ข้อดีของการแอบรักคือสามารถมีความสุขได้เฉพาะในพื้นที่ของเรา ใครจะไปคิดว่าตัวเองจะแอบรักคนคนหนึ่งได้นานขนาดนี้ล่ะคะ ในตอนนั้นฉันไม่รู้หรอกว่าความรักคืออะไร รู้แค่ว่าฉันชอบเขา! ใช่แหละฉันชอบเขา แค่ได้เห็นหน้า แค่ได้แอบมองก็มีความสุขมากแล้ว มันเป็นความรู้สึกที่ยิ้มได้โดยไม่ต้องคาดหวังมากกว่า “อย่างมึงก็ได้แค่มองแหละ เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว! เอาเวลาไปลดน้ำหนักเหอะ ฮ่า ๆ” กลายเป็นประโยคเจ็บ ๆ ที่ฝังใจฉันมาตลอด ...
View Moreข้อดีของการแอบรักคือสามารถมีความสุขได้เฉพาะในพื้นที่ของเรา ใครจะไปคิดว่าตัวเองจะแอบรักคนคนหนึ่งได้นานขนาดนี้ล่ะคะ
ในตอนนั้นฉันไม่รู้หรอกว่าความรักคืออะไร รู้แค่ว่าฉันชอบเขา! ใช่แหละฉันชอบเขา แค่ได้เห็นหน้า แค่ได้แอบมองก็มีความสุขมากแล้ว มันเป็นความรู้สึกที่ยิ้มได้โดยไม่ต้องคาดหวังมากกว่า “อย่างมึงก็ได้แค่มองแหละ เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว! เอาเวลาไปลดน้ำหนักเหอะ ฮ่า ๆ” กลายเป็นประโยคเจ็บ ๆ ที่ฝังใจฉันมาตลอด อ้วนแล้วทำไม? อ้วนแล้วสวยไม่ได้เหรอ? เป็นคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวฉันมาตลอด และคนที่คอยตอกย้ำประโยคพวกนี้ก็คือเพื่อนสนิทของฉันเอง ไม่รู้ว่าพวกมันหวังดีหรือกำลังหลอกด่ากันแน่ ฉันชื่อน้ำตาลค่ะ กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่ง เป็นน้องเล็กของโรงเรียนเลยก็ว่าได้ ขอเท้าความก่อนว่าเป็นคนมีเพื่อนเยอะ ในกลุ่มเดียวกันมีสิบคนค่ะ เพื่อนต่างห้องก็มีบ้าง ฉันไม่ใช่คนสวยเลย อ้วนแถมยังผิวคล้ำอีกด้วย พูดง่าย ๆ ไม่มีจุดไหนน่าสนใจนั่นแหละ ฉันแอบชอบรุ่นพี่คนหนึ่งเขาอยู่มอสี่ห้องสองค่ะ เรียนสายวิทย์คณิต เขาชื่อพี่ทิวเป็นคนนิ่ง ๆ และบางครั้งเหมือนเขาจะไม่สนใจคนรอบข้างเลยด้วยซ้ำ “ตาล คาบสุดท้ายเราเรียนอะไรวะ” “...” “ไอ้ตาล!! ไอ้ห่านี่คราวหน้ากูจะไม่พามึงเดินผ่านสนามบอลละ” ไอ้จูนมันว่าอย่างเหนื่อยหน่าย ในกลุ่มสนิทกับมันสุดแล้วค่ะ อ๋อ! ลืมบอกว่ามันเป็นทอมนะ “โทษที กูมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย” “แก้ตัวชัด ๆ” “แสนรู้นะมึงอะ” “สัส! กูคนไม่ใช่หมา” “อ้าวเหรอ ฮ่า ๆ” กวนประสาทมันไปอย่างนั้นแหละค่ะ วันทั้งวันก็เข้าเรียนตามปกติ เข้าเรียนแปดโมงเลิกบ่ายสามโมงครึ่ง ยกเว้นวันศุกร์สุดสัปดาห์ที่ต้องเข้าประชุมในชั่วโมงสุดท้ายก็จะเลิกช้าหน่อย ในแต่ละวันฉันจะแอบมองพี่ทิวเสมอเรียกได้ว่ามองทุกครั้งที่มีโอกาสเลยถึงจะถูก