แชร์

บอกเล่าความจริง

ผู้เขียน: zuey
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-21 02:48:10

เซี่ยจื่ออี้สบถออกมาเสียงดัง เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้ยินเขาด่าทอใครสักคน ดูเหมือนชายหนุ่มเองก็คงจะเหลืออดแล้วเช่นกัน

“ข้ายังมีอีกเรื่องที่ต้องบอกพวกท่าน เรื่องนี้เกี่ยวกับท่านแม่โดยตรง หลังจากข้าพูดเรื่องนี้ออกไปท่านต้องตัดสินใจให้ดี”

“ได้..แม่รู้แล้ว”

หญิงสาวชั่งใจเล็กน้อย ไม่รู้สิ่งที่ตนพูดออกไปจะเป็นผลดีต่อการตัดสินใจของมารดาหรือไม่ แต่ตนได้คิดเรื่องออกจากบ้านเซี่ยแล้ว จำต้องบอกนางแม้นางจะต้องเสียใจก็ตามที

“ตอนนี้จางซุนโหรวกำลังตั้งครรภ์ ดูเหมือนยังไม่น่าจะเกินสองเดือน และคนที่ข้าสงสัยว่าอาจจะเป็นพ่อของเด็กก็คือ...”

เซี่ยชิงหลีมองมารดาด้วยสายตาเห็นใจ หากนางรู้คนผู้นั้นคือใครนางจะเสียใจหรือไม่

“...เซี่ยจื่อยวน”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ!! หลีเอ๋อเรื่องเช่นนี้พูดเหลวไหลมิได้ แม่รู้ว่าลูกไม่ชอบบิดาของเจ้า แต่เจ้าจะใส่ร้ายผู้อื่นไม่ได้”

เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของมารดา หญิงสาวก็มิได้แสดงสีหน้าแปลกใจ เซี่ยชิงหลีเข้าใจความรู้สึกของนาง คนอยู่ด้วยกันมาเกือบยี่สิบปีจะบอกให้เชื่อว่าเขาทำเช่นนั้นจริงคงไม่ง่าย ทว่าตนก็ไม่สามารถปล่อยให้นางถูกหลอกโดยชายชั่วผู้นั้น

“ท่านแม่ ท่านฟังข้าก่อนได้หรือไม่ เรื่องทั้งหมดมิได้มีเพียงเท่านี้”

หญิงสาวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจากความทรงจำของร่างเดิม

ครั้งก่อนนางขึ้นเขาเก็บผักป่ากับอาเหิง พบคนทั้งสองกำลังเดินขึ้นเขาโดยบังเอิญ คนที่ไม่เคยทำงานบ้านหรือช่วยเหลือครอบครัวของตนมีหรือจะยอมลำบากขึ้นเขาเพื่อหาอาหาร

บัดนั้นความรู้สึกสงสัยจึงผุดขึ้นในใจ นางพาอาเหิงตามติดคนทั้งสองไป จึงพบว่าพวกเขากำลังลักลอบมีความสัมพันธ์ที่กระท่อมกลางป่า

กระท่อมหลังนั้นเป็นกระท่อมที่ลุงพรานในหมู่บ้านสร้างเอาไว้เมื่อยามที่กลับลงเขาไม่ทันฟ้ามืด เมื่อค้นพบความลับของพวกเขาเกรงจะถูกทำร้ายจึงรีบพาอาเหิงออกมาจากที่นั่น ทว่ากลับถูกจางซุนโหรวพบเห็นเข้า

“ท่านแม่เมื่อวานนางแอบตามข้าขึ้นเขา”

เซี่ยชิงหลีเอ่ยเป็นนัยเพื่อให้มารดาคิดตาม อุบัติเหตุที่ร่างเดิมได้รับคือฝีมือของผู้ใด

“เจ้าอย่าบอกนะว่าที่เจ้าหมดสติบนเขาก็เป็นฝีมือของนาง”

