เมื่อเข้ามาในห้องของตัวเอง น้ำพั้นซ์ก็เดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนที่นอนก่อนจะยกมือขึ้นมากุมแก้มทั้งสองข้างของตัวเอง ปากบางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความเขินอายจากเหตุการณ์เมื่อครู่ แต่พอได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง เธอจึงหัดไปมอง แล้วรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาเป็นซีเซีย ก่อนจะเอ่ยถามออกไป
"ไปไหนมาเหรอเซีย"
"ไม่ได้ไปไหนหรอก เราก็อยู่ที่ห้องเรากับอาศินั่นแหละ พอดีอาเตกลับขึ้นห้องมาแล้ว เราก็เลยมานี่น่ะ ให้อาๆได้พักผ่อนกัน วันนี้ขับรถมาทั้งวันคงจะเหนื่อย" ซีเซียเอ่ยตอบและพูดไปเรื่อยในขณะที่เดินไปจัดเตรียมเสื้อผ้าเพื่อลงไปอาบน้ำข้างล่างจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำเลย ก่อนจะเอ่ยถามน้ำพั้นซ์กลับบ้าง
"พั้นซ์จะอาบน้ำเลยไหม ไปอาบก่อนก็ได้นะ"
"ไม่เป็นไร เซียอาบก่อนเลย"
"งั้นเราลงไปอาบน้ำก่อนนะ"
"อือ"
จากนั้นซีเซียก็ลงไปอาบน้ำข้างล่างตามปกติ ส่วนน้ำพั้นซ์ก็กลับมานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนเดิมเพราะยังไม่หายเขินอายจากเหตุการณ์ข้างล่างเมื่อครู่ กระทั่งได้ยินเสียงกรีดร้องของซีเซียดังขึ้น
"กรี๊ด!"
ได้ยินเช่นนั้นน้ำพั้นซ์ก็รีบดีดตัวขึ้นจากที่นอนแล้ววิ่งออกไปนอกห้องทันที ไม่ต่างกับสองหนุ่มใหญ่ที่อยู่อีกห้องก็รีบวิ่งออกมาเช่นกัน น้ำพั้นซ์หันไปมองร่างสูงทั้งสองเล็กน้อย ก่อนจะเลือกไม่สนใจแล้วรีบวิ่งลงไปดูซีเซียข้างล่างทันทีด้วยความเป็นห่วง เตชินท์กับศิลาก็ไม่รอช้ารีบวิ่งตามไปทันทีเช่นกัน
"เซียเป็นอะไร" เมื่อวิ่งมาถึงน้ำพั้นซ์ก็เอ่ยถามออกไปทันที โดยมองซีเซียที่ยืนตัวสั่นอยู่เหมือนกลัวอะไรสักอย่าง เธอจึงเดินเข้าไปกอดปลอบ
"ตะขาบ ตะขาบมันอยู่ใต้อิฐหน้าห้องน้ำอ่ะ"
ซีเซียเอ่ยตอบด้วยท่าทางหวาดกลัวพลางชี้นิ้วไปที่ตะขาบตัวใหญ่ที่โผล่ออกมาใต้อิฐบล๊อกครึ่งตัว น้ำพั้นซ์เห็นเช่นนั้่นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ไม่ต่างอะไรกับสองหนุ่มใหญ่ที่วิ่งตามมา ก็พร้อมใจกันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะทีแรกพวกเขานึกว่าจะเกิดอะไรร้ายแรงกับซีเซียเสียอีก
"โธ่เซีย แค่ตะขาบตัวเดียวเอง ร้องอย่างกับโจรขึ้นบ้าน หลบไปเลย เดี๋ยวแม่จัดการเอง"