ไม่เคยคาดหวังเลยนะคะว่าจะต้องเป็นแฟนกับเขาหรือว่าเขาจะต้องแสดงความรู้สึกกลับมา ฉันก็แค่มีความสุขในพื้นที่ของตัวเองก็เท่านั้น เคยได้ยินประโยคที่ว่า ไม่ต้องไปตามหาหรอกความรัก ปล่อยให้ความรักออกตามหาเราเอง ... เพิ่งจะเข้าใจความหมายของมันก็ตอนนี้แหละ แอบชอบก็คือแอบชอบ วันหนึ่งเราต่างก็ต้องแยกย้ายกันไปเติบโตอยู่ดี แต่ใครจะไปรู้ล่ะคะว่าการเจอกันอีกครั้งของเราสองคนจะทำให้ชีวิตฉันไขว้เขวมากขนาดนี้ ... “ยอมเปลี่ยนตัวเองเพียงเพราะผู้ชายคนเดียว มันต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ” คำถามแกมด่าเอ่ยขึ้น แต่คนถูกตั้งคำถามอย่างฉันนี่หน้าชาไปเลย ฉันก็แค่อยากให้ตัวเองดูดีขึ้นมาบ้างก็เท่านั้น “ใคร ๆ เขาก็อยากให้ตัวเองดูดีขึ้นกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอคะ” “แต่มันใช้ไม่ได้กับเธอ” “พี่คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้พูดจาหยาบคายแบบนี้ใส่คนอื่นน่ะ ถึงหนูจะเคยชอบพี่แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมายืนให้พี่ด่าหรือพูดพูดจาถากถางยังไงก็ได้นะคะ” “...” ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยของเขา ฉันไม่รู้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ “ใจเย็น มึงไม่เคยได้ยินเหรอว่าให้เก็บคำดูถูกไว้เป็นแรงผลักดันน่ะ” “ผลักดันเหี้ยไรมึง กูสวนกลับหมดแหละ” “นั่นพี่ทิวเชียวนะ” “เออ!”“ขอโทษ”
“ขอโทษทำไมเราไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวสักหน่อย พี่ไม่ได้เป็นอะไรกับหนูแล้วหนูก็ไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ ไม่ต้องห่วงว่าหนูจะทำอะไรให้พี่รู้สึกอับอายแบบนี้อีกเพราะหนูจะไม่ยุ่งกับพี่อีกแล้ว” ฉันพูดออกไปตามความรู้สึกของตัวเอง การไม่ต้องพูดคุยกัน ไม่ต้องทักทายกันอีกมันน่าจะดีที่สุดเพราะมันปลอดภัยต่อความรู้สึกของฉันมาก “ไม่จำเป็นต้องอายนะ พี่ไม่ได้กำลังคุยกับใครและไม่มีแฟน” มันน่าแปลกที่ตอนนี้ฉันไม่ได้รู้สึกดีกับประโยคนี้เลยสักนิด ทั้งที่ความจริงฉันต้องดีใจสิที่เขายังไม่มีแฟน “แล้วมาบอกทำไม? ถ้าจะจีบก็รอหนูสวยก่อนแล้วกันจะได้ไม่ต้องมีใครมาว่าอีก!”“มึงชอบแบบนี้เหรอ?”
“...” “ถ้าผอมนะน่ารักมากเลย” “ถ้าไม่ผอมคือไม่สวยเหรอ? ชอบก็คือชอบไม่ผอมก็ยังชอบอยู่ดีนั่นแหละ” “คำพูดคำจาพระเอกฉิบหาย! เมื่อเช้ากูยังเห็นเหล่สาวอยู่เลย” “มึงชี้ให้ดูกูก็ดูแล้วผิดตรงไหน?” “มึงมันเป็นแบบนี้ไงถึงได้มีคนเข้าหาเยอะ” “...” “ไม่เคยได้ยินเหรอวะ เสน่ห์ของผู้ชายบางคนก็คือความมั่นคงในรักเดียว”“ใครใช้ให้ผอม?”
