หลังจากที่สองฝาแฝดหนีเข้ามาหลบภัยในถ้ำปริศนาได้สำเร็จ ไดชิก็ทรุดตัวลงพิงผนังถ้ำอย่างอ่อนแรง ใบหน้าของเขาซีดเผือดจากการเสียเลือดเล็กน้อย และความเหนื่อยล้าที่สะสมมาจากการต่อสู้อันยาวนาน แผลที่แขนของเขาถูกฉีกขาดจากการปัดป้องเงาปีศาจ ซึ่งตอนนี้เริ่มมีเลือดซึมออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน
"เป็นยังไงบ้างไดชิ...เจ็บมากไหม?" ดาอิเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง เธอรีบเข้าไปนั่งข้างๆ พี่ชาย พยายามใช้ผ้าพันแผลอีกผืนพันทับแผลที่แขนของเขาให้แน่นขึ้น
"ไม่เป็นไร...แค่แผลถลอกนิดหน่อย" ไดชิกล่าวพร้อมกับยิ้มแห้งๆ พยายามปลอบใจน้องสาว แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงซีดเผือดและมีอาการสั่นเล็กน้อยจากความเจ็บปวด
ดาอิรู้ดีว่าพี่ชายกำลังโกหก เธอหันไปมองคัมภีร์เล่มเล็กที่หลุดออกมาจากกระเป๋าเป้ของเขาในระหว่างการวิ่งหนี บนหน้าปกมีสัญลักษณ์ที่คล้ายกับสัญลักษณ์บนหีบปริศนาที่พวกเขาค้นพบ เธอจึงตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาเปิดดูอย่างระมัดระวัง
คัมภีร์เล่มนั้นถูกทำขึ้นจากกระดาษสาโบราณที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนกลิ่นสมุนไพร บนหน้ากระดาษเต็มไปด้วยรูปวาดและอักขระโบราณที่ดาอิไม่คุ้นเคย แต่เมื่อเธอค่อยๆ ไล่สายตาอ่านไปเรื่อยๆ เธอก็พบว่ามันเป็นตำราที่รวบรวมอาคมและการรักษาต่างๆ
"เจอแล้ว!" ดาอิอุทานเบาๆ เธอเลื่อนสายตาไปหยุดที่รูปวาดของสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ดูคุ้นตา พร้อมกับคาถาที่ใช้ในการรักษา "ดูนี่สิไดชิ! ในคัมภีร์บอกว่ามีคาถารักษาแผลด้วย แต่ต้องใช้สมุนไพรชนิดนี้" เธอยกคัมภีร์ขึ้นให้พี่ชายดู
ไดชิเหลือบตามองรูปวาดบนคัมภีร์ เขาก็จำได้ว่าสมุนไพรชนิดนี้เป็นดอกไม้สีขาวที่มีเกสรสีทองอร่าม ซึ่งเป็นดอกไม้ชนิดเดียวกันกับที่เขาเห็นอยู่ในป่ามะพร้าวที่พวกเขาผ่านมา
"แต่ว่า...มันอันตรายนะดาอิ" ไดชิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง เขากำมือของดาอิไว้แน่น "ข้างนอกนั่นเต็มไปด้วยเงาปีศาจ ถ้าเธอออกไป..."
"ฉันรู้..." ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว เธอยกมือขึ้นแตะที่ใบหน้าของพี่ชายอย่างแผ่วเบา "แต่นายเจ็บอยู่นะ เราต้องรักษาแผลของนายให้ได้ก่อน ไม่อย่างนั้นนายจะไม่สามารถต่อสู้ได้"
"แต่ว่า..."
"ไม่ต้องห่วงน่า" ดาอิกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน "ฉันจะไปคนเดียว"
"ไม่! ฉันไม่ยอมให้เธอไปคนเดียวเด็ดขาด!" ไดชิโต้แย้งทันที เขารู้สึกผิดที่ทำให้ดาอิต้องเป็นห่วง และเป็นห่วงความปลอดภัยของน้องสาวมากยิ่งขึ้น "ถ้าจะไป ฉันก็จะไปด้วย!"