“ถูกต้อง นางตามไปหยั่งเชิงว่าข้ารู้เห็นมากน้อยเพียงใด แม้ข้าปฏิเสธไปทว่านางก็ไม่คิดปล่อยให้ข้ามีชีวิตรอด จางซุนโหรวอาศัยช่วงที่ข้าเผลอผลักข้าตกจากเขา ก่อนนางจากมานางคิดว่าข้าได้ตายไปแล้ว โชคยังดีที่ช่วงนี้ฝนตกทุกวันทำให้พื้นดินไม่แข็งมาก ทว่ากว่าจะเอาชีวิตรอดกลับมาได้ก็เกือบถูกโคลนทับตาย”

“นะ..นาง ทำเช่นนั้นจริงหรือ หลีเอ๋อ...บิดาของเจ้าก็รู้เห็นกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่”

เซี่ยชิงหลีส่ายหน้า ตัวนางเองก็ไม่แน่ใจเพราะไม่มีความทรงจำอื่นใดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้อีกแล้ว

“ท่านแม่...ข้าไม่รู้ แต่สิ่งที่ข้าแน่ชัดในใจคือคนทั้งสองแม้จะลักลอบมีความสัมพันธ์ แต่เซี่ยจื่อยวนก็ไม่มีความคิดรับนางเป็นภรรยา ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยเอาไว้เนิ่นนานเพียงนี้”

“น้องรอง เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

เซี่ยจื่ออี้ถามน้องสาวด้วยสีหน้าตกใจ

“ข้าคิดว่าความสัมพันธ์ลับของพวกเขาครั้งนั้นคงมิใช่ครั้งแรก ไม่อย่างนั้นจางซินโหรวคงไม่ตั้งครรภ์ได้เกือบสองเดือน พี่ใหญ่ท่านคิดเหมือนข้าหรือไม่”

หญิงสาวเหลือบมองมารดาด้วยสายตาพินิจ ในใจอยากรู้ว่ามารดาจะทำเช่นไรเมื่อได้รู้สิ่งที่คนทั้งสองกระทำลับหลังนาง

“ท่านแม่... ท่านคิดหย่าขาดจากคนผู้นั้นหรือไม่”

หลี่หลันฮวาตกใจกับคำถามของบุตรสาวไม่น้อย แต่ก็ไม่รู้ควรให้คำตอบเช่นไร วันนี้ทุกสิ่งที่ได้รู้มามันทำให้นางเหมือนคนอับจน

“แม่...แม่ไม่รู้! หลีเอ๋อขอเวลาให้แม่ได้คิดทบทวนสักหน่อเถิด ดีชั่วอย่างไรเขาก็เป็นบิดาของพวกเจ้า หากต้องการจากไปอย่างไรก็คงมีเพียงแม่เท่านั้นที่ไปจากที่นี่ได้ แล้วพวกลูกทั้งสามคนจะทำอย่างไร”

เซี่ยชิงหลีเข้าใจความกังวลของมารดาเป็นอย่างดี ทว่าตัวนางก็มิใช่ลูกพลับนิ่มที่ใครๆ สามารถบีบได้ ต่อให้วันหน้าต้องต่อกรกับคนบ้านเซี่ยอีก นางก็มั่นใจว่าตนเองจะไม่มีวันพ่ายแพ้

“เช่นนั้นท่านแม่พักสักหน่อย จากนี้บ้านรองของเราจะไม่ทำตามความต้องการของผู้อื่นอีก มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่กำหนดชะตาชีวิตของตนเอง”

หญิงสาวเอ่ยปลุกใจครอบครัวของตน

วันนี้พวกตนถือว่าแตกหักกับคนตระกูลเซี่ยอย่างเป็นทางการ ในเมื่อแหกหน้ากันไปแล้วยังจะอยู่ร่วมกันได้อีกหรือ ไม่มีทาง!

