เข้าสู่ระบบในขณะนี้กันยาได้กลายเป็นจุดสนใจของทุกคน ที่อยู่ในบริเวณนั้นไปแล้ว เมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอได้กลายเป็นจำเลย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเธอเป็นผู้ถูกกระทำ และทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันก็เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุเท่านั้น เธอไม่ได้จงใจที่จะเรียกร้องเงินทำขวัญ ตามที่เกรซได้กล่าวหาเอาไว้
"แค่นี้ก็ทำเป็นสำออย คงจะถนัดเรื่องอ่อยผู้ชายสินะ" คำพูดของเกรซทำให้กันยาถึงกับหลับตาแล้วสูดหายลมหายใจเข้าออกลึกๆ เมื่อนึกถึงใบหน้าบิดาและมารดา วันแรกกับการก้าวเท้าเข้ามาในรั้วมหา'ลัยเธอจะไม่มีทางทำให้ใครผิดหวัง เพียงเพราะการขาดสติแล้วทำอะไรโง่ๆ ออกไป
"ไหวไหมกันยา" องุ่นถามฉันออกมาด้วยความห่วงใย ในขณะที่ฉันเองก็พยายามดันตัวเองลุกขึ้นยืนให้ได้ โดยมีองุ่นคอยช่วยพยุงฉันขึ้นอย่างทุลักทุเล เพราะเธอเองก็ตัวเล็กแถมยังผอมมากอีกด้วย
หมับ!! มือแกร่งของใครบางคนจับลงมาที่ต้นแขนของฉันสองข้าง พร้อมกับรั้งฉันขึ้นอย่างง่ายดาย เวลานี้ภายในใจของฉันเต้นตึกตั๊กอย่างไม่เป็นจังหวะ เมื่อความรู้สึกที่มีนั้นสมองของฉันกำลังประมวลภาพ ทำให้ฉันนึกถึงใบหน้าของใครบางคนที่คิดถึงและรอคอยมาแสนนาน
"ยังเจ็บอยู่ไหมมีแผลตรงไหนหรือเปล่า" เสียงทุ้มของชายหนุ่มเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย จนหัวใจของกันยาเริ่มเต้นระรัว
"ว้าย! จะทำอะไร" ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อชายหนุ่มในชุดนักศึกษานั่งคุกเข่าลงไปกับพื้นพร้อมกับถลกกระโปรงนักศึกษาของฉันขึ้นเลยเข่าเล็กน้อย การกระทำของเขายิ่งทำให้ทุกคนจับจ้องมองมาที่ฉัน เพราะมันเหมือนในหนังในละครมาก เวลาที่พระเอกก้มลงไปมองแผลและพร้อมที่จะหายามาทาให้นางเอก ส่วนเกรซกับเพื่อนๆ ของเธอนั้นกลับมองมาที่ฉันด้วยความหมั่นไส้
"อยู่นิ่งๆ สิขอดูแผลหน่อย ช้ำแบบนี้ต้องประคบเย็นเท่านั้น" น้ำเสียงของเขาที่ฟังดูอ่อนโยนและห่วงใย กำลังทำให้หัวใจของฉันแทบจะละลาย และยิ่งเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมามอง เพียงแค่ได้สบตาหัวใจของฉันก็เริ่มเต้นระรัวราวกับกลองเพล ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเหมือนกับว่าโลกกำลังหยุดหมุน ช่างเหมือนฝัน แต่นี่มันกลางวันแถมฉันยังเจ็บเข่าอีกด้วย มันจึงไม่ใช่ความฝันอยากแน่นอน
"นี่นายชื่ออะไร รู้จักกับยัยนี่ด้วยเหรอ" เกรซเอ่ยถามชายหนุ่มออกไป แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจ เมื่อชายหนุ่มรูปหล่อหน้าตาดีในชุดนักศึกษา ซึ่งดูดีมีสไตล์ราวกับโอปป้ามาจากเกาหลี กำลังพยุงกันยาให้ไปนั่งที่ม้าหินอ่อน ที่ใกล้ที่สุดอยู่ในบริเวณนั้น โดยมีองุ่นเดินตามไปติดๆ
