หลังจากที่สองฝาแฝดหนีเข้ามาหลบภัยในถ้ำปริศนาได้สำเร็จ ไดชิก็ทรุดตัวลงพิงผนังถ้ำอย่างอ่อนแรง ใบหน้าของเขาซีดเผือดจากการเสียเลือดเล็กน้อย และความเหนื่อยล้าที่สะสมมาจากการต่อสู้อันยาวนาน แผลที่แขนของเขาถูกฉีกขาดจากการปัดป้องเงาปีศาจ ซึ่งตอนนี้เริ่มมีเลือดซึมออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน
"เป็นยังไงบ้างไดชิ...เจ็บมากไหม?" ดาอิเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง เธอรีบเข้าไปนั่งข้างๆ พี่ชาย พยายามใช้ผ้าพันแผลอีกผืนพันทับแผลที่แขนของเขาให้แน่นขึ้น
"ไม่เป็นไร...แค่แผลถลอกนิดหน่อย" ไดชิกล่าวพร้อมกับยิ้มแห้งๆ พยายามปลอบใจน้องสาว แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงซีดเผือดและมีอาการสั่นเล็กน้อยจากความเจ็บปวด
ดาอิรู้ดีว่าพี่ชายกำลังโกหก เธอหันไปมองคัมภีร์เล่มเล็กที่หลุดออกมาจากกระเป๋าเป้ของเขาในระหว่างการวิ่งหนี บนหน้าปกมีสัญลักษณ์ที่คล้ายกับสัญลักษณ์บนหีบปริศนาที่พวกเขาค้นพบ เธอจึงตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาเปิดดูอย่างระมัดระวัง
คัมภีร์เล่มนั้นถูกทำขึ้นจากกระดาษสาโบราณที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนกลิ่นสมุนไพร บนหน้ากระดาษเต็มไปด้วยรูปวาดและอักขระโบราณที่ดาอิไม่คุ้นเคย แต่เมื่อเธอค่อยๆ ไล่สายตาอ่านไปเรื่อยๆ เธอก็พบว่ามันเป็นตำราที่รวบรวมอาคมและการรักษาต่างๆ
"เจอแล้ว!" ดาอิอุทานเบาๆ เธอเลื่อนสายตาไปหยุดที่รูปวาดของสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ดูคุ้นตา พร้อมกับคาถาที่ใช้ในการรักษา "ดูนี่สิไดชิ! ในคัมภีร์บอกว่ามีคาถารักษาแผลด้วย แต่ต้องใช้สมุนไพรชนิดนี้" เธอยกคัมภีร์ขึ้นให้พี่ชายดู
ไดชิเหลือบตามองรูปวาดบนคัมภีร์ เขาก็จำได้ว่าสมุนไพรชนิดนี้เป็นดอกไม้สีขาวที่มีเกสรสีทองอร่าม ซึ่งเป็นดอกไม้ชนิดเดียวกันกับที่เขาเห็นอยู่ในป่ามะพร้าวที่พวกเขาผ่านมา
"แต่ว่า...มันอันตรายนะดาอิ" ไดชิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง เขากำมือของดาอิไว้แน่น "ข้างนอกนั่นเต็มไปด้วยเงาปีศาจ ถ้าเธอออกไป..."
"ฉันรู้..." ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว เธอยกมือขึ้นแตะที่ใบหน้าของพี่ชายอย่างแผ่วเบา "แต่นายเจ็บอยู่นะ เราต้องรักษาแผลของนายให้ได้ก่อน ไม่อย่างนั้นนายจะไม่สามารถต่อสู้ได้"
"แต่ว่า..."
"ไม่ต้องห่วงน่า" ดาอิกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน "ฉันจะไปคนเดียว"
"ไม่! ฉันไม่ยอมให้เธอไปคนเดียวเด็ดขาด!" ไดชิโต้แย้งทันที เขารู้สึกผิดที่ทำให้ดาอิต้องเป็นห่วง และเป็นห่วงความปลอดภัยของน้องสาวมากยิ่งขึ้น "ถ้าจะไป ฉันก็จะไปด้วย!"
