Share

บทที่ 9

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
รุ่ยอ๋องไม่อาจทำใจได้จึงเอ่ยปากโน้มน้าว

“ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ ออกจะโหดร้ายต่อฮองเฮาไปซักหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ”

ทว่าเซียวอวี้กลับสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปเรียบร้อยแล้ว ทิ้งไว้เพียงภาพแผ่นหลังอันน่าเกรงขามที่ยากจะต่อกรได้

สายลมพัดโชยโบกสะบัดเสื้อของบุรุษผู้นี้ เขาย่างก้าวเดินลงบันได สายตาทอดมองไปไกลโพ้น กวาดตามองทัศนียภาพของอุทยานหลวงและสนามม้าหลวงไว้ในสายตา รวมทั้งภาพของสตรีที่ขี่ม้าอยู่เมื่อครู่นี้ด้วย

ภาพเงาร่างของหญิงสาวที่ขี่ม้าในความทรงจำ ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้

......

เพราะได้รับความตื่นตระหนก ไทเฮาจึงเสด็จกลับตำหนักฉือหนิงก่อน

เฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็กลับตำหนักหย่งเหอของตน

ตามกฎระเบียบแล้วฮองเฮายังต้องรับการคารวะจากเหล่าสนมนางใน

แต่สนมนางในที่มาถึงก่อนแล้วกลับมีเพียงน้อยนิด ส่วนใหญ่หากไม่อ้างว่าป่วย ก็อ้างว่ายุ่งกับภารกิจในตำหนัก

เฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็ไม่มีใจจะมานั่งเสแสร้งรับหน้าพวกนาง จึงส่งพวกนางไม่กี่คนที่มาให้กลับไปเสีย

ผ่านไปไม่นานก็มีคนมาถ่ายทอดคำพูดของฮ่องเต้

“ฮองเฮา ฝ่าบาทได้ทรงทราบถึงคุณงามความดีที่เมื่อเช้าพระองค์ได้ทรงช่วยไทเฮาเอาไว้แล้ว ทรงพระราชทานหยกสมปรารถนาให้คู่หนึ่งเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมีรับสั่งให้ฮองเฮาดูแลการตัดคอประหารม้าคลั่งตัวนั้น...”

เมื่อเหลียนซวงได้ยินรับสั่งนี้ก็รู้สึกอัดอั้นตันใจเป็นอย่างมาก

เรื่องอย่างการดูแลการตัดคอประหาร เหตุใดถึงได้มาถึงมือของฮองเฮาได้เล่า?

ว่าไปแล้วยังเป็นการสะบั้นหัวของม้าที่กำลังตั้งท้องอีกด้วย

ฮ่องเต้ทรราชสมเป็นทรราชยิ่ง ช่างเหี้ยมโหดและไร้เหตุผลเสียจริง!

สีหน้าท่าทางของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง ไม่มีท่าทางโมโหหรือน้อยใจแม้แต่น้อย

ข้าหลวงผู้ถ่ายทอดรับสั่งกลับรู้สึกงุนงง

ฮองเฮาพระองค์นี้ช่างมีน้ำอดน้ำทนนัก

ดูซิว่านางจะทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ถึงเมื่อไหร่กัน!

ยามบ่าย

ณ สนามม้าหลวง

ผู้ดูแลจูงแม่ม้าตัวนั้นออกมาจากคอกเพื่อเตรียมรับโทษประหารแล้ว

พวกเขาเองก็ล้วนเป็นผู้มีใจรักม้าด้วยกันทั้งนั้น ต่างพากันมาขอร้องเฟิ่งจิ่วเหยียน

“ฮองเฮา ทรงถอนรับสั่งไม่ได้จริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ? นี่เป็นถึงม้าชั้นดีที่เคยผ่านสนามรบมาแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนกุมเชือกบังเหียนเอาไว้ ฝ่ามือลูบที่สะโพกของม้าเบา ๆ