"เล่นตัวแบบนี้ สุดท้ายก็เสร็จทุกราย ต่อให้นายไม่บอกชื่อฉันก็สืบเอาเองได้ ไปขึ้นรถได้แล้ว" หญิงสาวในชุดนักศึกษาสั้นเสมอหู ซึ่งเรียนอยู่ชั้นปีสองคณะบริหาร เรียกให้เพื่อนๆ ของเธอขึ้นรถแล้วขับออกไปจากตรงนั้นในทันที
"นั่งรออยู่ตรงนี้แป๊บหนึ่งเดี๋ยวมา" พูดจบชายหนุ่มก็รีบเดินออกไปจากตรงนั้น ซึ่งการกระทำของเขากำลังทำให้กันยารู้สึกแปลกใจ
"เขาเป็นใครหล่อจัง" องุ่นก้มหน้าลงไปถามกันยา พร้อมกับจ้องตาไม่กะพริบเพราะความอยากรู้ของเธอ
"เขาเป็นเพื่อนเราตั้งแต่สมัยมอต้น" ฉันตอบองุ่นออกไปตามความเป็นจริง และไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้เจอกับเขาที่นี่
"แค่เพื่อนทำไมหน้าแดง คิดอะไรเกินเลยกับเพื่อนหรือเปล่าเนี่ย พูดความจริงมาเลยนะ" แม้ว่าเพิ่งรู้จักกันไม่กี่ชั่วโมง แต่ความผูกพันที่เกิดขึ้นเหมือนกับทั้งคู่เคยรู้จักกันมาเป็นปี เพราะองุ่นไม่เคยสนิทกับใครพอกันยาเปิดใจ เธอจึงมีความจริงจังให้กับเพื่อนร้อยเปอร์เซ็นต์
"อากาศมันร้อน หน้ากันยาก็แดงแบบนี้แหละ" ฉันรีบพูดแถออกไปในทันที ทั้งที่ฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าสิงโตหายโกรธฉันหรือยังเวลาก็ผ่านมาตั้งหลายปีเขาจะยังคงจำเพียงแค่สิ่งไม่ดี ซึ่งฉันทำผิดกับเขาไว้แค่เรื่องเดียวมันยุติธรรมแล้วเหรอ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบัง เพราะกลัวว่าเขาจะทำข้อสอบไม่ได้ ฉันผิดมากหรือไงที่หวังดีกับเขา
"ถกกระโปรงขึ้น" เสียงทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้น พร้อมกับถือแก้วน้ำแข็งเอาไว้อยู่ในมือ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ และนั่นก็ส่งผลให้กันยารับรู้ทันทีว่าเขาเพิ่งจะวิ่งไปซื้อน้ำแข็งแล้ววิ่งกลับมาที่นี่ ที่สำคัญเธอจะรู้ไหมว่าร้านนั้นมันไกลแค่ไหน
"ขอบใจนะ เดี๋ยวฉันทำเองก็ได้" ฉันพูดออกมาพร้อมกับพยายามหลบสายตาคมของเขา สิงโตจะรู้ตัวหรือเปล่า ในเวลานี้ใบหน้าและดวงตาของเขาที่จ้องมองมายังฉันนั้น กำลังมีอิทธิพลต่อหัวใจของฉันมาก
"เธอนี่มัน... ยังอวดเก่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน" ผมพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมาก่อนจะนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าของเธอ ผมไปตามหาเธอที่ป้ายรถเมล์ เพราะตุลาคมได้โทรมารายงาน เรื่องที่กันยาให้คนขับรถไปส่ง เพื่อจะนั่งรถเมล์มาเรียนที่มหา’ลัยเป็นวันแรก ตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งวันนี้ เธอก็ยังคงเป็นยัยตัวแสบคนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ
"เอามานี่ ฉันบอกว่าจะทำเอง คนมองใหญ่แล้ว แค่นี้จิ๊บจิ๊บไม่เจ็บหรอกน่า" ฉันพยายามเบี่ยงตัวออก เพราะเวลาที่สิงโตนั่งคุกเข่า แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าของเขาห่อก้อนน้ำแข็งประคบที่หัวเข่าให้ฉันนั้น มันเหมือนกับคู่รักที่กำลังดูแลกัน ความจริงแล้วฉันก็รู้สึกดี แต่ฉันกลัวจะเขินจนเผลอแสดงกิริยาอะไรออกไป จนสิงโตรู้ความจริง ซึ่งฉันไม่อยากให้มันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ฉันไม่อยากเสียเพื่อนอย่างเขาไป เพราะถ้าหากเขาคิดไม่ตรงกับที่ฉันคิดแล้วละก็ คนที่เจ็บที่สุดก็คงหนีไม่พ้นฉันแน่