พูดจบน้ำพั้นซ์ก็ดันซีเซียให้หลบไปด้านหลัง ศิลาจึงเดินเข้าไปโอบกอดเมียเด็กของตัวเองทันที จากนั้่นน้ำพั้นซ์ก็เดินไปหยิบไม้กวาดกับที่โกยขยะที่พิงไว้กับเสาบ้าน ก่อนจะเดินไปหาตะขาบตัวดังกล่าว ทว่าไม่ทันที่น้ำพั้นซ์จะได้จัดการตะขาบตัวนั้น เสียงทุ้มก็เอ่ยห้ามเอาไว้เสียก่อน
"เดี๋ยวครับ นั่นหนูพั้นซ์จะจับตะขาบเองเหรอครับ"
"ใช่ค่ะ ทำไมเหรอคะ"
"หนูพั้นซ์ไม่กลัวเหรอครับ เดี๋ยวมันกัดเอานะ"
"ไม่กลัวค่ะก็แค่ตะขาบ อย่าไปจับโดนตัวมันมันก็ไม่กัดหรอกค่ะ" พูดจบน้ำพั้นซ์ก็ใช้ด้ามไม้กวาดเขี่ยตัวตะขาบออกจากใต้อิฐ โดยใช้ที่โกยขยะลองรับตัวตะขาบเอาไว้ พอจับตะขาบใส่ที่โกยได้แล้ว น้ำพั้นซ์ก็เดินไปทางสวนหลังบ้านเพื่อเอาตะขาบไปทิ้งไกลๆ เตชินท์ที่มองอยู่ไม่ละสายตาก็รีบตามคนตัวเล็กไปทันที
"แค่นี้ก็เรียบร้อย ไปให้ไกลๆเลยนะอย่ากลับมาอีก คราวหลังถ้ามาให้เห็นอีกจะตีให้แบนเลย" เมื่อพูดกับตะขาบจบ น้ำพั้นซ์ก็หันหลังกลับเตรียมจะเดินกลับบ้าน ทว่า...
"เฮ้ย! โธ่อาเต มาเงียบๆหนูตกใจหมดเลยค่ะ" น้ำพั้นซ์ยกมือทาบอกดวงความโล่งอก เพราะอีกคนตามมาเงียบๆ ไม่ให้ซุ่มให้เสียงทำเธอตกใจแทบฉี่เล็ด
"หนูนี่มันน่าจริงๆเลยนะ"
"น่าอะไรคะ?"
"ก็น่าตียังไงล่ะ ตะขาบตัวใหญ่ขนาดนั้นถ้าเกิดโดนมันกัดขึ้นมาจะทำยังไง แล้วนี่เดินเข้ามาในสวนมืดๆแบบนี้ไม่กลัวพวกงูหรือสัตว์มีพิษบ้างหรือไง เคยกลัวอะไรบ้างไหมฮะ!" ด้วยความที่เป็นห่วงคนตัวเล็กมาก เตชินท์จึงเผลอดุใส่เธอไปโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว แต่ในเมื่อเผลอดุไปแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไง จะให้โอ๋ก็คงไม่ได้ เพราะสิ่งที่เธอทำมันอันตรายต่อตัวเธอเอง แค่ดุมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ
ด้านน้ำพั้นซ์ตกใจไม่น้อยที่คนตัวโตดุ เธอมองเขาตาปริบๆด้วยความรู้สึกสับสน เธอไม่ได้กลัว แต่แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ดูเหมือนจะโกรธเธอจริงจังขนาดนี้ และในเมื่อไม่เข้าใจ จึงเลือกเอ่ยถามออกไปตรงๆ
"อาเตโกรธหนูเหรอคะ"
"อาไม่ได้โกรธ แต่อาแค่เป็นห่วง กลับเข้าบ้านได้แล้วครับเดี๋ยวอาอุ้ม" พูดจบเตชินท์ก็เตรียมจะอุ้มคนตัวเล็กเพราะไม่อยากให้เธอเดินฝ่าความมืดอีก อย่างน้อยเขาอุ้มเธอไว้จะได้ปลอดภัยจากพวกสัตว์เลื้อยคลานที่มีพิษ ทว่าไม่ทันทีเขาจะได้อุ้มเธอ เจ้าตัวก็ถอยออกห่าง เห็นเช่นนั้นเขาจึงเอ่ยดุออกไปอีกครั้ง
