"ขอโทษนะคะที่พูดแบบนั้นออกไป คือว่า รักแค่พูดตามความรู้สึก" เปี่ยมรักออกอาการร้อนรนอย่างไม่รู้ตัว เธอแค่แสดงความรู้สึกตามความคิดไม่ทันได้คิดว่ามันอาจจะผิด
"เฮีย..." "ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อ" "คะ?" "ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อที่ชั้นบน" "อ๋อ ค่ะ" เปี่ยมรักคลี่ยิ้ม แต่วินาทีที่เห็นสามีหมาดๆ ชักสีหน้ากลับ หญิงสาวหุบยิ้มแทบจะทันที ต่อให้จะหล่อมาก แต่หน้าตึงๆ ของเขามันทำให้เธอเสียวสันหลังวาบได้เหมือนกัน "แม่ส่งเธอมาตรงนี้?" "ใช่ค่ะ คุณป้า อ่า แม่เบญส่งรักมา" "ฉันจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อ เธอสมควรนั่งอยู่ตรงนี้ต่อรึเปล่า" ภูมิรพีหยัดตัวลุกจนเต็มความสูง ดวงตาคมกริบยังคงประสานกับดวงตากลมโตที่มองตามเขาไม่วางตา ซื่อบื้อหรือแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่วะ! และแล้วความไม่พอใจที่เขาหลุดมันออกมาส่งผลให้เจ้าสาวป้ายแดงดันตัวลุกตาม "เข้าใจแล้วค่ะ" "จะไปไหนกันเหรอครับ" น้องเล็กสุดอย่างภูพิงค์รีบถาม แอบเห็นว่าเฮียและภรรยาสาวพูดคุยอะไรสักอย่างกันนานแล้ว "ขอตัวสักครู่นะคะ เดี๋ยวรักพาเฮียขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อก่อน" รอยยิ้มสดใสส่งต่อ ภูพิงค์คลี่ยิ้มให้พี่สะใภ้ อดไม่ได้ที่จะปรายตามองผู้ที่เป็นพี่ชาย "ให้ไอ้ภูไปเป็นเพื่อนด้วยไหมครับเจ้ อยู่สองต่อสองกับเฮียมันอันตรายนา" "เรื่องของผัวเมียเว้ย!" พี่ชายคนโตกระแทกเสียงคำโต ปรายตามองภรรยาสาวที่ยิ้มไม่หุบ จากนั้นก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายเดินนำออกไป หงุดหงิดไอ้น้องชายตัวดีที่ทำตัวประเจิดประเจ้อ ให้ท้ายคนที่มันเรียกว่าเจ้เหลือเกิน สายตาของใครต่อใครที่ยังมองมาส่งผลให้คนตัวเล็กก้าวขาเร็วๆ ตามคนตัวโต แม้การแต่งงานจะไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรักตั้งแต่ต้น ถึงอย่างนั้นเธอก็ควรทำตัวสนิทสนมกับผู้ที่เป็นสามี อย่างน้อยๆ พ่อแม่นั่นแหละจะไม่อายใคร หากใครต่อใครรู้ว่างานแต่งงานจริงๆ แล้วมันเกิดขึ้นเพราะพ่อแม่เธอเดือดร้อนเรื่องเงิน! "เฮีย...รอด้วยค่ะ" ขาสวยก้าวฉับตามคนที่เดินอยู่เบื้องหน้า สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะคว้ามือของเขามากุมเอาไว้หลวมๆ คนที่ถูกพันธนาการก้มหน้ามองมือของตัวเองเพียงนิด ในยามที่มองสบตากับเจ้าของการกระทำ เจ้าสาวป้ายแเดงก็เพียงแต่ฉีกยิ้มให้เขาเช่นเดิม ทุกย่างก้าวของเจ้าบ่าวเจ้าสาวหมาดๆ ที่ก้าวขึ้นบันไดอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ตลอดเวลา ฝ่ายแม่ของทางเจ้าบ่าวเจ้าสาวซุบซิบกระหนุงกระหนิงถูกอกถูกใจ ฝั่งพ่อเองก็เห็นรอยยิ้มเล็กๆ บนมุมปากเช่นกัน หัวใจดวงน้อยพลันเต้นแรงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งในตอนที่กลับขึ้นมาบนห้องด้วยกันตามลำพังอีกครั้ง