"ไม่ไดชิ" ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "นายเจ็บอยู่นะ เราไม่รู้ว่าเงาปีศาจตัวไหนจะโผล่มาอีกเมื่อไหร่ ถ้าเราออกไปพร้อมกันแล้วเจอปีศาจ เราจะกลายเป็นเป้าหมายได้ง่ายๆ นายรออยู่ที่นี่แหละ"
"แต่..."
"เชื่อใจฉันเถอะ" ดาอิกล่าวพร้อมกับลุกขึ้นยืน เธอยกนาฬิกาอาคมที่ข้อมือขึ้นมาดู "นาฬิกายังไม่เตือนแสดงว่าแถวนี้ยังปลอดภัย ฉันจะไปแค่แป๊บเดียวเท่านั้น"
ไดชิพยายามจะโต้แย้งอีกครั้ง แต่ก็ต้องเงียบไปเมื่อเห็นแววตาที่มุ่งมั่นของดาอิ เขารู้ดีว่าไม่ว่าจะพูดอะไรไป เธอก็ไม่ฟังอยู่ดี เขาจึงทำได้แค่เพียงพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก
"งั้น...ระวังตัวด้วยนะดาอิ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้รีบกลับมาทันที" ไดชิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "แล้วก็...เอาไฟฉายไป" เขาหยิบไฟฉายในกระเป๋าเป้ส่งให้ดาอิ
"อืม" ดาอิรับไฟฉายมาไว้ในมือ เธอหยิบขวดกักเก็บวิญญาณปีศาจที่บรรจุดวงวิญญาณเจ็ดดวงไว้เหน็บข้างเอวอย่างมั่นใจ ก่อนจะเดินออกไปจากถ้ำแห่งนั้นอย่างช้าๆ
ทันทีที่ดาอิเดินออกไปจากถ้ำ เธอก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในป่ามะพร้าวที่เต็มไปด้วยความมืดมิดอีกครั้ง แสงสว่างจากไฟฉายส่องนำทางเธอไปข้างหน้า เธอพยายามเดินให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ระมัดระวังไม่ให้เสียงฝีเท้าของเธอไปปลุกเงาปีศาจที่อาจจะซ่อนตัวอยู่
"ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดนี่นา..." ดาอิพึมพำกับตัวเอง เธอเงยหน้าขึ้นมองแสงจันทร์ที่ส่องผ่านร่มไม้ลงมาเป็นบางจุด "แค่เดินไปอีกนิดเดียวเอง"
เธอเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงบริเวณที่เธอเห็นดอกไม้ชนิดนั้น ดาอิรีบก้มลงไปสำรวจทันที แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าดอกไม้ที่เคยอยู่ตรงนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงร่องรอยของการถูกฉีกขาดและรอยเท้าของสิ่งมีชีวิตบางอย่าง
"ไม่จริงน่า..." ดาอิพึมพำด้วยความตกใจ เธอส่องไฟฉายไปรอบๆ พยายามหาดอกไม้ชนิดอื่น แต่ก็ไม่พบเลย
ทันใดนั้นเอง...นาฬิกาอาคมบนข้อมือของเธอก็เริ่มสั่นเบาๆ พร้อมกับตัวเลขที่กระพริบ "20 เมตร" และทิศทางที่ชี้ไปทางป่าที่อยู่ลึกลงไปกว่าเดิม
"ให้ตายสิ..." ดาอิสบถออกมาอย่างหงุดหงิด เธอรู้ดีว่าถ้าเดินเข้าไปในป่าที่ลึกกว่านี้ก็ยิ่งอันตราย แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เธอจึงตัดสินใจที่จะเดินตามสัญญาณของนาฬิกาอาคมเข้าไปในป่าที่มืดมิดกว่าเดิม
เมื่อเดินลึกเข้าไปในป่า ดาอิก็พบว่าบรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไป จากป่ามะพร้าวที่เงียบสงบกลายเป็นป่าทึบที่เต็มไปด้วยเถาวัลย์และต้นไม้สูงใหญ่จนแสงจันทร์แทบส่องมาไม่ถึง อากาศเริ่มเย็นยะเยือกขึ้น และมีกลิ่นเหม็นเน่าจางๆ โชยมาเป็นระยะๆ
"นี่มันทางไหนกันเนี่ย..." ดาอิพึมพำกับตัวเอง เธอส่องไฟฉายไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากต้นไม้และเถาวัลย์ที่พันกันยุ่งเหยิง
แคร้ง!