"ไม่ไดชิ" ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "นายเจ็บอยู่นะ เราไม่รู้ว่าเงาปีศาจตัวไหนจะโผล่มาอีกเมื่อไหร่ ถ้าเราออกไปพร้อมกันแล้วเจอปีศาจ เราจะกลายเป็นเป้าหมายได้ง่ายๆ นายรออยู่ที่นี่แหละ"
"แต่..."
"เชื่อใจฉันเถอะ" ดาอิกล่าวพร้อมกับลุกขึ้นยืน เธอยกนาฬิกาอาคมที่ข้อมือขึ้นมาดู "นาฬิกายังไม่เตือนแสดงว่าแถวนี้ยังปลอดภัย ฉันจะไปแค่แป๊บเดียวเท่านั้น"
ไดชิพยายามจะโต้แย้งอีกครั้ง แต่ก็ต้องเงียบไปเมื่อเห็นแววตาที่มุ่งมั่นของดาอิ เขารู้ดีว่าไม่ว่าจะพูดอะไรไป เธอก็ไม่ฟังอยู่ดี เขาจึงทำได้แค่เพียงพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก
"งั้น...ระวังตัวด้วยนะดาอิ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้รีบกลับมาทันที" ไดชิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "แล้วก็...เอาไฟฉายไป" เขาหยิบไฟฉายในกระเป๋าเป้ส่งให้ดาอิ
"อืม" ดาอิรับไฟฉายมาไว้ในมือ เธอหยิบขวดกักเก็บวิญญาณปีศาจที่บรรจุดวงวิญญาณเจ็ดดวงไว้เหน็บข้างเอวอย่างมั่นใจ ก่อนจะเดินออกไปจากถ้ำแห่งนั้นอย่างช้าๆ
ทันทีที่ดาอิเดินออกไปจากถ้ำ เธอก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในป่ามะพร้าวที่เต็มไปด้วยความมืดมิดอีกครั้ง แสงสว่างจากไฟฉายส่องนำทางเธอไปข้างหน้า เธอพยายามเดินให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ระมัดระวังไม่ให้เสียงฝีเท้าของเธอไปปลุกเงาปีศาจที่อาจจะซ่อนตัวอยู่
"ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดนี่นา..." ดาอิพึมพำกับตัวเอง เธอเงยหน้าขึ้นมองแสงจันทร์ที่ส่องผ่านร่มไม้ลงมาเป็นบางจุด "แค่เดินไปอีกนิดเดียวเอง"
เธอเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงบริเวณที่เธอเห็นดอกไม้ชนิดนั้น ดาอิรีบก้มลงไปสำรวจทันที แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าดอกไม้ที่เคยอยู่ตรงนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงร่องรอยของการถูกฉีกขาดและรอยเท้าของสิ่งมีชีวิตบางอย่าง
"ไม่จริงน่า..." ดาอิพึมพำด้วยความตกใจ เธอส่องไฟฉายไปรอบๆ พยายามหาดอกไม้ชนิดอื่น แต่ก็ไม่พบเลย
ทันใดนั้นเอง...นาฬิกาอาคมบนข้อมือของเธอก็เริ่มสั่นเบาๆ พร้อมกับตัวเลขที่กระพริบ "20 เมตร" และทิศทางที่ชี้ไปทางป่าที่อยู่ลึกลงไปกว่าเดิม
"ให้ตายสิ..." ดาอิสบถออกมาอย่างหงุดหงิด เธอรู้ดีว่าถ้าเดินเข้าไปในป่าที่ลึกกว่านี้ก็ยิ่งอันตราย แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เธอจึงตัดสินใจที่จะเดินตามสัญญาณของนาฬิกาอาคมเข้าไปในป่าที่มืดมิดกว่าเดิม
เมื่อเดินลึกเข้าไปในป่า ดาอิก็พบว่าบรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไป จากป่ามะพร้าวที่เงียบสงบกลายเป็นป่าทึบที่เต็มไปด้วยเถาวัลย์และต้นไม้สูงใหญ่จนแสงจันทร์แทบส่องมาไม่ถึง อากาศเริ่มเย็นยะเยือกขึ้น และมีกลิ่นเหม็นเน่าจางๆ โชยมาเป็นระยะๆ
"นี่มันทางไหนกันเนี่ย..." ดาอิพึมพำกับตัวเอง เธอส่องไฟฉายไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากต้นไม้และเถาวัลย์ที่พันกันยุ่งเหยิง
แคร้ง!
