เข้าสู่ระบบวรรณนรีเดิมตามลุคคามาที่ลานจอดรถเงียบๆ โดยเว้นระยะห่างจากเขาประมาณหนึ่ง
เมื่อถึงรถ เธอก็เดินวนรอบหนึ่งตามที่ได้รับการสั่งสอนมาจากโรงเรียนสอนขับรถ พูดแล้วก็น่าอาย เธอเพิ่งจะไปเรียนขับรถมาเมื่อสามเดือนก่อน ก่อนเข้าสมัครงานนี่เอง เพราะหนึ่งในคุณสมบัติของพนักงานที่นี่คือต้องมีใบขับขี่
หรือจะพูดให้ดีก็คือ ต้องขอบคุณที่การสมัครงานครั้งนั้นทำให้เธอได้รับความสามารถเพิ่ม นั่นก็คือการขับรถยนต์เป็น
“กุญแจรถคุณล่ะ”
เธอยื่นมือไปยังลุคคา ลุคคามองเรียวแขนที่ดูเล็กเรียวและเปราะบางของเธอแล้วเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ
“เคยขับหรือเปล่า”
ลุคคาเอากุญแจออกมาแล้วแต่ยังตัดใจส่งให้วรรณนรีไม่ได้
“ขับได้ค่ะ”
“งั้นก็รบกวนด้วยแล้วกัน”
ลุคคาหย่อนกุญแจรถหรูลงบนฝ่ามือวรรณนรีอย่างไม่มีทางเลือก เดินมาเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับ วรรณนรีมองกุญแจรถในมือก่อนสูดหายใจลึก สตาร์ทรถเหมือนปกติ ทั้งที่หัวใจเต้นรัวแรงเพราะเพิ่งเคยขับรถรุ่นนี้ครั้งแรก แม้ระบบเกียร์ของรถทุกคันแทบจะเหมือนกันแต่คอนโซลรถกลับแตกต่างกันเล็กน้อย
เธอปกปิดความลนในใจโดยที่ลุคคาไม่ทันสังเกต เพราะขึ้นรถมาได้เขาก็นั่งหลับตา ทอดกายไปกับเบาะ ทำตัวสบายใจเฉิบเหมือนวรรณรีเป็นคนขับรถของเขาจริงๆ
ทว่า...
ปึ้ง!
เพิ่งจะขยับรถได้ไม่กี่ที เสียงท้ายรถชนกับกำแพงลานจอดก็ดังขึ้น ลุคคาลืมตาโพรง ผุดกายขึ้นนั่งหลังตรงทันที มือคว้าที่จับเอาไว้แน่น
“นี่เธอ!”
“ขะขอโทษค่ะ ฉัน... ฉันจะชดใช้ให้ทีหลัง” วรรณนรีหน้าซีดเผือด ยอมรับผิดแต่โดยดี เห็นท่าทางสำนึกได้แบบนั้นลุคคาอยากจะด่าก็ด่าไม่ลง เขานับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อสะกดข่มความโกรธ เอ่ยอย่างคนใจกว้าง
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องชดใช้”
“ตะแต่...” วรรณนรีหันมามองลุคคา จังหวะเดียวกับที่มีรถสวนมาพอดี
“ระวัง!”
“ว้าย!”
วรรณนรีตกใจเหยียบเบรกกะทันหัน... แรงสะเทือนทำให้ทั้งคู่หน้าคะมำแทบจะโขกกับแผงคอนโซล วรรณนรีก็มีสภาพไม่ต่างกันมาก แถมยังหัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอกอีก
“จะฆ่ากันหรือไง” ลุกคคาเงยหน้ามองตาขวาง เสียงยังสั่นเพราะแรงกระแทกเมื่อครู่ “ขับรถยังไงไม่ดูทาง”
“ขอโทษค่ะ” วรรณนรีก้มหน้าพูดเสียงแผ่ว หน้าแดงด้วยความตกใจและอาย มือจับพวงมาลัยเอาไว้แน่น รถที่สวนมาผ่านไปช้าๆ พร้อมเสียงแตรหนึ่งครั้งก่อนเลี้ยวหายไป ลุคคานั่งพิงพนัก ถอนหายใจแรง พลางมองเธออย่างเหนื่อยใจ
“เพิ่งหัดขับรถหรือไง”
“สามเดือนค่ะ”
“อะไร”
“ฉัน... เพิ่งจะขับรถได้สามเดือน”
“....”