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากทางด้านหลังของเธอ ดาอิสะดุ้งสุดตัวและหันไปมองอย่างรวดเร็ว เธอส่องไฟฉายไปที่ต้นเสียง และพบว่ามีเงาปีศาจตัวหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาสีแดงก่ำของมันจ้องมองมาที่เธออย่างไม่วางตา
"เจอแล้ว..." ดาอิพึมพำด้วยความตกใจ เธอพยายามถอยหลัง แต่ก็ถูกเถาวัลย์ที่อยู่ด้านหลังพันขาจนล้มลงไปกองกับพื้น
เงาปีศาจตัวนั้นไม่รอช้า มันพุ่งเข้าใส่เธออย่างรวดเร็ว กรงเล็บที่แหลมคมของมันพร้อมที่จะฉีกกระชากเธอเป็นชิ้นๆ
ดาอิไม่ทันได้ตั้งตัว เธอหลับตาลงแน่น เตรียมพร้อมที่จะรับการโจมตี แต่แล้ว...
แคร้ง!
เสียงเหมือนแก้วแตกดังสนั่น ร่างของเงาปีศาจตัวนั้นสลายเป็นควันสีดำจางๆ เหลือเพียงดวงวิญญาณสีม่วงเข้มที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ดาอิรีบลืมตาขึ้นมอง และพบว่ามี เงาปีศาจอีกตัวหนึ่ง ที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของพวกมันยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาสีแดงก่ำของมันจ้องมองมาที่เธออย่างไม่วางตา
"นี่มัน...อะไรกัน?" ดาอิพึมพำด้วยความประหลาดใจ เงาปีศาจตัวนั้นไม่ได้โจมตีเธอ แต่กลับโจมตีปีศาจพวกเดียวกันเอง
เงาปีศาจระดับหัวหน้าตัวนั้นมีขนาดใหญ่กว่าตัวอื่นๆ ถึงสองเท่า มีเขาแหลมบนศีรษะ และมีดวงตาถึงสามดวงที่เปล่งแสงสีแดงก่ำ มันเดินเข้ามาหาดาอิอย่างช้าๆ ราวกับกำลังสำรวจสิ่งมีชีวิตที่แปลกหน้าอย่างเธอ
"อย่านะ..." ดาอิกล่าวเสียงสั่น เธอพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่ขาของเธอก็ยังพันติดอยู่กับเถาวัลย์
เงาปีศาจตัวนั้นหยุดอยู่ห่างจากเธอเพียงไม่กี่ก้าว ก่อนจะก้มตัวลงมามองเธออย่างใกล้ชิด ดวงตาของมันจ้องมองมาที่เธออย่างไม่วางตา ราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง
"แกเป็นใคร? เข้ามาในดินแดนของข้าทำไม?" เสียงแหบพร่าที่ดังขึ้นในหัวของดาอิ ทำให้เธอต้องตกใจ เงาปีศาจตัวนั้นไม่ได้พูดออกมา แต่กลับสื่อสารผ่านโทรจิต
"ฉัน...ฉันแค่มาหา...สมุนไพร" ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอพยายามที่จะควบคุมความกลัว
"โกหก! มนุษย์อย่างแกไม่มีทางเข้ามาถึงที่นี่ได้หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะพลังของหีบนั่น" เสียงแหบพร่าดังขึ้นในหัวของดาอิอีกครั้ง คราวนี้เสียงมันเต็มไปด้วยความโกรธ
ทันใดนั้นเอง...นาฬิกาอาคมของดาอิก็สั่นรัวขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ได้เตือนภัย แต่กลับเปล่งแสงสีขาวนวลออกมา พร้อมกับมีอักขระโบราณปรากฏขึ้นบนหน้าปัด
เงาปีศาจระดับหัวหน้าตัวนั้นมองไปที่นาฬิกาอาคมของดาอิด้วยความประหลาดใจ ดวงตาของมันเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
