หลายวันต่อมา....
หลังจากจัดการเรื่องงานศพของยายเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ววันนี้ฉันว่าจะออกไปหางานทำเพราะหลายวันมานี้ฉันยุ่งอยู่กับงานศพทำให้เงินที่มีอยู่เริ่มจะหมด ฉันล้วงเงินในกระเป๋าออกมาดูตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของฉันมีอยู่แค่ไม่กี่ร้อยบาท ฉันเดินถือร่มในมืออีกข้างมีกระดาษกับปากกาเอาไว้จดเบอร์ที่อยู่ร้านที่แปะประกาศรับสมัครพนักงาน ฉันเดินมาครึ่งค่อนวันแต่ก็ยังไม่ได้งานเดินจนเริ่มเหนื่อยเพราะวันนี้อากาศร้อนมาก ฉันก็เลยเดินไปหาที่นั่งพักที่สวนสาธารณะใกล้ๆ "เห้อวันนี้จะได้งานไหม" ฉันบ่นกับตัวเองอย่างท้อใจเพราะยังไม่ได้งาน ฉันหาที่นั่งได้แล้วก็เอามือทุบขาทั้งสองข้างของตัวเองเพราะเดินนานหลายกี่โลจนเริ่มเมื่อยแต่พอคิดถึงคำพูดของยายก็ทำให้ฉันมีแรงสู้ ฉันลุกขึ้นยืนแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อเรียกความเข้มแข็งให้กับตัวเองเพราะฉันสัญญากับยายไว้แล้วว่าฉันจะอยู่ให้ได้จะไม่ท้อแท้สิ้นหวังฉันจะไม่ทำให้ยายต้องเป็นห่วง ฉันมองซ้ายมองขวาว่าจะไปทางไหนดีก่อนจะเริ่มเดินหางานต่อแต่เดินมาได้ไม่กี่ก้าวสายตาของฉันก็ไปสะดุดกับบางอย่างพอเดินไปดูใกล้ๆปรากฏว่าเป็นคุณยายท่านนึงที่ก็ล้มฟุบอยู่ที่พื้นเหมือนจะเป็นลม ฉันรีบวิ่งเข้าไปดูทันที ..................................... "คุณยายคะคุณยาย" ฉันเรียกคุณยายพร้อมกับประคองศีรษะของท่านที่ตอนนี้ยังไม่รู้สึกตัวใบหน้าของท่านซีดมากจนน่าเป็นห่วง ดูจากลักษณะการแต่งกายแล้วท่านน่าจะมาวิ่งออกกำลังกายแล้วเกิดเป็นลม ดูๆแล้วอายุของท่านน่าจะพอๆกับยายของฉัน ฉันหยิบยาดมออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่ฉันมักจะพกติดตัวอยู่เป็นประจำเพราะเวลาเดินหาของเก่ากับยายแล้วอากาศมันร้อนอบอ้าวจนแทบจะเป็นลมฉันก็ได้มันคอยบรรเทาอาการฉันจึงพกเอาไว้ตลอดจนติดเป็นนิสัย ฉันเอายาดมให้ท่านดมจากนั้นฉันหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาคนช่วยแต่ตรงที่ฉันกับคุณยายอยู่มันไม่มีคนเดินผ่านเลยเพราะคนไปออกันอยู่ที่ลานกิจกรรมเพราะมีการแสดงการออกกำลังของผู้สูงอายุฉันก็เลยตะโกนออกไปอย่างสุดเสียงเพื่อให้คนอื่นที่อยู่ภายในบริเวณสวนสาธารณะได้ยิน "ช่วยด้วยค่า ช่วยด้วยค่ามีคนเป็นลมทางนี้ค่า!!!!" ฉันตะโกนไปก้มมองหน้าคุณยายไปไม่นานจากนั้นก็มีผู้หญิงวัยกลางคนอีกคนหนึ่งวิ่งมาหน้าตาตื่นมา "ทางนี้ค่า" ฉันโบกมือกวักมือเรียกเพราะกลัวจะไม่เห็น "คุณท่านคะคุณท่าน คุณท่านเป็นอะไรคะ" หญิงวัยกลางคนอายุน่าจะประมาณห้าสิบปีพอเห็นคุณยายก็มีสีหน้าตกใจซึ่งฉันคิดว่าคงจะเป็นญาติ "คุณป้าเป็นญาติของคุณยายเหรอคะ" "ป้าเป็นคนดูแลคุณท่านน่ะ คุณท่านคะคุณท่าน คุณท่าน" หญิงวัยกลางคนพยายามเรียกแต่คุณยายก็ไม่ฟื้นสักทีจนฉันคิดว่าถ้าปล่อยไว้อาจจะแย่เพราะท่านก็แก่มากแล้ว "เอ่อหนูว่าคุณป้าเรารีบพาคุณยายไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่านะคะ" ฉันบอกกับหญิงวัยกลางคนที่ตอนนี้เหมือนกำลังทำอะไรไม่ถูกท่านคอยจับคอยบีบมือคุณยายตลอดเวลา "ใช่ๆเราต้องพาคุณท่านไปโรงพยาบาลเดี๋ยวป้าโทรเรียกคนขับรถก่อนนะน่าจะอยู่แถวนี้ หนูช่วยประคองคุณท่านไว้ทีนะ" ฉันพยักหน้าจากนั้นหญิงวัยกลางคนก็หยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดโทรหาคนช่วยซึ่งน่าจะเป็นขับรถตามที่บอก จากนั้นไม่นานก็มีชายวัยกลางคนสวมชุดซาฟารีสีน้ำเงินวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาก่อนจะอุ้มคุณยายที่ยังไม่รู้สึกตัวไปยังรถตู้สีขาวที่จอดอยู่ไม่ไกล หลังจากที่เห็นว่าคุณยายถูกนำตัวขึ้นรถแล้วฉันก็หมดห่วงไปเปลาะหนึ่งกำลังจะไปหางานต่อแต่... "หนูอย่าเพิ่งไป" คุณป้าท่านจับมือฉันเอาไว้แล้วมองหน้าฉัน หรือท่านคิดว่าฉันขโมยของๆคุณยาย "เอ่อคือหนูไม่ได้โขมยอะไรของคุณยายนะคะไม่เชื่อค้นตัวหนูได้เลยค่ะ" ฉันยื่นกระเป๋าสะพายของตัวเองที่มีเอกสารการสมัครงานกับปากกาเท่านั้น "ป้าไม่ได้คิดแบบนั้นเลยลูก ป้ากำลังจะบอกว่าให้หนูไปที่โรงพยาบาลกับป้าด้วยกัน" "ไปโรงพยาบาลเหรอคะ??" "ใช่จ๊ะเพราะหนูคือคนที่ช่วยคุณท่านเอาไว้" "เอ่อคือว่าหนูกำลังจะไปสมัครงานค่ะ หนูคงไปด้วยไม่ได้จริงๆ" ฉันบอกคุณป้าไปตามความจริงว่าฉันต้องไปหางานทำแต่คุณป้าท่านก็ไม่ฟังดึงมือฉันขึ้นรถมาจนได้ "เรื่องนั้นค่อยว่ากันนะลูก หนูไปกับป้าก่อนนะเพราะป้ากลัวว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก" ที่โรงพยาบาล.... เรามาถึงโรงพยาบาลในเวลาอันรวดเร็วเพราะมีรถพยาบาลนำทางมาตลอด และตอนนี้ฉันกับคุณป้าและคนขับรถนั่งรอกันหน้าห้องฉุกเฉิน จนเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงคุณหมอกับคุณพยาบาลก็เดินมาบอกว่าคุณยายปลอดภัยแล้วและกำลังจะพาคุณยายไปห้องพักฟื้น จากนั้นคุณป้าก็จูงมือฉันเดินตามรถเข็นที่คุณยายนอนอยู่มายังห้องพักฟื้นชั้นวีไอพี ฉันมองไปรอบๆห้องด้วยความตื่นเต้นเพราะห้องหรูหรามากเหมือนไม่ใช่ห้องในโรงพยาบาลมันเหมือนห้องพักในโรงแรมห้าดาวที่ฉันเคยไปรับทำงานพาร์ทไทม์เป็นแม่บ้านทำความสะอาดห้องพัก ฉันนั่งอยู่ที่โซฟามุมห้องกับคุณป้ายพร้อมกับมองไปที่เตียงคนไข้ที่มีคุณหมอกับพยาบาลที่กำลังใส่สายน้ำเกลือให้คุณยาย "อีกสักพักคุณหญิงท่านก็น่าจะฟื้นครับเพราะท่านไม่ได้เป็นอะไรมาก" "ขอบคุณนะคะคุณหมอ" คุณป้ายกมือไหว้คุณหมอที่มีอายุน้อยกว่าจนคุณหมอต้องรีบรับไหว้แทบไม่ทันก่อนจะออกไปจากห้องเหลือทิ้งไว้แค่ฉันกับคุณป้าแล้วก็คุณยายที่ยังนอนหลับอยู่พีเจ....