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากทางด้านหลังของเธอ ดาอิสะดุ้งสุดตัวและหันไปมองอย่างรวดเร็ว เธอส่องไฟฉายไปที่ต้นเสียง และพบว่ามีเงาปีศาจตัวหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาสีแดงก่ำของมันจ้องมองมาที่เธออย่างไม่วางตา
"เจอแล้ว..." ดาอิพึมพำด้วยความตกใจ เธอพยายามถอยหลัง แต่ก็ถูกเถาวัลย์ที่อยู่ด้านหลังพันขาจนล้มลงไปกองกับพื้น
เงาปีศาจตัวนั้นไม่รอช้า มันพุ่งเข้าใส่เธออย่างรวดเร็ว กรงเล็บที่แหลมคมของมันพร้อมที่จะฉีกกระชากเธอเป็นชิ้นๆ
ดาอิไม่ทันได้ตั้งตัว เธอหลับตาลงแน่น เตรียมพร้อมที่จะรับการโจมตี แต่แล้ว...
แคร้ง!
เสียงเหมือนแก้วแตกดังสนั่น ร่างของเงาปีศาจตัวนั้นสลายเป็นควันสีดำจางๆ เหลือเพียงดวงวิญญาณสีม่วงเข้มที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ดาอิรีบลืมตาขึ้นมอง และพบว่ามี เงาปีศาจอีกตัวหนึ่ง ที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของพวกมันยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาสีแดงก่ำของมันจ้องมองมาที่เธออย่างไม่วางตา
"นี่มัน...อะไรกัน?" ดาอิพึมพำด้วยความประหลาดใจ เงาปีศาจตัวนั้นไม่ได้โจมตีเธอ แต่กลับโจมตีปีศาจพวกเดียวกันเอง
เงาปีศาจระดับหัวหน้าตัวนั้นมีขนาดใหญ่กว่าตัวอื่นๆ ถึงสองเท่า มีเขาแหลมบนศีรษะ และมีดวงตาถึงสามดวงที่เปล่งแสงสีแดงก่ำ มันเดินเข้ามาหาดาอิอย่างช้าๆ ราวกับกำลังสำรวจสิ่งมีชีวิตที่แปลกหน้าอย่างเธอ
"อย่านะ..." ดาอิกล่าวเสียงสั่น เธอพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่ขาของเธอก็ยังพันติดอยู่กับเถาวัลย์
เงาปีศาจตัวนั้นหยุดอยู่ห่างจากเธอเพียงไม่กี่ก้าว ก่อนจะก้มตัวลงมามองเธออย่างใกล้ชิด ดวงตาของมันจ้องมองมาที่เธออย่างไม่วางตา ราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง
"แกเป็นใคร? เข้ามาในดินแดนของข้าทำไม?" เสียงแหบพร่าที่ดังขึ้นในหัวของดาอิ ทำให้เธอต้องตกใจ เงาปีศาจตัวนั้นไม่ได้พูดออกมา แต่กลับสื่อสารผ่านโทรจิต
"ฉัน...ฉันแค่มาหา...สมุนไพร" ดาอิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอพยายามที่จะควบคุมความกลัว
"โกหก! มนุษย์อย่างแกไม่มีทางเข้ามาถึงที่นี่ได้หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะพลังของหีบนั่น" เสียงแหบพร่าดังขึ้นในหัวของดาอิอีกครั้ง คราวนี้เสียงมันเต็มไปด้วยความโกรธ
