หุบเขาจอมมาร…
“นี่ท่านจับข้ามาขังไว้ที่นี่เป็นเวลาสามวันแล้วนะ! ถ้าพี่ใหญ่ข้ารู้เรื่องนี้ ท่านจะต้องถูกลงโทษอย่างหนักแน่!” ไป๋เยี่ยนจ้องเขม็งไปยังบุรุษชุดดำตรงหน้า
เฮยเฟิง องครักษ์ผู้ภักดีแห่งจอมมาร กลับยิ้มมุมปากอย่างใจเย็น เขาชื่นชมหญิงสาวตรงหน้าที่โกรธจนแก้มแดงเรื่อ ทว่ายิ่งเธอขัดขืน ความน่าเอ็นดูก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
“นี่เจ้ายังไม่รู้หรือ ว่าข้าได้แจ้งเรื่องนี้กับท่านจอมมารแล้ว และท่านจอมมารเองก็สั่งให้ข้าจัดการกับเจ้าเช่นนี้” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“อย่าให้ข้าออกไปได้เชียว! ข้าจะไปฟ้องพี่มู่หลินให้มาจัดการเจ้า!” ไป๋เยี่ยนกัดฟันกล่าวอย่างขุ่นเคือง ดวงตาเป็นประกายโกรธจัด
เฮยเฟิงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูเธอ
“พี่มู่หลินของเจ้า ป่านนี้... ท่านจอมมารของข้าคงกำลังทำให้เขามีความสุขไปแล้ว....คงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้แล้ว”
ไป๋เยี่ยนชะงัก หัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?! ข้าจะไปหาพี่มู่หลิน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ องครักษ์บ้า!”
เฮยเฟิงยืนกอดอก มองหญิงสาวที่ดิ้นรนอย่างขบขัน
“ท่านจอมมารมอบหมายให้ข้าดูแลเจ้า หากขัดใจข้า ข้าสามารถ 'จัดการ' ได้ทันที” เขาเน้นคำสุดท้ายชัดถ้อยชัดคำ ดวงตาเจ้าเล่ห์จับจ้องหญิงสาวที่กำลังหายใจแรง
“แล้วท่านจะทำอะไรข้า เป็นบุรุษแท้ ๆ คิดจะรังแกสตรีเช่นข้าหรือไง?!”
ไป๋เยี่ยนตะโกนลั่น พยายามสะบัดมือที่ถูกมัดอยู่
“หากเจ้ายังไม่หยุดอาละวาด ข้าจะจูบเจ้า และอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
เฮยเฟิงยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจร้อน ๆ รินรดแก้มของเธอ
“ถ้าท่านกล้าจูบข้า ข้าจะกัดลิ้นท่านให้ขาด!”
ไป๋เยี่ยนแค่นเสียงข่มขู่
เฮยเฟิงหัวเราะเสียงแผ่ว
“ก็ลองดู ระหว่างลิ้นข้าจะขาด หรือเจ้าอาจจะเคลิ้มไปก่อน ลองเลยไหม?”
เขาพูดพลางใช้นิ้วเกลี่ยปลายคางหญิงสาวเบา ๆ
ไป๋เยี่ยนเบิกตากว้าง ก่อนจะหลับตาปี๋แล้วเบี่ยงหน้าหนี “ไอ้องครักษ์บ้า! ข้าเกลียดท่านที่สุด! อย่าให้ข้าออกไปได้นะ!”
เฮยเฟิงหัวเราะเบา ๆ กับปฏิกิริยาของเธอ เขาโน้มตัวเข้ามากระซิบข้างหูเธออีกครั้ง
“ก็ถ้าออกไปได้ก่อน ค่อยมาว่ากันเถอะ”
เขาปลดเชือกที่มัดมือเธอไว้เบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้น มองเธอที่ยังคงจ้องมาด้วยแววตาเอาเรื่อง
“เจ้ากินข้าวเถอะ ข้าไปก่อน ไว้ข้าจะมาหาเจ้าใหม่ แล้วมีอะไรจะฝากบอกท่านจอมมารหรือไม่?”
