Se connecterการแสดงสุดคูลของผู้อำนวยการฝ่ายครีเอทีฟจบลงหลังร้องเพลงที่สามเสร็จ แต่ก็ยังมีคนเรียกร้องให้เขาแสดงต่อเพราะยังหลงใหลกับภาพลักษณ์หนุ่มแบดบอยบนเวที
ลุคคาไม่ใช่คนบ้ายอ รู้ดีว่าควรหยุดเมื่อไร และสำหรับเขา สามเพลงในคืนนี้ก็ถือว่า “มากพอ” แล้ว
เขาเพียงยิ้มบางตอบรับเสียงเชียร์เหล่านั้น เดินลงเวทีเงียบๆ พร้อมกับเพื่อนร่วมวง ยกเวทีให้กับทีมต่อไปขึ้นแสดง
วรรณนรีรู้สึกเหมือนหลุดจากบ่วงอะไรสักอย่างที่สะกดหัวใจเธอเอาไว้ ยกวิทยุสื่อสารขึ้นมาเพื่อรันคิวการแสดงของทีมจากแผนกอื่นต่อ พร้อมทั้งถือโอกาสนี้เดินตรวจความเรียบร้อยภายในงาน
“ระวังด้วยล่ะ อย่าไปชนใครเข้านะ”
วรรณนรีเอ่ยเตือนเด็กเสิร์ฟคนหนึ่งที่ดูเงอะงะเป็นพิเศษ เมื่อสอบถามดูจึงรู้ว่าเพิ่งทำงานบริการครั้งแรก
วรรณนรีคอยกำกับความสงบเรียบร้อยของงานเลี้ยงรวมถึงแนะนำพนักงานเสิร์ฟด้วยความเอาใจใส่อยู่ภายใต้การเฝ้ามองของลุคคาแทบทุกฝีก้าว แม้ว่าเขาจะกำลังพูดคุยกับเพื่อนฝูงแต่กลับไม่ลืมวรรณนรี ด้วยความที่เธอเพิ่งจะผ่านโปร บรรจุเป็นพนักงานประจำของบริษัท ก็ถูกโยนงานใหญ่ระดับนี้ให้จัดการเพื่อเป็นบททดสอบสุดท้าย...
ความจริงแล้วลุคคาไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับเด็กใหม่ แต่เขาแค่อยากพิสูจน์ว่าเธอมีความสามารถจริงๆ
และที่ต้องจับตามองเช่นนี้ไม่ใช่ว่าเป็นห่วง แต่กลัวว่าเธอจะทำอะไรพลาดแล้วพลอยให้เขาเสียหน้าไปด้วย
ทว่าจากสิ่งที่เห็นดูแล้วเขาคงจะกังวลมากไป...
ลุคคาผุดยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว มองชุดสูทสุภาพสีเข้มตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวข้างใน แถมยังมัดผมถึงเป็นหางม้าอีก ภาพลักษณ์แบบนั้นอย่างกับบอดี้การ์ดสาวของใครสักคนแหนะ
จู่ๆ กล้ามเนื้อหัวใจก็ตุกวูบหนึ่ง ลุคคาชะงัก แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก มองวรรณนรีที่กำลังตักเตือนเด็กเสิร์ฟ พลางนึกในใจ -เดี๋ยวนี้รู้จักสอนคนอื่นก็เป็นแล้วงั้นเหรอ
เวลาผ่านไปสักพัก การแสดงบนเวทียังคงดำเนินต่อไปตามลำดับที่ถูกกำหนดเอาไว้ ฝ่ายผู้บริหารก็เริ่มพาลูกน้องเดินชนแก้ว พูดคุยแนะนำ รวมถึงฝากฝังกับแผนกอื่นๆ ตามธรรมเนียมที่เคยมีมา
วรรณนรียืนดูแลความเรียบร้อยอยู่ห่างๆ คอยสังเกตภาพรวมอยู่ตลอดเวลา ย่อมเห็นผู้บริหารกลุ่มต่างๆ พบปะพูดคุยกัน หนึ่งในนั้นก็คือลุคคา ผู้อำนวยการฝ่ายครีเอทีฟ หัวหน้าใหญ่ของเธอนั่นเอง
“...งานวันนี้ออกมาดีใช้ได้เลยนี่ ตอนลุคคามาของานจากฝ่ายการตลาดไปให้เด็กใหม่ ผมยังแอบกังวลอยู่เลย แต่เหมือนจะคิดมากไปเอง”