ผมมองหน้าคนที่ผมทั้งรักทั้งคิดถึงมาตลอดสองปีตอนนี้เธออยู่ตรงหน้าของผมแล้ว ผมไม่ได้ฝันไปอย่างแน่นอน"เมษา....ฉันต้องการเธอ เธอต้องการฉันหรือเปล่า" ผมถามพร้อมกับจูบย้ำๆลงไปที่ริมฝีปากบางคู่นั้น"เมก็ต้องการคุณค่ะ""ถ้าอย่างนั้นเรามา...." ผมพูดไม่ทันจบประโยคเสียงทุบเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นจนผมกับเมษารีบดีดตัวขึ้นจากเตียงอัตโนมัติปั้ง ปั้ง ปั้ง"ปะป๊าาาาาา ปะป๊าาาาาา"ก๊อก ก๊อก ก๊อก"พ่อขาาา แม่ขาาาาา เปิดประตูให้หน่อยค่าน้องบอกว่าน้องอยากมาหาคุณพ่อค่า""ปะป๊าาาา ปะป๊าาาาา"เสียงของลูกทำเอาผมถึงกับฟุบหน้าลงบนหมอนทันทีเมษา..."ลุกไปเปิดประตูให้ลูกสิคะ" "เห้อออ อดกินเมียเลย อุตส่าห์รอมาตั้งสองปี>เขาบ่นพร้อมกับทำหน้ายู่อย่างน่าสงสาร"ไว้คืนนี้ก็ได้นี่คะ" พอฉันพูดจบเขาก็มีรอยยิ้มขึ้นมาทันที"สัญญาแล้วนะ""ค่าาาา""โอเคได้ยินแบบนี้ค่อยมีแรงลุกไปเปิดประตูหน่อย" จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ เขาจุ๊บแก้มฉันหลายฟอดก่อนจะลุกออกจากเตียงแล้วเปิดประตูให้ลูกเข้ามาฉันนั่งมองดูคุณพีเจเล่นกับลูกอยู่บนเตียงเด็กๆดูมีความสุขที่ได้เล่นกับพ่อโดยเฉพาะน้องพอใจที่อะไรก็คุณพ่อขาน้องอยากได้อันนั้นน้องอยากได้อันนี้แ
เมษา....ส่วนเรื่องน้องจอมพลอยากจะบอกว่าฉันรู้ว่าตัวเองท้องก่อนเดินทางไปฮ่องกงไม่กี่วันแต่ที่ฉันไม่บอกว่าฉันท้องเพราะตอนนั้นฉันยอมรับว่าฉันยังไม่มั่นใจในตัวของเขาสักเท่าไหร่ฉันก็เลยอยากให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเขารักฉันจริงไหมหรือแค่อยากเอาชนะคุณไทด์แบบที่ผ่านมา และนั่นทำให้ฉันรู้ว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิด ที่ฉันจากเขาไปสองปีมันไม่ได้เสียเปล่าเลยที่ฉันใช้เวลาสองปีทดสอบเขา ตลอดสองปีคุณไทด์ให้คนของเขาตามดูพฤติกรรมของคุณพีเจทำให้ฉันรู้ว่าเขาเปลี่ยนไปมากเขาขยันทำงานไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงเลยทำงานเสร็จก็กลับบ้านมีบางครั้งที่เขาไปดื่มแต่เขาก็ไม่เคยหิ้วผู้หญิงคนไหนกลับบ้านเลยสักครั้ง เพราะเหตุนี้ฉันจึงตัดสินใจจะกลับไทยพร้อมกับบอกความจริงกับน้องพอใจว่าเขาคือพ่อแท้ๆ ตอนที่ฉันตัดสินใจบอกว่าคุณอาพีเจคือพ่อของแกน้องพอใจฉันยอมรับว่ามีความวิตกกังวลเพราะเกรงว่าจะไม่ยอมรับถึงแม้แกจะรักเขาแต่นั่นในฐานะคุณอาไม่ใช่คุณพ่อแต่พอฉันตัดสินใจบอกความจริงกัลอกปรากฏว่าแกดีใจมากจนร้องไห้และคอยถามฉันตลอดเวลาว่าเมื่อไหร่แกจะได้กลับไปหาพ่อของแก"ว่าไงคะร้องไห้ทำไม""ฉันดีใจแล้วก็เสียใจที่เธอยังสวมแหวนแต่งงานวงนี้อยู่"