ไป๋เยี่ยนกำมือแน่น ดวงตาวาวโรจน์
“ฝากบอกพี่ใหญ่ของข้าว่า ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้ไอ้คงครักษ์บ้า”
เฮยเฟิงหัวเราะเบา ๆ พลางเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี ปกติแล้วเขาเป็นบุรุษสุขุมเยือกเย็น แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด... ทุกครั้งที่ได้พบไป๋เยี่ยน หัวใจเขากลับเต้นแรงและอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเธอทุกครั้งไป
“เฮยเฟิง พรุ่งนี้เจ้าพามู่หลินไปส่งที่ทางออกด้วย อ้อ… แล้วก็พายัยเด็กนั่นไปด้วย อย่าให้มาวุ่นวายอีก ข้าไม่อยากเห็นหน้านางอีกต่อไป”
จอมมารไป๋เทียนหลงสั่งองครักษ์ทันที
“รับคำสั่งท่านจอมมาร พรุ่งนี้ข้าจะจัดการให้”
“เจ้าไปเถอะ” เขาสั่งเสียงทุ้ม
เฮยเฟิงโค้งศีรษะรับคำสั่งก่อนจะหายตัวไปในเงามืดของ
ทว่า ไม่นาน องครักษ์มารก็ก้าวเข้ามาพร้อมคุกเข่าลงเบื้องหน้า ไป๋เทียนหลง
“ท่านจอมมาร ธิดามารมาขอพบท่าน”
ดวงตาคมเข้มของไป๋เทียนหลงวาววับขึ้นเพียงชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ให้เข้ามา”
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นในห้องรับรอง ก่อนที่เงาร่างระหงจะปรากฏตัวขึ้น เซี่ยซีเดินเข้ามาช้า ๆ อาภรณ์สีแดงเข้มของนางตัดกับผิวขาวนวลอย่างงดงาม เรือนผมยาวสยายอยู่เบื้องหลัง ดวงตาคมสวย นางคลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนก้าวเข้ามาใกล้
“เจ้ามีธุระอันใดกับข้าเซี่ยซี” ไป๋เทียนหลงกล่าวทันที
“ข้ามาหาท่านต้องมีธุระด้วยหรือ? อีกไม่นานเราก็จะได้สมรสกัน และวันนั้น... ท่านจะได้เป็นจอมมารที่สมบูรณ์”
ไป๋เทียนหลงจ้องนางนิ่ง ก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ไว้ถึงวันนั้นก่อน ค่อยว่ากัน”
เซี่ยซีไม่ได้สนใจคำพูดเย็นชาของเขา นางก้าวเข้ามาใกล้จนแทบจะแนบชิด ใช้นิ้วเรียวลากผ่านกรอบหน้าของเขาเบา ๆ ก่อนจะโน้มตัวลงนั่งบนตัก
ดวงตาคู่งามทอประกายอ่อนโยน ทว่าก็แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์
“ไป๋เทียนหลง…”
นางกระซิบเสียงแผ่ว
“ท่านหลบหน้าข้าตลอด… ท่านไม่คิดจะให้โอกาสข้าบ้างหรือ?”
มือเรียวลูบไล้ลงบนแผ่นอกของเขา ก่อนที่นางจะโน้มใบหน้าหมายจะประทับจูบ ...ทว่า ไป๋เทียนหลงผลักนางออกเต็มแรงจนเซี่ยซีแทบเซล้ม
“อย่ายั่วข้า”
เสียงของเขาเย็นเยียบ
“ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้า”
เซี่ยซีมองเขาด้วยแววตาเจ็บปวด แฝงไปด้วยแรงขื่นขม
“ทำอย่างไร... ท่านถึงจะรักข้า?”