ทันใดนั้นเอง...นาฬิกาอาคมของดาอิก็สั่นรัวขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ได้เตือนภัย แต่กลับเปล่งแสงสีขาวนวลออกมา พร้อมกับมีอักขระโบราณปรากฏขึ้นบนหน้าปัด
เงาปีศาจระดับหัวหน้าตัวนั้นมองไปที่นาฬิกาอาคมของดาอิด้วยความประหลาดใจ ดวงตาของมันเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
"นั่นมัน...อาคมของ...บรรพบุรุษ!" เสียงแหบพร่าดังขึ้นในหัวของดาอิอีกครั้ง คราวนี้เสียงมันเต็มไปด้วยความสงสัย
"บรรพบุรุษ?" ดาอิถามอย่างไม่เข้าใจ
"มนุษย์อย่างแก...ทำไมถึงมีอาคมของบรรพบุรุษอยู่ในตัว?" เงาปีศาจระดับหัวหน้าตัวนั้นถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย มันค่อยๆ ถอยห่างออกไปจากเธอเล็กน้อย "อาคมนั้น...ข้าเคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว...ตอนที่บรรพบุรุษของเจ้าผนึกหีบนั่นไว้ในดินแดนนี้"
"ผนึกหีบ?" ดาอิถามอย่างไม่เข้าใจ เธอเริ่มรู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดมันซับซ้อนกว่าที่คิด
"ใช่...หีบนั่น...มันไม่ใช่แค่หีบธรรมดา แต่เป็นเครื่องมือที่จะเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์กับโลกของพวกข้า" เงาปีศาจระดับหัวหน้าตัวนั้นกล่าว "บรรพบุรุษของเจ้า...ได้นำหีบนั่นมาผนึกไว้ในดินแดนนี้เพื่อไม่ให้พวกข้าสามารถออกมาจากมิติได้"
"แล้ว...ทำไมหีบถึงเปิดได้ล่ะ?" ดาอิถาม
"เพราะมนุษย์อย่างพวกเจ้า...มันเป็นพลังงานที่ไม่บริสุทธิ์ของมนุษย์ที่ทำลายผนึกนั้นจนหมดสิ้น" เงาปีศาจระดับหัวหน้าตัวนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น "พวกข้าถูกกักขังอยู่ในมิติแห่งความมืดมิดมานานนับร้อยปี และตอนนี้...ข้าจะทำลายโลกของพวกเจ้าให้หมดสิ้น!"
ทันใดนั้นเอง...ก็มีเงาปีศาจอีกหลายตัวปรากฏตัวขึ้นจากเงามืด พวกมันพุ่งเข้ามาที่ดาอิอย่างรวดเร็ว กรงเล็บที่แหลมคมของมันพร้อมที่จะฉีกกระชากเธอเป็นชิ้นๆ
"ไม่นะ!" ดาอิร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอพยายามที่จะลุกขึ้นยืนแต่ก็ไม่ทันแล้ว
แต่แล้ว...ทันใดนั้นก็มี เสียงคำรามที่คุ้นเคย ดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอ
แกร๊ง!
