แชร์

ตอนที่ 4 เข้าเมืองขายของ

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-06 20:21:29

เริ่นเหว่ยหยางรีบวิ่งไปยังบ้านของท่านป้าฟ่านหนิงซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากบ้านของเขา แต่ก่อนในยามที่บ้านเขาขาดแคลนอาหาร ท่านป้าฟ่างหนิงก็มักจะนำอาหารมาแบ่งปันให้อย่างไม่ขาดสาย เป็นผู้ใหญ่ใจดีที่เขานับถือเสมอมา

เมื่อมาถึงหน้าบ้าน เขาหยุดยืนหอบหายใจอยู่หน้ารั้วดินเหนียวที่ก่อขึ้นอย่างมั่นคง ตัวบ้านดูดีกว่าของเขามากนัก

“ท่านป้าฟ่านหนิงขอรับ!” เขาเรียกออกไปด้วยเสียงดังฟังชัด

ไม่นาน หญิงสูงวัยผู้หนึ่งก็เปิดประตูออกมา นางชะเง้อมองก่อนจะเห็นหน้าเด็กชายผู้คุ้นเคย จึงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

“เหว่ยหยางหรือ? มาหาข้ามีธุระอันใดหรือ?” นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แม้จะเป็นเวลาดึกแล้ว

เด็กชายรีบยกมือไหว้ และเอ่ยสิ่งที่ตนต้องการอย่างไม่รีรอ

“ข้ามีเรื่องรบกวนท่านป้าเพียงเล็กน้อยขอรับ ข้าอยากขอยืมเกวียนลาของท่าน เพื่อจะนำของเข้าเมือง”

“เจ้าอยากเข้าเมืองในเวลานี้หรือ?” นางถามอย่างประหลาดใจ

“ใช่ขอรับ และข้ายังอยากขอร้องให้ท่านช่วยไปดูแลท่านแม่ให้สักพัก พอดีข้าต้องรีบเอาของไปขายข้างในเมืองให้ทันตลาด” เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ปิดบัง เพราะรู้ว่าท่านป้าฟ่านหนิงเป็นคนใจดีและไว้ใจได้

นางพยักหน้าโดยไม่ลังเล “ได้สิ เจ้าเข้าไปขับเกวียนได้เลย เดี๋ยวข้าจะไปดูแม่ให้เอง” นางเปิดประตูบ้านให้เขาเดินเข้าไปหยิบเกวียน

ระหว่างที่เหว่ยหยางเดินผ่านหน้าท่านป้า เสียงท้องร้องดังขึ้นมาจากร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรง เด็กชายยิ้มเขิน หันไปสบตานางอย่างรู้สึกผิด

ฟ่านหนิงได้ยินเช่นกัน นางถอนหายใจเล็กน้อยแต่ยิ้มออกมา “เจ้ามิได้กินข้าวมาอีกแล้วใช่หรือไม่? ข้าเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือ ว่าอย่าปล่อยให้ตัวเองอดแบบนี้”

นางหันหลังเดินเข้าไปในครัว หยิบหมั่นโถวร้อน ๆ มาสองลูกแล้วยื่นให้เด็กชาย “เจ้ากินซะเถอะ อย่าปฏิเสธเลย หากเข้าเมืองด้วยท้องว่างเช่นนี้ จะมีแรงทำสิ่งใดกัน?”

เหว่ยหยางมองหมั่นโถวตรงหน้า ใจหนึ่งก็อยากกินจนทนไม่ไหว แต่อีกใจก็ไม่อยากเป็นภาระ เขาเตรียมจะปฏิเสธ ทว่าท่านป้าฟ่างหนิงชิงพูดดักไว้ก่อน

“กินซะเถอะ ข้าไม่อยากให้เจ้าล้มป่วยไปอีกคน”

เด็กชายยิ้มอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณท่านป้าฟ่านหนิงมากขอรับ ข้าสัญญาว่าหากข้ากลับมา จะนำของดี ๆ มาตอบแทนอย่างแน่นอน” เขากล่าวด้วยความจริงใจ แล้วจึงรีบขับเกวียนไปส่งป้าฟ่างหนิงที่บ้านตน