นางกัดริมฝีปาก ดวงตาฉายแววสั่นไหว
“ตั้งแต่เล็กจนโต ท่านก็รู้ว่าข้ารักท่าน ไม่ว่าท่านจะรักข้าหรือไม่... สุดท้ายท่านก็ต้องแต่งกับข้าอยู่ดี”
ไป๋เทียนหลงเหลือบตามองนางเพียงครู่เดียว ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“หากเจ้ามาเพราะเรื่องนี้... กลับไปเสีย ข้ายังมีเรื่องสำคัญต้องทำ”
เซี่ยซีเม้มริมฝีปากแน่น ความโกรธปะทุขึ้นในอก ดวงตาคู่งามฉายแววเจ็บปวด ทว่าอีกมุมหนึ่งกลับเต็มไปด้วยเพลิงแค้น
“ข้าจะรอดู…”
นางพึมพำ ก่อนหัวเราะในลำคอเบา ๆ
ไป๋เทียนหลงไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ปรายตามองนางเงียบ ๆ ราวกับนางเป็นเพียงธุลีที่ไร้ค่า
เซี่ยซีสะบัดหน้าหนี ก่อนหมุนกายเดินจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก
ทว่า ขณะที่นางเดินออกจากห้องไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นภายในจิตใจของนางเอง
สักวัน… ข้าจะทำให้ท่านรักข้าให้ได้… ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
มู่หลินยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาของนางจับจ้องภาพตรงหน้าโดยไม่อาจละสายตาได้
ทุกคำพูด ทุกท่วงท่าของธิดามารและไป๋เทียนหลงล้วนตกอยู่ในสายตาของนาง นางรู้ดีว่าจอมมารผู้นี้มีคู่หมั้นแล้ว และเมื่อครู่พวกเขาเกือบจะจูบกันต่อหน้านาง นางไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปรู้สึกอะไรได้
ทว่า…หัวใจของนางกลับร้อนรุ่มราวกับเปลวไฟลุกไหม้อยู่ภายในอก
“หากเขาจะจูบกันก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับข้าสักหน่อย… หยุดคิดได้แล้ว มู่หลิน”
นางพึมพำกับตัวเอง พยายามสะกดอารมณ์บางอย่างที่พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างไม่สมเหตุสมผล
ทันใดนั้น
เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาทางด้านหลัง นางรู้สึกถึงไอเย็นที่แผ่กระจายออกมาจากร่างของใครบางคน ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะดังขึ้น
“ทำไม… เจ้าหึงข้าหรือไง หึ”
มู่หลินสะดุ้งเล็กน้อย นางหันขวับไปเผชิญหน้ากับไป๋เทียนหลง ดวงตาคมกริบของเขามองลึกเข้ามาในดวงตาของนาง ราวกับต้องการจะอ่านความคิดให้ทะลุปรุโปร่ง
นางเม้มริมฝีปากแน่น พยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ
“ทำไมข้าต้องหึงเจ้า? ข้าไม่ได้ชอบเจ้า และอีกไม่นานข้าก็จะไปจากที่นี่… เราไม่ข้องเกี่ยวกันอีก”
ไป๋เทียนหลงไม่ได้ตอบในทันที แต่เขาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ แม้ท่าทีของเขาจะดูเย็นชาอยู่เสมอ แต่ยามที่เขาเข้ามาใกล้เช่นนี้ กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด หัวใจของมู่หลินเต้นแรงขึ้นโดยไม่อาจควบคุมได้
“เจ้าเคยบอกว่าเจ้าอยากช่วยข้าให้พ้นจากการเป็นจอมมาร… เจ้ายังคิดเช่นนั้นอยู่หรือไม่?”
คำพูดของเขาทำให้หัวใจของมู่หลินสั่นไหว นางเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง หรือว่า… เขาจะกลับใจแล้วจริง ๆ?
“ใช่ ข้ายังยืนยันคำเดิม”
นางตอบโดยไม่ลังเล
“ท่านเปลี่ยนใจแล้วใช่หรือไม่? ท่านจะไปกับข้าใช่ไหม?”