“แค่ผอมลงไม่ได้แปลว่าผอมแล้ว” “เถียงเก่งตั้งแต่เมื่อไหร่?” “ตั้งนานแล้วค่ะ!”.
.
.
***ก่อนเข้าเนื้อหาโปรดอ่านคำเตือนและคำชี้แจงอย่างละเอียด***
นิยายคือเรื่องราวที่สร้างขึ้นมาจากจินตนาการ เนื้อหาบางส่วนอาจเกินจริงเพื่อเป็นการเพิ่มอรรถรสในการอ่านและอาจมีการเพิ่มรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสมจริงมากยิ่งขึ้น เช่น สถานที่ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน ทุกข์สุขของตัวละครล้วนเป็นไปตามบริบทของเนื้อเรื่อง บางช่วงบางตอนอาจมีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดการตอบสนองทางอารมณ์ที่รุนแรง รวมไปถึงเหตุการณ์ที่อาจนำไปสู่ความรู้สึกโศกเศร้าเสียใจ แต่ทั้งนี้ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความสมเหตุสมผล โดยยึดบุคลิกและนิสัยของตัวละครเป็นหลัก ตัวละครจะมีเซ็กซ์เพื่อความสัมพันธ์หรือเพื่อความบันเทิงของตัวเองก็ได้ โดยที่ยินยอมด้วยกันทั้งสองฝ่าย สิ่งผิดกฎหมายและเหตุการณ์รุนแรงในเนื้อเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งและไม่มีเจตนาชวนให้กระทำความผิดหรือใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด ห้ามลอกเลียนแบบพฤติกรรมตัวละครโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เสพผลงานอย่างมีสติและคอมเมนต์ด้วยคำสุภาพ
• มีคำหยาบและถ้อยคำที่ไม่สุภาพ • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ • มีการบรรยายเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงทางด้านร่างกาย วาจา และความรู้สึก • อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น • เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ๑๘ปีขึ้นไปลิขสิทธิ์เป็นของนามปากกาขนมไทย
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช๒๕๓๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไขเนื้อหาเพื่อนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนจะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ทุกตัวอักษรที่เขียนขึ้นมาล้วนเกิดจากความตั้งใจ ไม่ว่าในชีวิตจริงคุณจะเจอเรื่องทุกข์ใจอะไรอยู่ เราหวังว่าเรื่องราวที่เราเขียนจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณยิ้มได้ สุดท้ายนี้ขอให้มีความสุขกับโลกในจินตนาการนะคะ ขอบคุณค่ะชีวิตหลังแต่งงานเป็นอะไรที่มีความสุขมาก ทอฝันเลี้ยงง่ายไม่อ้อนเลย ตอนนี้เพิ่งสิบเดือนเริ่มเกาะยืนแล้ว ดูท่าทางอีกไม่นานคงวิ่งจับไม่ไหวแน่นอน“คนสวย