"อย่าดื้อกับอา ถ้าดื้อจะจับจูบปากตรงนี้เลยเอาไหม" ไม่วายขู่เด็กไปอีก แล้วรีบช้อนอุ้มคนตัวเล็กขึ้นในท่าอุ้มกระเตงเด็กหันหน้าเข้าหากัน แล้วพาเธอเดินกลับบ้านไปทันที
ด้านน้ำพั้นซ์ที่กำลังช๊อคกับคำขู่ของเขาเมื่อครู่ ตอนนี้ก็ยังไม่หายช๊อคเลย เธอทำอะไรไม่ถูก ยอมปล่อยให้เขาอุ้มกลับบ้านแต่โดยดี เธอหันใบหน้าไปอีกทางเพราะไม่กล้าสู้หน้าเขาตรงๆด้วยความเขินอาย ใจดวงน้อยสั่นระรัวแทบจะกระโจนออกมานอกอก จนกลัวว่าอีกคนจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอที่มันเต้นแรงผิดจังหวะไปหมด
ด้านเตชินท์ลอบกระตุกยิ้มมุมปากด้วยความเอ็นดูคนตัวเล็กที่ไม่ยอมมองหน้าเขาเลย แต่ก็ยอมให้เขาอุ้มแต่โดยดี ทำให้เขาพอใจเป็นอย่างมากที่เธอยอมเชื่อฟังแบบนี้
เมื่อเดินมาถึงใต้ถุนบ้าน น้ำพั้นซ์ก็เห็นศิลายืนรอซีเซียอาบน้ำอยู่หน้าห้องน้ำโดยมองมาที่เธอกับคนตัวโต เห็นเช่นนั้นเธอจึงรีบก้มหน้างุดเข้าหาอกแกร่งทันทีด้วยความเขินอาย ผิดกับเตชินท์ที่พอเห็นเพื่อนมองมา เขาก็ยักคิ้วให้เพื่อนอย่างเจ้าเล่ห์ ด้านศิลาก็ยักคิ้วส่งกลับให้เพื่อนทันทีอย่างรู้ๆกัน
"ปล่อยหนูลงตรงนี้แหละค่ะ เดี๋ยวหนูเดินขึ้นบ้านเอง" น้ำพั้นซ์เอ่ยบอกทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่ในอกแกร่ง
เตชินท์ไม่ฟัง เขายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ จนเสียงหวานต้องเอ่ยประท้วงออกมาอีกครั้ง
"อาเตปล่อยหนูได้แล้วค่ะ คนอื่นเห็นหมดแล้ว เดี๋ยวเค้าจะเข้าใจผิดเอานะคะ"
"คนอื่นที่ไหนครับ อาเห็นแต่ไอศิเพื่อนอา และถ้ามันจะเข้าใจผิดหรือคิดอะไรยังไงก็ช่างมัน อาไม่สนใจอยู่แล้ว" ขณะที่ปากเอ่ยพูด สองขาแกร่งก็เดินขึ้นบันไดบ้านเรื่อยๆไม่ได้เร่งรีบอะไร
"อาเตไม่สนแต่หนูสนค่ะ ปล่อยหนูเถอะนะคะ หนูขอร้องล่ะ" ทั้งที่จะขัดขืนก็ได้ แต่น้ำพั้นซ์กลับเลือกที่จะขอร้องเขาแทน โดยไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมให้เขาถึงเนื้อถึงตัวได้ขนาดนี้ ทั้งที่เพิ่งเจอกันจะๆวันนี้แท้ๆ
เมื่อได้ยินเสียงหวานเอ่ยขอร้องน้ำเสียงสั่นเครือคล้ายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ใจแกร่งก็อ่อนยวบทันที พอเดินขึ้นมาบนบ้าน เตชินท์จึงยอมปล่อยเธอลง