"นั่นมัน...อาคมของ...บรรพบุรุษ!" เสียงแหบพร่าดังขึ้นในหัวของดาอิอีกครั้ง คราวนี้เสียงมันเต็มไปด้วยความสงสัย
"บรรพบุรุษ?" ดาอิถามอย่างไม่เข้าใจ
"มนุษย์อย่างแก...ทำไมถึงมีอาคมของบรรพบุรุษอยู่ในตัว?" เงาปีศาจระดับหัวหน้าตัวนั้นถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย มันค่อยๆ ถอยห่างออกไปจากเธอเล็กน้อย "อาคมนั้น...ข้าเคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว...ตอนที่บรรพบุรุษของเจ้าผนึกหีบนั่นไว้ในดินแดนนี้"
"ผนึกหีบ?" ดาอิถามอย่างไม่เข้าใจ เธอเริ่มรู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดมันซับซ้อนกว่าที่คิด
"ใช่...หีบนั่น...มันไม่ใช่แค่หีบธรรมดา แต่เป็นเครื่องมือที่จะเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์กับโลกของพวกข้า" เงาปีศาจระดับหัวหน้าตัวนั้นกล่าว "บรรพบุรุษของเจ้า...ได้นำหีบนั่นมาผนึกไว้ในดินแดนนี้เพื่อไม่ให้พวกข้าสามารถออกมาจากมิติได้"
"แล้ว...ทำไมหีบถึงเปิดได้ล่ะ?" ดาอิถาม
"เพราะมนุษย์อย่างพวกเจ้า...มันเป็นพลังงานที่ไม่บริสุทธิ์ของมนุษย์ที่ทำลายผนึกนั้นจนหมดสิ้น" เงาปีศาจระดับหัวหน้าตัวนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น "พวกข้าถูกกักขังอยู่ในมิติแห่งความมืดมิดมานานนับร้อยปี และตอนนี้...ข้าจะทำลายโลกของพวกเจ้าให้หมดสิ้น!"
ทันใดนั้นเอง...ก็มีเงาปีศาจอีกหลายตัวปรากฏตัวขึ้นจากเงามืด พวกมันพุ่งเข้ามาที่ดาอิอย่างรวดเร็ว กรงเล็บที่แหลมคมของมันพร้อมที่จะฉีกกระชากเธอเป็นชิ้นๆ
"ไม่นะ!" ดาอิร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอพยายามที่จะลุกขึ้นยืนแต่ก็ไม่ทันแล้ว
แต่แล้ว...ทันใดนั้นก็มี เสียงคำรามที่คุ้นเคย ดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอ
แกร๊ง!
เสียงเหมือนเหล็กกระทบกันดังสนั่น ร่างของเงาปีศาจที่พุ่งเข้าใส่ดาอิก็กระเด็นไปคนละทิศคนละทาง ดาอิหันกลับไปมอง และพบว่าไดชิกำลังยืนอยู่ตรงนั้น ในมือของเขาไม่ได้มีมีดอาคม แต่เป็น ดาบสีเงินอร่าม ที่เปล่งแสงเรืองรอง
"ไดชิ! นายมาได้ยังไง?" ดาอิถามด้วยความประหลาดใจ
"ก็มาช่วยน้องสาวไงล่ะ!" ไดชิกล่าวพร้อมกับยิ้มแห้งๆ "ฉันจะปล่อยให้เธอมาคนเดียวได้ยังไง" เขากำดาบในมือแน่น "ฉันรู้ว่าเธอต้องเจออะไรแบบนี้แน่ๆ"
"แต่ว่า...นายบาดเจ็บอยู่นะ" ดาอิกล่าวด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรแล้ว!" ไดชิกล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นชูดาบในมือ "ฉันเจอมีดอาคมของฉันแล้ว!" เขาอธิบายให้ดาอิฟังว่าในระหว่างที่เขากำลังรออยู่ที่ถ้ำ เขาได้ค้นพบว่ามีดอาคมของเขาไม่ได้หายไปไหน แต่กลับกลายสภาพเป็นดาบอาคมที่ทรงพลังกว่าเดิม
"ดาบอาคม!" ดาอิพึมพำด้วยความประหลาดใจ
"ใช่! ดูเหมือนว่าพลังของหีบจะปลุกพลังของอาคมในตัวเราให้ตื่นขึ้นมาด้วย" ไดชิกล่าว "และตอนนี้...ฉันพร้อมที่จะสู้กับพวกมันแล้ว!"