พิธีการเสร็จสิ้นไปหมดแล้ว พ่อแม่ส่งตัวเรียบร้อยแล้ว หากงานเลี้ยงช่วงเย็นผ่านพ้นไป มันก็คงเป็นเวลาที่สามีภรรยาอยู่ด้วยกัน คนที่ไม่สนิทสนมกันมาก่อนควรจะวางตัวแบบไหนดีนะ เปี่ยมรักคิดไม่ตก กลัวเหลือเกิน หากชายหนุ่มหน้าตาดีผู้ที่เป็นสามีรู้ว่า เธอยอมแต่งงานเพราะปลดหนี้ เขาจะไม่พอใจและเป็นฝ่ายขอเลิกกับเธอ ทั้งที่จริงแล้วผู้ใหญ่ไม่ได้คิดที่จะให้เธอรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก แต่ความบังเอิญที่ทำให้เธอได้ยินบทสนทนาของพ่อแม่ตัวเองและพ่อแม่ของฝั่งทางฝ่ายชาย บ้านนั้นอยากได้หลาน แน่นอนว่า คนที่ฐานะทางการเงินดีเยี่ยม กลัวว่าจะได้ตบแต่งคนที่ไม่ดีเข้าบ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอซึ่งเป็นฝ่ายถูกเลือกดีแท้แค่ไหน แต่ภาระหนี้สินที่พ่อแม่ของเธอติดค้างคนบ้านนั้นอยู่จะหายไป หากเธอยอมแต่งงาน นั่นแหละ ที่ผ่านมาพ่อแม่ให้อิสรภาพกับเธอมาโดยตลอด เมื่อถึงเวลา เธอก็แค่ตัดสินใจทำหน้าที่ของลูกที่คิดว่าช่วยพ่อแม่ได้ดีที่สุด นั่นคือการยอมแต่งงานกับเจ้าบ่าวที่เฟอร์เฟคชนิดหาที่ติไม่เจอ "คิดอะไรอยู่" เปี่ยมรักสะดุ้งน้อยๆ ขนาดกำลังคิดเพลินๆ เธอยังกลัวว่าเขาจะล่วงรู้ความคิดของเธอในเรื่องที่เธอไม่อยากให้เขารู้ คิดดูเถอะว่าเธอกลัวการถูกทิ้งแค่ไหน "แค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะค่ะ" "คิดยังไงถึงยอมตกลงแต่งงาน" "อ๋อ คือมัน...มันเป็นความสบายใจของพ่อกับแม่น่ะค่ะ รักก็เลยยอมแต่ง" เปี่ยมรักยิ้มแห้ง สีหน้าที่ยากเกินกว่าจะคาดเดาอะไรได้ของเขาพาลพาหัวใจดวงน้อยสั่นระรัวราวกลับเสียงกลอง "หมายความว่าถ้าพ่อกับแม่ให้แต่งกับใครก็คงจะยอมแต่ง" "รักรู้จักแม่เบญก่อนหน้านี้อยู่แล้วค่ะ แม่เบญใจดี หากพ่อกับแม่ให้แต่งกับคนอื่นรักก็คงไม่ได้ตัดสินใจเร็วแบบนี้" "อ้อ ยอมแต่งเพราะรู้จักคุณแม่ หมายความว่าถ้าพ่อกับแม่ของฉันให้เธอแต่งกับนายภพหรือไอ้ภู เธอก็คงจะยอมแต่งงานเหรอ?" ทำไมรู้สึกว่าน้ำเสียงในตอนที่ตั้งคำถามมันดูเหวี่ยงชอบกลอ่ะ! เปี่ยมรักกลืนน้ำลายเหนียวลงคอหนักๆ จริงๆ ลูกชายทั้งสามคนของป้าเบญคือหล่อลากมาก ภูพิงค์หล่อแบบแบดๆ เหมือนผู้ชายขี้เล่น คารมดี ภพนิพิฐดูสุขุม เรียบร้อย เป็นผู้ชายอบอุ่น แน่นอนว่า หากใครอยากมีพี่ชายคงอยากมีพี่ชายแบบภพนิพิฐ ส่วนภูมิรพี ในสายตาของเธอเขาเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ที่สุด เขาเป็นคนที่อ่านความรู้สึกยาก นิ่ง เงียบ มีเสน่ห์ และน่าค้นหา แต่ถ้าหากเธอบอกเขาไปตรงๆ ว่าในสายตาของเธอแล้วในบรรดาสามพี่น้องเขามีเสน่ห์ที่สุด เขาก็อาจจะคิดว่าเธอแอบชอบเขาอยู่ในแน่ๆ "ก็คงต้องยอมแต่งน่ะค่ะ" เปี่ยมรักเอ่ยคำตอบที่คิดว่าดีมากที่สุดพลางระบายรอยยิ้มสดใสเป็นมิตรกลับไป ทว่า หญิงสาวกลับได้ยินเสียงในลำคอของอีกฝ่ายที่หลุดมันออกมาเบาๆ "เหอะ" ขายาวมั่นคงเดินกระแทกส้นออกไปทางอื่น หน้าเหวี่ยง