ไป๋เทียนหลงนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ตอนนี้ข้ายังไปไม่ได้… ข้ามีสิ่งสำคัญต้องทำ”
เขาหยุดเล็กน้อยราวกับกำลังไตร่ตรองอะไรบางอย่าง
“แต่หากถึงเวลาที่ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า ข้าจะไปหาเจ้าเอง”
มู่หลินจ้องมองเขา รู้สึกถึงความหนักแน่นในคำพูดของเขา นางพยักหน้ารับช้า ๆ
“ข้าจะรอนะ ไป๋เทียนหลง”
เขาเหลือบมองข้อมือของนาง ก่อนที่ดวงตาของเขาจะฉายแววบางอย่างออกมา
“กำไลนั้น…”
เขาเอ่ยขึ้นพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“นั่นคือกำไลหยกพลังจันทราใช่หรือไม่? ข้าเหมือนจะเคยเห็นมันมาก่อน”
มู่หลินก้มลงมองกำไลหยกสีขาวสะอาดที่ข้อมือตัวเอง นางพยักหน้า
“ใช่… กำไลนี้อาจารย์ให้ข้า” มู่หลินตอบ
“ข้าขอดูได้หรือไม่?
ถอดออกมาให้ข้าดูหน่อย”
มู่หลินชะงักเล็กน้อย นางมองเขาด้วยแววตาลังเล มือเรียวเลื่อนแตะกำไลเบา ๆ
“ข้า… ข้าไม่สามารถถอดออกมาได้”
นางตอบเสียงเบา
“เพราะถ้าถอดออกมา พลังของข้าก็จะถูก—”
นางหยุดพูดกะทันหัน ใช้มือปิดปากตนเองทันที เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเพิ่งจะเผลอพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป
ไป๋เทียนหลงมองนางด้วยสายตาคมกริบ
“ทำไมรึ?”
“ไม่มีอะไร” มู่หลินรีบตอบเสียงแข็ง
“ข้าบอกเจ้าไม่ได้… เอาเป็นว่าข้าถอดไม่ได้ก็แล้วกัน”
ไป๋เทียนหลงจ้องมองนางอีกครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ไม่เป็นไร… ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องลำบากใจ”
มู่หลินสบตาเขา นางมองดูสีหน้าของเขาอย่างพยายามอ่านความคิด ทว่า… นางกลับไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่จริง ๆ
เขากำลังแสดงความอ่อนโยน… หรือเพียงแค่ต้องการบางสิ่งจากนางกันแน่?
ไป๋เทียนหลงพยายามเรียกมู่หลินให้ได้สติ แต่ร่างของนางกลับแน่นิ่ง ดวงตาปิดสนิท ร่างกายเย็นเฉียบ เขาก้มลงมองแผลที่ถูกพิษจากปีศาจงู รอยแผลแดงก่ำและรอบๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้ คือการขับพิษออกไปแต่ที่แห่งนี้... กลับเป็นจุดที่เขาไม่สามารถใช้พลังภายในได้ และไม่มีสมุนไพรใดจะช่วยขับพิษได้เลย สิ่งเดียวที่พอจะเป็นไปได้คืออาศัยพลังหยินหยางเพื่อช่วยนาง"มู่หลิน! เจ้าฟังข้าไหม? ตอบข้าสิ!"ไป๋เทียนหลงเรียกอย่างร้อนรน จนในที่สุดเปลือกตาของนางก็ขยับเล็กน้อย นางฝืนลืมตาขึ้น มองหน้าเขาด้วยสายตาพร่ามัว"ข้ารู้สึกตัว... แต่ข้าเจ็บเหลือเกิน... ทรมานเหลือเกิน..."เสียงของนางแผ่วเบาราวสายลม นางหอบหายใจถี่ร่างกายสั่นสะท้านจากพิษที่กัดกินเข้าไปในกระแสเลือด"อดทนไว้! ข้าจะช่วยเจ้า อย่ากลัว ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตาย!""ที่นี่ใช้พลังปราณไม่ได้... ไม่มียาถอนพิษ... แล้วเจ้าจะช่วยข้าได้อย่างไร?"มู่หลินเอ่ยด้วยความอ่อนแรง แววตาของนางสะท้อนความสิ้นหวัง"ข้าไม่รอดแล้ว ไป๋เทียนหลง... เจ้าทิ้งข้าไว้ที่นี่เถอะ ปล่อยข้าไป""หยุดพูด! ข้าจะไม่มีวันทอดทิ้งเจ้า!"ไป๋เทียนหลงตวาดเสียงเข้ม ดวงตาของเขาสั