เมื่อหญิงชราเห็นสิ่งที่เขานำมาด้วย นางแปลกใจแต่ก็ดีใจแทนเขา และเอ่ยเตือนด้วยความห่วงใย

“ของเช่นนี้หากจะเอาไปขาย ต้องใช้ทางหลังหมู่บ้านนะ หากใช้ทางหลัก เดี๋ยวจะมีคนมาแย่งของเจ้าไปเสียก่อน”

เหว่ยหยางพยักหน้า รับคำด้วยความสำนึกในน้ำใจ “ขอบคุณขอรับท่านป้า ฝากดูแลท่านแม่ด้วยนะขอรับ”

แล้วเด็กชายก็บังคับเกวียนออกไป ท่ามกลางความมืดและลมหนาวที่เริ่มโบกโบย

เขาใช้ใบไม้คลุมของไว้ในเกวียนอย่างมิดชิด ก่อนเร่งฝีเท้าลาให้ก้าวเร็วขึ้น มุ่งหน้าไปยังเมืองซานเฉิง เมืองขนาดกลางที่เขาคุ้นเคย ใช้เวลาราวสามชั่วยามก็เดินทางถึง

เมืองเงียบสงบ มีเพียงทหารสองนายตรวจตราอยู่หน้าประตู เขาเคยเข้ามาที่นี่หลายครั้ง จึงผ่านเข้าเมืองได้อย่างไม่ติดขัด

ร้านอาหารเล็ก ๆ ตรงหัวมุมถนน เป็นจุดหมายที่เขามักมาขายของ เพราะเจ้าของร้านอย่างหลงจู เป็นคนซื่อตรงมากกว่าใคร

เสี่ยวเอ้อเห็นเด็กชายผู้คุ้นหน้าคุ้นตาที่มักมาขายของอยู่บ่อยครั้ง เขาจึงทักทายด้วยรอยยิ้มเป็นกันเอง

“เหว่ยหยาง เจ้ามาขายของอีกแล้วหรือ?” เขาถามพลางชะเง้อมองไปยังเกวียนลาที่จอดอยู่

“ใช่ขอรับ ครั้งนี้ข้ามีของชิ้นใหญ่ ไม่ทราบว่าท่านหลงจูอยู่หรือไม่?” เด็กชายตอบเสียงเบา สายตาเหลือบมองไปรอบ ๆ อย่างระวัง

“ของชิ้นใหญ่หรือ?” เสี่ยวเอ้อพูดพลางก้าวเข้าไปดูใกล้ ๆ อย่างสนใจ

เมื่อเขาแหวกใบไม้ที่คลุมอยู่บนเกวียน ก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก เมื่อพบว่ามันคือกวางป่าที่ยังสมบูรณ์

“เจ้าเข้าไปด้านหลังร้านเถอะ ข้าจะไปตามท่านหลงจูให้” เสี่ยวเอ้อกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แล้วรีบหันหลังกลับทันที

เหว่ยหยางพยักหน้า แล้วบังคับเกวียนลาช้า ๆ เข้าไปจอดยังหลังร้าน รอไม่นานก็เห็นหลงจูเดินมาอย่างรีบร้อน แววตาเต็มไปด้วยความอยากรู้

“เจ้าว่ามีของชิ้นใหญ่… ข้าไม่คิดว่าจะใหญ่ถึงเพียงนี้ เป็นกวางทั้งตัวเสียด้วย” เขาเอ่ยอย่างประหลาดใจ

“ใช่แล้วขอรับท่านหลงจู ข้าไปเจอมันในป่าขณะมันได้รับบาดเจ็บ จึงจัดการมันได้ ข้าคิดว่าท่านน่าจะสนใจ” เหว่ยหยางตอบพร้อมแหวกใบไม้ออก เผยให้เห็นร่างกวางเต็มตัว

หลงจูก้มลงตรวจดูรอบกายของกวางอย่างละเอียด เขาพบว่าร่างมันสมบูรณ์ แม้จะผอมไปเล็กน้อย แต่ไม่มีบาดแผลฉีกขาดรุนแรง