คิ้วผูกเป็นปม เจ้าของดวงตากลมโตที่มองตามพลางกระพริบตาปริบๆ ความงุนงงถาโถมเข้าใส่อย่างจัง "เดี๋ยวรักช่วยติดกระดุมให้ค่ะ" เจ้าของเสียงหยัดตัวลุกตาม แม้จะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ แต่เธอจงท่องให้ขึ้นใจนะเปี่ยมรัก ถ้าไม่อยากถูกทิ้งเมื่อเขารู้ความจริง นอกจากพ่อสามีรัก แม่สามีหลง คนสำคัญที่เธอควรมัดใจเขาให้อยู่นั่นก็คือภูมิรพี ชายหนุ่มหน้าตาดีที่มีดีกรีเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของเธอ -------"โอ้โห! นี่กล้าทำน้องเลยเหรอเฮีย...อ้าวเจ้!" เสียงของภูพิงค์ในประโยคท้ายส่งผลให้คนตัวโตที่ยืนหันหลังให้กับใครบางคนที่อาจจะอยู่ทางด้านหลังของเขาชะงักไป"อย่ามากวนตีน""อ้าวเฮีย พูดไม่เพราะเลยว่ะ เฮียคิดว่าน้องแกล้งว่างั้น?" ภูพิงค์เลิกคิ้วถามพลางยกยิ้มที่มุมปาก ท่าทีแบบนี้นั่นแหละที่ทำให้ภูมิรพียังคงอยู่ในอิริยาบทเดิม "เฮียกำลังจะบอกว่าเฮียไม่เชื่อน้องที่น้องเรียกเจ้งั้นเหรอ?" คนฟังชักสีหน้าด้วยความหงุดหงิด ไม่ได้สละเวลาคิดด้วยซ้ำว่าที่ภูพิงค์เรียกใครอีกคนจากทางด้านหลังมันคือเรื่องจริงรึเปล่า แต่คราวนี้เขาเลือกที่จะหันกลับไปยังทิศทางด้านหลังของตัวเองด้วยตัวของเขาเอง ครั้นพอดวงตาคมกริบประสานเข้ากับร่างแบบบางที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาจริงๆ ภูมิรพีชะงักไปทันที เสียงภายในห้องครัวเงียบลง ส่วนคนที่พึ่งจะเข้ามาใหม่ก็ได้แต่ยิ้มเจือนๆ กลับไปเช่นกัน "ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะค่ะ พอดีว่ารักอยากได้น้ำส้มเพิ่มก็เลยเดินลงมา" คนฟังจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น เห็นชัดเจนว่าหญิงสาวในชุดนอนสีขาวลายตัวการ์ตูนสีดำ เลี่ยงการสบตากับเขาอย่างชัดเจน "...เชิญ" ภูมิรพียอมหลีกทางจากพื้นที่หน้าตู้เย็นแต่โดยดี ส่
"ยิ้มอะไรอ่ะ" "แล้วคิดว่าไงล่ะ" คำพูดยอกย้อนของคนตัวโตส่งผลให้เจ้าสาวป้ายแดงเผลอถลึงตากลับ แต่ครั้นพอเห็นดวงตาคมหรี่ลงต่ำมองในระดับที่ต่ำกว่าลำคอระหง คนถูกมองรีบดันตัวลุกจากเตียงกว้าง ไม่สนแม้ว่าตนจะเปลือยเปล่า เลือกที่จะก้าวขาลงจากเตียงแล้วเดินนวยนาดเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็วคนที่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนอย่างภูมิรพีไล่สายตามองตามหลังแบบไม่ละสายตา ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคออีกครั้ง หน้าเป๊ะ หุ่นปัง สุดท้ายชายหนุ่มจำต้องละสายตาจากร่างเย้ายวนแล้วเหลือบมองที่แกนกายของตัวเองด้วยความหนักใจทั้งที่พึ่งจะปลดปล่อย แต่เท่าที่เห็นตอนนี้ความใหญ่โตก็คงจะสู้ไม่ถอย ตั้งเด่นเป็นลำยาว เจ้าแกนกายยักษ์มันสั่งให้เขาสาวเท้าตามแล้วเข้าไปซ้ำอีกสักดอกสองดอกตรงไหนดีล่ะ อ่างอาบน้ำหรือเคาร์เตอร์ล้างหน้าที่มีเงาสะท้อนของกระจกดี ตรงไหนนะที่มันจะฟินและดีมากกว่ากัน!ใบหน้าหล่อเหลาหลุดความพอใจให้กับความคิดของตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วบางความคิดที่หลุดเข้ามาในหัวก็ทำให้เขาแทบหุบยิ้มไม่ทัน"...ขืนทำแบบนั้นเดี๋ยวยัยนั่นก็หาว่าติดใจ ติดใจงั้นเหรอ เหอะ! ไม่มีทาง" ครึ่งชั่วโมงต่อมา"สรุป วันม