หุบเขาอสรพิษเต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ทั้งพืชมีพิษและไม่มีพิษ แต่ที่น่าหวาดหวั่นที่สุดคือเถาวัลย์กินคน หากมันพันร่างเหยื่อเมื่อใด มันจะค่อยๆ เลื้อยเข้าไปในปาก แล้วดูดกลืนพลังชีวิต สูบฉีดเอาหัวใจของเหยื่อเป็นอาหาร ทว่าโชคดี... คืนนี้พวกเขาทุกคนรอดพ้นมาได้รุ่งอรุณมาเยือน ทุกคนตื่นเตรียมพร้อมออกเดินทาง กว่าพวกเขาจะพ้นจากหุบเขานี้ได้ ต้องใช้เวลาอีกสองวัน เส้นทางข้างหน้าผ่านถ้ำคับแคบ เต็มไปด้วยอันตรายมู่หลินปรายตามองไป๋เทียนหลงก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“ท่านเคยคิดไหม ว่าวันหนึ่งจอมมารเช่นท่านจะต้องมาใช้ชีวิตอย่างคนไร้พลังเวทเช่นนี้”ไป๋เทียนหลงหัวเราะเบาๆ ดวงตาคมลึกจับจ้อง มู่หลินอย่างมีนัย“ข้าไม่เคยนึกเลย ว่าวันหนึ่งจะต้องตกอยู่ในสภาพนี้… แต่ข้ากลับรู้สึกดีที่มีเจ้าร่วมเดินเคียงข้าง”คำพูดนั้นทำเอาหัวใจของมู่หลินสะดุดไปชั่วขณะ นางหลบตาก่อนจะเอ่ยเสียงขุ่นกลบเกลื่อนความรู้สึกที่ตีรวนในอก“นี่ท่านกำลังจะเกี้ยวข้าใช่หรือไม่?”ไป๋เทียนหลงเลิกคิ้วเล็กน้อย รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ระบายบนริมฝีปาก“ถ้าข้าบอกว่าใช่... เจ้าจะว่ายังไง?”มู่หลินเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง “รีบเดินเถอะ ศิษ
เหล่าบุรุษขะมักเขม้นกับการนำท่อนไม้มาผูกด้วยเถาวัลย์ เสียงเชือกเสียดสีกันดังเป็นจังหวะเมื่อพวกเขาโยงมันเข้าด้วยกันเพื่อสร้างแพข้ามแม่น้ำอันกว้างใหญ่ทุกคนต่างรู้ดีว่าเมื่อข้ามแม่น้ำไปยัง "หุบเขาอสรพิษ" แล้วจะไม่สามารถใช้พลังใด ๆ ได้ การอยู่รอดที่นั่นขึ้นอยู่กับความสามารถเพียงอย่างเดียว“ข้าคิดว่าแข็งแรงพอแล้ว เชิญทุกคนขึ้นแพได้”เซียวหานเอื้อมมือออกไปให้ทุกคนจับเพื่อขึ้นแพด้วยท่าทีสุภาพและอบอุ่น“ขอบคุณเจ้าค่ะศิษย์พี่” เหล่าสตรีๆ กล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้มบาง ก่อนก้าวขึ้นไปอย่างระมัดระวังแต่เมื่อเซียวหานลืมตัว ยื่นมือให้ไป๋เทียนหลงตามมารยาท กลับถูกเมินราวกับอากาศ ไป๋เทียนหลงก้าวขึ้นแพโดยไม่แม้แต่จะหันมามองเขา สายตาของทั้งสองเย็นชาต่อกันเหล่าสตรี ที่เห็นเหตุการณ์ถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่“พร้อมเดินทาง ทุกคนระวังตัวด้วย”เซียวหานกล่าวเตือนก่อนโอบไหล่ซิวเหยาเบาๆ ราวกับให้กำลังใจทั้งสองสบตากันเพียงชั่วขณะ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา แต่ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่ามีใจให้กัน เพียงแค่ยังไม่มีใครกล้าสารภาพ“พี่ใหญ่ ข้างหน้าเราจะเจออะไรบ้าง ข้าไม่เคยออกเดินทางแบบนี้”ไป๋เยี่ยนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนหว
ท่ามกลางป่าใหญ่ในหุบเขาหมอกมายา หลังจากที่ทุกคนเพิ่งเผชิญหน้ากับความเป็นความตายมาแล้ว บัดนี้ทุกอย่างสงบลง แต่ละคนต่างเลือกที่พักเพื่อเตรียมออกเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น"เมื่อครู่เจ้ากลัวหรือไม่...มู่หลิน?"ไป๋เทียนหลงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความห่วงใย สายตาคมลึกมองนางอย่างต้องการคำตอบจากใจจริง"ข้าไม่กลัวหรอก ข้ารู้ว่าท่านจัดการได้"นางตอบกลับอย่างมั่นใจ ดวงตาเปล่งประกายศรัทธาในตัวเขาไป๋เทียนหลงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย"ทำไมเจ้าถึงอยากช่วยข้า?""ข้ารู้สึกว่าท่านเป็นเพียงมนุษย์ผู้หนึ่งที่ถูกจ้าวแห่งมารหลอกใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อเป็นตัวแทนขึ้นครองบัลลังก์มาร "ไป๋เทียนหลงหัวเราะเบา ๆ แววตาฉายความซับซ้อนบางอย่าง"ข้าอาจจะอยากเป็นจอมมาร มีพลังอำนาจเหนือสิ่งใดก็ได้""ข้าว่าท่านคงไม่ทำเช่นนั้นหรอก ข้ารู้ดี"นางยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเขาไป๋เทียนหลงพยักหน้าเบา ๆ แต่ในแววตาคล้ายมีบางสิ่งบางอย่างที่ยังไม่เปิดเผย เขาเหลือบไปเห็นบางสิ่งที่อยู่ข้างหลังนาง"เจ้าอย่าขยับ!" เขาสั่งเสียงเข้ม ก่อนพุ่งเข้ามาบังนางจากบางสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ใกล
การเดินทางสู่หุบเขากระดูกขาวเริ่มต้นขึ้น ทันทีที่ทั้งสี่คนลงมาถึงตีนเขา มู่หลินมองไปยังเส้นทางข้างหน้าก่อนเอ่ยเตือนทุกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง“การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตราย เราจะต้องผ่านด่านมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ด่านหุบหมอกมายา ด่านหุบเขาอสรพิษ ด่านหุบเขาเทพ และผ่านอีกหลายด่านกว่าจะถึง หุบเขากระดูกขาว ทุกเส้นทางล้วนท้าทายมีบททนสอบและเสี่ยงตาย ขอให้ทุกคนระวังตัวให้ดี”“เข้าใจแล้ว ข้าจะระวังตัว”เสียงตอบรับดังขึ้นอย่างมั่นใจ แต่นั่นกลับเป็นเสียงของบุรุษที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพวกเขามู่หลินเบิกตากว้าง หันขวับไปมองต้นเสียง เช่นเดียวกับเซียวหานและซิวเหยาที่เตรียมชักกระบี่ออกมา“ไป๋เทียนหลง!?”ดวงตาของมู่หลินฉายแววประหลาดใจ ก่อนเปลี่ยนเป็นความยินดีอย่างเห็นได้ชัด“ท่านมาได้อย่างไร?”นางทักทายเขาพร้อมกับแนะนำเขาให้ศิษย์พี่ของนางได้รู้จัก“ศิษย์พี่ทั้งสอง นี่คือไป๋เทียนหลงที่ข้าเคยเล่าให้ฟัง”เซียวหานยังคงจ้องเขาด้วยสายตาไม่ไว้ใจ ส่วนซิวเหยานั้นแทบจะพุ่งเข้าหาด้วยความเข้าใจผิด หากมู่หลินไม่เอ่ยเตือนเสียก่อนไป๋เทียนหลงพยักหน้าทักทายพวกเขา ก่อนเอ่ยแนะนำชายร่างสูงในอาภรณ์สีดำที่ยืนอยู่ข้างหลัง“