"นั่งนิ่งๆ สิ เดี๋ยวกระโปรงก็เปิดหรอก เธอนี่มันจริงๆ เลยนะ" ผมอดที่จะดุเธอไม่ได้จริงๆ ก่อนจะดึงชายกระโปรงของเธอมาคลุมที่เขาไว้ดังเดิม และก็อยากรู้เหลือเกินว่าเธอไปทำอีท่าไหนเดินยังไง ทำไมถึงเกือบโดนรถชน
"ขอบใจนะ" ฉันได้แต่พูดขอบใจเขาออกไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา พร้อมกับก้มหน้าก้มตามองลงที่พื้น ด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นไม่หาย
"สิงโต! มาทำอะไรอยู่ที่นี่เนตรตามหาตั้งนานรู้หรือเปล่า" หญิงสาวหน้าตาดี วิ่งแจ้นเข้ามา พร้อมกับยิ้มร่าเมื่อเห็นสิงโต ทำให้กันยามองออกไปด้วยความแปลกใจ เธอเป็นใครทำไมดูสนิทสนมกับชายหนุ่มจัง "ตามหาเราทำไมเนตรดาว เรากำลังจะขึ้นไปบนห้องเรียนพอดี วันนี้ต้องพบกับอาจารย์ที่ปรึกษาในคาบแรก"
"อื้ม... เนตรเห็นวางอยู่บนเตียงนอน สงสัยสิงโตจะลืมเอาไว้เมื่อคืน เนตรก็เลยหยิบมาคืน" เธอหยิบนาฬิกาออกมาจากกระเป๋าสะพายพร้อมกับยื่นให้สิงโต แถมชายหนุ่มยังรับมาจากเธอพร้อมกับรอยยิ้มอีกด้วย
"องุ่นใกล้ถึงเวลาแล้ว เรารีบขึ้นไปบนห้องกันเถอะ" ฉันรีบคว้าแขนองุ่นเดินออกไปให้พ้นจากตรงนั้น โดยไม่รู้สึกเจ็บเข่าเลยด้วยซ้ำ ถ้อยคำที่หญิงสาวคนนั้นพูดออกมา ฉันได้ยินทุกประโยค สิงโตไปทำอะไรที่นั่น เขาไปทำอะไรที่ห้องของเธอแล้วยังถอดนาฬิกาลืมเอาไว้อีกด้วย แน่นอนเขาคงเป็นแฟนกัน จนลืมเพื่อนเก่าอย่างฉันไปแล้ว ฉันพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้แต่สุดท้ายมันก็ไหลออกมา จากที่ใจเต้นแรงตอนนี้มันกลับรู้สึกเจ็บหน่วงๆ อย่างบอกไม่ถูก
"เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น มันใช้การได้ฉันรับประกัน และที่สำคัญมันพร้อมที่จะเข้าไปสำรวจในถ้ำของเธอแล้วกันยา" ผมพูดพร้อมกับโน้มตัวกันยาให้นอนลงราบกับเตียง จากนั้นผมจึงรีบจัดการกับชุดที่ตัวเองสวมใส่ ซึ่งผมใช้เวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที ร่างกายของผมก็ล่อนจ้อน เผยให้เห็นมวลกล้าม พร้อมทั้งเจ้ามังกรตั้งลำเขื่องนั้นด้วย กางเกงของหญิงสาวพร้อมทั้งกางเกงชั้นในของเธอ ถูกชายหนุ่มรั้งลงต่ำ จากนั้นเขาได้ดึงลงให้พ้นจากขาเรียวของเธอ ลงไปรวมกับชุดของเขาอย่างไม่เป็นระเบียบ "อื้ม..อ้า สะ สิงโต" เสียงหวานครางเรียกชื่อชายหนุ่มออกมาอย่างกระท่อนกระแท่น เมื่อเขาจับลงไปที่ต้นขาของเธอแล้วง้างออก ชายหนุ่มมุดใบหน้าลงไปเชยชมกลีบกุหลาบงามบานเบ่งด้วยความสุขในอุรา เมื่อเขากำลังจะนำพาหญิงตรงหน้าให้ไปแตะขอบฟ้าด้วยกัน จากนั้นเพลงรักก็เริ่มบรรเลงขึ้น ปลายลิ้นร้อนแตะลงไปที่เม็ดสีแดงระเรื่อ หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความเสียวซ่าน จนก้นของเธอกระตุกขึ้นลง เพื่อเด้งรับกับปลายลิ้นร้อนอย่างอัตโนมัติ "อื้ม สิงโต ฉะ ฉาน ฉันว่ามัน