อีกอย่างแม่เฒ่าหวังถูกตนทุบดีขนาดนั้นนางคงไม่ปล่อยให้พวกตนได้อยู่อย่างสงบเป็นแน่ หลังจากวันนี้ไปคงต้องวางแผนไปตามสถานการณ์

จริงๆ แล้วหากตนตัวคนเดียวคงไม่จำเป็นต้องวางแผนให้วุ่นวาย เพราะการฆ่าคนโง่เหล่านี้ทำได้ง่ายดายเพียงพลิกฝ่ามือ อุบัติเหตุโดยไม่คาดฝันมักเกิดได้ทุกที่ทุกเวลา

ในระหว่างที่เซี่ยชิงหลีกำลังปรึกษากับคนในครอบครัว เสียงอึกทึกด้านนอกกระท่อมก็ดังขึ้น

“พี่หญิง!!เกิดเรื่องกับพี่อาเหิงแล้ว”

เซี่ยชิงหลีเมื่อได้ยินชื่อของชายหนุ่มนางก็รีบพุ่งตัวออกจากกระท่อมในทันที

“เกิดอะไรขึ้น!”

เซี่ยชิงเป่ายืนหอบอยู่หน้ากระท่อม หญิงสาวรีบรินน้ำให้น้องสาวพลางลูบหลังให้นางใจเย็นลง

“พี่อาเหิง...ถูกเด็กโข่งบ้านอู่รังแกที่ท้ายหมู่บ้านเจ้าค่ะ เดิมทีข้าอยากจะพาเขาไปตัดหญ้ามาเลี้ยงไก่ ไม่คิดว่าจะพบคนพาลเหล่านั้น”

เซี่ยชิงหลีนึกโทษตนเองในใจ ไม่ควรให้พวกเขาออกจากบ้านเลย ไม่อย่างนั้นอาเหิงของนางคงจะไม่ถูกผู้อื่นรังแกง่ายๆ

เมื่อเห็นน้องสาวมีท่าทีสงบลงแล้วหญิงสาวจึงผละจากนางวิ่งตรงไปยังท้ายหมู่บ้านทันที เมื่อไปถึงที่นั่นกลับพบว่าเด็กชายในหมู่บ้านห้าหกคนอายุราวสิบสามสิบสี่ที่มีเด็กบ้านอู่เป็นผู้นำ ทุกคนต่างล้มระเนระนาดร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ส่วนอาเหิงของนางบัดนี้ยืนอยู่บนก้อนหินกอดอกมองผลงานของตนด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ

“ภรรยา!! เจ้ามารับข้าหรือ”

ชายหนุ่มรีบกระโดดแผล็วลงมาจากก้อนหินทันทีเมื่อมองเห็นหญิงสาว เซี่ยชิงหลีถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เขาไม่เสียเปรียบให้เด็กอันธพาลในหมู่บ้าน

“ภรรยาดูสิอาเหิงผดุงความยุติธรรม อาเหิงตีพวกเขาเพราะพวกเขาว่าร้ายภรรยา”

หญิงสาวเขย่งเท้าเอื้อมมือลูบหัวชายหนุ่มที่สูงกว่าตน การกระทำของนางราวกับกำลังเอ่ยชมสัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่ทำความดี หญิงสาวเหลือบมองอันธพาลเหล่านั้นด้วยหางตา จากนั้นจูงมืออาเหิงกลับเรือนโดยไม่แยแสอาการบาดเจ็บของพวกเขา

ภายหลังจากทั้งสองกลับมาที่เรือนได้เพียงไม่นาน สะใภ้บ้านอู่ก็มาโวยวายที่เรือนตระกูลเซี่ยทันที แม้นางจะทำเช่นนั้นประตูใหญ่บ้านเซี่ยก็ยังคงปิดสนิท นางโวยวายด่าทออยู่กว่าหนึ่งชั่วยามเมื่อไม่เห็นคนออกมาสุดท้ายสะใภ้บ้านอู่จึงยอมแพ้กลับไป