ดวงตาที่แฝงกลิ่นอายสงบนิ่งของเธอสบตากับเจ้าม้า

หลังจากนั้นนางก็เอ่ยปากเรียบ ๆ

“ลงมือเถิด”

เพชฌฆาตจูงม้าไปที่เครื่องประหาร เพียงแค่ตัดเชือกยาวเส้นนั้นใบมีดของเครื่องประหารก็จะหล่นลงมาแยกร่างของม้าให้ขาดกลางเป็นสองส่วน

เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่ที่จุดสังเกตการณ์ซึ่งห่างออกไปเพียงไม่กี่จั้ง[1]เท่านั้น

ดวงตางดงามที่เย็นชาและห่างเหินของนางไม่ฉายแววสงสารเลยแม้แต่น้อย เทียบกันแล้วยังดูเยือกเย็นกว่าเพชฌฆาตเสียอีก

แต่ทว่าเมื่อถึงเวลาที่ใบมีดจะหล่นลงมา ข้อมือของข้าหลวงที่รับผิดชอบจูงม้ากลับชากะทันหัน

เพียงชั่วพริบตาเดียวที่เขาผ่อนเชือก เจ้าม้าก็ยกกีบเท้าหน้าขึ้นวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

เพชฌฆาตและเหล่าองครักษ์ต่างก็ตื่นตระหนกเป็นการใหญ่

“รีบหยุดมันเอาไว้เร็วเข้า!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่เงียบ ๆ วางตัวเป็นคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์นี้

กลับเป็นเหลียนซวงที่มองเห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน เมื่อครู่เป็นฮองเฮาที่ใช้หินต่างอาวุธลับ ดีดไปยังข้อมือของข้าหลวงคนนั้น เจ้าม้าถึงได้มีโอกาสหลบหนีไปได้

จากนั้นฮองเฮาก็ลอบโจมตีองครักษ์เหล่านั้น ทำให้พวกเขาดูเหมือนสะดุดหินบนพื้นจนล้ม

เดิมทีพวกเขาก็ไม่อาจวิ่งสู้ม้าฝีเท้าดีได้อยู่แล้ว ยามนี้กลับทำได้เพียงมองมันวิ่งไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ จนหายลับไปในป่าของสนามม้าหลวง

ณ ห้องทรงพระอักษร

แสงเงาเป็นชั้น ๆ ทาบทับลงไปรอบบัลลังก์มังกรที่บุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่

หว่างคิ้วที่เคร่งขรึมของเขา ปกคลุมไปด้วยความเย็นยะเยือกที่อัดแน่น

มังกรทองบนเสื้อคลุมมังกรมีกรงเล็บแหลมคมอันน่าหวาดผวา สายตาก็ดุร้ายน่าเกรงขาม

แต่ยังคงไม่อาจเทียบกับสายตาของบุรุษผู้นี้ที่ทำให้คนต้องยอมศิโรราบ และทำให้คนไม่กล้าแม้แต่จะสบตา

เหล่าองค์รักษ์ต่างคุกเข่าอยู่ที่พื้น

“ฝ่าบาท...ม้า ม้าวิ่งหนีออกไปจากป่าหลวง หาย...หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วพ่ะย่ะค่ะ...”

ฮ่องเต้บนบัลลังก์มังกรไม่ตรัสอะไรแม้แต่คำเดียว สายตาคมกริบที่มองมาทำให้พวกเขารู้สึกราวกับกำลังเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ ก็ไม่ปาน

จากนั้นข้าหลวงอีกคนก็เข้ามารายงาน

“ฝ่าบาท ฮองเฮามาขออภัยโทษอยู่ข้างนอกพ่ะย่ะค่ะ!”