น้ำเสียงของใบหม่อนดังมาก่อนตัว จนทำให้กันยาถึงกับเอามือขึ้นมาป้องปาก เพราะที่บ้านของไผ่เปิดไฟเอาไว้ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไผ่หันหน้าจอสมาร์ตโฟน ไปทางต้นเสียงของหญิงสาวพอดี จึงมองเห็นใบหม่อนได้อย่างถนัด เมื่อเธอกำลังเดินเข้ามาหาไผ่พร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบอกเอาไว้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าผู้หญิงที่ไผ่พูดถึง ที่เขาบอกกับสิงโตว่าเป็นภรรยานั้น คงต้องเป็นใบหม่อนอย่างแน่นอน "ฉันพูดกับสิงโต ไม่มีสาวที่ไหนหรอกน่า" ไผ่รีบพูดแทรกขึ้นราวกับคนที่กำลังกลัวเมีย เมื่อใบหม่อนเห็นว่าเป็นสิงโตเธอจึงไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก "แค่นี้นะสิงโต... กูค้าง" "อืม... เชิญมึงไปทำธุระของมึงต่อให้เสร็จ กูไม่กวนละ" "ต่อให้มึงโทรมาอีกกูก็ไม่รับ แค่นี้นะเมียกูนอนรอแล้ว โชคดีเพื่อน" พูดจบไผ่ก็ตัดสายทันที ในขณะที่กันยายืนน้ำตาไหลอาบแก้มสองข้าง เมื่อเธอกำลังรู้สึกเสียใจ ที่เข้าใจ
"รับสักทีสิ ไอ้เชี้ยไผ่ มึงทำอะไรอยู่เนี่ย คนยิ่งร้อนใจมันก็ยิ่งลีลา" ผมพูดออกมาอย่าอารมณ์เสีย เมื่อกดวิดีโอคอลหาไผ่แต่มันไม่ยอมรับสาย "ทำไม... ถึงต้องหาตัวช่วยเลยเหรอ ต่อให้ไผ่มาเป็นพยานฉันก็ไม่มีทาง ที่จะเออออห่อหมกกับพวกนายหรอกนะ ในสายตาของนายฉันคงเป็นผู้หญิงที่โง่ ถึงคิดที่จะหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า" ฉันยังคงพูดจากระแทกแดกดันออกไป เพราะฉันคิดว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่เราสองคนจะดึงดันคบกันต่อไป "พูดจบหรือยังยัยตัวแสบ ยังไม่แก่ก็บ่นเป็นหมีกินผึ้งเสียแล้ว" "นายว่าฉันบ่นเก่งเหรอ ฉันกำลังพูดความจริงอยู่ต่างหาก...ชิ! ถ้าไม่มีอะไรจะพูดฉันขอตัวเข้าบ้านก่อน" ฉันเริ่มขี้เกียจที่จะต่อปากต่อคำกับสิงโตแล้ว เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งดูแย่ เมื่อเขามองฉันเป็นเพียงเหมือนยายแก่ขี้บ่นคนหนึ่งเท่านั้น "เดี๋ยวก่อน ฉันขอโทรหาไผ่อีกเพียงแค่ครั้งเดียว ถ้ามันไม่รับจริงๆ
ซึ่งเขาและครอบครัวกลับปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ แม่ขวัญกับพ่อเสือก็น่าจะบอกความจริงกับฉัน ทำไมทุกคนต้องเห็นดีเห็นงามกับสิงโตด้วย ฉันเองก็ไม่เข้าใจ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นให้ได้ เพราะชีวิตนี้ต้องเดินต่อไป แม้ว่าจะไม่มีสิงโตอยู่ข้างๆ ก็ตามที ~เวลาสิบเก้านาฬิกา~ ฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ แล้วมานั่งลงที่เตียงนอน กลิ่นอาหารที่โชยเข้ามาภายในห้องนั้นทำให้ฉันรู้สึกหิว