วันต่อมา

บ้านรองที่เคยลั่นวาจาว่าจะไม่ยอมทำงานอีกแล้ว ทั้งหมดได้ทำตามที่พูดจริงๆ ไม่มีใครตื่นขึ้นมาทำอาหารในตอนเช้าสักคน สะใภ้ใหญ่แม้จะรู้สึกโมโหจนตัวสั่น ทว่าเมื่อนึกถึงสิ่งที่เซี่ยชิงหลีกระทำเมื่อวานก็ไม่กล้าเข้าไปรบกวนบ้านรองอีก ต้องรอให้แม่เฒ่าหวังฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ จากนั้นค่อยหาทางเล่นงานพวกเขาอีกครั้ง

เซี่ยชิงหลีตื่นขึ้นในช่วงสายของวันใหม่ นางไม่เคยรู้สึกว่าได้นอนหลับอย่างเต็มตาเช่นนี้นานแล้ว ชีวิตในสงครามที่มีแต่การฆ่าฟันทำให้นางไม่สามารถนอนหลับสนิทได้ ทุกวันต้องคอยหวาดระแวงว่าเมื่อใดจะเกิดการต่อสู้ขึ้น

หลังผ่านเหตุการณ์มากมายนางก็ยินดียอมรับชะตากรรมที่ผ่านเข้ามา จากนี้ครอบครัวใหม่ของนางจะต้องใช้ชีวิตให้ดี แต่ก่อนหน้านั้นต้องอิ่มท้องเสียก่อน

เมื่อหญิงสาวลุกขึ้นล้างหน้าล้างตา พบว่าแม่พี่ชายและน้องสาวออกไปข้างนอกหมดแล้ว ตอนนี้ในเรือนเหลือเพียงนางและอาเหิงที่นั่งรออยู่นอกกระท่อมให้นางตื่นอย่างซื่อสัตย์

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เซี่ยชิงหลี ดรุณีเปลี่ยนชะตาพลิกอนาคต   จบตอนพิเศษ

    “ผ่านไปนานขนาดนี้ เจ้ายังทำให้ข้าชอบหน้าไม่ได้”องค์ชายใหญ่หัวเราะเบาๆ“ผ่านไปนานขนาดนี้ เจ้าก็ยังปากไม่ดีเช่นเดิม” แม้คำพูดจะฟังดูคล้ายสงครามน้ำลายกำลังจะก่อตัวขึ้น แต่แววตาของทั้งคู่กลับแสดงออกว่ามิได้ถือสาต่ออีกฝ่ายเซี่ยชิงหลีมองภาพเหล่านั้นด้วยรอยยิ้มอันเจิดจ้า นางรู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องสองคนนี้ ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนนัก แต่ก็ยังไม่อาจทำให้พวกเขาหยุดตีกันได้ไม่นานนัก หลี่หลันฮวาและเซี่ยฉางเยี่ยนลงจากรถม้าและเดินเข้ามาพร้อมเซี่ยชิงเป่าที่กำลังจะแต่งงานในปีหน้า และบุตรชายวัยห้าขวบอย่างเซี่ยชิงหลงที่วิ่งเล่นไปรอบๆ อย่างสนุกสนานถัดมาคือรถม้าจากตำหนักองค์ชายใหญ่ที่มี ชินอ๋องและพระชายากำลังอุ้มบุตรสาวของโอวหยางชิงเฟิงเดินเข้ามาพร้อมถานจิ่งอี้ ที่อยู่ด้านหลังส่วนโอวหยางโม่เหิง บุตรชายตัวน้อยของเซี่ยชิงหลี บัดนี้กำลังดึงชายเสื้อของบิดาอย่างออดอ้อน“ดูสิ เด็กๆ โตขึ้นทุกปี อีกไม่นานคงวิ่งทั่วเรือนจนไม่มีใครตามทันแล้วกระมัง” เมื่อนางเอ่ยจบ ทุกคนพลันหัวเราะออกมาพร้อมกันในระหว่างที่ทุกคนกำลังพูดคุยอย่างออกรส รถม้าของตำหนักองค์หญิงพลันแล่นเข้ามา หลี่เยว่หยาง องค์หญิงตงหยาง และบุตรชาย