"กร๊าซซซซซ!" เงาปีศาจระดับหัวหน้าตัวนั้นคำรามอย่างเกรี้ยวกราด มันเห็นว่าไดชิกำลังใช้ดาบอาคม และรู้ดีว่าอาคมนี้มีพลังทำลายล้างที่รุนแรงแค่ไหน
"อย่าเข้ามานะ!" ดาอิร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอลุกขึ้นยืนและพยายามที่จะร่ายคาถา แต่ก็ถูกเงาปีศาจหลายตัวที่เข้ามาโจมตีจากทุกทิศทาง
"อยู่ข้างหลังฉัน!" ไดชิกล่าว เขาชูดาบอาคมในมือขึ้นเหนือหัว แสงสีเงินอร่ามจากดาบเปล่งประกายออกมาอย่างรุนแรงจนเงาปีศาจที่อยู่ใกล้ๆ ต้องถอยห่าง
"พวกแก...อยากตายใช่ไหม!" ไดชิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ เขาฟันดาบลงไปที่พื้นดินอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดรอยแยกขนาดใหญ่บนพื้นดิน และเงาปีศาจที่อยู่ใกล้ๆ ก็ถูกรอยแยกนั้นกลืนหายเข้าไปในความมืดมิด
"สุดยอดไปเลย!" ดาอิร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
"ยังไม่หมดแค่นี้!" ไดชิกล่าวพร้อมกับชูดาบในมือขึ้นอีกครั้ง "ฉันจะใช้พลังทั้งหมดที่มีในการจัดการพวกแก!"
เงาปีศาจระดับหัวหน้าตัวนั้นไม่รอช้า มันพุ่งเข้าใส่ไดชิอย่างรวดเร็ว แต่คราวนี้ไดชิไม่ได้หลบ แต่กลับใช้ดาบอาคมในมือฟันเข้าที่มันอย่างเต็มกำลัง
แกร๊ง!
เสียงเหมือนเหล็กกระทบกันดังสนั่น ร่างของเงาปีศาจระดับหัวหน้าตัวนั้นสลายเป็นควันสีดำจางๆ เหลือเพียงดวงวิญญาณขนาดใหญ่ที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ
"จัดการมันดาอิ!" ไดชิกล่าวเสียงดัง
ดาอิไม่รอช้า เธอชูขวดกักเก็บวิญญาณปีศาจขึ้นเหนือหัว พึมพำคาถาโบราณที่ท่องจำมาตั้งแต่แรกเริ่ม และแล้ว...ดวงวิญญาณขนาดใหญ่ของเงาปีศาจระดับหัวหน้าตัวนั้นก็ถูกดูดเข้าไปในขวดอย่างรวดเร็ว
"เราทำได้แล้ว!" ดาอิร้องออกมาด้วยความดีใจ
แต่แล้ว...ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามที่รุนแรงกว่าปกติ ดังขึ้นมาจากเบื้องหลังของพวกเขา เสียงนั้นดังมาจากรอยแยกมิติที่พวกเขาเพิ่งหนีมา
"นี่มัน...เสียงอะไรน่ะ?" ไดชิถามอย่างไม่แน่ใจ
"ดูนั่นสิ!" ดาอิชี้ไปที่รอยแยกมิติ และพบว่ามันกำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และมีเงาขนาดใหญ่กว่าเงาปีศาจระดับหัวหน้าตัวนั้นถึงสิบเท่ากำลังจะโผล่ออกมา
"ไม่นะ...นี่มันตัวอะไรกันเนี่ย!" ไดชิร้องออกมาด้วยความตกใจ
เงาขนาดใหญ่ตัวนั้นมีดวงตาสีแดงก่ำถึงหกดวง และมีเขาแหลมบนศีรษะถึงสามอัน มันมีขนาดใหญ่จนแทบจะเต็มรอยแยกมิติ และมีพลังงานมืดมิดที่รุนแรงเกินกว่าที่พวกเขาจะรับมือได้
"นี่แหละ...ปีศาจที่แท้จริง!" ดาอิพึมพำด้วยความตกใจ "เราต้องหนี!"