และทันทีที่สองเท้าเล็กแตะถึงพื้นไม้สัก น้ำพั้นซ์ก็ไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าห้องนอนของตัวเองไปอย่างไว โดยไม่คิดจะหันกลับมามองคนข้างหลังเลย
เตชินท์ที่มองตามอย่างไม่ละสายตาก็ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างคนมีความสุข จากนั้นก็เดินไปยังห้องถัดไป แต่ก็ไม่วายหยุดยืนมองประตูห้องของคนตัวเล็กอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าห้องตัวเองไป
ด้านซีเซียที่อาบน้ำใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยก็กลับขึ้นมาบนบ้าน โดยมีศิลาเดินตามไม่ห่าง ในขณะที่คนเป็นตากับยายกลับจากวัดพอดี พอเดินมาถึงห้องก็ต่างแยกย้ายเข้าห้องของตัวเอง ด้านซีเซียเมื่อเข้ามาในห้องก็เห็นว่าน้ำพั้นซ์นอนแล้ว แต่นอนหันหลังให้ เธอเลยไม่รู้ว่าน้ำพั้นซ์หลับไปแล้วหรือแค่นอนเล่นเฉยๆ จึงลองเอ่ยถามออกไป
"พั้นซ์หลับแล้วเหรอ"
ด้านน้ำพั้นซ์ที่ยังไม่หลับ เพราะเอาแต่คิดฟุ้งซ่านว้าวุ่นใจถึงอีกคน พอได้ยินซีเซียเอ่ยถาม เธอจึงหันไปตอบซีเซีย
"ยัง มีไรเหรอ"
"เปล่าหรอก ลองเรียกดูเฉยๆว่าหลับหรือยัง แล้วนี่ไม่อาบน้ำเหรอเห็นนอนแล้ว" ซีเซียเอ่ยถามพลางเดินไปนั่งบนเตียงนอนอีกฝั่งที่ว่างอยู่
"ไม่อ่ะ ดึกแล้วอากาศมันเย็น ขี้เกียจอาบแล้ว" น้ำพั้นซ์เอ่ยอ้างไปอย่างนั้น ทั้งที่ความเป็นจริงเธอกลัวจะออกไปเจออีกคนข้างนอก จึงเลือกที่จะไม่อาบน้ำ ยอมนอนเหนียวตัวอยู่อย่างนี้
"ถ้างั้นเราปิดไฟเลยนะ"
"อือปิดเลย"
สิ้นคำตอบของน้ำพั้นซ์ ซีเซียก็เอื้อมมือไปปิดไฟตรงหัวเตียงทันที ก่อนจะล้มตัวลงนอนพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาถึงเอว หลับตาลงไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปด้วยความเหนื่อยล้าเพราะนั่งรถมาทั้งวันกว่าจะมาถึงใต้ ส่วนน้ำพั้นซ์ที่นอนพลิกไปพลิกมา เพราะเอาแต่คิดถึงอีกคนจนนอนไม่หลับ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่ฝืนข่มตาให้หลับ จนเวลาล่วงเลยมาจนเกือบเที่ยงคืนกว่าที่เธอจะหลับสนิทลงได้
ด้านเตชินท์ก็ไม่ต่างกัน เขาเอาแต่คิดถึงใบหน้าน่ารักของคนตัวเล็ก จนกระทั่งตอนนี้ปาไปเที่ยงคืนกว่าแล้วแต่เขาก็ยังนอนไม่หลับเลย แต่เพราะความเหนื่อยล้าจากการขับรถนั่งรถมาตลอดทั้งวัน จึงทำให้เขาสามารถหลับสนิทลงได้ในเวลาต่อมา...