คราแรกลุคคาแค่ประชด แต่ไม่คิดว่าจะได้รู้ความจริงที่ทำเอานั่งไม่ติดตลอดทาง
ลุคคาให้วรรณนรีจอดรถหน้าบ้าน พอรู้ว่าวรรณนรีเพิ่งขับรถเป็นไม่นานเขาก็ไม่คิดจะทดสอบความสามารถของเธอ เรียกคนงานในบ้านมาเอารถเข้าไปเก็บในโรงจอดแทน
“...เอารถไปเก็บ แล้วก็เรียกรถมารับ-”
เขากำลังจะบอกคนเรียกรถ ให้ไปส่งวรรณนรี
โครก~
ทันใดนั้นเสียงท้องร้องดังขึ้น ลุคคาหยุดพูดแล้วชำเลืองมามองหญิงสาวที่ยืนก้มหน้าบีบมือด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมอยู่ด้านหลัง และเมื่อรู้ว่าเขามองอยู่เธอก็ยิ่งประหม่าไปกันใหญ่ ชำเลืองสายตาขึ้นมามองตอบเขาทั้งที่ใบหน้ากดลงต่ำ ฉีกยิ้มอายๆ ออกมา
นาทีนี้วรรณนรีไม่กล้าพูดอะไรเลย ลำพังแค่ทำท้ายรถหรูเขาชนกับกำแพงก่อนหน้านี้ก็รู้สึกผิดจะแย่
“ท้องเธอเป็นหลุมดำหรือไง ดึกขนาดนี้ยังหิวอีก”
“ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย ขอโทษค่ะ”
“ไม่ได้กิน? เธอ...”
ลุคคากำลังจะต่อว่า แต่พอนึกถึงภาพวรรณนรีมัวแต่ดูแลความเรียบร้อยที่งานเลี้ยงบริษัทก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องได้
“แล้วที่บาร์ ไม่มีอะไรให้เธอกินหรือไง”
งานเลี้ยงบริษัทอาจจะยุ่งมากจนไม่มีเวลากิน แต่ที่บาร์ทุกคนไปเพื่อพักผ่อน ไม่มีใครใช้งานเธอสักหน่อย การปล่อยให้ตัวเองท้องหิว นับว่าบกพร่องจริงๆ
พอได้ยินแบบนั้น วรรณนรีก็ยิ้มเจื่อนกว่าเดิม พูดตอบเบาๆ
“ตอนไปถึงก็ไม่มีอะไรให้กินแล้ว นอกจากเหล้า...”
ลุคคานัยน์ตาวาววาบ เพราะเหมือนวรรณนรีกำลังทำให้เขารู้สึกผิด แต่พอคิดดูดีๆ อาหารบนโต๊ะก็ไม่มีอะไรให้กินจริงๆ เขาถอนหายใจยาวเหยียด หลังจากใจเย็นลงแล้วก็พูดออกมา
“ช่างเถอะ เข้ามาสิ”
“คะ?”