"ไปทางไหนดี?!" ไดชิถามอย่างตื่นตระหนก
ทั้งสองมองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ก็มีความมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ พวกเขากำมือกันแน่น และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูที่ไม่คาดฝันอีกครั้ง
หลังจากทำข้อตกลงกับหัวหน้าเผ่าสึนะ ไคลด์ ไดชิ และดาอิ ก็เริ่มต้นภารกิจที่อันตรายที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเผชิญมา การเดินทางสู่ แหล่งพลังอาคมแห่งเงาที่แท้จริง ซึ่งซ่อนอยู่ลึกใต้เกาะแสงอรุณ มีเพียงไคลด์เท่านั้นที่รู้ทางเข้า ซึ่งต้องเดินทางผ่านทางน้ำใต้ดินที่ซับซ้อน"พวกเราทุกคนต้องรู้ว่าความมืดมิดที่พวกเจ้าเคยทำลายไปนั้น...เป็นแค่ เปลือกนอก ของพลังงานทั้งหมด" ไคลด์กล่าวขณะนำทางพวกเขาไปยังปากถ้ำที่ถูกซ่อนไว้ใต้รากต้นไม้ใหญ่ริมทะเลสาบ "พลังเงาที่แท้จริงไม่ได้มีไว้เพื่อทำลายล้าง แต่มีไว้เพื่อ รักษาสมดุลของผืนดิน เมื่อหลายศตวรรษก่อน ผู้พิทักษ์รุ่นก่อนได้ผนึกมันไว้ไม่ให้ถูกผู้ใดครอบครอง"ปากทางสู่ความมืดปากถ้ำนั้นแคบและมืดมิด มีเพียงแสงจากตะเกียงอาคมที่ดาอิสร้างขึ้นเท่านั้นที่ช่วยให้พวกเขามองเห็นได้ ไคลด์ลงไปในน้ำก่อน ตามมาด้วยไดชิและดาอิ พวกเขาต้องว่ายน้ำตามกระแสน้ำใต้ดินที่เย็นเฉียบและมืดสนิทไปนานหลายนาทีเมื่อกระแสน้ำสงบลง พวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ใน อุโมงค์หินขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำค้างและเสียงสะท้อนที่น่าขนลุก พื้นผิวของผนังถ้ำเต็มไปด้วย คริสตัลเงาสีดำ ที่ส่องแสงสลัว ๆ บ่งบอกถึงความหน
หลังจากที่พิธีสืบทอดตำแหน่งเสร็จสิ้น ไคลด์ก็กลายเป็นผู้พิทักษ์แห่งเกาะแสงอรุณอย่างเป็นทางการ แต่ภัยคุกคามจากชนเผ่าแห่งเงาก็ยังคงเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ไดชิ ดาอิ และไคลด์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การเจรจาคือหนทางเดียวที่จะนำความสงบสุขที่แท้จริงมาสู่เกาะนี้พวกเขาตัดสินใจเดินทางไปยัง ป่าสนทมิฬ อีกครั้ง สถานที่ที่พวกเขาเคยถูกซุ่มโจมตี โดยมี ปู่เฒ่าดาฟ ร่วมเดินทางไปด้วยในฐานะตัวแทนของชาวเกาะ"การเจรจานี้อันตรายยิ่งกว่าการต่อสู้กับปีศาจ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะเดินนำ "ความบาดหมางระหว่างเรากับชนเผ่าแห่งเงาฝังรากลึกมาตั้งแต่สมัย จอมเวทแห่งเงามืด ยังเป็นมนุษย์""ท่านปู่ ช่วยเล่าเรื่องราวความบาดหมางนั้นให้พวกเราฟังได้ไหมครับ" ไดชิถาม"ได้สิ..." ปู่เฒ่าดาฟเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย "ในอดีต จอมเวทที่ทรยศนั้นเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มนักเวทที่แข็งแกร่งที่สุดบนเกาะ แต่เขามองว่าชาวเกาะธรรมดาและชนเผ่าแห่งเงาที่อาศัยอยู่ในป่าลึกเป็นเพียง เครื่องมือ และ พลังงาน ที่ไร้ค่า เขาต้องการให้ทุกคนกราบไหว้บูชาเขาเพียงผู้เดียว""แล้วชนเผ่าแห่งเงาเกี่ยวข้องอย่างไรคะ" ดาอิถาม"ชนเผ่าเหล่านั้นเป็นกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่