“แล้วเจ้าคิดจะขายมันในราคาเท่าใด?” เขาถาม ขณะกวาดตามองเด็กชายตรงหน้าอย่างพินิจ เขารู้ดีว่าเด็กผู้นี้ไม่ใช่คนโง่ แม้ยังเยาว์วัยก็เฉลียวฉลาดเกินตัว

“ข้าไม่รู้ราคาที่แน่นอนหรอกขอรับ แต่เท่าที่รู้มา กวางเช่นนี้ใช้ได้ทุกส่วน ทั้งยังเป็นของหายากในเมือง ข้าคิดว่าคงมีค่าไม่น้อย” เหว่ยหยางตอบเรียบ ๆ สายตาสบกับหลงจูอย่างแน่วแน่

หลงจูหัวเราะในลำคอ “เจ้าพูดถูก ของพวกนี้หายากจริง เมืองของเราก็ไม่ได้กินเนื้อกวางมานาน หากเช่นนั้น… ข้าขอเสนอราคายี่สิบตำลึงทอง เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

ราคานี้สูงมาก แม้หลงจูจะรู้ว่าตนสามารถทำกำไรจากกวางตัวนี้ได้มากกว่านี้ แต่เขาก็ยินดีตอบแทนความเสี่ยงของเด็กชายตรงหน้า

เหว่ยหยางพยักหน้าอย่างพอใจ “ขอรับ ข้าขอรับเป็นตั๋วเงินสิบห้าตำลึงทอง อีกห้าตำลึงขอเป็นตำลึงเงินและเงินอีแปะ ข้าคิดว่าแยกไว้ดีกว่า เผื่อจะปลอดภัยมากกว่าเวลาพกพา”

“ได้สิ ข้าจะให้คนจัดการให้” หลงจูยิ้มพึงพอใจในไหวพริบของเด็กน้อย พร้อมสั่งให้เสี่ยวเอ้อจัดการเงินตามที่ตกลง

ไม่นานนัก เหว่ยหยางก็ได้รับเงินครบถ้วน ทั้งตั๋วเงินสองใบและเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง เขากล่าวลาหลงจูด้วยความสุภาพ แล้วรีบควบเกวียนกลับออกจากเมือง

ยามนั้นยังไม่เย็นนัก เขาใช้เวลาเลือกซื้อของอย่างตั้งใจ ข้าวสารคุณภาพดีหลายชั่ง ผ้าห่มหนานุ่ม เสื้อผ้าใหม่ทั้งของตนและของมารดา รวมทั้งผ้าชั้นดีสำหรับท่านป้าฟ่างหนิง

เขายังซื้อเนื้อหมู มันหมู น้ำตาล และยารักษาโรคที่เริ่มจะหมดแล้ว รวมถึงไข่ไก่จำนวนมากไว้สำหรับบำรุงร่างกายมารดา

เมื่อได้ของครบ เขารีบบังคับเกวียนกลับหมู่บ้านทันที

ขณะที่เกวียนของเหว่ยหยางค่อย ๆ เคลื่อนตัวลับตาไป ชายขอทานผู้หนึ่งที่เฝ้าสังเกตอยู่ไม่ไกล แย้มยิ้มบางด้วยแววตาแฝงเล่ห์

“เด็กนั่น… น่าสนใจยิ่งนัก” เขาพึมพำเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัว เดินหายไปทางนอกเมืองอย่างเงียบงัน