ในที่สุดฮ่องเต้ก็เอ่ยปาก

“ฮองเฮาหย่อนยานในหน้าที่ ลงโทษตัดเบี้ยหวัดหนึ่งปี ส่วนคนที่เหลือปลดออกจากตำแหน่ง ขับไล่ออกจากวัง”

ข้าหลวงออกไปถ่ายทอดคำสั่งนอกตำหนัก เมื่อกลับมาก็รายงานฮ่องเต้ว่า

“ฝ่าบาท ฮองเฮาทรงตรัสว่าขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ”

หลังกล่าวจบก็เริ่มรู้สึกได้ว่าบรรยากาศในตำหนักดูน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ

ครั้นแล้วก็เห็นฮ่องเต้ที่เดิมประทับอยู่บนบัลลังก์ บัดนี้ได้ทรงลุกขึ้นยืน

เงาร่างสูงใหญ่นั้นประหนึ่งตาข่ายผืนยักษ์ที่ปกคลุมพวกเขาที่อยู่ด้านล่างเอาไว้จนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมา

“ฮองเฮา ดียิ่ง” จิตใจของฮ่องเต้ ช่างยากแท้หยั่งถึง

พระองค์ตรัสว่าดี แต่ไม่แน่ว่าจะหมายความตามนั้นจริง

ณ ตำหนักฉือหนิง ไทเฮาทรงรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนฮองเฮา

“ฮองเฮาเพิ่งจะเข้าวัง บนล่างล้วนต้องดูแล ฝ่าบาททรงลงโทษตัดเบี้ยหวัดนาง จะให้นางปกครองอย่างไร!”

ถึงแม้จะเป็นไทเฮาก็มิอาจเปลี่ยนแปลงพระราชโองการของฮ่องเต้ได้

ณ ตำหนักหลิงเซียว

“พระสนม เมื่อวานฮองเฮาเพิ่งจะอภิเษกสมรส วันนี้ก็โดนลงโทษเสียแล้วเพคะ!”

หวงกุ้ยเฟยมีท่าทางสงบนิ่ง นางคาดเดาไว้แต่แรกแล้วว่าฮองเฮาจะต้องได้รับการปฏิบัติเช่นนี้

แต่ไหนแต่ไรมา ฮ่องเต้ทรงปฏิบัติต่อสตรีที่ไม่โปรดปรานอย่างไร้น้ำใจมาโดยตลอด

วันรุ่งขึ้น

เฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ระหว่างทางไปตำหนักฉือหนิง บังเอิญพบกับคุณชายชุดขาวท่านหนึ่ง

นางจำเขาได้ในทันที คนผู้นี้คือรุ่ยอ๋อง ผู้ที่มากราบไหว้ฟ้าดินแทนฝ่าบาทในพิธีอภิเษกสมรสวันนั้น

----------------------------------------------

[1] หน่วยวัดระยะทางของจีนโบราณ โดยมีระยะเท่ากับ3.33 เมตร
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (8)
goodnovel comment avatar
Joom
The angry king wants to test his wife.
goodnovel comment avatar
Chin
รุ่ยอ๋องไม่รู้ดีมั้ย
goodnovel comment avatar
Chanyanut Saenkam
สนุกจริงๆอ่านต่อๆ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1486

    ห้องลับนั้นไม่ใหญ่ ดูเหมือนเป็นห้องหนังสือที่ติดตั้งอยู่ภายในมากกว่าเมื่อประตูเปิดออก ในเวลานั้น คนสองคนที่นั่งตรงข้ามกันอยู่ในห้องลับ---ท่านผู้เฒ่ากับเซียวอวี้ ทั้งสองคนต่างมองมายังกลุ่มคนที่อยู่ด้านนอก ใบหน้าปรากฏความงุนงงเล็กน้อย“แคกแคก...ท่านทั้งหลาย นี่พวกท่าน...” ท่านผู้เฒ่าในวัยไม้ใกล้ฝั่ง ดูเหมือนจะทนความตกใจไม่ไหว สีหน้าซีดขาวสลับกับเขียวคล้ำเซียวอวี้มองไปยังเฟิ่งจิ่วเหยียน ดวงตาไม่อาจซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เฟิ่งจิ่วเหยียน: ...นางดูเหมือนจะเข้าใจผิดแล้วนางรีบปล่อยมือจากคอของบ่าวรับใช้ แล้วถามเซียวอวี้ด้วยสีหน้าเย็นชา“ท่านรู้หรือไม่ว่าตนเองหายไปนานเพียงใดแล้ว!”เซียวอวี้ลุกขึ้นทันที และเดินมาหานาง“เราก็ไม่รู้ว่าเจ้าจะกลับมาเร็วเพียงนี้ อีกอย่าง อยู่ที่เรือนหลักนี้ คงไม่น่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”“จะไม่เกิดได้อย่างไร!” เฟิ่งจิ่วเหยียนโต้แย้งตามสัญชาตญาณท่านผู้เฒ่าหยวนเอ่ยช้า ๆ“ดูเหมือนว่า ฮองเฮาจะทรงกลัวว่ากระหม่อมจะทำร้ายฮ่องเต้ฉี”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าเคร่งขรึม“ในเมื่อสุจริตใจ แล้วเหตุใดจึงต้องทำให้เสียวอู่หมดสติ หรือเพราะกลัวว่าเขาจะวุ่นวายพยายามจะช่วยศิษย์พี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1485