  • เซี่ยชิงหลี ดรุณีเปลี่ยนชะตาพลิกอนาคต    ครอบครัวใหญ่อันแสนสุข

    เขาเคยละเลยบุตรชาย เคยปล่อยให้ความลำเอียงและความหลงใหลบดบังสายตา จนมองไม่เห็นความทุกข์ของเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง ที่ซึ่งเติบโตขึ้นท่ามกลางความเย็นชาของตน“พ่อผิดเอง...หนานเฟิง” ชายวัยกลางคนเอ่ยด้วยสีหน้าสำนึกผิด พร้อมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ข้าไม่คู่ควรเป็นบิดาของเจ้า”เขาก้มศีรษะลงต่ำ ราวกับยอมรับโทษทัณฑ์จากสวรรค์ที่ตนหลีกเลี่ยงมานาน ความเสียใจและความรู้สึกผิดกัดกินหัวใจจนแทบหายใจไม่ออก แต่เขาก็รู้ดีว่า...ทุกความเสียใจไม่สามารถย้อนกลับมาได้อีกเมื่อข่าวเรื่องที่มู่หรงฮ่าวหลุนถูกตัดสินโทษ แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง เซี่ยจื่ออี้ได้รอมู่หรงหนานเฟิงกลับมาเพื่อที่จะพูดคุยกับเขาภายในห้องหนังสือ แสงแดดยามเย็นส่องลอดผ่านหน้าต่างไม้ไผ่เข้ามาเป็นลำ มู่หรงหนานเฟิงนั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือ สีหน้าของชายหนุ่มแลดูสงบนิ่งราวกับผืนน้ำในฤดูหนาว เมื่อเซี่ยจื่ออี้เอ่ยเล่าเรื่องราวการไต่สวนจบลง พร้อมทั้งสีหน้าของเสนาบดีมู่หรงในตอนนั้น“ข้า...เข้าใจแล้ว” น้ำเสียงเรียบเฉยดังขึ้น แววตาของชายหนุ่มยังคงดูปกติดั่งเดิม ไม่มีท่าทีพอใจหรือดีใจ ที่คนที่เคยรังแกตนเองในวัยเด็กมีจุดจบที่น่าสังเวชเช่นนั้นเซี่ยจื่ออี้มองอยู่ครู่

  • เซี่ยชิงหลี ดรุณีเปลี่ยนชะตาพลิกอนาคต   ตกหลุมรัก

    ชายหนุ่มดึงลู่เหยาเหยาให้หลบไปด้านหลัง ดวงตาเย็นชามองคนเหล่านั้นนิ่ง ร่างกายชายหนุ่มเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ราวกับนักรบที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีทั้งหมดคือผลจากการที่เซี่ยชิงหลีเคยบังคับให้เขาออกกำลังกาย และฝึกท่าต่อสู้ทุกเช้า วันนี้ทุกอย่างล้วนไม่สูญเปล่าเสียงหมัดกระทบเนื้อดัง “ปัง!” “ผลัวะ!” นักเลงคนแล้วคนเล่าล้มลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว บางคนหมดสติทันทีโดยไม่ทันได้ร้องขอชีวิตมู่หรงฮ่าวหลุนที่ยืนรออยู่ไม่ไกลถึงกับหน้าซีด เขาไม่คิดว่าหลี่หมิงเจ๋อจะต่อสู้ได้เก่งถึงเพียงนี้ ชายหนุ่มพยายามหลบหนีแต่ไม่ทันแล้ว เพราะหลี่หมิงเจ๋อทะยานเข้าไปคว้าคอเสื้อของเขาเอาไว้แน่น“เจ้าคิดว่าความอับอายของตนเอง จะสามารถลบล้างได้ด้วยการทำร้ายข้างั้นหรือ” น้ำเสียงเย็นเยียบเอ่ยขึ้นแผ่วเบาข้างใบหู“วันนี้ข้าจะให้เจ้ารู้ ว่าความยุติธรรมยังมีอยู่ในแผ่นดินนี้”หลี่หมิงเจ๋อลากตัวมู่หรงฮ่าวหลุนที่ดิ้นรนสุดแรงไปยังศาลยุติธรรม ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของเซี่ยจื่ออี้เมื่อถึงหน้าศาล เจ้าหน้าที่ต่างมองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง หลี่หมิงเจ๋อในชุดเรียบง่ายทว่าเปื้อนฝุ่นและยับย่นเล็กน้อย ลากชายหนุ่มผู้แต่งกายหรูหรามีรอยช้ำเต็ม