“ยังไม่กินอะไรไม่ใช่เหรอ”
“เอ่อ...” เธอตั้งตัวไม่ทัน มองไปที่คนงานในบ้านที่ออกมารับรถจากลุคคา ทว่าคนงานกลับไม่กล้าออกความเห็น แค่ก้มหน้าลงแล้วเดินไปที่รถเงียบๆ
ลุคคาไม่พูดซ้ำ แค่ใช้สายตากดดันใส่วรรณนรีแล้วเดินเข้าประตูบ้าน วรรณนรีเงอะงะอยู่ครู่หนึ่งก็รีบเดินตามร่างสูงไปด้วยความรู้สึกสับสน
วรรณนรีกลับถึงห้องแบบงงๆ ความอ่อนเพลียและสับสนทำให้เธอรีบอาบน้ำแล้วเข้านอนกระทั่งรุ่งเช้ามาเยือน อารมณ์ยังคงคลุมเครือ หยิบจับอะไรก็ผิดพลาดไปหมด แต่ก็พยายามตั้งสติ บอกตัวเองให้หยุดฟุ้งซ่านแล้วหยิบแผนงานออกมาทบทวนระหว่างทางไปบริษัท“วรรณนรี พร้อมนะ”ริกะมองใบหน้าขาวใสที่เหมือนจะมีออร่าแปลกๆ ของวรรณนรี แต่แววตาของสาวเจ้ากลับเธอเลื่อนลอยเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“ค่ะ” วรรณนรีกำลังทำสมาธิอยู่ต่างหาก เมื่อถึงบริษัทเธอก็ไล่ความคิดที่ไม่จำเป็นทั้งหลายออกไปได้สำเร็จ จิตใจมุ่งมั่นอยู่กับงานตรงหน้าเท่านั้นวรรณนรีมองประตูห้องประชุมเบื้องหน้า ก่อนก้าวตามริกะเข้าไปภายในห้องประชุมนอกจากทีมของริกะแ
เสียงเลียแผล็บสลับกับดูดดังจ๊วบสะท้านหู ความเสียวซ่านที่ได้รับก็สะท้านใจไม่น้อย วรรณนรีดิ้นทุรนทุรายไม่เป็นท่า ผมเผ้าถูไถกับโต๊ะทำงานจนยุ่งเหยิง บางครั้งก็ตะเกียกตะกายหนี บางครั้งก็เหมือนแอ่นรับ ลุคคาใช้ปลายลิ้นละเลงเนื้อสาวของเธอราวกับกำลังดื่มด่ำกับอาหารเลิศรส ทั้งดูดทั้งเลียจนเจ้าของร่างหายใจไม่ทัน ช่องทางสวาทกระตุกริกๆ เสียวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ยะอ๊า คุณ... ไม่ อื้อ” วรรณนรีร้องครวญคราง ลมหายใจหอบกระชั้น หน้าท้องยุบพองถี่เร็ว หัวใจเหมือนจะวายให้ได้ ยิ่งเธอร้องเขายิ่งย่ามใจ ไล้ลิ้นไปตามร่องลึก ดูดเม้มติ่งเล็กๆ ประหนึ่งเกสรดอกไม้ที่ผุดขึ้นกลางยอดอ่อน “กรี๊ด อ๊า เสียว ฮือ... ไม่ไหว ยะอย่า ตรงนั้น มะไม่ อื้อ เสียวซี้ด~” วรรณนรีเสียวจนนัยน์ตาพร่ามัว หยาดน้ำตาเอ่อคลอ ดิ้นพรวดพราดมือปัดป่ายชนของบนโต๊ะตกโครมคราม ทว่ากลับไม่มีใครนึกใส่ใจ ต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์เสน่หาลึกสุดหยั่ง ลุคคาเล่นกับเนื้อสาวของเธอจนพอใจ เมื่อเขาผละออก หยาดน้ำหวานก็ซึมลงบนโต๊ะหว่างขาวรรณนร
ความตะกละตะกลามของลุคคากัดกินตัวตนวรรณนรีไปเกือบหมดสิ้น เพียงแวบเดียวเธอก็โอนอ่อนผ่อนตามริมฝีปากของเขา เพลิดเพลินไปกับเรียวลิ้นสากที่ซุกไซ้อยู่ในโพรงปากประหนึ่งผู้ล่าที่ไล่ต้อนเหยื่อ พลั่ก! “อ๊ะ” วรรณนรีได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง แผ่นหลังก็กระแทกลงบนโต๊ะทำงาน ทับกับแฟ้มฉบับร่างที่เธอเพิ่งจะนำเสนอเขาเมื่อไม่กี่อึดใจที่แล้ว ทว่าความนึกคิดที่โผล่ขึ้นมาอย่างฉับพลัน กลับกระตุ้นอารมณ์ตื่นเต้นและด้านมืดภายในใจได้มากกว่า