หนึ่งเดือนต่อมาช่วงเวลาหนึ่งเดือนมานี้มีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นมากมาย งานแต่งของศิลากับซีเซียก็เพิ่งผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ราบรื่นไม่มีปัญหาใดๆ คราแรกเตชินท์กับศิลาได้คุยกันไว้เล่นๆว่าอยากจัดงานแต่งพร้อมกันสองคู่ ทว่าก็ไม่สามารถแต่งพร้อมกันได้เพราะฤกษ์ดีของศิลากับซีเซียที่หาไว้แล้วดันไม่ใช่ฤกษ์ดีของเตชินท์กับน้ำพั้นซ์ ฤกษ์ดีไม่ตรงกันจึงไม่สามารถแต่งพร้อมกันได้ ซึ่งฤกษ์ดีหรือฤกษ์แต่งงานของเตชินท์กับน้ำพั้นซ์คืออีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ...ทว่าเจ้าตัวน้อยก็ดันมากำเนิดในท้องของน้ำพั้นซ์ก่อนงานแต่งเหมือนคู่ของศิลากับซีเซีย แม้จะเป็นการท้องก่อนแต่ง แต่ทุกคนก็ต่างร่วมยินดีกับทั้งสองคู่ตอนนี้น้ำพั้นซ์ตั้งครรภ์ได้สี่สัปดาห์แล้ว ส่วนซีเซียก็ตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์ อายุครรภ์ห่างกันแค่เดือนเดียว ส่วนสองหนุ่มใหญ่พอเจอหน้ากันก็ขิงใส่กันแทบทุกวัน ว่าต่างฝ่ายต่างน้ำยาดีสามารถทำให้สาวๆติดท้องได้เร็ว ทั้งที่อายุก็จะเข้าเลขสี่อยู่แล้วแต่ก็ยังมีน้ำยา"มาอีกแล้วเหรอมึง บ้านช่องตัวเองไม่อยู่ อยู่แต่บ้านกูเนี่ย" เมื่อเห็นเพื่อนกับหลานสาวมาบ้าน เตชินท์ก็เอ่ยทักเพื่อนไปอย่างกวนๆตามประสาเพื่อนรักเพื่อนสนิท"มึงพูดแบบน
วันต่อมาวันนี้เตชินท์กับน้ำพั้นซ์ได้เดินทางกลับกรุงเทพ มาถึงบ้านก็ช่วงค่ำเหมือนเดิม ทว่าวันนี้ศิลากับซีเซียได้พากันมานอนที่บ้านด้วยในเวลาห้าทุ่มกว่าๆ สองหนุ่มใหญ่ต่างหลับไหลอยู่ภายในห้องนอนของตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่าข้างกายของพวกเขาตอนนี้ไร้ซึ่งร่างบางหรือเมียตัวน้อยของพวกเขา"มาแล้วจ้า~ มาม่าร้อนๆ ฝีมือไอพั้นซ์""หืม~ หอมอ่ะพั้นซ์ วางเลยๆ เราหิวจะแย่แล้ว""นั่งข้างล่างดีกว่าไหมเซีย กินหม้อเดียวกันจะได้กินถนัดหน่อย""ได้ดิ"หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อย สองสาวก็นั่งลงบนพื้นภายในห้องครัว น้ำพั้นซ์วางมาม่าหม้อเล็กที่เธอเพิ่งต้มเสร็จใหม่ๆกำลังร้อนๆน่ากินลงบนพื้น จากนั้นสองสาวก็ไม่รอช้า จับตะเกียบคีบเส้นมาม่าในหม้อแล้วเป่าก่อนจะป้อนเข้าปากตัวเอง เคี้ยวตุ่ยๆอย่างเอร็ดอร่อย ให้สมกับความหิวกลางดึกโดยไม่ได้นัดหมาย ในเมื่อต่างคนต่างหิวพวกเธอก็เลยตัดสินใจมาต้มมาม่ากินกันสองคนในครัวแบบนี้ด้านเตชินท์ที่ลุกขึ้นมาจะเข้าห้องน้ำกลางดึก ทว่าเมื่อไม่เห็นเมียเด็กข้างกาย เขาจึงเดินไปดูในห้องน้ำแต่ก็ไม่เจอ เลยเดินออกมาดูนอกห้อง ก็พบกับศิลาที่เปิดประตูออกมาจากห้องนอนพอดี ก่อนจะเป็นศิลาที่เอ่ยถามขึ้น"มึงจะไป