    ในห้องลับนี้ แม้แต่รัชทายาทเซี่ยหวั่นเฉิน ก็ยังต้องบดยานับประสาอะไรกับกลุ่มองครักษ์เหล่านี้ถึงหยิ่นเอ้อร์จะเป็นหัวหน้ากลุ่มองครักษ์เงา แต่ตอนนี้ถูกขัดเกลาจนลดความแข็งกร้าวลง ไม่มีอารมณ์หงุดหงิดแล้ว ถูกสั่งให้บดยาก็บดยาโดยดีดังนั้น เขาจึงหวังอย่างยิ่งว่า คนชรากลุ่มนี้จะปรุงยาถอนพิษออกมาได้โดยเร็ว ก่อนที่บ่าวของท่านผู้เฒ่าจะออกไป ได้อาศัยช่วงที่คนไม่ทันสังเกต แอบยัดน่องไก่ที่ห่อด้วยกระดาษห่ออาหารให้กับเสียวอู่เสียวอู่เพิ่งจะบ่นศิษย์พี่ว่า เหตุใดไม่ให้เขาออกไปซื้อสมุนไพรข้างนอกกับศิษย์พี่สะใภ้ ตอนนี้ได้รับน่องไก่ชิ้นหนัก ๆ จึงฉีกยิ้มกว้าง ให้บ่าวรับใช้ด้วยความดีใจแต่ไม่นานเขาก็ตระหนักถึง ความแตกต่างระหว่างน่องไก่ชิ้นเดียวกับน่องไก่ทุกมื้อนั้นดังนั้นเขาจึงจับแขนบ่าวรับใช้ แล้วถาม“ตอนนี้ข้าคงออกไปได้แล้วกระมัง?”มิใช่เพราะรังเกียจห้องลับที่คนเยอะและอึดอัด แต่หลัก ๆ คืออยากไปดูว่าท่านผู้เฒ่าเป็นอย่างไรจากการที่เขาพูดเช่นนี้ จู่ ๆ บ่าวรับใช้ก็นึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง“เกือบลืมไปแล้ว องค์ชายรัชทายาท ท่านผู้เฒ่าของเราอยากขอพบท่านคืนนี้”เซี่ยหวั่นเฉินหยุดมือจาก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1484