แม่ไปทำงานแล้วนะคะ หนูอย่างอแงกับพ่อนะ” พูดจบก็ก้มไปฟัดแก้มลูกสาวจนหนำใจเลยทีเดียว “หอมแต่ลูก ไม่หอมพ่อของลูกบ้างเหรอครับ”“ไม่ค่ะ!” ปากบอกปฏิเสธแต่ก็หอมครับ ว่านอนสอนง่ายจะตาย วันนี้เป็นวันหยุดผม หลังจากส่งน้องเสร็จก็แวะมาบ้านไอ้ริวต่อเลย รับปากมันไว้ว่าจะเข้ามาไง “เมื่อก่อนพกเมีย เดี๋ยวนี้พกลูก” ไอ้แบคเอ่ยแซวทันทีที่เห็นผมกับน้องทอฝัน“แล้วมึงเมื่อไหร่จะมี”“ทักได้เจ็บใจมาก” มันอยากมีครับ แต่ไอ้เกตุไม่ท้องสักที “น้ำยาไม่ดีก็แบบนี้แหละ”“ขยี้กันเข้าไป ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ”... : ฮ่า ๆ“ไอ้ริว แล้วลูกมึงไปไหน”“อยู่ในเปลโน่น สองขวบกว่าแล้วยังติดเปลอยู่เลย ไปโรงเรียนกูว่าร้องตาย” น้ำเสียงมันเหมือนสิ้นหวังมากเลย“เอาน่ะค่อย ๆ ฝึกให้นอนพื้นทีหลังก็ได้”“ไม่หรอก ลูกกูอารมณ์แปรปรวนเก่งมาก แต่ไม่ซนนะ”“เป็นยังไงวะอารมณ์แปรปรวน”“อยู่ดี ๆ ก็ร้องไห้ ร้อง ๆ อยู่ก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะได้อีกด้วย บางวันเดาอารมณ์ไม่ถูกเลย”“ไม่ลองปรึกษาหมอวะน่าจะช่วยได้
หลายเดือนผ่านไปใกล้ได้เห็นหน้ากันแล้วครับ แอบกระซิบหน่อยว่าท้องใหญ่มาก และด้วยขนาดหน้าท้องที่ใหญ่เกินตัวจึงมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของน้องพอสมควร เหนื่อยง่ายทำอะไรไม่สะดวกเหมือนเมื่อก่อน “หนูลาคลอดเมื่อไหร่”“ยังเลยค่ะ หนูว่าจะทำจนคลอดเลย”“ว่าไงนะ” ไม่ได้หูฝาดไปแน่ ๆ ครับ“หมายถึงทำจนเจ็บท้องใกล้คลอดเลยค่ะ ลาได้เก้าสิบวันหนูอยากอยู่กับลูกนาน ๆ นี่ถ้าลาล่วงหน้าเป็นเดือนกลัวได้ใช้เวลาอยู่กับลูกน้อย” เห็นไหมครับ ไม่ได้มีแค่ผมสักหน่อยที่เห่อลูก“เข้าใจ แต่พี่อยากให้พักเดินจะไม่ไหวอยู่แล้วนะ”“แต่หนู...”“คุณแม่ดื้อเหรอครับ?”“ก็ได้ค่ะ” กำหนดคลอดเดือนหน้าแต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้เสมอ อาจจะคาดเคลื่อนก็ได้ต้องเตรียมตัวเอาไว้ก่อนครับพวกเราย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านใหม่แล้วและรับแม่กับยายมาอยู่ด้วยชั่วคราวเพราะไม่อยากให้น้องอยู่คนเดียวไง ไม่ต้องห่วงนะครับว่าผิดที่ผิดทางแล้วยายผมจะเหงา เพราะเพื่อนบ้านก็มีคุณตาคุณยายอายุไล่เลี่ยกัน คุยกันถูกคอประหนึ่งว่ารู้จักมานานแรมปี“พี่ทิว”“ครับ?”“หนูอยากกินไข่ปลาทอด” ฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความหวังเชียว“มันหาซื้อได้ที่ไหน” ไข่ปลาน่ะรู้จักครับ แต่มันไม่ได้ม
บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ถ้าพ่ออยู่ตรงนี้ด้วยก็คงจะดี... ตอนแรกตั้งใจจะเชิญแค่ญาติคนสนิทแต่ตากับยายคัดค้านค่ะ ให้เหตุผลว่าแม่เป็นลูกคนเล็กญาติทางนั้นก็สำคัญ ญาติทางนี้ก็สำคัญ ป้าบ้านนั้น น้าบ้านนี้ เยอะแยะไปหมด เป็นคนเก่าคนแก่ที่มีคนรู้จักนับถือเยอะก็อย่างนี้แหละ ไม่เป็นไรเอาที่ตากับยายสบายใจเลย พี่แบคกับพี่เต้อาสาเป็นพิธีกรให้ และไม่วายถูกตั้งคำถามประหลาด ๆ ตามเคย“เจ้าบ่าวครับ เห็นคุณผู้หญิงโต๊ะนั้นไหมครับ?” พี่แบคเอ่ยพลางชี้ไปที่คนกลุ่มหนึ่ง เป็นรุ่นน้องที่ทำงานของพี่ทิวนั่นแหละค่ะ“เห็นครับ”“สวยไหม?”“สวย”“คุณ! นี่งานมงคลของคุณนะครับ คุณกล้าชมผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าภรรยาเชียวเหรอ” คำถามกวนอารมณ์ถูกเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม“ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร มองแล้วเห็นว่าเป็นคนสวยปกติก็คือเป็นคนสวยเท่านั้นเอง กลับกันถ้าเราอยู่ใกล้คนที่เราชอบต่อให้หน้าตาธรรมดายังไงในสายตาเราเขาก็สวยที่สุดอยู่ดี” ประโยคหลังพี่ทิวหันมาพูดกับฉันทำเอาผู้คนในงานเอ่ยแซวเสียงดังไปทั่วบริเวณ“เจ้าสาวครับ”“ค่ะ”“คุณผู้ชายโต๊ะนั้นหล่อไหมครับ”“หล่อค่ะ”“แล้วระหว่างทางนั้นกับทางนี้ ใครหล
ก่อนหน้านี้ประจำเดือนฉันมาสามวันค่ะ ปกติจะห้าหรือไม่ก็เจ็ดวัน แต่ไม่ได้คิดอะไรเพราะเป็นคนมีรอบเดือนไม่ปกติอยู่แล้ว แต่คราวนี้คงปล่อยผ่านไม่ได้แล้วแหละเลิกงานฉันซื้อที่ตรวจครรภ์มาด้วยห้าอัน อันละยี่ห้อไปเลยค่ะ มาถึงบ้านอาบน้ำเสร็จก็ตรวจเลย คุณหมอแนะนำมาว่าควรเป็นฉี่แรกของวันเพื่อผลที่แม่นยำ แต่มันตื่นเต้นไงอยากรู้จึงลองตรวจดูก่อนในความคิดฉันถ้าท้องจริงตรวจตอนไหนคงขึ้นสองขีดเหมือนกัน อันนี้คิดเอาเองนะคะลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะจุ่มที่ตรวจลงไป ใจเต้นแรงเป็นบ้าเลยค่ะ วินาทีที่แถบสีชมพูเริ่มเห็นชัดขึ้น ...“สะ สองขีด” เหมือนหยุดหายใจไปชั่วขณะ ขีดที่สองมันจางมากแต่มองผ่าน ๆ ก็คือเห็นว่าเป็นสองขีด ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจนะคะแค่ไม่คิดว่าจะมาเร็วแบบนี้ฉันเพิ่งหยุดกินยาคุมเมื่อสองเดือนก่อนเอง ใครจะคิดว่าจะติดรวดเร็วทันใจขนาดนี้ล่ะ แล้วต้องทำยังไงต่อต้องบอกใครเป็นคนแรก?เช้าอีกวัน ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหิว ใช่ค่ะ! หิวจริง ๆ ลืมตามาก็อยากกินข้าวเลย ทำธุระส่วนตัวเสร็จออกมาข้างนอกเห็นแม่ทำกับข้าวอยู่ก่อนแล้ว“วันนี้ไม่ไปใส่บาตรเหรอ” “หนูตื่นสายเลยไม่ได้ไป แม่...”“ว่า?”“...”“เรียกแล้วไม่พูดนะ” พูด