เสียงเหมือนเหล็กกระทบกันดังสนั่น ร่างของเงาปีศาจที่พุ่งเข้าใส่ดาอิก็กระเด็นไปคนละทิศคนละทาง ดาอิหันกลับไปมอง และพบว่าไดชิกำลังยืนอยู่ตรงนั้น ในมือของเขาไม่ได้มีมีดอาคม แต่เป็น ดาบสีเงินอร่าม ที่เปล่งแสงเรืองรอง
"ไดชิ! นายมาได้ยังไง?" ดาอิถามด้วยความประหลาดใจ
"ก็มาช่วยน้องสาวไงล่ะ!" ไดชิกล่าวพร้อมกับยิ้มแห้งๆ "ฉันจะปล่อยให้เธอมาคนเดียวได้ยังไง" เขากำดาบในมือแน่น "ฉันรู้ว่าเธอต้องเจออะไรแบบนี้แน่ๆ"
"แต่ว่า...นายบาดเจ็บอยู่นะ" ดาอิกล่าวด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรแล้ว!" ไดชิกล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นชูดาบในมือ "ฉันเจอมีดอาคมของฉันแล้ว!" เขาอธิบายให้ดาอิฟังว่าในระหว่างที่เขากำลังรออยู่ที่ถ้ำ เขาได้ค้นพบว่ามีดอาคมของเขาไม่ได้หายไปไหน แต่กลับกลายสภาพเป็นดาบอาคมที่ทรงพลังกว่าเดิม
"ดาบอาคม!" ดาอิพึมพำด้วยความประหลาดใจ
"ใช่! ดูเหมือนว่าพลังของหีบจะปลุกพลังของอาคมในตัวเราให้ตื่นขึ้นมาด้วย" ไดชิกล่าว "และตอนนี้...ฉันพร้อมที่จะสู้กับพวกมันแล้ว!"
"กร๊าซซซซซ!" เงาปีศาจระดับหัวหน้าตัวนั้นคำรามอย่างเกรี้ยวกราด มันเห็นว่าไดชิกำลังใช้ดาบอาคม และรู้ดีว่าอาคมนี้มีพลังทำลายล้างที่รุนแรงแค่ไหน
"อย่าเข้ามานะ!" ดาอิร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอลุกขึ้นยืนและพยายามที่จะร่ายคาถา แต่ก็ถูกเงาปีศาจหลายตัวที่เข้ามาโจมตีจากทุกทิศทาง
"อยู่ข้างหลังฉัน!" ไดชิกล่าว เขาชูดาบอาคมในมือขึ้นเหนือหัว แสงสีเงินอร่ามจากดาบเปล่งประกายออกมาอย่างรุนแรงจนเงาปีศาจที่อยู่ใกล้ๆ ต้องถอยห่าง
"พวกแก...อยากตายใช่ไหม!" ไดชิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ เขาฟันดาบลงไปที่พื้นดินอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดรอยแยกขนาดใหญ่บนพื้นดิน และเงาปีศาจที่อยู่ใกล้ๆ ก็ถูกรอยแยกนั้นกลืนหายเข้าไปในความมืดมิด
"สุดยอดไปเลย!" ดาอิร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
"ยังไม่หมดแค่นี้!" ไดชิกล่าวพร้อมกับชูดาบในมือขึ้นอีกครั้ง "ฉันจะใช้พลังทั้งหมดที่มีในการจัดการพวกแก!"
เงาปีศาจระดับหัวหน้าตัวนั้นไม่รอช้า มันพุ่งเข้าใส่ไดชิอย่างรวดเร็ว แต่คราวนี้ไดชิไม่ได้หลบ แต่กลับใช้ดาบอาคมในมือฟันเข้าที่มันอย่างเต็มกำลัง
แกร๊ง!
