนว่าเป็นนักรบอันเกรียงไกร เเต่ผู้หญิงตรงหน้ากลับทำให้มันเปลี่ยนความคิด นังนี่เป็นใครกันเเน่ ไอ้เหล็กที่นั่งอยู่ต่ำกว่ามองผู้หญิงตัวเล็กเหนือร่างด้วยความฉงนปนเคืองเเค้นยิ่งนัก ขุนแสนคำยังคงไม่พูดอะไร เพียงแต่เหลือบตามองเธอ ก่อนจะหันกลับไปยังไอ้เหล็กอีกครั้ง “มิต้อง” เขาห้ามปรามความอวดเก่งของเมียตนเอง ฝ่ามือหนาดันไหล่เธอออกน้อยๆ “พี่จัดการเอง” พะ... พี่? นางสาวบีเผลอขนลุกให้สรรพนามนั้นเล็กน้อย ก่อนที่ต่อมาจะเข้าใจได้ว่าเขากำลังเล่นละครปาหี่ต่อหน้าไอ้เหล็กอยู่ “มึงมิกลัวความตายงั้นรึ” เขากล่าวเสียงเรียบ แต่น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยโทสะที่กรุ่นร้อนราวขี้เถ้าใต้กองไฟที่พร้อมลุกโชนขึ้นอีกครั้ง “เช่นนั้น กูจักไม