ไฟตามทางเดินปิดหมดแล้วเหลือเพียงไฟอัตโนมัติติดผนังที่จะสว่างเฉพาะเวลามีคนผ่าน แต่ละดวงอยู่ห่างกันพอสมควร วรรณนรีก้าวย่างไปตามทางในออฟฟิศที่ทอดยาวสู่ห้องของผู้อำนวยการฝ่ายครีเอทีฟ หน้าห้องมีโต๊ะทำงานของเลขาซึ่งบัดนี้ว่างเปล่า ไม่มีกระเป๋า ไม่มีเสื้อสูทที่มักจะพาดติดเก้าอี้เอาไว้เวลาที่คนไม่อยู่ เอกสารบนโต๊ะถูกเก็บเรียบร้อย เป็นสัญญาณบอกว่าเจ้าตัวกลับไปแล้ว วรรณนรีแอบใจหายเล็กน้อย มองบานประตูห้องทำงานผู้อำนวยการ รู้สึกสองจิตสองใจ ไม่แน่ว่าลุคคาเองก็อาจจะกลับไปแล้วก็ได้ ก๊อกๆ แต่ในเมื่อมาถึงหน้าห้องแล้ว เธอก็ต้องเคาะประตูเพื่อพิสูจน์ความคิดตัวเอง “เข้ามา” เสียงทุ้มต่ำดังลอดออกมา วรรณนรีขนลุกซู่โดยไม่มีสาเหตุ จากที่กำลังจะหงุดหงิดเพราะคิดว่าเขาหลอกให้เธอทำงานเก้อ กลายเป็นความหวั่นไหวขึ้นมาแทน ไม่คิดว่าเขาจะอยู่รอตรวจงานจากเธอจริงๆ “ขออนุญาตค่ะ” วรรณนรีก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าแผ่วเบา แต่ในใจยังอดนึกไม่ได้ว่าเขาคงตั้งใจแกล้งให้เธอนั่งเขียนแผนงานจนดึกดื่นคนเดียว ตอนแรกที่
“วันนี้ขอบคุณมากนะคะ” วรรณนรีก้มหน้าให้ลุคคาจากใจจริง หลังกลับจากทานข้าวเที่ยง ถึงบริษัทก็เกือบบ่ายสองแล้ว พอลงจากรถเสร็จ เธอก็แยกตัวจากเขาทันที ลุคคาอ้าปากจะเอ่ยอะไรสักอย่าง ถึงกับแอบเสียหน้าเล็กน้อยที่เห็นหญิงสาวหนีไปอย่างรวดเร็ว หรือว่าวรรณนรีกำลังหลบหน้าเขาอยู่? ลุคคาหรี่ตามองตามแผ่นหลังเล็กๆ นั่น มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “เฮ้ กลับมาแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง” ริกะเป็นคนแรกที่เอ่ยทักเมื่อเห็นวรรณนรีเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน พลอยทำให้คนอื่นๆ ในทีมเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสนใจ ทุกคนต่างรู้ว่าวรรณนรีออกไปเจอลูกค้ากับลุคคา แม้จะรู้สึกว่าข้ามหน้าข้ามตาหัวหน้าอย่างริกะไปสักหน่อย แต่เพราะวรรณนรีมีผลงานที่โดดเด่น และเป็นคนที่ทนไม้ทนมือเจ้านายจอมเนี้ยบอย่างลุคคามากที่สุด จึงไม่มีใครคิดอิจฉา หรือบ่นวรรณนรีเลยสักคน ตรงข้ามกลับรู้สึกโล่งใจที่มีวรรณนรีคอยรับหน้าเจ้านายให้ “ยังไม่ได้ข้อสรุปน่ะ” วรรณนรีนึกถึงบทสนทนาบนโต๊ะอาหารแล้วพูดออกมาแบบกลางๆ เธอเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบสปอยด์งาน หรือพูดฟุ้งไปเรื่อย
“นัดกับใครไว้เหรอคะ” วรรณนรีหันกลับไปถามลุคคาระหว่างนั่งรถออกจากหน้าบริษัท ตอนนี้เธออยู่บนรถของเขา โดยมีคนขับรถประจำตำแหน่ง และวรรณนรีนั่งเบาะหน้า ส่วนลุคคานั่งเบาะหลัง ไม่ได้มากันตามลำพัง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะดูไม่ดี หญิงสาวทำตัวปกติทุกอย่าง ไม่เผยพิรุธเลยสักนิด กระทั่งริกะที่คอยเชียร์ทั้งคู่อยู่ในใจก็ยังเดาไม่ออกว่าไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม ยิ่งวรรณนรีทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น