  • เซี่ยชิงหลี ดรุณีเปลี่ยนชะตาพลิกอนาคต   ความรู้สึกของหลี่หมิงเจ๋อ

    “มีใครอยู่หรือไม่เจ้าคะ” เสียงหวานใสดังขึ้นจากหน้าประตูไม้ของเรือนตระกูลหลี่ หลี่หมิงเจ๋อที่กำลังจัดเอกสารอยู่ภายในห้องทำงานเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเดินออกไปเปิดประตูด้วยความสงสัยเมื่อบานประตูเปิดออก ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้เขาชะงักไปชั่วขณะหญิงสาวในชุดผ้าไหมสีฟ้าอ่อนยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนแรง ใบหน้างดงามอ่อนหวานราวภาพวาด ดวงตากลมโตเปล่งประกายสดใส จนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนแสงนั้นช่างแสบตานัก“ท่านคือคุณชายหลี่ หลี่หมิงเจ๋อใช่หรือไม่เจ้าคะ” นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพหลี่หมิงเจ๋อขยับกายเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า“ชะ...ใช่ ข้าเอง ไม่ทราบว่าคุณหนูมีธุระอันใดกับข้าหรือ”หญิงสาวยิ้มบาง พลางยอบกายให้ชายหนุ่ม“บิดาของข้าคือลู่หมิงเช่อ พ่อค้าจากเมืองหนานหยางเจ้าค่ะ ส่วนข้าคือลู่เหยาเหยา ท่านพ่อส่งข้ามาพบเพื่อเจรจาเรื่องการค้าผ้าไหมและชา ข้าได้ยินว่าท่านเป็นผู้ดูแลกิจการของตระกูลหลี่ในส่วนนี้ จึงมาขอเข้าพบ”หลี่หมิงเจ๋อพยักหน้าช้าๆ“เช่นนั้นเชิญคุณหนูลู่เข้ามาข้างในก่อนเถิด”เมื่อก้าวเข้ามาในเรือน กลิ่นหอมอ่อนๆ จากดอกเหมยที่ปลูกไว้ข้างกำแพงลอยมาตามลม หญิงสาวหันมองรอบกายด้วยความสนใจ“เรือนของท่