หลังจากทริปทะเลจบลงพวกเราก็กลับสู่บทบาทหน้าที่ตัวเองกันอีกครั้ง แอบเขินไปหลายวันเลยเรื่องที่เข้าใจผิด อย่างที่บอกเป็นใครก็ต้องคิดจริงไหม? ส่วนไอ้อาการหน้ามืดโลกหมุนของฉันก็ดีขึ้นมากแล้ว พี่ทิวดูแลดียิ่งกว่าหมอซะอีก“พอแล้วมั้งคะ” ถึงกับต้องเอ่ยปรามขึ้นเมื่อเห็นเขาหยิบผลไม้ใส่รถเข็นจนเยอะแยะไปหมด“อันนี้มีประโยชน์”“รู้... แต่หนูไม่ชอบนี่แค่อันนี้อย่างเดียวก็พอค่ะ” ฉันว่าพลางชี้มือไปที่กล่องสตอวเบอร์รี่“ครับ ซื้อเข้าห้องไปเลยแล้วกันเผื่อพรุ่งนี้พี่เลิกดึก”“โอเคค่ะ”ทุกครั้งที่เงินเดือนออกเราจะซื้อของเติมตู้เย็นเสมอ ค่าใช้จ่ายต่อเดือนในส่วนเฉพาะของสดประมาณสองพันบาท ค่าน้ำ ค่าไฟอีกสองพันบาท จิปาถะยิบย่อยรวมทั้งหมดแล้วประมาณห้าพันอันนี้ฉันคำนวณเองนะ ส่วนค่าน้ำมันรถหรือของที่จำเป็นอื่น ๆ ยังไม่ได้คิดค่ะ ที่กล่าวมานี้อยู่ในความรับผิดชอบของพี่ทิวทั้งหมดฉันเคยบอกแล้วว่าเรื่องในครัวฉันรับผิดชอบเองได้แต่เขาไม่ยอมและให้เหตุผลว่าผู้นำครอบครัวเขาไม่มาแบ่งจ่ายกันหรอก ในเมื่อค้านอะไรไม่ได้ก็เลยใช้วิธีแยกซื้อต่างหากโดยที่พี่ทิวไม่รู้ ตั้งแต่คบกันมาสาบานได้ว่าฉันไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาเ
หมดกันเซอร์ไพรส์ของผม แอบรู้สึกผิดเหมือนกันนะเนี่ยทำน้องร้องไห้ไปหลายวันเลย ผมไม่ได้ตั้งใจ ที่ตั้งใจจริง ๆ คือบ้านต่างหากที่ดินตรงนั้นผมซื้อมันตั้งแต่ก่อนไปญี่ปุ่นหลายเดือนแล้วแต่ไม่ได้บอกน้องเพราะตั้งใจจะปลูกบ้านก่อน บวชแล้วค่อยแต่งไง แต่มันผิดแผนนิดหน่อย ปิดมาได้ตั้งนานดันมาตกม้าตายตอนบ้านเสร็จซะงั้น ครืด...ครืด…“ว่าไง”(จะเพิ่มเติมตรงไหนอีกหรือเปล่ากูจะได้บอกช่างถูก)“แก้ตรงสีไม่เสมออย่างเดียวก็พอ”(เออ ผัวกูถามว่ามึงจะเข้ามาดูไหม)“เข้าแหละ น่าจะพรุ่งนี้บ่าย”(กูถามจริงแฟนมึงไม่สงสัยบ้างเหรอ ถ้าเป็นกูคงจับได้ตั้งแต่ผัวกลับบ้านไม่ตรงเวลาละ)“จะเหลือเหรอ”(ฮ่า ๆ กูว่าแล้วเซอร์ไพรส์ไม่เคยสำเร็จ แล้วเขาว่าไง)“เปล่าหรอก เข้าใจผิดนิดหน่อย”(ไม่ใช่คิดว่ากูเป็นกิ๊กมึงหรอกนะ)“ประมาณนั้น”(ฉิบหาย!)“เกือบได้ฉิบหายจริง ๆ แต่ตอนนี้คุยกันเข้าใจแล้ว ไว้พรุ่งนี้กูพาไปด้วยเลย ไหน ๆ ก็รู้แล้วนี่”(เออ ไว้เจอกัน)ลูกหว้าเป็นเพื่อนร่วมงานครับ เราอยู่ทีมเดียวกันแต่คนละฝ่าย รู้จักกันตั้งแต่ฝึกงานไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เลย ส่วนที่น้องคิดไปไกลคงเป็นเพราะพฤติกรรมของผมมากว่า เรื่องนี้แม่กับยายก็รู้นะครั
Comments