พีเจ...ผมรีบขับรถกลับมาที่บ้านทันทีหลังจากไอ้ไทด์มันสารภาพว่าจอมพลคือลูกของผมกับเมษาแล้วมันกับเมษาก็ไม่ได้แต่งงานกันและไม่เคยมีอะไรกันตลอดสองปีที่ผ่านมามันดูแลเมษาเหมือนน้องสาวแท้ๆและที่จอมพลเรียกผมว่าปะป๊านั่นเป็นเพราะว่าเมษาคอยบอกลูกว่าผมคือพ่อของแกแกเห็นผมจากรูปถ่ายพอแกเจอหน้าผมแกก็เเลยเรียกผมว่าปะป๊า ส่วนน้องพอใจตอนนี้แกรู้ความจริงแล้วว่าผมคือพ่อไอ้ไทด์บอกว่าน้องพอใจดีใจที่ผมคือพ่อแท้ๆแกถามเมษากับไอ้ไทด์ตลอดว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาหาผมแกคิดถึงซึ่งผมก็อยากจะบอกกับลูกว่าผมก็คิดถึงแกเหมือนกันคิดถึงสุดหัวใจ ไอ้ไทด์มันยังบอกอีกว่าตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมามันให้คนคอยติดตามดูพฤติกรรมของผมตลอดคอยดูว่าผมยังทำตัวเกเรเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าเพราะถ้าผมยังทำตัวเหมือนเดิมเมษาก็คงจะไม่กลับมา และที่เธอกลับมานั่นก็หมายความว่าเธอให้อภัยให้โอกาสผมแล้ว"โอกาสมันไม่ได้มีมาให้นายแก้ตัวได้บ่อยๆนะพีเจเพราะฉะนั้นรักษาและดูแลจิตใจคนที่นายรักไว้ให้ดีๆ" นั่นคือคำพูดของไอ้ไทด์ที่มันเตือนผม"คุณพ่อออออ" พอผมเดินเข้าบ้านมาคนแรกที่ผมเจอก็คือน้องพอใจที่กำลังนั่งดูการ์ตุนอยู่ที่ห้องรับแขกพอแกเห็นหน้าผมแกก็เรียกผมว
พีเจ....."ปะป๊าาาาา" เสียงเด็กน้อยผมว่าปะป๊าอีกแล้ว"ทำไมจอมพลเรียกฉันว่าปะป๊า""ก็ไม่แปลก""มึงว่าไงนะ""เปล่าไม่มีอะไร แกคงอยากได้แกเป็นปะปป๊ามั้ง ถ้าเกิดแกจะเรียกนายว่าปะป๊านายจะยอมให้เรียกหรือเปล่า" ผมไม่เข้าใจว่าไอ้ไทด์มันต้องการอะไรกันแน่ทำไมมันถึงพูดแบบนี้มีอย่างที่ไหนที่พ่อจะยอมให้ลูกตัวเองเรียกคนอื่นว่าปะป๊าซึ่งคนอื่นที่ว่าก็คือผมที่ผัวเก่าของเมียมัน"ดูดู" จู่ๆจอมพลก็ชี้ไปที่โต๊ะทำงานของผมผมก็เลยพาแกเดินมา"ดู ตูน ตูน ตูน" แกชี้ไปที่แลปท็อปที่ผมเปิดงานค้างไว้"ลูกมึงว่าอะไรกูไม่เข้าใจ""แกอยากดูการ์ตูน""อ่อ" ผมเปิดการ์ตูนให้จอมพลดูแกดูไปหัวเราะไปแล้วก็คอยชี้ให้ผมเป็นเพื่อนจนผมอดยิ้มออกมาไม่ได้แกเป็นเด็กน่ารักไม่งอแงเลยถ้าแกเป็นลูกของผมกับเมษาผมคงมีความสุขมากกว่านี้ จนสักพักเสียงหัวเราะก็เงียบไปพอผมก้มหน้าลงไปดูปรากฏว่าแกหลับไปแล้วหลับคาตักผมเลย"เห้อบทจะหลับก็หลับได้ง่ายๆเลยนะเจ้าลูกชาย นี่นายรู้มั้ยตั้งแต่ขึ้นเครื่องจนลงจากเครื่องตาจอมพลไม่ยอมหลับเลยเอาแต่งอแง แต่พออยู่กับนายแกหลัยปุ๋ยเลย" ผมมองเด็กน้อยที่นอนหลับอยู่บนตักอย่างเอ็นดูก่อนจะถามว่ามันกลับมาทำไม"เอ่อ แล้วนี่