  • เซี่ยชิงหลี ดรุณีเปลี่ยนชะตาพลิกอนาคต   ความสุขที่ได้รับการเติมเต็ม

    บรรยากาศภายในรถม้า บัดนี้มีแต่ความกดดันและความอึดอัด เซี่ยชิงหลีมองคนทั้งสองที่เอาแต่นั่งเงียบสลับไปมา ก่อนร่างบางจะเปรยเบาๆ ราวกับพูดคนเดียว“เฮ่อ! รถม้าคันนี้ช่างเล็กจริงๆ ข้าและลูกน้อยอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออกแล้ว”หญิงสาวยิ้มบาง พร้อมกับมองหน้าชายหนุ่ม โอวหยางชิงเฟิงเหมือนจะรู้ถึงแผนการของหญิงสาว ร่างสูงพลันรวบร่างบางของถานจิ่งอี้เข้ามาในอ้อมแขน ก่อนจะพานางก้าวลงจากรถม้าไปทันที“ปล่อยข้านะ! พี่ชิงหลี! ช่วยข้าด้วย!” ถานจิ่งอี้ร้องเสียงสั่น แต่เฉียวฟงกลับกอดนางเอาไว้แน่น“ขอโทษทีนะจิ่งอี้ เขาเป็นถึงองค์ชายใหญ่ ข้าสตรีตัวเล็กๆ จะช่วยเจ้าได้อย่างไร” หญิงสาวโบกมือลาคนทั้งสอง พร้อมกับออกคำสั่งให้รถม้าออกวิ่งอีกครั้งด้วยสีหน้าเบิกบาน“ช่างเป็นคู่รักที่ดื้อรั้นทั้งคู่จริงๆ” นางเอ่ยพลางยกมือแตะหน้าท้องตนเองเบาๆเมื่อไม่ได้รับการช่วยเหลือ ถานจิ่งอี้จึงจำต้องช่วยตนเอง“ข้าบอกให้ปล่อยไม่ได้ยินหรือ!” นำเสียงของหญิงสาวที่ตวาดชายหนุ่ม เต็มไปด้วยความสั่นเครือ“จิ่งอี้! เป็นข้าที่ข้าผิดเอง ข้าไม่ควรพูดเช่นนั้นกับเจ้า ข้ารู้แล้วว่าคำพูดของข้าทำร้ายความรู้สึกของเจ้าเพียงใด” ถานจิ่งอี้ชะงักไปครู่หนึ่ง ด

  • เซี่ยชิงหลี ดรุณีเปลี่ยนชะตาพลิกอนาคต   เกือบต้องเสียใจไปตลอดชีวิต

    “ข้าจะไปเรือนหลัง!” น้ำเสียงเย็นเยียบของชายหนุ่มดังขึ้น จนข้ารับใช้ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าตอบรับไม่นานนัก องค์ชายใหญ่และองครักษ์ผู้ติดตามก็ได้ก้าวเข้าไปภายในเรือนที่ถูกสร้างเอาไว้สำหรับเหล่าสตรี ซึ่งไม่ได้รับตำแหน่งใดๆ อาศัยอยู่“ไปลากพวกนางออกมาให้หมด!!”บัดนั้น...แสงตะเกียงพลันถูกจุดขึ้นทั่วลานหน้า สตรีทั้งสี่พร้อมข้ารับใช้ทั้งหมด ถูกลากออกมาคุกเข่าต่อหน้าชายหนุ่ม“ข้าจะถามเพียงครั้งเดียว ใครเป็นคนเริ่มหาเรื่องพระชายาของข้า” น้ำเสียงเย็นเยียบถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากที่เม้มแน่นของชายหนุ่มทุกคนต่างนิ่งเงียบเพราะเกรงกลัวพระราชอาญา ถ้าหากเอ่ยปากบอกความจริง“ดี! ข้าเองก็ไม่ต้องการเก็บคนที่สร้างความวุ่นวายในตำหนักของข้าเอาไว้เช่นกัน” ร่างสูงชี้ไปยังคนทั้งหมดก่อนตวาดเสียงก้อง“พรุ่งนี้เรียกพ่อค้าทาสมา แล้วขายพวกมันออกไปให้หมด!”สิ้นเสียงของโอวหยางชิงเฟิง เสียงร้องไห้และร้องขอความเมตตาพลันดังระงมไปทั่วลานเรือน“ไม่ได้นะเพคะ! พระองค์จะทำเช่นนั้นกับเราไม่ได้” หลิวหยิ่ง สตรีคนแรกที่โอวหยางชิงเฟิงรับเข้ามาอยู่ข้างกาย เอ่ยคัดค้านขึ้น“ทำไมข้าจะทำเช่นนั้นมิได้เล่า”“นั่นก็เพราะกฎหมายของแคว้นฉินว

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status