บ้าเอ้ย อีตาบ้า! เปี่ยมรักกรีดร้องในใจพลันแก้มนวลก็ร้อนผะผ่าว เจ้าของใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มที่มุมปาก ในจังหวะที่กำลังจะผละตัวออกห่าง อีกฝ่ายเลื่อนมือเข้ามาประคองสองแก้มนวลเนียน ดวงตากลมโตเบิกกว้างพลางตวัดขึ้นประสานกับเจ้าของมือเย็นที่เป็นเจ้าของพันธนาการ ในตอนที่สบตากันหัวใจดวงน้อยยิ่งเต้นรัวแรงไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใด ริมฝีปากร้อนก็ประกบลงมาครอบครองเรียวปากนุ่มเอิบอิ่มอย่างรวดเร็ว"อื้อออ~" สัมผัสที่รวดเร็วแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนส่งผลให้ขาสวยอ่อนระทวยสัมผัสที่ปาก แต่คล้ายว่าเขากำลังดูดกลืนเรี่ยวแรงไปจากเธอจนหมดสิ้น เจ้าสาวป้ายแดงหลับตาพริ้ม ปล่อยให้ลิ้นสากรุกรานเข้ามาในโพลงปากบางโดยไร้การต่อต้านใดๆ จากเธอหมับ~"อื้อออ~" มือหนารั้งเอวคอดกิ่วเข้ามาประชิดลำตัว ขายาวมันคงสาวไปที่เบื้องหน้า ดันร่างแบบบางให้ขยับถอยหลัง ไม่นานนักขาสวยก็ประชิดกับเตียงกว้าง ท่อนขาแกร่งดันหุ่นเย้ายวนให้ล้มลงไปกับเตียง ตามด้วยร่างหนาที่ถาโถมตัวทาบทับลงไปส่งผลให้ความใหญ่โตบดกระแทกเข้ากับกลีบกุหลาบอวบนูนที่ถูกห่อหุ้มด้วยกางเกงชั้นในอย่างดีและเนื้อผ้าอีกตัวที่สวมใส่อยู่ชั้นนอก"ระ รีบร้อนจังเลยนะคะ" คนที่พยายามไขว่คว
"เฮียภูมิแต่งงานกับรักเพราะแม่เบญและพ่อภีมอยากอุ้มหลาน จะบอกว่าที่ยอมให้แม่ของลูกเป็นรัก เพราะเฮียชอบรักแบบนั้นเหรอคะ?" ความตกใจกับคำพูดที่ได้ฟังส่งผลให้เปี่ยมรักย้อนถาม ใบหน้าขาวนวลแดงก่ำขึ้นมาเรื่อยๆ โดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัวแม้จะไม่ค่อยอยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ฟังเท่าไหร่นัก แต่คนอย่างภูมิรพีจะพูดเล่นๆ แบบนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา"แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ""อ้าว..." คิ้วสวยขมวดยุ่ง มองคนตัวโตที่ยักคิ้วมองเธอด้วยท่าทีกำกวม"ฉันบอกไปแล้ว และฉันก็เป็นคนที่ไม่ชอบพูดอะไรซ้ำๆ" "ดะ เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยวสิคะ" เปี่ยมรักคว้าหมับที่มือหนาเมื่อคนตัวโตเลื่อนมือลงไปที่ระดับเข็มขัด และเสียงปลดเข็มขัดนั่นแหละที่ทำให้เธอร้อนรนในประโยคหลังจนตั้งรั้งมือของเขาด้วยมือของตัวเองเกิดกลัวว่าผัวหมาดๆ จะแก้ผ้าต่อหน้าเธอขึ้นมา! "อะไร" "รักยังคุยกับเฮียภูมิไม่รู้เรื่องเลยนะคะ" "โตๆ กันแล้ว เรื่องแค่นี้ทำไมต้องทำเป็นไม่รู้เรื่อง" "อ้าว..." "แล้วมือนี่ยังไง อยากถอดให้เหรอ?""ไม่ใช่สักหน่อย" คนตัวเล็กรีบชักมือกลับ ลืมคิดไปว่ามือของเธอมันอยู่ในระดับที่ไม่ควรเท่าไหร่นัก แล้วไหนจะหน้าหล่อๆ นิ่งๆ ที่เป็นเสน่ห์ของเขา มันทำให้เธอ