คุณอเล็กซ์หัวหน้าฝ่ายการตลาดถือแก้วขึ้นมาในเชิญนับถือความสามารถของเธอ เดิมทีเขามาหยิบเครื่องดื่ม และเห็นวรรณนรียืนอยู่ จึงได้ชวนคุย และแอบสารภาพแบบอ้อมๆ ว่าเขาไม่ไว้ใจที่เธอเป็นผู้รับผิดชอบจัดงานเลี้ยงใหญ่ของบริษัทในครั้งนี้
และยังคลางแคลงใจด้วยว่าลุคคาให้ความสำคัญกับวรรณนรีมากเกินไป จนแอบเป็นห่วงว่าจะเสียการใหญ่ แต่หญิงสาวตรงหน้าพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอมีฝีมืออยู่บ้าง สายตาที่คุณอเล็กซ์มองวรรณนรีจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ขอบคุณค่ะ... แต่ฉันยังมีหลายอย่างต้องเรียนรู้อีกเยอะ หวังว่าจะได้โอกาสพัฒนาฝีมือต่อไป” วรรณนรียิ้มอย่างถ่อมตน
“ฮ่าๆ พูดได้ดี มา ดื่มฉลองการสักแก้ว” คุณอเล็กซ์หัวเราะชอบใจ หยิบแก้วแชมเปญบนโต๊ะขึ้นมาส่งให้วรรณนรี
ทว่าหญิงสาวกลับทำหน้าลำบากใจ
“เกรงใจค่ะ ขอเป็นน้ำเปล่าแทนได้ไหมคะ ฉันไม่อยากประมาทน่ะ” วรรณนรีหยิบแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาแทน ไม่ได้รับแชมเปญจากคุณอเล็กซ์
คุณอเล็กซ์ตกใจเบาๆ ที่พนักงานตัวเล็กๆ ตรงหน้ากล้าปฏิเสธ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นมือใหม่ และมีความตั้งใจจริง จึงไม่อยากกดดันมาก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะให้บทเรียน
“ผู้ใหญ่ให้ของก็ควรรับไว้นะ ส่วนจะจัดการยังไง ก็ขึ้นอยู่ที่ตัวเอง”
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ความเอง หวังว่าคุณอเล็กซ์จะไม่ถือสา” วรรณนรีรู้ตัวว่าเสียมารยาท จึงรีบกล่าวขอโทษและแอบซาบซึ้งใจที่คนตรงหน้าสอนวิธีรับมือให้อย่างจริงใจ
มือขาวเนียนวางแก้วน้ำในมือลงแล้วรับแชมเปญจากคุณอเล็กซ์มาถือ ชนแก้วกับเขาพอเป็นพิธี แต่ไม่ได้ดื่ม
ระหว่างนั้นลูกน้องของคุณอเล็กซ์ก็โผล่มา หลังจากพูดคุยกันพอหอมปากหอมคอ ก็ได้เวลาที่คุณอเล็กซ์จะพาผู้ใต้บังคับบัญชาไปทักทายผู้หลักผู้ใหญ่ในบริษัทต่อ และหนึ่งในนั้นก็ไม่พ้นลุคคา เมื่อจะไปพบลุคคาทั้งที การพาเด็กใต้สังกัดของเขาไปด้วยจึงไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
“พวกเราจะไปทักทายผู้อำนวยการฝ่ายครีเอทีฟ หนูวรรณนรีไปด้วยกันสิ”
