เข้าสู่ระบบ“ลุคคาลองนอนกับฉันสักครั้งไหม ฉันอาจไม่ได้สวยที่สุด แต่รูปร่างดีมากเลยนะ แล้วคุณก็ไม่เสียหายอะไรหรอก”
โดยไม่คาดคิดเขาเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดคลิปเสียงที่บันทึกเอาไว้ให้เธอฟัง
“นี่”
วรรณนรีได้ยินเสียงตัวเองตอนเมาแล้วก็อยากจะคลุ้มคลั่งขึ้นมา ทั้งอาย โกรธ และนึกไม่ถึงว่าเขาจะถึงขั้นเก็บคลิปเสียงเธอเอาไว้
ลุคคามองใบหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของวรรณนรี ยิ่งรู้สึกว่าเธอน่ารักจนเขาอดที่จะแกล้งต่อไม่ได้
“คุณ!”
วรรณนรีเอื้อมมือมาแย่งโทรศัพท์ในมือลุคคา แต่เขาโยกแขนหลบอย่างรู้ทัน เธอถึงกับกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ
“ทำอะไรต้องเก็บหลักฐาน ฉันเคยบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอ”
“อึก”
“ว่าไง ตอนนี้มีอะไรจะพูดอีกไหม” ลุคคารั้งเอวบางเข้าหา โน้มหน้าลงพูดข้างผิวแก้มวรรณนรี
ลมหายใจร้อนกรุ่นทำเธอคันยุบยับไปข้างในหัวใจ เหลือบตาขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลา สีหน้ามีความลังเลเหลืออยู่
“ทำไม มีใครรออยู่ที่ห้องหรือไง”
“ไม่ ไม่มี...”
วรรณนรีลมหายใจติดขัด ลนลานปฏิเสธ กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดจึงไม่ทันสังเกตเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย
“หรือว่าเธอรังเกียจฉัน”
“ฉัน...”
วรรณนรีอ้ำอึ้ง มองตอบสายตาจับจ้องของเขา หัวใจสั่นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
“....” ลุคคาเฝ้ารออย่างใจเย็น ...หากเธอตอบว่ารังเกียจ เขาก็ยินดีปล่อยเธอไป
“ฉัน... เปล่ารังเกียจคุณ”
เสียงวรรณนรีเบายิ่งกว่ากระซิบ จนลุคคาต้องเอาหน้าเข้าไปใกล้ ปลายนิ้วแข็งร้อนเชยคางเล็กมนขึ้นมา เพื่อให้มองสบตาเขาชัดๆ
“ถ้างั้น...” เสียงแหบทุ้มเว้นช่องว่าง เป็นคำถามปลายเปิด โยนการตัดสินใจอันยากลำบากนี้ให้เธอ
“ทำแบบนี้ คุณจะเสียใจ”
แท้ที่จริงวรรณนรีเป็นห่วงความรู้สึกเขามากกว่าตัวเธอเองเสียอีก
“เธอก็อย่าทำให้ฉันผิดหวังสิ”
“....”