วันต่อมาวันนี้น้ำพั้นซ์พาเตชินท์ไปหาแม่ของเธอที่อาศัยอยู่ในตัวอำเภอเพื่อแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกันไว้ หรือพาลูกเขยไปไหว้แม่ยายนั่นเอง หลังจากอยู่คุยกับคนเป็นแม่จนถึงช่วงบ่ายแก่ๆก็พากันกลับ โดยระหว่างทางกลับก็แวะตลาดสดเพื่อซื้อกับข้าวเย็นขณะที่ทั้งคู่เดินอยู่ในตลาดก็ดันมาเจอดิวที่มาเดินตลาดเช่นกัน โดยเป็นดิวที่เอ่ยทักขึ้นก่อน"มาซื้อกับข้าวเนาะพั้นซ์" (มาซื้อกับข้าวเหรอพั้นซ์) ดิวถามพลางหลุบตามองมือของน้ำพั้นซ์ที่มีมือของเตชินท์จับอยู่ เห็นเช่นนั้นดิวก็รู้สึกปวดใจ แต่ลึกๆก็ยินดีกับน้ำพั้นซ์ที่ได้คนเพรียบพร้อมอย่างเตชินท์คอยดูแล เทียบกับเขาที่ไม่มีอะไรเลย ก็คงเป็นได้แค่พี่ชายที่ดีให้เธอต่อไป"อือ แล้วนี่พี่ดิวจะขับรถกลับบ้านยังไงอ่ะ กับข้าวเต็มมือขนาดนี้" น้ำพั้นซ์เอ่ยตอบก่อนจะถามกลับเมื่อเห็นดิวซื้อของเต็มไม้เต็มมือทั้งสองข้าง คงจะพากลับลำบาก"พี่นั่งสองแถวมา ไม่ได้ขับรถมาเอง" (พี่นั่งสองแถวมา ไม่ได้ขับรถมาเอง)น้ำพั้นซ์ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าให้ดิวอย่างเข้าใจ เธออยากจะเอ่ยปากชวนดิวกลับด้วยกันแต่ก็ไม่กล้า กลัวคนข้างๆจะไม่พอใจอีก"ถ้าไม่ได้ขับรถมาเอง งั้นก็กลับด้วยกันสิ"ทว่าเสียงทุ้มข
สองวันต่อมาวันนี้เตชินท์หาเวลาว่างพาน้ำพั้นซ์กลับใต้มาหาคนเป็นตากับยาย แต่ซีเซียกับศิลาไม่ได้มาด้วย เนื่องจากซีเซียนั้นท้องอยู่ จึงไม่สามารถนั่งรถเดินทางไกลๆได้เพราะจะเสี่ยงอันตรายต่อครรภ์อ่อนๆเตชินท์กับน้ำพั้นซ์เดินทางมาถึงใต้ช่วงเวลาตะวันใกล้ตกดินพอดี หลังจากที่น้ำพั้นซ์พูดคุยและกอดหอมคนเป็นตากับยายด้วยความคิดถึงจนหนำใจแล้ว ทุกคนก็พากันลงไปทานข้าวเย็นข้างล่างตรงใต้ถุนบ้าน ในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ เสียงรถมอเตอร์ไซค์ของดิวที่ขับเข้ามาในบ้านก็ดึงความสนใจของทุกคนให้หันไปมอง ด้านดิวเมื่อจอดรถเสร็จก็เดินมุ่งตรงมาทางทุกคนทันที ก่อนจะเอ่ยทักทายน้ำพั้นซ์ไป"หลบมาถึงนานแล้วเนาะพั้นซ์" (กลับมาถึงนานแล้วเหรอพั้นซ์)"ถึงสักพักแล้วล่ะ" น้ำพั้นซ์เอ่ยตอบดิว ก่อนจะหันมามองคนตัวโตข้างๆที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นเขามองมาแววตาเต็มไปด้วยคำถาม แต่เขาก็เงียบ เธอเองก็เลยไม่รู้จะพูดอะไร กระทั่งเสียงคนเป็นยายดังขึ้น"รู้ได้ไงว่าเจ้าพั้นซ์มันกลับบ้าน ได้ข่าวไวจริงนะเอ็ง""กะพั้นซ์โทรบอกผม ไม่ให้ผมโร้พรือล่ะยาย" (ก็พั้นซ์โทรบอกผม ไม่ให้ผมรู้ได้ไงล่ะยาย"ด้านน้ำพั้นซ์ตอนนี้นั่งก้มหน้างุด เพราะ