หมู่บ้านแสงอรุณกลับมาสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง แต่ความเงียบสงบในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ มันคือความสงบที่มาพร้อมกับความตึงเครียดและความเตรียมพร้อม ชาวบ้านช่วยกันพาไดชิ ดาอิ และไคลด์ไปที่วิหารเก่า ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่รักษาพยาบาลชั่วคราวบาดแผลและการเยียวยาไคลด์มีอาการหนักที่สุด พิษจากศรของชนเผ่าแห่งเงาได้เริ่มซึมซาบเข้าสู่กระแสเลือดของเขา แม้ร่างกายจะแข็งแกร่งดุจหินผา แต่พิษร้ายก็ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก"นี่มันพิษจาก พฤกษามรณะ" ปู่เฒ่าดาฟกล่าวขณะที่กำลังทำความสะอาดบาดแผลอย่างระมัดระวัง "ชนเผ่าแห่งเงาใช้สารนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อทำให้เหยื่ออ่อนแรง...แต่ดีที่เจ้าเป็นบุตรแห่งทะเล ร่างกายจึงต้านทานได้ดีกว่าคนอื่น"ดาอิที่เฝ้าดูอาการของไคลด์อยู่ไม่ห่างรู้สึกผิดที่เธอไม่สามารถปกป้องเขาได้ เธอจึงตัดสินใจใช้พลังอาคมของตนเองเข้าช่วยในการรักษา ไดชิที่ถูกชนเผ่าทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่แขนและขา ก็พยุงตัวเองมานั่งข้าง ๆ น้องสาว"ดาอิ...บาดแผลของนาย" ไดชิกล่าวด้วยความเป็นห่วง"ฉันไม่เป็นไรหรอกพี่ไดชิ" ดาอิส่ายหน้า เธอจ้องมองไปที่บาดแผลของไคลด์อย่างตั้งใจ ก่อนจะหลับตาลงเพื่
การเดินทางกลับหมู่บ้านเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับ ไคลด์ ผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเล ชายหนุ่มลึกลับคนนี้ยังคงเดินนำหน้าอย่างเงียบ ๆ ร่างกายของเขาสง่างามและเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง ราวกับว่าเขาไม่ได้เดินอยู่บนพื้นดิน แต่กำลังล่องลอยไปตามกระแสลม ไดชิและดาอิเดินตามหลังเขาไปอย่างเงียบ ๆ ด้วยความตื่นเต้นและกังวลใจ"ไคลด์..." ไดชิเริ่มต้นบทสนทนาหลังจากที่เดินทางมาได้พักใหญ่ "นายช่วยบอกเราได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทะเลเมื่อวานนี้ คลื่นนั่นมันไม่ใช่คลื่นธรรมชาติใช่ไหม"ไคลด์ไม่หยุดเดิน แต่ตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยแต่แฝงด้วยความหนักแน่น "คลื่นนั้นคือ การปฏิเสธของจิตวิญญาณแห่งทะเล พวกมันไม่ยอมรับผู้ที่ไม่ได้มาจากท้องทะเลให้เข้าใกล้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อเห็นว่าพวกเจ้าไม่ยอมแพ้...พวกมันจึงอนุญาตให้ข้าช่วยนำทางพวกเจ้ากลับมา""แล้วศรเพลิงที่ช่วยเราจากอสูรหินล่ะ" ดาอิถามอย่างกระตือรือร้น "นั่นเป็นของนายใช่ไหม"ไคลด์หันมามองพวกเขาเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำทะเลนั้นสบตาไดชิและดาอิอย่างช้า ๆ "ศรนั่นทำจาก ไม้แห่งภูเขาไฟ ที่ไม่ไหม้ไฟ และอาบด้วยพิษแห่งความมืดที่สามารถทำลายสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากพลังตกค้างได้...นั่นคือสิ่งที