ลมหายใจร้อนกรุ่นราดรดลงบนผิวแก้ม เสียงสากทุ้มกระทบแนบกกหู หัวใจวรรณนรีขนลุกซู่ ขาอ่อนเปลี้ยขึ้นมาทันที แขนเล็กเรียวยกขึ้นคล้องรอบลำคอแกร่งเพื่อหาที่ยึดเกาะ เอียงคอหลบซุกกับแผ่นอกกว้าง สัมผัสผิวเปลือยผ่านสาบเสื้อที่ปลดกระดุมของเขาโดยบังเอิญ
เธอกระตุ้นเลือดลมของลุคคาให้พลุ่งพล่านยิ่งขึ้นโดยไม่รู้ตัว
คนทั้งคู่อิงแอบกันในความเงียบงันของห้องครัว ไร้ซึ่งคำพูด เหลือเพียงภาษากายที่ตอบสนองซึ่งกันและกัน
วรรณนรีรู้สึกถึงแรงเต้นของหัวใจเขาที่แนบชิดกับอกของเธอ มือที่โอบเอวไว้แน่นราวจะไม่ยอมให้หนีไปไหน ครู่ต่อมาแผ่นหลังของเธอก็สัมผัสกับขอบเคาน์เตอร์ครัวเย็นเยียบ
เบื้องหลังคือพื้นหินอ่อนแข็งกระด้าง เบื้องหน้าคือความร้อนรุ่มจากเรือนร่างสูงใหญ่
...ถูกกักขังอย่างสมบูรณ์
วรรณนรีกัดริมฝีปาก หัวใจสั่นไหว
เสียงน้ำหยดติ๋งสะท้อนก้องในอ่างสแตนเลสยิ่งขับให้บรรยากาศอึดอัดกว่าเดิม
แสงไฟสีอุ่นสะท้อนวาวในดวงตาคมที่จ้องเธอไม่กะพริบ ความเป็นเหตุเป็นผลละลายหายไปในความเงียบ เหลือเพียงแรงปรารถนาที่เพิ่มทวีขึ้นทุกขณะ
ปลายนิ้วแข็งลากไล้กรอบหน้าบาง เชยคางเล็กมนขึ้นมาจรดริมฝีปากแผ่วเบาใต้ริมฝีปากล่าง ปล่อยกลิ่นอายที่ยากจะขัดขืนใส่วรรณนรี
ร่างบางอ่อนระทวยใต้สัมผัสรุกเร้าของลุคคา
ริมฝีปากหยักหนาค่อยๆ ลากจุมพิตร้อนฉ่าลงมาตามซอกคอ เนินไหล่ กระทั่งมือหนาก็ไม่ยอมอยู่เฉยๆ บีบคลึงโคนขาของเธออย่างมีชั้นเชิง
“อ๊ะ!”
วรรณนรีร้องเสียงหลงเมื่อปลายนิ้วแข็งแทรกแนวซิปของกางเกงเข้ามาสัมผัสกับเนื้อซับในตัวบางของเธอ
หัวใจหญิงสาวสั่นระรัว ลมหายใจรวนไปหมด ขนกายลุกชูชันเพราะไม่ชินกับฝ่ามือของคนอื่น
“อื้อ~”
ทว่าลุคคาเหมือนไม่ได้ยิน ลูบคลำเนินท้องน้อยแล้วค่อยๆ สอดนิ้วลึกลงไป กรีดไล้ร่องเล็กที่กำลังร้อนรุ่มให้ระอุยิ่งขึ้น
วรรณนรีถูขาไปมา เปล่งเสียงครางหวามเป็นพักๆ ร่างกายสะดุ้งเฮือกครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อคนสองคนใจตรงกัน ความหื่นกระหายก็ไม่อาจระงับได้อีกต่อไป
สัมผัสร้อนผ่าวซุกไซ้ข้างลำคอ ลมหายใจร้อนระอุพัดไล้ผิวกายเป็นจังหวะสั่นไหว
เสื้อสูทวรรณนรีลงไปกองบนพื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกที เสื้อเชิ้ตก็โดนกระตุกจนหัวไหล่เปลือยเปล่าโผล่สัมผัสอากาศเย็นเยียบ ทว่าไม่นานก็โดนริมฝีปากของคนตรงหน้าครอบครอง
“หอมมาก”
เสียงสูดดมของเขาทำเอาวรรณนรีสะท้านไปทั้งทรวง ทั่วทั้งร่างรู้สึกร้อนเหมือนโดนไฟสุม
“คุณก็ถอดบ้างสิ”
วรรณนรีทนไม่ไหว สอดมือเข้าไปในรอยตะเข็บเสื้อที่เปิดอ้า สัมผัสแผ่นอกล่ำของเขาอย่างหลงใหล
“ถอดให้ผมสิ”
วรรณนรีเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาของลุคคา เมื่อกี้เขาแทนตัวเองว่า ‘ผม’ ทั้งที่ปกติไม่เคย ทว่าตอนนี้เขากลับใช้คำสุภาพกับเธอ