เงามืดของอันตราย เริ่มย่างกรายเข้ามาอย่างช้า ๆ …

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 48 แต่งงาน

    เมื่อคิดถึงฟ่านอิง เด็กน้อยก็คลานเข้ามาหานางพอดี เขายังดูน่ารักมากขึ้นทุกวัน ฮวาอี้อุ้มเขาไว้ในอ้อมแขน เดินชมร้านไปพลาง เด็กน้อยก็มองนางด้วยสายตาใสซื่อราวกับกำลังพยายามจดจำใบหน้าของผู้คนรอบตัวอย่างจริงจังเวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือน จนถึงกำหนดวันแต่งงาน ฮวาอี้กลับไปพักที่บ้านของเหว่ยหยาง และเข้าไปเตรียมตัวที่ร้านในเมืองหลวงเมื่อถึงวันงาน เหว่ยหยางส่งเกี้ยวแปดคนหามมาอย่างยิ่งใหญ่เพื่อรับตัวเจ้าสาว ผู้คนริมทางต่างพากันชื่นชมและยินดี เมื่อเกี้ยวหยุดหน้าบ้าน เขาก็เป็นผู้มารับตัวนางด้วยตนเองฮวาอี้สวมชุดเจ้าสาวสีแดงสดงดงาม ผ้าคลุมหน้าสีเดียวกันปิดบังใบหน้าไว้ บนศีรษะประดับด้วยปิ่นที่เหว่ยหยางเคยมอบให้นางเมื่อครั้งก่อน แซมด้วยปิ่นหยกอันใหม่ที่ส่องประกายเจิดจรัสยิ่งนักหลังพิธีเสร็จสิ้น เหว่ยหยางพานางเข้าห้องหอ ซึ่งเป็นห้องเดิมที่นางเคยนอนป่วยอยู่ บัดนี้ถูกประดับตกแต่งด้วยผ้าแพรสีแดงสด ดูอบอุ่นและเป็นสิริมงคลยิ่งนัก“ฮวาอี้…” เขาเอ่ยเรียกนางเบา ๆ“เจ้าค่ะ” เสียงตอบรับของนางนุ่มนวล เจือความเขินอาย“ตอนนี้เจ้าเป็นภรรยาของข้าแล้ว ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเสียเปรียบอีก คืนนี้เจ้าตรวจร่างกายของข้าได้เต็มที

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 47 ฟื้นแล้ว

    “เจ้าเช็ดน้ำลายเสียหน่อยเถิด” เหว่ยหยางเอ่ยยิ้ม ๆฮวาอี้รีบยกมือเช็ดปากทันที ทว่ากลับไม่มีอะไรอย่างที่เขาว่า นางจึงหันมามองเขาตาขวางเหว่ยหยางหัวเราะเสียงดัง เขารู้สึกว่าการมีนางอยู่ให้หยอกเย้าเช่นนี้ คือความสุขที่แท้จริงของเขา“ข้าอยากออกไปข้างนอกแล้ว” ฮวาอี้รีบเปลี่ยนเรื่อง“ได้เลย หากทุกคนได้เห็นเจ้า คงดีใจกันไม่น้อย โดยเฉพาะท่านแม่ของข้า” เขาตอบก่อนจะเข้ามาพยุงนาง แม้นางจะเดินได้แล้ว แต่เขาก็ยังคงห่วงใยอย่างไม่คลายฮวาอี้รับรู้ถึงความใส่ใจของเขา จึงยินยอมให้เขาช่วยพยุงโดยไม่ขัดขืน นางกลับรู้สึกอบอุ่น… อยากให้เขาเอาใจใส่เช่นนี้ตลอดไปจริง ๆเมื่อเดินออกมานอกเรือน กลับไม่พบผู้ใดอยู่เลยแม้แต่คนเดียว เป็นเรื่องแปลกที่ไม่มีบ่าวมาคอยดูแล“ทุกคนไปไหนกันหมดหรือ?” ฮวาอี้ถามอย่างสงสัย“ตอนนี้ท่านแม่ไปช่วยงานที่อีกเรือนหนึ่ง ข้าจะพาเจ้าไปดูด้วยตนเอง”“ช่วยงานอะไรหรือ? ที่นี่มีงานให้ทำด้วยหรือ?” นางถามอย่างแปลกใจเหว่ยหยางไม่ปล่อยให้ความสงสัยนั้นอยู่นาน เขาจูงมือนางมายังเรือนหลังหนึ่งซึ่งมีบ่าวรับใช้นั่งทำงานกันอยู่หลายคน และตรงกลางเรือนก็คือมารดาของเขาเมื่อสายตาของฮวาอี้มองไปยังสิ่งที่พวกเขา