    เฟิ่งจิ่วเหยียนบอกกับหมอเทวดาเหล่านั้นไปตรง ๆ“พวกท่านทดลองยาได้เต็มที่ หากเกิดสถานการณ์ที่ไม่อาจควบคุมได้จริง ๆ พิษวารีสวรรค์ ข้าจะจัดการเอง”เหล่าหมอเทวดาต่างดีใจอย่างยิ่ง“ในเมื่อแม่นางจัดการพิษได้ พวกเราก็วางใจแล้ว!”พูดจบพวกเขาก็หันไปมองเซียวอวี้“รบกวนขอเลือดเพิ่มอีกครึ่งถ้วยเล็ก”เซียวอวี้: ...ตอนนี้พวกเขายิ่งเชี่ยวชาญขึ้นเรื่อย ๆในคืนนั้นเซียวเหิงที่ได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้กลับมาที่จวนตระกูลหยวนในจวนเกิดความแตกแยก ท่านผู้เฒ่ายังมิได้ถูกปล่อยตัวกลับมา ตอนนี้เหลือเพียงครอบครัวของหยวนสุยเท่านั้นเซียวเหิงเดินตรงไปยังเรือนตะวันตก ก็เห็นโครงกระดูกของภรรยาใบหน้าของเขาแสดงความโศกเศร้าและสิ้นหวัง แทบจะคุกเข่าลงต่อหน้าโครงกระดูก และปิดหน้าร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด“ฮูหยิน! ฮูหยินเอ๋ย!“แม้แต่เจ้าก็จากข้าไป ข้าอยู่ในโลกนี้ยังจะมีความปรารถนาอะไรอีก...”เสียงร้องไห้คร่ำครวญของเซียวเหิงดังต่อเนื่องเป็นพัก ๆเขาดูเหมือนจะเสียใจอย่างมาก“ข้าไม่ควรสนใจแต่เรื่องภายนอก เป็นข้าที่ละเลยเจ้า รู้ดีว่าเจ้าเพิ่งจะสูญเสียลูก ข้าควรอยู่เป็นเพื่อนเจ้ามากกว่านี้ หากเป็นเช่นนั้น เจ้าก็จะไม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1483

    ในคืนนั้นซากโครงกระดูกของฮูหยินนั่วก็ถูกส่งกลับมาที่จวนตระกูลหยวนหยวนสุยกับหยวนจั้นสบตากัน แววตาดูโศกเศร้า และยังมีความสงบเยือกเย็นที่ข่มไว้“ท่านพ่อ งานศพของท่านป้า ต้องจัดอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติ”หยวนสุยพยักหน้าด้วยท่าทีเงียบขรึมต่อมา ผู้คุ้มกันที่ส่งไปสืบข่าวก็กลับมารายงาน“นายท่าน มหาเสนาบดีเหิงถูกไฟไหม้บาดเจ็บ แต่ไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต“ส่วนทางคุกเทียนเหลา ท่านผู้เฒ่ายังคงถูกคุมขังอยู่ แต่ไม่ต้องถูกสอบสวนอีกแล้วขอรับ”หยวนสุยพยักหน้าอีกครั้ง สายตามองตรงไปยังซากโครงกระดูกของฮูหยินนั่ว พร้อมความคิดในหัวมากมายเขาถอนหายใจ แล้วเดินไปคลุมผ้าขาวบนซากโครงกระดูกด้วยตัวเองหยวนจั้นหันไปโค้งคำนับต่อซากโครงกระดูก“ท่านป้า การเสียสละของท่านจะไม่สูญเปล่า”ที่จริงหยวนสุยก็ยังสับสนอยู่ว่า การตัดสินใจของตนนั้นถูกต้องหรือไม่ตอนนี้คือใช้ชีวิตของพี่หญิงรอง แลกกับชีวิตของท่านพ่อแม้จะพูดว่าในตระกูลยกย่องบุรุษเป็นใหญ่ ชีวิตของบุรุษสำคัญกว่า แต่พี่หญิงรองก็สมควรตายเชียวหรือ?หยวนจั้นมองออกถึงความขัดแย้งในใจของบิดา จึงเอ่ยปลอบเบา ๆ“ครั้งนี้ท่านป้าช่วยคนได้มากมาย มิใช่แค่ท่านปู่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1482