ณ เขาไท่ซวน...ทุกคนร้อนใจถึงการหายตัวไปของมู่หลิน จึงกระจายกำลังกันค้นหาอย่างเร่งรีบ ทว่า..."อาจารย์ ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ!"เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ทำให้ทุกคนชะงักหันไปมองนักพรตอี้เซียนหันขวับ สีหน้าเคร่งเครียดทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง"มู่หลิน! เจ้าไปที่ใดมา?! ทำไม...!"สีหน้าของนักพรตเปลี่ยนไปทันที ดวงตาเฉียบคมจับจ้องมู่หลินอย่างไม่ละสายตา พลังอันดำมืดบางอย่างแผ่ซ่านออกมาจากตัวศิษย์หญิงของเขามู่หลินชะงักไปเล็กน้อย มองอาจารย์ด้วยความสงสัย"อาจารย์ อะไรกันหรือเจ้าคะ?""กลิ่นอายมาร... ทำไมทั่วทั้งตัวเจ้าถึงมีพลังมารที่รุนแรงเช่นนี้?! เจ้าไปที่ใดมา?! ตอบข้าบัดเดี๋ยวนี้!!" นักพรตอี้เซียนเสียงเข้มกว่าปกติมู่หลินกัดริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะตอบ"ข้าถูกจอมมารจับตัวไป... ที่หุบเขาจอมมาร..."บรรยากาศเงียบงันลงทันที"เจ้าว่าอะไรนะ?!"แววตาของนักพรตฉายความตกใจปนระแวดระวัง เขาจ้องมองศิษย์ของตนราวกับกำลังมองหาความผิดปกติบางอย่าง"นี่เป็นเรื่องใหญ่! ทำไมพวกเขาถึงปล่อยเจ้ากลับมา?!"มู่หลินเม้มริมฝีปาก นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ "ข้า... ข้าเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ"นักพรตอี้เซียนสูดหายใจลึก สี
หุบเขาจอมมาร…“พี่มู่หลิน!” เสียงใสของไป๋เยี่ยนดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มดีใจ เมื่อเห็นสหายที่คุ้นเคย“ไป๋เยี่ยน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง มาที่นี่นานแล้วหรือยัง?”มู่หลินถามพลางจับไหล่นางเบาๆไป๋เยี่ยนถอนหายใจแล้วเล่าเสียงแผ่ว“ข้ากำลังจะไปแจ้งข่าวกับอาจารย์ของท่าน แต่ระหว่างทางเจอโจรป่า ดีที่องครักษ์ของพี่ใหญ่ช่วยไว้ แต่ว่า...พวกเขากลับจับข้ามาที่นี่แทน”มู่หลินขมวดคิ้วแน่น ความโกรธเริ่มก่อตัวขึ้น“ป่านนี้อาจารย์และศิษย์พี่ทั้งหลายต้องเป็นห่วงข้าแล้ว”สายตาของนางตวัดไปมองไป๋เทียนหลงที่ยืนสงบนิ่งอยู่มุมห้อง ราวกับไร้ความรู้สึก“ท่านจอมมาร! ท่านจับน้องสาวตนเองมาทำไม? นี่หรือคือหัวใจของพี่ชาย ช่างอำมหิตนัก!”น้ำเสียงของนางแข็งกร้าว ขณะที่ไป๋เยี่ยนรีบสะกิดแขนมู่หลินเป็นเชิงปรามไป๋เทียนหลงมองนางนิ่ง ก่อนจะกล่าวเรียบ ๆ“ที่ข้าพาเจ้ามารักษาที่นี่ เจ้ากลับว่าข้าอำมหิตหรือ?”“ใช่! ต่อให้ท่านช่วย แต่ไม่ยอมให้คนติดต่ออาจารย์ข้า ป่านนี้อาจารย์ของข้าต้องตามหาข้าทั่วแล้ว”มู่หลินกล่าวไป๋เทียนหลงแค่นเสียงเย็นชา“ไม่ต้องห่วง ข้าให้คนไปส่งพวกเจ้าพรุ่งนี้”ไป๋เยี่ยนลังเลก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา“พี่ใหญ่... ท่านพ่