แต่ก็พยายามฝืนร่างกายไม่ให้เผลอไปกับกลิ่นที่ได้รับ เพราะฉันรู้ดีว่ามันคงเป็นฝีมือของสิงโตอย่างแน่นอน เขาคงตั้งใจที่จะอยู่ให้ฉันหิวแล้วเปิดประตูออกไป แต่ขอบอกไว้เลยว่าไม่มีทาง ต่อให้ฉันต้องหิวจนตายก็จะไม่ยอมเปิดประตูออกไปกินอาหารที่เขาทำ เพราะฉันยังจดจำทุกถ้อยคำของใบหม่อนไม่เคยลืม ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น แต่ฉันก็ไม่ได้คิดที่จะลุกขึ้นไปเปิด ฉันไม่รู้หรอกนะว่าความอดทนของคนเรามันมีขีดจำกัดมากแค่ไหน แต่สิ่งที่ฉันต้องการคืออยากให้สิงโต ออกไปให้พ้นๆ จากไร่กุหลาบสัก
"ทำไมที่นี่ ถึงมีแต่คนมาพักใจ หรือเป็นเพราะว่าผู้ชายส่วนมากไม่รู้จักพอ คุณย่ารู้เปล่าคะ ว่ากันยาเจ็บปวดแค่ไหน คุณย่าอยู่บนฟ้าสบายดีไหมคะ ทำไมกันยาถึงรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าจังเลย กำไลของคุณย่าสองวงนี้มันได้อยู่ด้วยกันแล้วนะคะ แต่ไม่รู้ว่ากันยากับสิงโตจะใช่คู่ครอง ที่คุณย่าเคยหมายปองเอาไว้หรือเปล่า เราอาจจะไม่ใช่เนื้อคู่กันก็ได้ค่ะ" ฉันพูดออกมาพร้อมกับมองไปที่เจดีย์เก็บอัฐิคุณย่า เพราะก่อนสิ้นลมหายใจคุณย่าได้กำชับทุกคนเอาไว้ ท่านอยากมาอยู่ที่ไร่กุหลาบนี้เพราะมันสงบดี และที่สำคัญที่ไร่กุหลาบนี้ มันเป็นสถานที่เดียวที่มีความทรงจำดีๆ ระหว่างคุณปู่กับคุณย่าหลงเหลือ ก่อนที่ท่านจะเดินออกไปจากชีวิตของคุณย่า โดยไม่หันกลับมามองแม้แต่หางตา เมื่อคุณปู่มีผู้หญิงอีกคนเข้ามาในหัวใจ ในขณะที่คุณย่าเองไม่มีใคร นางยอมปิดประตูหัวใจตราบจนสิ้นลมหายใจ สิงโตขับรถมาที่ไร่กุหลาบ เขาจอดรถเอาไว้แล้วรีบตามหากันยา เพราะเข้าไปในบ้านแล้วไม่พบเธอ ชายหนุ่มจึงเดินออกมาที่ไร่ และก็พบว่า
"ไม่เป็นไรหรอกครับแค่นิดหน่อยเอง แม่เลี้ยงกวางกมลมีบุญคุณกับผมมากมาย ต่อให้ชดใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด การที่ผมช่วยคุณกันยามันเป็นเพียงค่าเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น อย่าคิดมากเลยครับ" อ้ายคำปันพูดออกมาจากใจ เพราะสิ่งที่เขาทำไปนั้นไม่ได้หวังผลตอบแทน "แพนด้าลงมาพอดี หยิบเงินมาในเก๊ะมาให้พ่อสักหมื่นสิลูก" "ได้ค่ะพ่อ" แพนด้าพูดพร้อมกับเดินไปหยิบ ธนบัตรมาหนึ่งปึก แล้วส่งให้บิดาของเธอ "รับไปสิอ้ายคำปัน" อัครเดชพูดพร้อมกับส่งธนบัตรให้กับชายตรงหน้า แต่เขาก็มีท่าทีที่ไม่อยากรับมันเลยสักนิด "นายครับมันเยอะเกินไปผมรับไม่ได้หรอก" อ้ายคำปันรีบปฏิเสธออกไปทันที เพราะเขาซื้อของไปแค่พันกว่าบาทเอง "ความจริงฉันต้องให้อ้ายคำปันมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ที่ช่วยกันยาเอาไว้ รับไว้เถอะ คิดว่าเป็นทุนการศึกษาให้ลูกก็แล้วกัน" "ขอบคุณมากครับนาย" อ้ายคำปันยกมือไหว้ด้วยความจำใจ "ไม่เป็นไรหรอกฉันคิดว่าน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับน้ำใจที่อ้ายคำปันมีให้กับกันยา"