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 46 กลับบ้าน

    “ข้าไม่ขอกลับไปยังโลกเดิมอีก… ในเมื่อที่แห่งนี้มีคนที่รักข้ารออยู่ ข้าย่อมไม่หนีเขาไปที่ใดได้อีก ท่านสามารถส่งข้ากลับไปได้หรือไม่?” หญิงสาวกล่าวด้วยเสียงสั่น น้ำตาไหลพรากลงมาตามพวงแก้มชายชราแย้มยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “หากเจ้าเลือกเช่นนี้ ตัวตนของเจ้าในโลกเดิมจะสูญสลายไปทันที… เจ้ายอมรับได้แล้วจริงหรือ?”“ข้ายอมรับ” ฮวาอี้ตอบด้วยแววตามุ่งมั่น น้ำเสียงหนักแน่นเปี่ยมความเชื่อมั่นเมื่อได้รับคำยืนยันอีกครั้ง ชายชราก็โบกมือเบา ๆ ภาพของร่างในโรงพยาบาลค่อย ๆ จางหาย พร้อมกับเรื่องราวในโลกเดิมที่นางเคยดำรงอยู่“บัดนี้ เจ้าหาได้มีตัวตนในโลกเดิมอีกต่อไปแล้ว… เจ้าจงใช้ชีวิตที่เจ้าเลือกให้คุ้มค่า ส่วนมิติที่ข้ามอบให้ จะยังคงอยู่ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของเจ้า ขอให้เจ้าพบความสุขในสิ่งที่เลือกไว้เถิด”เมื่อกล่าวจบ ร่างของชายชราก็ค่อย ๆ เลือนหายไปจากสายตา เหมือนสายลมที่พัดผ่านฮวาอี้ตกใจ รีบร้องเรียกเสียงหลง “เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ! ท่านยังไม่ส่งข้ากลับไปเลย ข้าจะกลับไปโลกนั้นได้อย่างไร!” นางโอดครวญอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดเขาจึงไม่เคยบอกอะไรให้นางรู้ล่วงหน้าสักครั้งแต่ไม่นานนัก เส้นทางสีขาวสว่างไสวก็ปรากฏขึ้นตร

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 45 ความฝัน

    ไป๋จิ้งอวี่รับดาบนั้นไว้ แต่แรงปะทะรุนแรงจนเขากระอักเลือดออกมา ร่างกายของเขาเองก็อ่อนแรงเต็มที ทว่าในห้วงสุดท้ายนั้น เขาก็เหลือบไปเห็นนักฆ่าคนสนิทปรากฏตัวขึ้น เขาซ่อนรอยยิ้มไว้ในเงามืด ศึกครั้งนี้เขายังไม่แพ้!นักฆ่าในชุดดำที่เพิ่งมาถึง รีบพุ่งเข้าหาด้วยความรวดเร็ว ดาบในมือฟาดลงมาเพื่อช่วยเจ้านายของตนโดยไม่ลังเลฮวาอี้ที่เห็นดังนั้น รีบผลักเหว่ยหยางให้พ้นทาง แล้วรับคมดาบแทน ร่างของนางทรุดลงทันทีตรงหน้าชายคนรัก“ไม่!!” เหว่ยหยางตะโกนลั่น ก่อนจะใช้ดาบในมือตวัดแทงทะลุร่างของไป๋จิ้งอวี่ทันที ศัตรูตัวฉกาจล้มลงในบัดดลเหว่ยหยางรีบโผเข้าประคองร่างของฮวาอี้ไว้ในอ้อมแขน “ฮวาอี้… เจ้าฟังข้าอยู่หรือไม่… อย่าเป็นอะไรไปเลย…” เสียงของเขาสั่นเครือ มือของเขากุมมือของนางไว้แน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นคมดาบเล่มนั้นปักกลางอกซ้ายของนางพอดี เลือดสีแดงไหลรินลงมาเปื้อนเสื้อคลุมสีอ่อนอย่างน่าสลดใจชายชุดดำอีกคนที่เหลืออยู่เห็นท่าไม่ดี พยายามหนีเอาตัวรอด แต่ยังไม่ทันพ้นระยะ ก็ถูกชายหน้าหวานผู้หนึ่งแทงร่างจนสิ้นใจไป๋เทียนวิ่งตรงเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ เมื่อมองเห็นหญิงสาวในอ้อมแขนของเหว่ยหยาง เขา