"อ้าว..." เปี่ยมรักพึมพำตามหลังคนตัวโตที่ลุกจากโซฟาแล้วก้าวขายาวๆ ออกไปจากห้องนั่งเล่นในเวลาต่อมาหน้าตึงๆ กับคิ้วหนาเข้มที่ขมวดเข้าหากันยุ่ง ไม่เข้าใจเลยว่าคนตัวโตรู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องอะไรถึงอย่างนั้นความรู้สึกเขินอายในสิ่งที่อีกฝ่ายเพิ่งจะรับรู้เกี่ยวกับเธอมันก็ทำให้เปี่ยมรักลืมลงลึกค้นหาความหมายในท่าทีไม่พอใจที่คนตัวโตเพิ่งจะแสดงมันออกมามือเรียวยกขึ้นลูบแก้มของตัวเองเบาๆ ความรู้สึกในใจมันต่อต้าน ต่อให้เธอจะอ่านหนังสือและเสพเนื้อหาสิบแปดบวกอย่างลึกซึ้ง ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้เก่งแบบในนางเอกนิยายสักหน่อยเนื้อหาในนิยาย นางเอกสายหื่นขย่มได้ขย่มดี แต่พระเอกก็ชอบซะด้วยสิ ทั้งรักทั้งหลง มีร้อยให้ร้อย มีล้านให้ล้าน หลงเมียหัวปักหัวปำ หรือเธอควรเอาอย่างนางเอกในหนังสือดี?"บ้าเอ้ย ยัยรักนี่!" มือเรียวตบเบาๆ ที่แก้มของตัวเองเป็นเชิงเรียกสติ เป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ที่เผลอไปคิดเรื่องอะไรที่มันไร้สาระบรรยากาศบนโต๊ะอาหารในมื้อค่ำ ทุกคนยังอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแบบเดิม พ่อแม่สามียังคงพูดคุยหยอกล้อสร้างความคุ้นเคยไม่หยุดหย่อน น้องเล็กของบ้านยังขี้เล่นสร้างความเป็นกันเองจนผู้ที่ก้าวเข้ามาเป็นสะใภ้
มื้อเช้าผ่านพ้นไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนภายในบ้านภีมพลและเบญญามีร้านอาหารเล็กๆ ที่บรรยากาศแสนอบอุ่นที่ยังอยู่ในความดูแลหลังจากที่ปล่อยงานที่บริษัทให้ลูกๆ จัดการและดูแลภูมิรพีและภพนิพิฐสองหนุ่มวัยสามสิบกว่าสายเลือดนักธุรกิจโดยแท้ตอนนี้รับผิดชอบงานแทนพ่อแม่เต็มตัวภูพิงค์ที่เรียนจบมาไม่นานกำลังอยู่ในช่วงเข้าไปเรียนรู้งานตั้งเป้าว่า รออีกสักสองสามปีพอที่เด็กหนุ่มที่กำลังรักสนุกและอยากเที่ยวอย่างภูพิงค์อิ่มตัว ก็คงจะเข้ามาเรียนรู้อย่างจริงจังเพื่อช่วยพี่ๆ บริหารต่อไปบริษัทส่งออกอะไหล่ยนต์ เหมือนจะเข้าท่า เพราะเบญญาและภีมพลมีลูกสามคนล้วนเป็นหนุ่มๆ ทั้งสาม ผู้ชายก็คงจะถนัดและเรียนรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของรถได้ไม่ยาก ทุกอย่างจึงเดินหน้าไปได้อย่างสวยงามและลงตัวหลังจากมื้ออาหาร ทุกคนต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของใครของมัน ส่วนคนที่พึ่งแต่งงานไปหมาดๆ พ่อและแม่กำชับอยู่บ่อยครั้ง ว่าควรใช้เวลานี้อยู่ด้วยกันเพื่อเรียนรู้กันและกันอ่านอะไรนักหนา อ่านไปอ่านมาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ภูมิรพีปรายตามองเมียสาวที่นั่งเหยียดขาบนโซฟาด้วยความสนใจทีวีจอใหญ่ภายในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง ในขณะที่อีกคนกำลังอ่านห