หุบเขาจอมมาร…“นี่ท่านจับข้ามาขังไว้ที่นี่เป็นเวลาสามวันแล้วนะ! ถ้าพี่ใหญ่ข้ารู้เรื่องนี้ ท่านจะต้องถูกลงโทษอย่างหนักแน่!” ไป๋เยี่ยนจ้องเขม็งไปยังบุรุษชุดดำตรงหน้าเฮยเฟิง องครักษ์ผู้ภักดีแห่งจอมมาร กลับยิ้มมุมปากอย่างใจเย็น เขาชื่นชมหญิงสาวตรงหน้าที่โกรธจนแก้มแดงเรื่อ ทว่ายิ่งเธอขัดขืน ความน่าเอ็นดูก็ยิ่งเพิ่มขึ้น“นี่เจ้ายังไม่รู้หรือ ว่าข้าได้แจ้งเรื่องนี้กับท่านจอมมารแล้ว และท่านจอมมารเองก็สั่งให้ข้าจัดการกับเจ้าเช่นนี้” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ“อย่าให้ข้าออกไปได้เชียว! ข้าจะไปฟ้องพี่มู่หลินให้มาจัดการเจ้า!” ไป๋เยี่ยนกัดฟันกล่าวอย่างขุ่นเคือง ดวงตาเป็นประกายโกรธจัดเฮยเฟิงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูเธอ“พี่มู่หลินของเจ้า ป่านนี้... ท่านจอมมารของข้าคงกำลังทำให้เขามีความสุขไปแล้ว....คงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้แล้ว”ไป๋เยี่ยนชะงัก หัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?! ข้าจะไปหาพี่มู่หลิน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ องครักษ์บ้า!”เฮยเฟิงยืนกอดอก มองหญิงสาวที่ดิ้นรนอย่างขบขัน“ท่านจอมมารมอบหมายให้ข้าดูแลเจ้า หากขัดใจข้า ข้าสามารถ 'จัดการ' ได้ทันที” เขาเน้นคำสุดท้ายชัดถ้อย
หุบเขาจอมมาร…ม่านหมอกจางลอยเหนือหุบเขาจอมมาร ฟ้าถูกบดบังด้วยเงาเมฆครึ้ม แสงจันทร์ส่องประกายลงมายังกลางหุบเขา ท่ามกลางความเงียบสงัด มีเพียงสตรีร่างบางระหงนอนอยู่บนแท่นบรรทมของจอมมาร แก้มขาวซีดของนางดูอ่อนแรง แต่ยังคงความมีเสน่ห์เย้ายวนอย่างประหลาดไป๋เทียนหลงนั่งมองนางนิ่งนาน แววตาคมกริบของเขาฉายแววสับสน เหตุใดกัน…เหตุใดเขาจึงรู้สึกผูกพันกับนางลึกล้ำถึงเพียงนี้ เขาไม่อยากเห็นนางเจ็บปวดทันใดนั้น มู่หลินกระอักเลือดออกมา สีแดงเข้มไหลเปรอะริมฝีปาก“มู่หลิน เจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง เจ็บตรงไหน บอกข้า” น้ำเสียงของเขาอ่อนลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“เจ้าช่วยข้าไว้ทำไม…” นางเอ่ยเสียงแผ่ว“…ใยไม่ฆ่าข้าให้ตายเสียตั้งแต่ที่จวนนั้นเลย พาข้ามาที่นี่ทำไม”ไป๋เทียนหลงนิ่ง ดวงตาฉายแววสำนึกผิด เขาเอื้อมมือไปหมายจะเช็ดคราบเลือดที่มุมปากของนาง แต่มู่หลินเบือนหน้าหนี“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้า ข้าขอโทษ”“จอมมารเช่นเจ้ามีคำขอโทษด้วยรึ ข้าขันนัก”นางแค่นหัวเราะแม้ร่างกายจะอ่อนแรงเขาถอนหายใจแผ่วเบา“ข้าไม่อยากทะเลาะกับเจ้า หายดีเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน เจ้ากินยาก่อน”ไป๋เทียนหลงยื่นยาถ้วยหนึ่งให้นาง แต่มู่หลินสะบั