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 44 ไม่คาดคิด

    “เจ้าช่างปากหวานเสียจริง…” ฮวาอี้ยิ้มบาง “แล้วเจ้าส่งคนไปดูทางขบวนเจ้าบ่าวหรือยัง?”“ข้าน้อยส่งไปแล้วตามที่นายหญิงสั่งเจ้าค่ะ” ลัวหยูตอบด้วยความเคารพ นางไม่เข้าใจนักว่านายหญิงกังวลสิ่งใด เพราะเหว่ยหยางเองก็เป็นผู้มีฝีมือสูงส่ง ไม่มีใครกล้ารังแกได้ง่าย ๆ“ดี…ข้าค่อยวางใจได้หน่อย” ฮวาอี้พึมพำเบา ๆ พลางลูบต้นหญ้าปักกิ่งในมืออย่างแผ่วเบา หากเกิดเหตุร้ายใด ๆ ขึ้น นางยังมีวิธีช่วยเหลือเขาทางฝั่งของ เหว่ยหยางเขาสวมชุดเจ้าบ่าวสีแดงเข้มอย่างสง่างาม แววตาเต็มไปด้วยความสุข ในที่สุด…วันที่เขารอคอยก็มาถึงระหว่างทางขบวนขันหมากกำลังเคลื่อนตัวอย่างสงบ ผ่านเส้นทางแคบในหุบเขา ท่ามกลางเสียงดนตรีและเสียงหัวเราะเบา ๆ ของผู้ร่วมขบวนกระทั่ง…เงาดำหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้า!ชายในชุดดำกระโจนออกมายืนขวางทางรถม้าอย่างไม่เกรงกลัวสายตาใด ๆ“นายท่าน! เกิดเรื่องแล้วขอรับ!”เสียงอู๋หยวนดังขึ้นอย่างร้อนรน ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดผิดปกติ…“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” เหว่ยหยางขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งเครียด รู้สึกถึงลางร้ายบางอย่าง“มีชายชุดดำขวางหน้ารถม้าของเราขอรับ!”“ถ้าเช่นนั้น ฆ่ามันเสีย!” เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงกร้าว โม

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 43 ตอบรับแต่งงาน

    “เจ้า…ปลูกมันขึ้นมาได้เช่นไร?” เขาเอ่ยถามเสียงสั่นอย่างไม่เชื่อสายตา“ข้าก็ปลูกมันลงในดินธรรมดาเท่านั้น มันก็ขึ้นมาเอง ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลยขอรับ” เหว่ยหยางพูดออกมาด้วยท่าทางโอ้อวดเล็กน้อยเจ้าของร้านขายยามองทั้งสองด้วยสายตาเคลือบความหมั่นไส้ แต่ในใจก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอันใด เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมิใช่เรื่องธรรมดา ต้นโสมสวรรค์จะเติบโตได้ต้องอาศัยปัจจัยบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ง่ายดาย เช่นเดียวกับโชคชะตาและบุญวาสนา และแม้จะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายใช้วิธีใด แต่เรื่องนี้ก็ไม่สมควรถามออกไปตรง ๆ“แล้วต้นโสมต้นนี้… เจ้าจะนำกลับไปหรือไม่? หากไม่ ข้าขอซื้อต่อในราคาที่สูงกว่าหลายเท่า” เขาถามพลางจับต้นโสมแน่นราวกับกลัวว่ามันจะหลุดมือเหว่ยหยางแย้มยิ้มบาง “หากไม่ใช่เพราะท่านมอบเมล็ดให้ข้า ข้าก็ไม่มีวันได้ต้นโสมต้นนี้มา ข้ามอบมันให้ท่านโดยไม่คิดสิ่งตอบแทนใด ๆ ถือว่าข้าได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ว และเมื่อสัญญานั้นสิ้นสุด ข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะได้กลับมาพบท่านอีกหรือไม่”เจ้าของร้านขายยาพลันยิ้มกว้างด้วยความยินดีที่ได้ต้นโสมสวรรค์มาโดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่ตำลึงเดียว แต่เมื่อได้ยินว่าเหว่ยหยางจะจากไป ก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status