วรรณนรีกลับถึงห้องแบบงงๆ ความอ่อนเพลียและสับสนทำให้เธอรีบอาบน้ำแล้วเข้านอนกระทั่งรุ่งเช้ามาเยือน อารมณ์ยังคงคลุมเครือ หยิบจับอะไรก็ผิดพลาดไปหมด แต่ก็พยายามตั้งสติ บอกตัวเองให้หยุดฟุ้งซ่านแล้วหยิบแผนงานออกมาทบทวนระหว่างทางไปบริษัท“วรรณนรี พร้อมนะ”ริกะมองใบหน้าขาวใสที่เหมือนจะมีออร่าแปลกๆ ของวรรณนรี แต่แววตาของสาวเจ้ากลับเธอเลื่อนลอยเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“ค่ะ” วรรณนรีกำลังทำสมาธิอยู่ต่างหาก เมื่อถึงบริษัทเธอก็ไล่ความคิดที่ไม่จำเป็นทั้งหลายออกไปได้สำเร็จ จิตใจมุ่งมั่นอยู่กับงานตรงหน้าเท่านั้นวรรณนรีมองประตูห้องประชุมเบื้องหน้า ก่อนก้าวตามริกะเข้าไปภายในห้องประชุมนอกจากทีมของริกะแ
เสียงเลียแผล็บสลับกับดูดดังจ๊วบสะท้านหู ความเสียวซ่านที่ได้รับก็สะท้านใจไม่น้อย วรรณนรีดิ้นทุรนทุรายไม่เป็นท่า ผมเผ้าถูไถกับโต๊ะทำงานจนยุ่งเหยิง บางครั้งก็ตะเกียกตะกายหนี บางครั้งก็เหมือนแอ่นรับ ลุคคาใช้ปลายลิ้นละเลงเนื้อสาวของเธอราวกับกำลังดื่มด่ำกับอาหารเลิศรส ทั้งดูดทั้งเลียจนเจ้าของร่างหายใจไม่ทัน ช่องทางสวาทกระตุกริกๆ เสียวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ยะอ๊า คุณ... ไม่ อื้อ” วรรณนรีร้องครวญคราง ลมหายใจหอบกระชั้น หน้าท้องยุบพองถี่เร็ว หัวใจเหมือนจะวายให้ได้ ยิ่งเธอร้องเขายิ่งย่ามใจ ไล้ลิ้นไปตามร่องลึก ดูดเม้มติ่งเล็กๆ ประหนึ่งเกสรดอกไม้ที่ผุดขึ้นกลางยอดอ่อน “กรี๊ด อ๊า เสียว ฮือ... ไม่ไหว ยะอย่า ตรงนั้น มะไม่ อื้อ เสียวซี้ด~” วรรณนรีเสียวจนนัยน์ตาพร่ามัว หยาดน้ำตาเอ่อคลอ ดิ้นพรวดพราดมือปัดป่ายชนของบนโต๊ะตกโครมคราม ทว่ากลับไม่มีใครนึกใส่ใจ ต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์เสน่หาลึกสุดหยั่ง ลุคคาเล่นกับเนื้อสาวของเธอจนพอใจ เมื่อเขาผละออก หยาดน้ำหวานก็ซึมลงบนโต๊ะหว่างขาวรรณนร
ความตะกละตะกลามของลุคคากัดกินตัวตนวรรณนรีไปเกือบหมดสิ้น เพียงแวบเดียวเธอก็โอนอ่อนผ่อนตามริมฝีปากของเขา เพลิดเพลินไปกับเรียวลิ้นสากที่ซุกไซ้อยู่ในโพรงปากประหนึ่งผู้ล่าที่ไล่ต้อนเหยื่อ พลั่ก! “อ๊ะ” วรรณนรีได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง แผ่นหลังก็กระแทกลงบนโต๊ะทำงาน ทับกับแฟ้มฉบับร่างที่เธอเพิ่งจะนำเสนอเขาเมื่อไม่กี่อึดใจที่แล้ว ทว่าความนึกคิดที่โผล่ขึ้นมาอย่างฉับพลัน กลับกระตุ้นอารมณ์ตื่นเต้นและด้านมืดภายในใจได้มากกว่า
ไฟตามทางเดินปิดหมดแล้วเหลือเพียงไฟอัตโนมัติติดผนังที่จะสว่างเฉพาะเวลามีคนผ่าน แต่ละดวงอยู่ห่างกันพอสมควร วรรณนรีก้าวย่างไปตามทางในออฟฟิศที่ทอดยาวสู่ห้องของผู้อำนวยการฝ่ายครีเอทีฟ หน้าห้องมีโต๊ะทำงานของเลขาซึ่งบัดนี้ว่างเปล่า ไม่มีกระเป๋า ไม่มีเสื้อสูทที่มักจะพาดติดเก้าอี้เอาไว้เวลาที่คนไม่อยู่ เอกสารบนโต๊ะถูกเก็บเรียบร้อย เป็นสัญญาณบอกว่าเจ้าตัวกลับไปแล้ว