หลังจากที่เรือกลับถึงฝั่งอย่างปลอดภัย ไดชิและดาอิรีบวิ่งขึ้นจากหาดทรายทันที หัวใจของพวกเขายังเต้นรัวจากความตื่นเต้นและความฉงนสนเท่ห์ที่ได้เห็นชายหนุ่มลึกลับคนนั้น ชายที่สามารถควบคุมพลังของทะเลและซ่อมแซมเรือได้ในพริบตา"เขา...เขาต้องเป็นผู้พิทักษ์คนต่อไปที่เราตามหาแน่ ๆ!" ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด"ใช่" ไดชิพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "แต่เขาไม่ได้อยากให้เราเจอเลย และการที่เขาพาเรือเรากลับเข้าฝั่งอย่างรวดเร็วขนาดนี้ หมายความว่าเขาอาจจะมุ่งหน้าสู่ใจกลางเกาะแล้ว"สองพี่น้องตัดสินใจเริ่มต้นการตามล่าทันที โดยมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่พวกเขาเชื่อว่าจะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสู่ถ้ำของปู่เฒ่าดาฟและหมู่บ้าน ซึ่งพวกเขาเดาว่าชายหนุ่มคนนั้นน่าจะไปที่นั่นก่อนเพื่อพบกับผู้อาวุโสอุปสรรคแรก: ลานหินอัปลักษณ์พวกเขาต้องผ่าน ลานหินอัปลักษณ์ ที่เต็มไปด้วยก้อนหินแหลมคมและเศษซากของต้นไม้ที่ตายแล้ว ซึ่งเคยเป็นอาณาเขตของปีศาจหินก่อนที่เกาะจะฟื้นฟู พวกเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะพื้นผิวที่ลื่นและไม่มั่นคง"ดาอิ ระวังให้ดี" ไดชิเตือนขณะที่ใช้มือจับดาบอาคม "พลังงานมืดที่นี่จางหายไปแล้ว แต่พลังอาคมของธาตุหิน
หลังจากผ่านบททดสอบที่โหดร้ายทั้งสองครั้ง ไดชิและดาอิก็เข้าใจแล้วว่าการค้นหาผู้พิทักษ์ที่แท้จริงไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่เป็นการ ทดสอบปัญญาและจิตวิญญาณ ของผู้ถูกเลือก ไดชิและดาอิใช้เวลาในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนที่สามในการฝึกฝนร่างกายและจิตใจอย่างหนักหน่วง พวกเขาตระหนักว่าอาคมของพวกเขาจำเป็นต้องผสานเข้ากับธรรมชาติอย่างแท้จริงตามคำแนะนำของปู่เฒ่าดาฟและรูฟ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลของเกาะ พวกเขาจึงตัดสินใจพาเรือเล็กออกไปฝึกฝนกลางมหาสมุทร"ท่านปู่บอกว่าพลังที่แท้จริงของเกาะแสงอรุณไม่ได้อยู่บนพื้นดินเท่านั้น แต่อยู่ใน ท้องทะเลที่ลึกที่สุด ด้วย" ดาอิกล่าว ขณะที่เธอกำลังตรวจสอบผืนผ้าใบเรือที่ถูกเย็บอย่างแข็งแรง"ใช่" ไดชิกล่าวพร้อมกับดึงเชือกใบเรือให้ตึง ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยเหงื่อ "ที่นี่คือสถานที่ที่ไม่มีกำแพงและไม่มีภาพลวงตา มีเพียงพลังงานบริสุทธิ์ของคลื่นและลมเท่านั้น"พวกเขาแล่นเรือออกไปไกลจากชายฝั่งหลายชั่วโมงจนมองไม่เห็นเกาะแล้ว มีเพียงผืนน้ำสีครามที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ไดชิปิดตาลง พยายามใช้จิตสัมผัสถึงพลังอาคมที่แผ่กระจายอยู่ใต้น้ำ ในขณะที่ดาอิฝึกร่ายคาถาควบคุมสายลม เพื่อให้เรือ