วรรณนรีใจละลายหมดแล้ว พลางรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
วรรณนรีกลับถึงห้องแบบงงๆ ความอ่อนเพลียและสับสนทำให้เธอรีบอาบน้ำแล้วเข้านอนกระทั่งรุ่งเช้ามาเยือน อารมณ์ยังคงคลุมเครือ หยิบจับอะไรก็ผิดพลาดไปหมด แต่ก็พยายามตั้งสติ บอกตัวเองให้หยุดฟุ้งซ่านแล้วหยิบแผนงานออกมาทบทวนระหว่างทางไปบริษัท“วรรณนรี พร้อมนะ”ริกะมองใบหน้าขาวใสที่เหมือนจะมีออร่าแปลกๆ ของวรรณนรี แต่แววตาของสาวเจ้ากลับเธอเลื่อนลอยเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“ค่ะ” วรรณนรีกำลังทำสมาธิอยู่ต่างหาก เมื่อถึงบริษัทเธอก็ไล่ความคิดที่ไม่จำเป็นทั้งหลายออกไปได้สำเร็จ จิตใจมุ่งมั่นอยู่กับงานตรงหน้าเท่านั้นวรรณนรีมองประตูห้องประชุมเบื้องหน้า ก่อนก้าวตามริกะเข้าไปภายในห้องประชุมนอกจากทีมของริกะแ
เสียงเลียแผล็บสลับกับดูดดังจ๊วบสะท้านหู ความเสียวซ่านที่ได้รับก็สะท้านใจไม่น้อย วรรณนรีดิ้นทุรนทุรายไม่เป็นท่า ผมเผ้าถูไถกับโต๊ะทำงานจนยุ่งเหยิง บางครั้งก็ตะเกียกตะกายหนี บางครั้งก็เหมือนแอ่นรับ ลุคคาใช้ปลายลิ้นละเลงเนื้อสาวของเธอราวกับกำลังดื่มด่ำกับอาหารเลิศรส ทั้งดูดทั้งเลียจนเจ้าของร่างหายใจไม่ทัน ช่องทางสวาทกระตุกริกๆ เสียวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ยะอ๊า คุณ... ไม่ อื้อ” วรรณนรีร้องครวญคราง ลมหายใจหอบกระชั้น หน้าท้องยุบพองถี่เร็ว หัวใจเหมือนจะวายให้ได้ ยิ่งเธอร้องเขายิ่งย่ามใจ ไล้ลิ้นไปตามร่องลึก ดูดเม้มติ่งเล็กๆ ประหนึ่งเกสรดอกไม้ที่ผุดขึ้นกลางยอดอ่อน “กรี๊ด อ๊า เสียว ฮือ... ไม่ไหว ยะอย่า ตรงนั้น มะไม่ อื้อ เสียวซี้ด~” วรรณนรีเสียวจนนัยน์ตาพร่ามัว หยาดน้ำตาเอ่อคลอ ดิ้นพรวดพราดมือปัดป่ายชนของบนโต๊ะตกโครมคราม ทว่ากลับไม่มีใครนึกใส่ใจ ต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์เสน่หาลึกสุดหยั่ง ลุคคาเล่นกับเนื้อสาวของเธอจนพอใจ เมื่อเขาผละออก หยาดน้ำหวานก็ซึมลงบนโต๊ะหว่างขาวรรณนร
ความตะกละตะกลามของลุคคากัดกินตัวตนวรรณนรีไปเกือบหมดสิ้น เพียงแวบเดียวเธอก็โอนอ่อนผ่อนตามริมฝีปากของเขา เพลิดเพลินไปกับเรียวลิ้นสากที่ซุกไซ้อยู่ในโพรงปากประหนึ่งผู้ล่าที่ไล่ต้อนเหยื่อ พลั่ก! “อ๊ะ” วรรณนรีได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง แผ่นหลังก็กระแทกลงบนโต๊ะทำงาน ทับกับแฟ้มฉบับร่างที่เธอเพิ่งจะนำเสนอเขาเมื่อไม่กี่อึดใจที่แล้ว ทว่าความนึกคิดที่โผล่ขึ้นมาอย่างฉับพลัน กลับกระตุ้นอารมณ์ตื่นเต้นและด้านมืดภายในใจได้มากกว่า