วรรณนรีแอบใจหายเล็กน้อย มองบานประตูห้องทำงานผู้อำนวยการ รู้สึกสองจิตสองใจ ไม่แน่ว่าลุคคาเองก็อาจจะกลับไปแล้วก็ได้ ก๊อกๆ แต่ในเมื่อมาถึงหน้าห้องแล้ว เธอก็ต้องเคาะประตูเพื่อพิสูจน์ความคิดตัวเอง “เข้ามา” เสียงทุ้มต่ำดังลอดออกมา วรรณนรีขนลุกซู่โดยไม่มีสาเหตุ จากที่กำลังจะหงุดหงิดเพราะคิดว่าเขาหลอกให้เธอทำงานเก้อ กลายเป็นความหวั่นไหวขึ้นมาแทน ไม่คิดว่าเขาจะอยู่รอตรวจงานจากเธอจริงๆ “ขออนุญาตค่ะ” วรรณนรีก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าแผ่วเบา แต่ในใจยังอดนึกไม่ได้ว่าเขาคงตั้งใจแกล้งให้เธอนั่งเขียนแผนงานจนดึกดื่นคนเดียว ตอนแรกที่
“วันนี้ขอบคุณมากนะคะ” วรรณนรีก้มหน้าให้ลุคคาจากใจจริง หลังกลับจากทานข้าวเที่ยง ถึงบริษัทก็เกือบบ่ายสองแล้ว พอลงจากรถเสร็จ เธอก็แยกตัวจากเขาทันที ลุคคาอ้าปากจะเอ่ยอะไรสักอย่าง ถึงกับแอบเสียหน้าเล็กน้อยที่เห็นหญิงสาวหนีไปอย่างรวดเร็ว หรือว่าวรรณนรีกำลังหลบหน้าเขาอยู่? ลุคคาหรี่ตามองตามแผ่นหลังเล็กๆ นั่น มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “เฮ้ กลับมาแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง” ริกะเป็นคนแรกที่เอ่ยทักเมื่อเห็นวรรณนรีเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน พลอยทำให้คนอื่นๆ ในทีมเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสนใจ ทุกคนต่างรู้ว่าวรรณนรีออกไปเจอลูกค้ากับลุคคา แม้จะรู้สึกว่าข้ามหน้าข้ามตาหัวหน้าอย่างริกะไปสักหน่อย แต่เพราะวรรณนรีมีผลงานที่โดดเด่น และเป็นคนที่ทนไม้ทนมือเจ้านายจอมเนี้ยบอย่างลุคคามากที่สุด จึงไม่มีใครคิดอิจฉา หรือบ่นวรรณนรีเลยสักคน ตรงข้ามกลับรู้สึกโล่งใจที่มีวรรณนรีคอยรับหน้าเจ้านายให้ “ยังไม่ได้ข้อสรุปน่ะ” วรรณนรีนึกถึงบทสนทนาบนโต๊ะอาหารแล้วพูดออกมาแบบกลางๆ เธอเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบสปอยด์งาน หรือพูดฟุ้งไปเรื่อย
“นัดกับใครไว้เหรอคะ” วรรณนรีหันกลับไปถามลุคคาระหว่างนั่งรถออกจากหน้าบริษัท ตอนนี้เธออยู่บนรถของเขา โดยมีคนขับรถประจำตำแหน่ง และวรรณนรีนั่งเบาะหน้า ส่วนลุคคานั่งเบาะหลัง ไม่ได้มากันตามลำพัง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะดูไม่ดี หญิงสาวทำตัวปกติทุกอย่าง ไม่เผยพิรุธเลยสักนิด กระทั่งริกะที่คอยเชียร์ทั้งคู่อยู่ในใจก็ยังเดาไม่ออกว่าไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม ยิ่งวรรณนรีทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น