เสียงเหมือนเหล็กกระทบกันดังสนั่น ร่างของเงาปีศาจระดับหัวหน้าตัวนั้นสลายเป็นควันสีดำจางๆ เหลือเพียงดวงวิญญาณขนาดใหญ่ที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ
"จัดการมันดาอิ!" ไดชิกล่าวเสียงดัง
ดาอิไม่รอช้า เธอชูขวดกักเก็บวิญญาณปีศาจขึ้นเหนือหัว พึมพำคาถาโบราณที่ท่องจำมาตั้งแต่แรกเริ่ม และแล้ว...ดวงวิญญาณขนาดใหญ่ของเงาปีศาจระดับหัวหน้าตัวนั้นก็ถูกดูดเข้าไปในขวดอย่างรวดเร็ว
"เราทำได้แล้ว!" ดาอิร้องออกมาด้วยความดีใจ
แต่แล้ว...ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามที่รุนแรงกว่าปกติ ดังขึ้นมาจากเบื้องหลังของพวกเขา เสียงนั้นดังมาจากรอยแยกมิติที่พวกเขาเพิ่งหนีมา
"นี่มัน...เสียงอะไรน่ะ?" ไดชิถามอย่างไม่แน่ใจ
"ดูนั่นสิ!" ดาอิชี้ไปที่รอยแยกมิติ และพบว่ามันกำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และมีเงาขนาดใหญ่กว่าเงาปีศาจระดับหัวหน้าตัวนั้นถึงสิบเท่ากำลังจะโผล่ออกมา
"ไม่นะ...นี่มันตัวอะไรกันเนี่ย!" ไดชิร้องออกมาด้วยความตกใจ
เงาขนาดใหญ่ตัวนั้นมีดวงตาสีแดงก่ำถึงหกดวง และมีเขาแหลมบนศีรษะถึงสามอัน มันมีขนาดใหญ่จนแทบจะเต็มรอยแยกมิติ และมีพลังงานมืดมิดที่รุนแรงเกินกว่าที่พวกเขาจะรับมือได้
"นี่แหละ...ปีศาจที่แท้จริง!" ดาอิพึมพำด้วยความตกใจ "เราต้องหนี!"
"ไปทางไหนดี?!" ไดชิถามอย่างตื่นตระหนก
ทั้งสองมองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ก็มีความมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ พวกเขากำมือกันแน่น และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูที่ไม่คาดฝันอีกครั้ง
หลังจากที่สองฝาแฝดหนีเข้ามาหลบภัยในถ้ำปริศนาได้สำเร็จ ไดชิก็ทรุดตัวลงพิงผนังถ้ำอย่างอ่อนแรง ใบหน้าของเขาซีดเผือดจากการเสียเลือดเล็กน้อย และความเหนื่อยล้าที่สะสมมาจากการต่อสู้อันยาวนาน แผลที่แขนของเขาถูกฉีกขาดจากการปัดป้องเงาปีศาจ ซึ่งตอนนี้เริ่มมีเลือดซึมออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน"เป็นยังไงบ้างไดชิ...เจ็บมากไหม?" ดาอิเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง เธอรีบเข้าไปนั่งข้างๆ พี่ชาย พยายามใช้ผ้าพันแผลอีกผืนพันทับแผลที่แขนของเขาให้แน่นขึ้น"ไม่เป็นไร...แค่แผลถลอกนิดหน่อย" ไดชิกล่าวพร้อมกับยิ้มแห้งๆ พยายามปลอบใจน้องสาว แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงซีดเผือดและมีอาการสั่นเล็กน้อยจากความเจ็บปวดดาอิรู้ดีว่าพี่ชายกำลังโกหก เธอหันไปมองคัมภีร์เล่มเล็กที่หลุดออกมาจากกระเป๋าเป้ของเขาในระหว่างการวิ่งหนี บนหน้าปกมีสัญลักษณ์ที่คล้ายกับสัญลักษณ์บนหีบปริศนาที่พวกเขาค้นพบ เธอจึงตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาเปิดดูอย่างระมัดระวังคัมภีร์เล่มนั้นถูกทำขึ้นจากกระดาษสาโบราณที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนกลิ่นสมุนไพร บนหน้ากระดาษเต็มไปด้วยรูปวาดและอักขระโบราณที่ดาอิไม่คุ้นเคย แต่เมื่อเธอค่อยๆ ไล่สายตาอ่านไปเรื่อยๆ เธอก็พบว่ามันเป็นตำราที
หลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจที่จะตามเงาปีศาจเข้าไปในรอยแยกเล็กๆ นั้น พวกเขาก็พบว่าทางเดินที่ทอดยาวไปเบื้องหน้ามันซับซ้อนและวกวนกว่าที่คิด รากไม้ขนาดมหึมาพันเกี่ยวกันเป็นอุโมงค์มืดมิด ไอเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาในอากาศเริ่มกัดกินจนรู้สึกถึงความเจ็บปวด กระดูกของพวกเขาเริ่มสั่นสะท้านจากความหนาวเหน็บทันทีที่ก้าวพ้นปากทางออก พวกเขาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ใต้ดินอีกแห่งหนึ่ง ที่นี่เต็มไปด้วยแสงสีม่วงดำจากรอยแยกมิติขนาดใหญ่ที่กำลังสั่นสะเทือนอยู่กลางอากาศ และที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่านั้นคือมี เงาปีศาจจำนวนมหาศาลยืนอยู่รายล้อม แท่นบูชาที่พวกเขาเคยเจอในถ้ำก่อนหน้านี้กลายเป็นจุดศูนย์กลางของพิธีกรรมที่เต็มไปด้วยพลังงานอันมืดมิด"โอ้...ไม่นะ" ดาอิพึมพำเสียงสั่น เธอเหลือบมองนาฬิกาอาคมบนข้อมือ ซึ่งตอนนี้หน้าปัดขึ้นเป็นสัญลักษณ์เตือนภัยสีแดงอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมกับตัวเลขที่ระบุจำนวนปีศาจที่ไม่อาจจะนับได้"ให้ตายสิ...มันเยอะกว่าตอนแรกเสียอีก!" ไดชิกล่าวเสียงเครียด เขากระชับมีดอาคมในมือแน่น ท่ามกลางเสียงคำรามต่ำๆ ที่ประสานกันของเหล่าเงาปีศาจที่เริ่มหันมามองพวกเขาด้วยดวงตาสีแดงก่ำ"กร๊าซซซซซ!"เสี
ทันทีที่สองฝาแฝดพุ่งทะยานเข้าสู่ถ้ำมรณะ แสงจากไฟฉายของไดชิสาดส่องกระทบกับดวงตาสีแดงก่ำของเหล่า ร่างเงาที่สมบูรณ์แบบ ที่ยืนรายล้อมแท่นบูชา พวกมันไม่ใช่เงาเลือนรางที่เคยเจอ แต่เป็นรูปเป็นร่างชัดเจน ราวกับหล่อหลอมขึ้นจากความมืดมิด มีกล้ามเนื้อที่บิดเบี้ยว และเล็บมือที่แหลมคมราวใบมีด พร้อมที่จะฉีกกระชากทุกสิ่งที่ขวางหน้า"กร๊าซซซซซ!" เสียงคำรามต่ำๆ ดังขึ้นพร้อมกันจากเงาปีศาจราวสิบกว่าตัว ร่างกายของพวกมันพุ่งเข้าใส่สองพี่น้องอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ ราวกับคมมีดที่พร้อมจะบั่นคอให้ขาดสะบั้น"ระวัง!" ไดชิตะโกนลั่น เขากระชับมีดอาคมในมือแน่น พุ่งทะยานเข้าใส่เงาปีศาจที่อยู่ใกล้ที่สุด ฟันมีดออกไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ปลายมีดเงินอมฟ้าเสียบเข้าที่ศีรษะของเงาปีศาจตัวหนึ่งอย่างจังแคร้ง!เสียงเหมือนแก้วแตกดังสนั่น ร่างของเงาปีศาจตัวนั้นสลายเป็นควันสีดำจางๆ เหลือเพียง ดวงวิญญาณสีม่วงเข้ม ที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ไดชิรีบถอยฉากออกมาเพื่อเปิดทางให้ดาอิ"ดาอิ! เร็วเข้า!" เขาสั่งเสียงเครียด ขณะที่อีกสองสามตัวพุ่งเข้ามารุมล้อมดาอิไม่รอช้า เธอชู ขวดกักเก็บดวงวิญญาณ สีแก้วใสขึ้นเหนือหัว ปากของเธอพึมพำร่ายคาถ
ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!ทันใดนั้นเอง นาฬิกาอาคมบนข้อมือของดาอิก็ส่งเสียงเตือนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหน้าปัดที่แสดงผลเป็นตัวเลข "3 เมตร" และทิศทางที่ชี้ลงไปด้านล่าง"มันอยู่ใต้ดินเหรอ?" ดาอิพึมพำด้วยความประหลาดใจ"เป็นไปได้! สัญญาณมันชี้ลงไปข้างล่าง!" ไดชิหันไฟฉายส่องไปที่พื้นดินบริเวณนั้น และพบว่ามีรอยร้าวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนพื้นดินที่เต็มไปด้วยรากไม้ รอยร้าวเหล่านั้นดูเหมือนจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และมีช่องว่างเล็กๆ พอให้คนลงไปได้ ช่องว่างนั้นมืดมิดจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง แต่จากช่องว่างนั้น กลับมีไอเย็นยะเยือกและกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงกว่าเดิมโชยขึ้นมา"เราต้องลงไปข้างล่างเหรอ?" ดาอิถามอย่างไม่แน่ใจ แสงจากไฟฉายส่องไม่ถึงก้นเหว ราวกับว่าเบื้องล่างคือความมืดมิดที่ไร้ที่สิ้นสุด"ดูเหมือนจะเป็นทางเดียว...ถึงตอนนี้ เราคงไม่มีทางเลือกแล้ว" ไดชิถอนหายใจเฮือก เขามองลงไปในช่องว่างนั้นด้วยแววตาที่มุ่งมั่น "ระวังตัวไว้ให้ดีนะดาอิ...มันอาจจะไม่ใช่แค่เงาปีศาจธรรมดา" เขากล่าวพลางค่อยๆ หย่อนตัวลงไปในช่องว่างนั้นอย่างระมัดระวัง ดาอิรีบตามลงไปติดๆ แสงไฟฉายส่องนำทางพวกเขาลงสู่ความมืดมิดที่รออยู่เบื้องล่างพื้นด
ท่ามกลางสายลมยามค่ำคืนที่พัดหวีดหวิว ราวกับเสียงกระซิบจากความว่างเปล่า ดาอิ และ ไดชิ สองฝาแฝดผู้แบกรับชะตากรรมยืนอยู่เบื้องหน้าประตูมิติที่เรืองแสงเรื่อๆ สีคราม ครอบครัวของพวกเขายืนอยู่ด้านหลัง ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวลและความรักที่ไม่อาจเอ่ย ไดชิหันไปมองดาอิ ดวงตาของเขามีประกายแห่งความแน่วแน่และมุ่งมั่น ต่างจากดาอิที่แววตาเปี่ยมด้วยความลังเลเล็กน้อย แต่เพียงเสี้ยววินาที ความลังเลนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่นไม่แพ้กัน เมื่อทั้งคู่สบตากัน พยักหน้าให้กันเบาๆ เป็นสัญญาณ ก่อนจะจับมือกันแน่น และก้าวเท้าเข้าไปในมิติที่บิดเบี้ยวตรงหน้าทันทีที่ก้าวผ่านพ้นธรณีประตูมิติ ร่างของพวกเขาก็ถูกเหวี่ยงเข้ามายังสถานที่แห่งหนึ่งที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง ลมพัดหวีดหวิวเมื่อครู่พลันเงียบสงัดราวกับถูกดูดกลืน ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของครอบครัวเมื่อครู่พลันหายไป เหลือเพียงความมืดมิดและไอเย็นยะเยือกที่กัดกินเข้าถึงกระดูก สัมผัสแรกที่เท้าของพวกเขาเหยียบลงไปคือผืนทรายเย็นเฉียบ เม็ดทรายละเอียดแทรกซึมผ่านรองเท้าผ้าใบจนรู้สึกได้ แสงสว่างเดียวที่มีคือแสงสีเงินยวงของพระจันทร์เต็มดวงที่ลอยเด่นอยู่เหนือหัว ส่องกระทบผิวน้ำทะ