ไฟตามทางเดินปิดหมดแล้วเหลือเพียงไฟอัตโนมัติติดผนังที่จะสว่างเฉพาะเวลามีคนผ่าน แต่ละดวงอยู่ห่างกันพอสมควร วรรณนรีก้าวย่างไปตามทางในออฟฟิศที่ทอดยาวสู่ห้องของผู้อำนวยการฝ่ายครีเอทีฟ หน้าห้องมีโต๊ะทำงานของเลขาซึ่งบัดนี้ว่างเปล่า ไม่มีกระเป๋า ไม่มีเสื้อสูทที่มักจะพาดติดเก้าอี้เอาไว้เวลาที่คนไม่อยู่ เอกสารบนโต๊ะถูกเก็บเรียบร้อย เป็นสัญญาณบอกว่าเจ้าตัวกลับไปแล้ว วรรณนรีแอบใจหายเล็กน้อย มองบานประตูห้องทำงานผู้อำนวยการ รู้สึกสองจิตสองใจ ไม่แน่ว่าลุคคาเองก็อาจจะกลับไปแล้วก็ได้ ก๊อกๆ แต่ในเมื่อมาถึงหน้าห้องแล้ว เธอก็ต้องเคาะประตูเพื่อพิสูจน์ความคิดตัวเอง “เข้ามา” เสียงทุ้มต่ำดังลอดออกมา วรรณนรีขนลุกซู่โดยไม่มีสาเหตุ จากที่กำลังจะหงุดหงิดเพราะคิดว่าเขาหลอกให้เธอทำงานเก้อ กลายเป็นความหวั่นไหวขึ้นมาแทน ไม่คิดว่าเขาจะอยู่รอตรวจงานจากเธอจริงๆ “ขออนุญาตค่ะ” วรรณนรีก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าแผ่วเบา แต่ในใจยังอดนึกไม่ได้ว่าเขาคงตั้งใจแกล้งให้เธอนั่งเขียนแผนงานจนดึกดื่นคนเดียว ตอนแรกที่
“วันนี้ขอบคุณมากนะคะ” วรรณนรีก้มหน้าให้ลุคคาจากใจจริง หลังกลับจากทานข้าวเที่ยง ถึงบริษัทก็เกือบบ่ายสองแล้ว พอลงจากรถเสร็จ เธอก็แยกตัวจากเขาทันที ลุคคาอ้าปากจะเอ่ยอะไรสักอย่าง ถึงกับแอบเสียหน้าเล็กน้อยที่เห็นหญิงสาวหนีไปอย่างรวดเร็ว หรือว่าวรรณนรีกำลังหลบหน้าเขาอยู่? ลุคคาหรี่ตามองตามแผ่นหลังเล็กๆ นั่น มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “เฮ้ กลับมาแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง” ริกะเป็นคนแรกที่เอ่ยทักเมื่อเห็นวรรณนรีเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน พลอยทำให้คนอื่นๆ ในทีมเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสนใจ ทุกคนต่างรู้ว่าวรรณนรีออกไปเจอลูกค้ากับลุคคา แม้จะรู้สึกว่าข้ามหน้าข้ามตาหัวหน้าอย่างริกะไปสักหน่อย แต่เพราะวรรณนรีมีผลงานที่โดดเด่น และเป็นคนที่ทนไม้ทนมือเจ้านายจอมเนี้ยบอย่างลุคคามากที่สุด จึงไม่มีใครคิดอิจฉา หรือบ่นวรรณนรีเลยสักคน ตรงข้ามกลับรู้สึกโล่งใจที่มีวรรณนรีคอยรับหน้าเจ้านายให้ “ยังไม่ได้ข้อสรุปน่ะ” วรรณนรีนึกถึงบทสนทนาบนโต๊ะอาหารแล้วพูดออกมาแบบกลางๆ เธอเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบสปอยด์งาน หรือพูดฟุ้งไปเรื่อย
“นัดกับใครไว้เหรอคะ” วรรณนรีหันกลับไปถามลุคคาระหว่างนั่งรถออกจากหน้าบริษัท ตอนนี้เธออยู่บนรถของเขา โดยมีคนขับรถประจำตำแหน่ง และวรรณนรีนั่งเบาะหน้า ส่วนลุคคานั่งเบาะหลัง ไม่ได้มากันตามลำพัง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะดูไม่ดี หญิงสาวทำตัวปกติทุกอย่าง ไม่เผยพิรุธเลยสักนิด กระทั่งริกะที่คอยเชียร์ทั้งคู่อยู่ในใจก็ยังเดาไม่ออกว่าไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม ยิ่งวรรณนรีทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น