หนึ่งเดือนผ่านไปวันเวลาล่วงเลยผ่านไปเร็วเหมือนโกหก หนึ่งเดือนมานี้ทุกคนต่างดำเนินชีวิตไปตามปกติ ด้านน้ำพั้นซ์ก็เริ่มปรับตัวเข้ากับที่อยู่ใหม่ได้แล้ว และใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับเตชินท์ได้อย่างมีความสุข แม้ที่ผ่านมาจะมีการงอนง้อหรือง้องอนกันบ้าง แต่มันก็เป็นเรื่องปกติของคู่รักอยู่แล้ว และอีกหนึ่งข่าวดีที่เกิดขึ้นในช่วงหนึ่งเดือนนี้คือซีเซียได้ตรวจพบว่าเธอนั้นท้องจริงๆ แต่ระยะครรภ์แค่เพียงสามสัปดาห์เท่านั้น หรือเธอเพิ่งจะตั้งครรภ์หลังจากที่กลับจากใต้นั่นเอง20:35 น.ณ ร้านเหล้าเปิดใหม่"ขอบใจนะไอเตไอศิที่มาประเดิมร้านให้กู ว่าแต่สองสาวน้อยนี่ใครวะ สวยจัด" เสียงเบียร์ เพื่อนสมัยเรียนมหาลัยของเตชินท์และศิลาเอ่ยพูดขึ้น โดยไม่ลืมที่จะถามถึงสาวน้อยข้างกายของทั้งสองคนที่สวยและน่ารักไม่แพ้กันเลย"เมียกู!/เมียกู!" เตชินท์กับศิลาเอ่ยตอบพร้อมกันทันทีด้วยน้ำเสียงแข็ง ต่างก็รู้สึกไม่ชอบใจเบียร์เท่าไหร่ที่มาชมเมียของพวกเขาต่อหน้าต่อตา ตามประสาคนหวงเมีย จนเบียร์ต้องเอ่ยความบริสุทธิ์ใจออกไป"กูก็แค่ชมเมียพวกมึงเฉยๆ อย่ามาทำหน้าแบบนี้ใส่กูดิ ว่าแต่ไม่คิดจะแนะนำเมียพวกมึงให้เพื่อนอย่างกูรู้จักหน่อยเหรอวะ
เมื่อทั้งสี่คนกลับมาถึงบ้าน ศิลาก็ขอตัวพาซีเซียกลับบ้านของเขา ตามที่เคยตกลงกันไว้ว่าถ้าหากเตชินท์มีเมียเมื่อไหร่ก็จะยอมปล่อยซีเซียให้ไปอยู่บ้านของศิลาและเมื่อศิลาพาซีเซียกลับไปแล้ว เตชินท์ก็เดินขึ้นไปชั้นบน น้ำพั้นซ์ที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินตามไปทันที พลางเอ่ยถามออกไป"อาเตจะไปไหนคะ""ห้องทำงานครับ อามีประชุมออนไลน์" เตชินท์เอ่ยตอบโดยที่ยังเดินไปข้างหน้า ไม่ได้หันกลับมามองคนตัวเล็กเลย เพราะเขากำลังแกล้งเมินเธออยู่ แต่เขาก็มีประชุมออนไลน์จริงๆ ถึงแม้เขาจะหายงอนเธอแล้ว แต่เขายังอยากที่จะแกล้งงอนเธอต่อ เพราะแค่อยากให้เธอง้อเขาอีก อยากใจละลายใจระทวยกับการง้อของเด็กก็เท่านั้นด้านน้ำพั้นซ์พอได้ยินคนตัวโตบอกว่ามีประชุมออนไลน์ สองเท้าเล็กก็หยุดชะงักกับที่ โดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็เลือกที่จะเดินไปอีกทาง เพราะไม่อยากตามไปรบกวนเขาในเวลาทำงานน้ำพั้นซ์เดินมานั่งตรงประตูด้านข้างของบ้าน ดวงตากลมโตทอดมองไปยังสระน้ำสีฟ้าใสดูสะอาดตา พอได้อยู่คนเดียวโดยไม่มีซีเซียหรือคนคอยคุยด้วย ภายในใจก็รู้สึกอ้างว้างขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกคิดถึงตากับยาย คิดถึงบ้าน คิดถึงทุกอย่างที่ใต้ ทว่าอยู่ๆโทรศัพท์ในกระเป