พีเจ....คำพูดของไทด์มันทำเอาผมจุกในใจจนพูดไม่ออก ผมทำได้แค่ยืนเช็ดน้ำตาตัวเองมองลูกสาวที่หลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนของไทด์พี่ชายที่ผมเกลียดมาตลอดทั้งชีวิตแกค่อยๆห่างออกไปอย่างช้าๆผมมองด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจที่ตัวเองเป็นพ่อแท้ๆแต่ไม่มีโอกาสได้บอกความจริงกับลูก ผมมองไปที่แม่ของลูกเธอยืนหันหลังให้ผมอยู่ไม่ไกลพร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางหลายใบ ทั้งสามคนกำลังจะเดินทางไปใช้ชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกันที่ฮ่องกง ลูกของผมกำลังจะมีพ่อที่ชื่อไทด์ ไม่ใช่พ่อที่ชื่อพีเจ มันก็ถูกต้องแล้วล่ะคนอย่างผมมันเลวเกินไปคงจะเป็นพ่อที่ดีให้กับแกไม่ได้ บางทีถ้าตอนนั้นผมไม่ใช้วิธีสกปรกไปแย่งเมษามาน้องพอใจอาจจะเป็นลูกสาวจริงๆของไทด์มันก็ได้"เมษา ฉันรักเธอนะ รักลูกของเราด้วย" ผมหวังว่าเธอจะมีความสุขกับคนดีๆอย่างพี่ชายของผมสองปีต่อมา....ผ่านมาสองปีแล้วสินะที่ผมต้องอยู่ตามลำพังตัวคนเดียวเช้ามาทำงานเลิกงานก็ไปหาความสุขโดยการดื่มเหล้าแต่ผมไม่เคยลากใครกลับมาขึ้นเตียงเลยสักครั้ง เพราะผมกลัวว่าถ้าเมษากลับมาแล้วมาเจอผมอยู่กับผู้หญิงเธอจะเสียใจ แม้จะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะกลับมาก็ตามตลอดสองปีที่ผ่านมาผมคิดถึงเมษา
พีเจ...หลายอาทิตย์ต่อมา..."ถ้าน้องไม่อยู่คุณอาจะคิดถึงน้องมั้ยค๊า" ลูกถามผมทำเอาผมถึงกับต้องกลั้นน้ำตา"คิดถึงสิครับ" ผมพยายามยิ้มให้ลูกเพราะพรุ่งนี้แกจะไปอยู่ฮ่องกงแล้ว"น้องก็คงคิดถึงคุณอาเหมือนกัน""บอกแม่ว่าน้องไม่อยากไปสิครับ""ไม่ได้ค่าเพราะถ้าน้องไม่ไปแม่ต้องร้องไห้หาน้องแน่ๆเลย ถ้าแม่ไปน้องก็ต้องไปค่าเพราะเรามีกันแค่สองคนแม่บอกว่าเราจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กันที่โน่น" ผมกลั้นน้ำตาไม่ไหวแล้วตอนนี้แม้จะพยายามห้ามแล้วก็ตามผมรีบเอามือเช็ดน้ำตาแต่น้องพอใจก็เห็นอยู่ดี"คุณอาร้องไห้ทำไมค๊าา""อาเปล่าร้องครับ""แต่คุณอามีน้ำตา""คือ...ที่อาร้องไห้เพราะอาคงคิดถึงน้องพอใจมากๆ""โอ๋โอ๋ ไม่ร้องนะค๊าาา" ลูกกอดคอผมแล้วเอามือน้อยๆของแกลูบหลังผมเบาๆจนทำให้น้ำตาของผมไหวไม่หยุด"ฮึก ฮึก" ผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่เมื่อลูกกอดคอแล้วปลอบผมราวกับว่าผมเป็นเด็ก"อารักน้องพอใจนะครับ""น้องก็รักคุณอาเหมือนกันค่า^^""แล้วน้องจะกลับมาหาอามั้ยครับ""น้องไม่รู้ค่า แต่น้องได้ยินแม่คุยกับลุงไทด์ว่าจะไม่กลับมาแล้วแม่อยากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ไม่อยากกลับมาอีก""ถ้าอย่างงั้นเราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วสิ""ไม่เป็นไรนะค๊า โอ๋