    นอกคุกเทียนเหลาฮูหยินนั่วมือหนึ่งถือสมุด อีกมือหนึ่งถือคบเพลิงนางตะโกนเสียงดัง“มหาเสนาบดีเหิง! สิ่งที่ท่านต้องการอยู่ที่ข้า!“ท่านพ่อ! บุตรสาวอกตัญญู ยังต้องให้ท่านลำบากมารับผิดแทนลูก!”เมื่อเซียวเหิงออกมา ก็เห็นสมุดในมือของฮูหยินนั่ว ดูจากปกของสมุดแล้ว ดูเหมือนกับสมุดเล่มนั้นของเขาที่หายไปจริง ๆหรือว่า ท่านผู้เฒ่าจะถูกปรักปรำจริง ๆ ?เซียวเหิงพยายามแสดงความอ่อนโยน ค่อย ๆ เอ่ยชักจูงนาง“ฮูหยิน นั่นมิใช่ของส่วนตัวของข้า แต่เป็นสิ่งที่ฝ่าบาทมอบให้ข้าดูแล เจ้ารีบคืนให้ข้าเถิด ทำเช่นนี้แล้ว ท่านพ่อตาก็จะไม่มีปัญหาใด ๆ ...”ในดวงตาของฮูหยินนั่วฉายแววความเกลียดชังหากมิใช่เพราะน้องสามบอกกับนาง เรื่องตัวตนที่แท้จริงของมหาเสนาบดีเหิง รวมถึงเรื่องที่เขาเลี้ยงดูสตรีไว้นอกจวน นางก็ยังคงจะถูกเขาหลอกไปตลอด คิดว่าตัวเองมีสามีที่ดีอย่างยิ่งที่แท้แล้ว เขาก็เหมือนบุรุษส่วนใหญ่ ล้วนเป็นคนไร้หัวใจและไม่ซื่อสัตย์เพื่อเป้าหมายของตัวเอง เขายอมสละทุกคนได้!แต่เหตุใดแม้แต่บุตรชายแท้ ๆ เขาก็ยังไม่ยอมปล่อย!ฮูหยินนั่วด่าทอด้วยความโกรธ: “มหาเสนาบดีเหิง! เจ้าสัตว์นรก! ข้ารู้ว่าสมุดเล่มนี้สำคัญ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1481

    “ในตอนนั้น เดิมทีคนที่ต้องถูกส่งไปหนานฉี ก็คือเจ้า”ฮูหยินนั่วสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีนางลุกขึ้นพรวดพราด และจ้องมองหยวนสุยด้วยความโกรธ“เจ้าจะพูดว่า คนที่ควรตายในตอนนั้นคือข้าใช่หรือไม่! น้องสาม เจ้าใจร้ายเหลือเกิน! ไม่แปลกใจที่หลายปีมานี้ เจ้ากับท่านพ่อเหมือนกัน คือต่างก็เย็นชากับข้า ที่แท้เพราะคิดว่าข้าทำให้พี่หญิงใหญ่ต้องตาย!“ทำไม ข้ามิใช่ลูกแท้ ๆ ของท่านพ่อหรอกหรือ? ข้ามิใช่พี่สาวแท้ ๆ ของเจ้าหรอกหรือ? เหตุใดเรื่องเลวร้ายทั้งหมดต้องตกมาอยู่ที่ข้าคนเดียว!“พี่หญิงใหญ่ยินดีที่จะไปเป็นสายลับที่หนานฉีแทนข้า ข้ามิได้บังคับนาง!”หยวนสุยมองนางด้วยความผิดหวัง“ข้าพูดเรื่องนี้ มิใช่กำลังตำหนิท่าน ข้าอยากบอกท่านว่า มหาเสนาบดีเหิงหาใช่ว่าจริงใจกับท่าน คนเช่นเขา สามารถหลอกใช้ได้ทุกคน!“หยวนตั๋วก็ตายเพราะถูกเขาหลอกใช้!“หากเขาไม่มีความคิดที่หลงผิด หยวนตั๋วจะเหมือนเด็กทั่วไป ที่เติบโตขึ้นมาโดยไม่มีความกังวลใด ๆ ...”“พอแล้ว!” ความเจ็บปวดจากการสูญเสียบุตรชายที่ฮูหยินนั่วข่มเอาไว้ ตอนนี้กลับลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งบุตรชายคือชีวิตของนาง!เขาตายอย่างน่าอนาถ นางไม่มีวันใดที่ไม่คิดแก้แค้นให้เขา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status